ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รัก- ลืม -ร้าย หัวใจพ่ายเธอ

    ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 16: ราตรีสวัสดิ์

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ค. 55


     

                   

    SMILE talk

    ความรู้สึกทำให้ชั้นมองหน้าพี่เฟรมได้ไม่เต็มสายตานัก ถึงแม้พี่เฟรมจะถูกทำร้ายจิตใจอย่างหนักแต่พี่เค้าก็ยังคงดูแลชั้นเป็นอย่างดี ตั้งแต่เกิดเรื่องพี่เฟรมไม่ได้แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น พี่เฟรมยังคงทำงานหนักพร้อมๆกับการดูแลชั้นอย่างสมบูรณ์แบบ แต่สิ่งที่หายไปคงเป็นความสุขในรอยยิ้มบนใบหน้าขาวใสนั้น ทุกครั้งที่พี่เฟรมยิ้มมันมีเพียงรอยยิ้มที่ว่างเปล่า.... ชั้นเสียใจที่เป็นหนึ่งในการสร้างรอยแผลในใจของคนที่น่ารักแสนดีคนนี้ เสียงเพลงโปรดของชั้นดังมาจากหัวเตียง ชั้นเดินไปหหยิบมือถือเพียงรับสายที่เข้ามา

    “สวัสดีค่ะ พี่ฮัท”ชั้นกรอกคำทักทายผ่านไปตามสายโทรศัพท์

    “เป็นไงบ้าง อยู่ที่นั่นสบายดีมั้ย???” น้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงนั้นมีร่องรอยความเศร้าอย่างชัดเจน

    “ดีมากเลยค่ะ พี่ฮัทไม่ต้องห่วงสมายล์นะ” ชั้นทำเสียงสดใสเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง

    “ดีแล้ว....คือ..”  ไม่ต้องอาศัยไหวพริบมากนักก็พอจะเดาออกว่าพี่ฮัทต้องการจะพูดอะไร

    “พี่เฟรมสบายดีค่ะ” ชั้นตอบออกไป พี่ฮัทนิ่งเงียบไปสักครู่

    “พี่ฝากสมายล์ดูแลพี่เฟรมแทนพี่นะ ชาตินี้พี่คงไม่มีหน้าไปเจอเค้าอีกแล้ว” พี่ฮัทฝากฝังชั้นไว้ ทำไมโลกนี้มันช่างโหดร้ายเสียจริง สมายล์นี่คือบทเรียนที่เธอจะต้องจำไว้ อย่าทำอะไรที่มันเลวร้ายอีก...สิ่งที่ชั้นทำมันทำให้คนรักกันต้องพรากจากกัน ทำให้พี่ชายของชั้นเองต้องทุกข์ใจแบบนี้

    “พี่ฮัทสมายล์ขอโทษจริงๆนะ สมายล์เสียใจ” ชั้นเอ่ยคำขอโทษทั้งที่มันไม่อาจแก้ไขอะไรได้

    “ไม่เป็นไร พี่ไม่โกรธ ขอแค่สมายล์ดูแลเฟรมดีๆ เฟรมเป็นหวัดง่ายแต่ตอนกลางคืนชอบออกไปนั่งตากน้ำค้างในสวน หยิบผ้าพันคอไปให้พี่เค้าด้วย ถ้าได้นมอุ่นๆก่อนนอนก็จะดีมากๆแถมยังไม่ชอบสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิด เฟรมไม่ชอบดูหนังผี กลัวความมืดถ้าสมายล์จะกลับค่ำก็ต้องเปิดไฟไว้ให้พี่เค้านะ” น้ำเสียงที่ฮัทดูมีความสุขขึ้นเมื่อได้พูดถึงพี่เฟรม ความรักใครอย่างสุดใจแทรกซึมมากับน้ำเสียงนั้นจนชั้นสัมผัสได้  โลกใบนี้คงไม่มีใครจะดูแลพี่เฟรมได้ดีเท่ากับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว มันน่าเศร้านักที่ความรักในครั้งนี้สวรรค์ช่างไม่เป็นใจ...

     

    ถึงแม้จะบอกกับพี่ฮั่นไปว่าไม่อยากรับรู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายบุญหลง แต่ผมไม่สามารถพูดคุยกับผู้หญิงคนนั้นได้สนิทใจ บางครั้งผมก็อยากจะตะโกนถามว่าเพราะอะไรถึงต้องทำร้ายชีวิตเล็กๆ แบบนั้น จิตใจของผู้หญิงคนนี้ช่างน่ากลัวนัก แต่สิ่งที่ทำได้คือการเมินหน้าหนีจากใบหน้าสวยงามที่ซ่อนความทารุณไว้ภายใน

    “แกงส้ม” เสียงหวานนั้นเรียกผมที่กำลังจะคว้าจักรยานปั่นไปบนเนินที่ฝังเจ้าบุญหลงไว้ อลิซเดินเข้ามาหาผมอย่างร้อนใจ

    “มีอะไรรึเปล่า” ผมได้ยินความเย็นชาในน้ำเสียงตัวเองชัดเจน

    “ชั้นฝากดอกไม้ไปให้บุญหลงด้วยนะ” อลิซยื่นดอกไม้กำใหญ่ให้ผม มองดอกไม่อย่างงุนงงก่อนเลยหน้ามามองแววตาของอลิซ ซึ่งผมเองก็เห็นอลิซทำตาแดงๆเหมือนกำลังจะร้องไห้

    “นายก็คงคิดว่าชั้นฆ่านกของนายสินะ” อลิซพูดอย่างน้อยใจ

    “เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราไม่คิดอะไรหรอก” ผมตอบกลางๆ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

    “ชั้นเข้าใจ ว่าคนอย่างชั้นมันไม่น่าคบหา แต่แกงส้ม...ชั้นท้องนะ นายคิดว่าชั้นกล้าทำร้ายนกตัวนั้นทั้งที่ในท้องชั้นมีลูกอยู่งั้นเหรอ ชั้นเองก็กลัวบาปกรรมมันจะตกมาที่ลูกของชั้นเหมือนกันนะ” อลิซร้องไห้น้ำตาไหลอาบหน้า ผมคิดตามคำพูดของอลิซแล้วรู้สึกผิดขึ้นมา ความจริงผมเองก็ปักใจเชื่อทั้งที่ไม่มีอะไรจะโยงได้เลยว่าอลิซจะเป็นคนฆ่าเจ้าบุญหลง อาจจะเป็นลูกคนงานที่เล่นซนก็ได้ ผมแตะที่บ่าของอลิซที่กำลังเอามือปิดหน้าร้องไห้ด้วยความเสียใจ

    “เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราไม่ติดใจอะไรเธอทั้งนั้นอลิซ อย่าร้องไห้เลยนะ เดี๋ยวลูกเธอที่อยู่ในท้องจะขี้แยนะ” ผมปลอบใจอลิซที่กำลังเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม

    “ขอบคุณนะที่เข้าใจเรา แกงส้มดีกับเรามากจริงๆ” อลิซคว้ามือผมไปจับพร้อมคำขอบคุณ ผมได้แต่ส่งรอยยิ้มเพื่อให้อลิซสบายใจ....

    ผมปั่นจักรยานพร้อมด้วยดอกไม้และสมุดวาดเขียน วันนี้ผมตั้งใจว่าจะวาดรูปอยู่บนเนินนี้ทั้งวัน  ผมชอบที่นี่ที่สุดแล้ว ผมรู้สึกสงบอบอุ่นเมื่อได้อยู่ท่ามกลางภูเขาที่โอบล้อม ลมเย็นพัดกลิ่นดอกไม้ป่าหอมโชยทั้งวัน สักวันขอต้องขออนุญาตพี่ฮั่นเอาเต็นท์ขึ้นมานอนสักคืน หรือว่าจะแอบตัดไม้มาสร้างกระท่อมเองเลยดีมั้ยนะ...แต่ถ้าขืนทำจริงๆนะ มีหวังถูกพี่ฮั่นเอ็ดจนความจำเสื่อมอีกรอบแน่ๆ ผมนั่งเอาดอกไม้ของอลิซมาวางไว้ที่หลุมฝังเจ้าบุญหลง เสียงรถดังมาจากทางขึ้น....รถของพี่ฮั่นนั่นเอง ร่างสูงได้สัดส่วนจนน่าอิจฉาลงรถแล้วเดินก้าวเข้ามาหาผมทันที

    “หนีมาอยู่ที่นี่อีกแล้วนะ” พี่ฮั่นทักทายพร้อมรอยยิ้ม ผมปิดหนังสือวาดภาพแล้วส่งยิ้มกลับ

    “พี่ฮั่นก็หนีงานมาอีกแล้วเหมือนกันแหละ” ผมตอบกลับไปหน้าทะเล้น

    “คนเรามันก็มีเหนื่อยกันบ้าง...แกงส้มเอาดอกไม้มาให้บุญหลงเหรอ???” พี่ฮั่นหันไปเจอดอกไม้จึงชี้แล้วหันมาถามผม

    “เปล่าครับ ของอลิซเค้าหน่ะ” ผมตอบออกไปซึ่งคำตอบก็ทำให้พี่ฮั่นหรี่ตามองผม

    “ของอลิซงั้นเหรอ???” พี่ฮั่นถามผมเพื่อความแน่ใจ ผมพยักหน้ายืนยันคำตอบแรก

    “เค้าคิดอะไรของเค้าอีกนะผู้หญิงคนนี้” พี่ฮั่นพึมพำอย่างไม่ไว้ใจ

    “พี่ฮั่น...อย่ามองอลิซในแง่ร้ายเลยนะ เพื่อความสบายของเราเอง” ผมเอ่ยปากออกไปเมื่อนึกถึงสิ่งที่อลิซระบายกับผมก่อนหน้านี้ พี่ฮั่นหันมามองหน้าผมทำท่าตกใจ

    “แกงส้มอย่าได้ไว้ใจผู้หญิงคนนี้เป็นอันขาดนะ อลิซร้ายกว่าที่เราจะคิดฝันถึงเชียวหละ” พี่ฮั่นรีบเตือนผมทันทีอย่างร้อนใจ บางที...ครั้งนี้พี่ฮั่นอาจจะคิดผิดไป

    “บางทีความเป็นแม่คนอาจจะทำให้เค้าคิดอะไรได้” ผมแย้งอย่างอ่อนโยน

    “โธ่...แกงส้ม พี่ไม่รู้จะบอกเรายังไง เอาอย่างนี้ละกันนะเพื่อความสบายใจของพี่ อย่างน้อยก็ระวังตัวกับผู้หญิงคนนี้ไว้มากๆ โอเคมั้ย???” พี่ฮั่นถอนหายใจยาวก่อนพูดออกมา

    “ครับ ไม่ว่าจะอะไรยังไงผมก็จะดูแลตัวเองเป็นอย่างดีครับ” ผมรับปากคนรักอย่างหนักแน่น พี่ฮั่นคว้าตัวผมไปกอดอย่างรักใคร่ ผมเองก็ซุกใบหน้าไปที่อกกว้างนั้นอย่างอบอุ่นใจ

     

    FRAME talk

    ตอนนี้พี่เอกับพี่บีก็ย้ายมาจากไร่มาช่วยเรื่องงานที่ผับแล้ว ชั้นเองก็จะได้มีเวลาดูแลสมายล์ แม้ว่าพี่ฮัทจะทำร้ายชั้นอย่างเจ็บปวดแต่ชั้นก็ไม่เอาเรื่องนี้มาทำให้ชีวิตสมายล์ต้องลำบากมากกว่าที่เคยเจอ ชั้นสงสารสมายล์ที่ต้องทนเก็บกดกับการเลี้ยงดูของเสี่ยอิทธิพล ชั้นเองจะเป็นคนปลดล็อคความสดใสของเด็กสาวคนนี้อีกครั้ง บางทีการทำความดีในครั้งนี้จะทำให้ชีวิตชั้นหลุดพ้นจากเรื่องเลวร้ายบ้าๆ ซักที ชั้นทิ้งร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการปิดบัญชีประจำเดือนของผับพร้อมๆกับหัวใจที่ถูกเหยียบย่ำไม่มีชิ้นดีลงบนเตือนหนานุ่มสีขาวสะอาดตา ความหนาวในหัวใจทำให้ชั้นต้องยกมือมากอดตัวเอง น้ำตาก็ไหลออกมาโดยที่ชั้นเองไม่ได้สั่ง... ไม่อยากให้ใครต้องมาเห็นความอ่อนแอของเราอีกแล้ว ชั้นจะไม่เสียน้ำตาเพราะผู้ชายคนนั้นให้ใครได้เห็น แต่พอเข้ามาในห้องมาอยู่คนเดียว ปราศจากสิ่งแวดล้อมที่มีผู้คน ความคิดที่เพ้อเจ้อก็คอยแต่จะล่องลอยสู่วันคืนเก่าๆ คำสัญญาและคำบอกรักแสนหวานนั้นดังก้องอยู่ข้างหู ความรักทำไมช่างทารุณแบบนี้นะ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชั้นรีบลุกจากเตียงปาดน้ำตาอย่างรวดเร็ว ก่อนเดินไปเปิดประตู

    “สมายล์เอานมอุ่นๆมาให้คะ” เสียงสดใสดังขึ้นทันทีที่ชั้นเปิดหระตู ชั้นเบี่ยงตัวให้สมายล์เข้ามาในห้อง

    “ขอบคุณมากนะ แต่ความจริงไม่ต้องลำบากทำให้พี่ก็ได้” ชั้นรับนมจากมือสมายล์พร้อมรอยยิ้มแทนคำขอบคุณจากใจจริง

    “ไม่เป็นไรคะ นมอุ่นๆทำให้หลับสบายขึ้น แค่นี้มันไม่เท่าที่พี่เฟรมให้สมายล์เลยนะ” สมายล์ตอบ

    “เด็กดีต้องได้รับสิ่งดีๆ” ชั้นลูบหัวเด็กสาวหน้าตาน่ารักความเอ็นดู

    “คนดีๆอย่างพี่เฟรมก็ต้องได้รับสิ่งดีๆเหมือนกันคะ” คำพูดนั้นคือคำปลอบโยนใช่มั้ย??? สิ่งดีๆงั้นเหรอ ชั้นก็หวังว่าสักวันคงจะเกิดขึ้นมากับชั้นจริงๆ...คงมีสักวันที่หัวใจจะหายดี

    เช้านี้สมายล์ออกไปข้างนอกแต่เช้าเพราะนัดเจอกับเพื่อนๆ ชั้นเองก็อยากเห็นน้องออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ห้องที่สมายล์อยู่ตอนนี้เคยเป็นห้องนอนเก่าของชั้นสมัยเด็กๆ ชั้นกำลังหาอัลบั้มรูปเก่าที่ยังขนออกมาไม่หมด จึงได้ถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนของสมายล์เพื่อหาของ ความจริงก็ไม่ได้อยากจะเข้ามาเพราะเหมือนมันเป็นการก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของน้อง ชั้นเลือกตรงดิ่งไปที่ลิ้นชักที่เก็บพวกอัลบัมไว้ก่อนหน้าที่สมายล์จะย้ายเข้ามา ซึ่งอัลบั้มรวมภาพเล่มใหญ่ก็อยู่ในนี้ หากแต่มีกระปุกยาขวดเล็กอยู่ในที่นั่นเหมือนกัน จากลักษณะที่ดูใหม่เอี่ยมชั้นก็รู้ได้ว่าเป็นของผู้ย้ายเข้ามาใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย ชั้นอ่านฉลากพบว่าเป็นยาที่ต้องให้แพทย์สั่งจ่ายเท่านั้น นี่มันยาอะไรกัน... ชั้นจึงแอบเอาเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ดและใช้มือถือถ่ายรูปไว้ ก่อนวางทุกอย่างไว้ที่เดิม

    “นี่เฟรมเอายาพวกนี้มาจากไหน” พี่หมอซึ่งเป็นพี่ชายของเพื่อนเอ่ยถามเมื่อให้เอารูปกระปุกยาและเม็ดยามาให้ดู

    “ทำไมเหรอคะ...มันเป็นยาอะไร” ชั้นถามกลับด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของพี่หมอ

    “มันเป็นยาที่รักษาอาการทางจิตประสาท ประเภท Bipolar” ร่างกายชั้นชาไปทั่วร่างเมื่อได้ยินคำตอบ

    bipolar คืออะไรคะ???” ชั้นถามออกไปด้วยความร้อนใจ

    “มันเป็นอาการทางจิตที่ผู้ป่วยจะมีภาวการณ์ซึมเศร้าและก้าวร้าวอย่างรุนแรง ถ้าขาดยานี้ไปอาจจะมีอาการทั้งสองอย่างหรืออย่างใดอย่างหนึ่งชัดเจน” คำอธิบายของพี่หมอทำให้ชั้นแทบจะเป็นลม ยานี่เป็นของใครกันแน่??? ถ้าเป็นของสมายล์จริง...ชั้นควรจะทำยังไงดี เรื่องนี้ต้องพูดกับสมายล์ให้รู้เรื่อง!!!

    ชั้นยืนหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความกล้า สมาธิ และทุกๆอย่างที่จะทำให้การพูดคุยครั้งผ่านไปด้วยดี ก่อนจะเอื้อมมือไปเคาะประตูห้องนอนของสมายล์

    “ใครคะ???” เสียงใสส่งเสียงออกมาก่อนเปิด

    “พี่เฟรมเอง” ชั้นร้องตอบออกไป สมายล์เปิดประตูให้พร้อมรอยยิ้ม

    “สมายล์เรามีเรื่องต้องคุยกัน”  ทั้งที่อยากจะค่อยๆพูดแต่ชั้นเองก็รับความเครียดนี่ไม่ค่อยได้จริงๆ

    “เรื่องอะไรคะ???” สมายล์เอียงคอถามอย่างงุนงง ชี้นเดินตรงไปที่ลิ้นชักหยิบกระปุกยา

    “เรื่องยาพวกนี้” สีหน้าของสมายล์เต็มไปด้วยความตระหนกตกใจเมื่อเห็นกระปุกยานั้น ชั้นยืนจ้องเพื่อแสดงให้รู้ว่า วันนี้ชั้นต้องการเพียงความจริงเท่านั้น!!!

     

    บรรยากาศอาหารเย็นมันเป็นไปแบบเงียบเชียบ ผมเข้าใจทุกคนนะครับที่มันเป็นแบบนี้ ยิ่งพี่เอพี่บีไม่อยู่แล้วด้วย บนโต๊ะอาหารก็มีเพียงเสียงช้อนกระทบจานเพียงเท่านั้น

    “คืออลิซอยากไปซื้อของ... อลิซต้องทำยังไง” และแล้วก็มีเสียงทำลายความเงียบขึ้นมา

    “ถ้าจะไปก็เอารถที่ไร่ไปก็ได้นะ ขับรถเป็นใช่มั้ย???” พี่ฮั่นเงยหน้าจากอาหารมาตอบ พี่ฮัทหันไปมองอลิซ

    “ให้พี่ขับรถให้มั้ย???” พี่ฮัทก็เอ่ยออกมา อลิซส่ายหน้าทันที

    “พี่ฮัทอยู่ทำงานเถอะคะ อลิซไม่อยากฝืนใจใคร”อลิซประชดเพราะรู้ว่าพี่ฮัทหลบหน้าเธอมาตลอด

    “พี่ก็แค่เป็นห่วงคนกำลังท้องจะไปไหนมาไหนคนเดียว” พี่ฮัทแก้ตัวอย่างเบื่อหน่าย

    “ไม่ต้องหรอกคะ...” อลิซพูดสะบัดหางเสียง

    “แต่ถ้าแกงส้มอยากไปก็ได้นะ” อลิซหันมาพูดกับผม ผมหันไปมองหน้าที่พี่ฮั่นที่ตีหน้าเคร่งก็รู้เลยว่าคำตอบเป็นอย่างไร

    “ไม่หรอกของใช้เรายังไม่หมดเลย ก่อนอลิซมาพี่ฮั่นซื้อเข้า” ผมกลับไปตอบอย่างเกรงใจ

    “ไม่เป็นไรชั้นไปคนเดียวได้” อลิซตอบกลับมาไม่ได้ใส่นัก ก่อนทุกอย่างจะกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง หลังจากมื้ออาหารนั้น ผมก็เข้าไปอาบน้ำแล้วก็เดินมามองดาวที่ตอนนี้ระยิบระยับอยู่เกลื่อนท้องฟ้า พี่ฮั่นซึ่งคุยธุระกับหัวหน้าคนงานเดินขึ้นมาบนบ้าน ก่อนจะสวมกอดผมจากด้านหลัง

    “วันนี้เราไปดูดาวนอกสถานที่กันมั้ย???” พี่ฮั่นเอ่ยถามเสียงหวานหู

    “ที่นี่ดาวก็สวยแล้วนะครับ ดูสิเต็มฟ้าเชียว” ผมหันไปตอบพี่ฮั่นที่เพิ่งคลายกอดออกจากตัวผม

    “แต่ที่จะพาไปมันพิเศษกว่าที่นี่อีกนะ” พี่ฮั่นพูดเพื่อยั่วความอยากรู้อยากเห็นซึ่งมันก็ได้ผล

    “โอเค...อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะพิเศษเหมือนที่พี่ฮั่นโม้รึเปล่า” ผมพูดจาท้าทายพี่ฮั่น พี่ฮั่นคว้าแขนผมดึงไปที่รถพร้อมปิดประตูให้

    “ถ้าแกงส้มไม่ชอบ พี่ยอมพลีกายเป็นของแกงส้มเลย...แต่หัวใจไม่ได้นะเพราะพี่ให้แกงส้มไปหมดแล้ว” พี่ฮั่นพูดหยอดคำหวานอย่างอารมณ์ดี

    “ให้ตายสิ ชักจะมากไปแล้วนะกับคำพูดเลี่ยนๆแบบนี้” ผมเลยตีหน้าดุเพื่อเบรกคนเจ้าคารมไว้บ้าง

    “นี่ยั้งไว้แล้วนะ ถ้ามาจากใจจริงพี่กลัวว่าเดี๋ยวแกงส้มหัวใจจะวาย” พี่ฮั่นพูดยักคิ้วหลิ่วตาก่อนอ้อมไปขับรถ ผมอดยิ้มกับความน่ารักของหนุ่มร่างสูงใหญ่ไม่ได้ บางทีก็ชอบทำตัวน่ารักเหมือนเด็กขี้อ้อน แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนผมก็รักอยู่ดี อ๊ากกกกกกก!!!... ความเลี่ยนของผมเองก็มีไม่ใช่น้อย ฮ่าๆๆๆๆ

    ทางที่พี่ฮั่นพาผมไปก็คือ เนินเขาของบุญหลง นั่นเอง... ผมก็ไม่เคยว่ามันจะพิเศษตรงไหน ดาวก็ดาวดวงเดียวกันกับที่บ้าน หึหึหึ!!! ถ้าไม่มีอะไรพิเศษนะจะเล่นงานซะให้เข็ด หมั่นไส้กับความเลี่ยนความหวานมานานแล้ว แต่ขึ้นไปยังไม่ถึงบนเนินรถก็ดับลง

    “รถเสียเหรอพี่ฮั่น???” ผมหันไปถามอย่างตกใจ พี่ฮั่นเปิดไฟในรถพร้อมเอี้ยวตัวไปเอาของที่เบาะหลัง

    “เปล่า...เราต้องเดินขึ้นไป” พี่ฮั่นส่งยิ้มพร้อมส่งไฟฉายกระบอกโตให้ผม

    “ทำไมต้องเดิน รถก็ขึ้นไปถึงนี่น่า” ผมบ่นแต่ได้กลับมาเพียงรอยยิ้ม พี่ฮั่นนะพี่ฮั่นนี่ถ้าไม่เป็นอย่างที่พูดนะ จะเล่นงานซะให้เข็ด ผมเดินตามพี่ฮั่นต้อยๆ อย่างยากลำบากเพราะมีเพียงแสงที่มาจากไฟฉายสองกระบอกเท่านั้น ทำไมต้องมาลำบากลำบนตอนดึกๆด้วยนะ....

    แต่เมื่อเห็นแสงระยิบระยับนั้น ทุกสิ่งที่ผมบ่นในใจก็เลือนหายไปทันที แสงที่ว่าไม่ได้ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า หากแต่เคลื่อนไหวไปมาอยู่บนผืนดินนี้เอง

    “หัวหน้าคนงานบอกพี่ว่าปีหนึ่งมีไม่กี่วันที่ฝูงหิ่งห้อยจะมากันมากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะมีอีกเมื่อไหร่ ขอโทษนะที่ทำให้ในลำบากแต่พี่อยากให้เรามาเห็นด้วยกัน” พี่ฮั่นที่กำลังปูที่นั่งหนานุ่มลงโดยมีแสงจากตะเกียงที่เพิ่งถูกจุดขึ้น เสียงไฟนวลตานั้นขับให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นน่ามองยิ่งขึ้น ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างพี่ฮั่นเพื่อนั่งมองดาวบนดิน ฝูงหิ่งห้อยหลายร้อยตัวบินไปมาอวดแสงไฟอันน้อยนิดในตัว แต่มันทำให้ผมทึ่งกับความงามที่ไม่ว่าเงินมากมายเพียงไหนก็ไม่สามารถบันดาลขึ้นมาได้ มันคือของขวัญจากธรรมชาติที่มอบให้แก่ความรักของเราสอง ผมเอียงตัวไปพิงร่างแข็งแรงนั้น กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจ แม้มองไปทางไหนจะมีแต่ความมืดมนก็ตาม

    “พี่ฮั่น...มันพิเศษๆจริงครับ พี่ไม่ต้องพลีกายให้ผมแล้วนะ” ผมขอบคุณด้วยการกระเซ้าเย้าแหย่

    “อ้าว...งั้นก็แย่สิ” พี่ฮั่นพูดกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ พร้อมเอนหลังนอนหงาย

    “พี่ฮั่น...ผมรักพี่นะ ขอบคุณกับทุกสิ่งที่ทำให้กันมา” ผมเอ่ยความในใจที่มีออกมา ถึงแม้พี่ฮั่นจะเหนื่อยหนักหรือิดโรยกับงานในไร่แค่ไหน แต่พี่ฮั่นก็ไม่เคยทิ้งให้ผมต้องเหงา ทุกสิ่งที่พี่ฮั่นมอบให้กันมันทำให้ผมรู้ว่าโลกนี้มีแค่คนๆนี้เพียงคนเดียว ผมก็มีความสุขได้อย่างเหลือเชื่อ มืออบอุ่นเอื้อมมาจับมือของผมไว้ ไปวางไว้เหนือหน้าอกแข็งแรงนั้น

    “บางสิ่งบางอย่างที่ผ่านมา ทำให้พี่รู้ว่าเวลาของคนเราผ่านไปเร็วและไม่แน่นอน พี่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่พี่ขอทำทุกวินาทีของเราให้ดีที่สุด พี่อยากให้เรามีภาพความทรงจำที่ดีๆเก็บไว้ในหัวใจ ถ้าเผื่อทุกอย่างมันเลวร้ายอย่างน้อยวันเวลาดีๆของเราคงทำให้ความทรมานน้อยลง” ผมแอบรู้สึกแปลกๆกับน้ำเสียงของพี่ฮั่น แต่ความแปลกใจนั้นก็หายไปเมื่อพี่ฮั่นได้เลื่อนมือของผมไปสัมผัสกับริมฝีปากของพี่ฮั่นอย่างอ่อนละมุน ใบหน้าของผมร้อนผ่าว ไม่ว่าจะวันเวลาจะผ่านไปแค่ไหน ทุกรสความสัมผัสของพี่ฮั่นก็ทำให้หัวใจผมไหวสะท้านไม่ต่างจากวันแรก ผมเงยหน้าเผยอยิ้มให้กับท้องฟ้าขอบคุณที่ส่งผู้ชายคนนี้ให้มาอยู่เคียงข้างกัน ขอบคุณที่สร้างสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า “ความรัก” ขอบคุณสายลมเบาบางที่พัดผ่านโอบกอดร่างกายของเราทั้งสอง ขอบคุณหิ่งห้อยที่บินอย่างไม่เหนื่อยหน่ายทำให้พื้นดินสวยงาม ขอบคุณดวงดาวที่ส่องแสงเป็นประกาย ขอบคุณ...ที่โลกนี้มีพี่ฮั่น ผมก้มมองร่างคนรักที่หลับไปทั้งที่ยังประคองมือของผมไว้ คงเหนื่อยมาทั้งวันสินะ หลับฝันดีนะพี่ฮั่น...ให้วันนี้เป็นวันที่ผมได้ระแวงระวังคอยดูแลพี่ฮั่นยามหลับใหลให้สมกับความรักและทุกสิ่งทุกอย่างที่มีให้ผมมา

    “ราตรีสวัสดิ์...ความรักของผม”

     

    ปล. อัพแล้วจ้า นับๆ แล้วอีกประมาณ 5 ตอนจะจบแล้วนะจ๊ะ ^^

     ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ...เป็นกำลังที่ดีมากเลย ขอบคุณทุกเม้น ขอบคุณทุกโหวต ขอบคุณทุกวิวที่มีให้กันนะ สัญญาว่าทุกตัวอักษรที่จะแต่งให้อ่านจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ไรเตอร์คนนี้จะแต่งให้ได้นะจ๊ะ ถ้าไม่เบื่อกันซะก่อนคงจะได้อ่านฟิคจากไรเตอร์คนนี้ไปอีกนาน ^^

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×