คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 15: แผนแตก
CAN talk
“เบื่อๆๆๆ เบื่อพี่ชายตัวเองจริงๆ” สต๊อปบ่นเมื่อออกจากร้านมาได้ ผมยื่นหมวกกันน็อคให้พร้อมรอยยิ้มกว้าง
“พี่แคนไม่เซ็งรึไงกัน???” สต๊อปหันมาถามผมพลางใส่หมวก
“เซ็งเรื่องอะไร???” ผมถามกลับ สต๊อปมองหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็เซ็งเรื่องพี่ฮั่นทำตัวเป็นก้างขวางคอพี่ไงคะ...ไม่เข้าใจเค้าเลยทำไปทำไมกัน----เอ๊ะ!!! หรือว่า...” สต๊อปทิ้งประโยคท้ายให้หายไปในลำคอ คิ้วเรียวสวยขมวดเป็นโบว์บอกถึงความข้องใจ
“หรือว่าอะไร----แล้วดูทำหน้าสิเดี๋ยวก็หน้าผากย่นกันพอดี” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก ในเมื่อตอนนี้คนที่ผมอยากใกล้ชิดได้ซ้อนรถวางมือไว้ที่เอวของผม...ผมควรต้องใส่ใจอะไรอีกเหรอครับ???
“เปล่าคะ...พี่แคนใจเย็นมากเลย สต๊อปเห็นแบบนั้นยังอดโมโหไม่ได้” สต๊อปที่ดูเหมือนจะแค้นเคืองพี่ชายหันมาพูดกับผมอย่างอ่อนโยน
“พี่พูดไปก็คงไม่เชื่อ...แต่รู้มั้ยว่าแค่นี้พี่ก็พอใจแล้ว” ผมพูดส่งสำเนียงหวานหวังว่าจะกระทบหัวใจของหญิงสาวบ้าง หวังว่าจะมีสักครั้งที่เธอได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจของผม
“แค่เห็นหน้าก็พอใจแล้วสินะ พี่นี่พระเอกจริงๆ” คำหยอกล้อนั้นไม่ได้ทำให้ผมหัวเราะออกมา ผมเห็นแก่ตัวอย่างที่เธอคงนึกไม่ถึง ผมสร้างเรื่องเพื่อให้ได้ใกล้ชิด...ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลอะไร การหลอกลวงก็คือการหลอกลวงอยู่วันยังค่ำ ถ้าเธอได้รับรู้ความจริงเธอจะเห็นว่าผมเป็น “พระเอก”อยู่มั้ย???
HUNZ talk
ไม่ว่าจะออดอ้อนหรือโอ้โลมยังไง แกงส้มก็ยังยืนยันว่าต้องเปิดร้านให้ได้...ไม่เข้าใจว่าปิดร้านไปแค่วันเดียวมันจะทำให้ร้านขาดทุนสักเท่าไหร่กัน เด็กหนอเด็ก...ไม่รู้เลยรึไงกันว่าคนเค้ารักกันมันต้องมีกิจกรรมอย่างอื่นทำมากกว่าการมาสาละวนกับร้านเค้กอยู่แบบนี้ เอาว่ะ...ไม่ใช่เพราะความไร้เดียงสาเกินเหตุแบบนี้หรอกเหรอที่ทำให้เราทั้งรักทั้งหลงแกงส้มได้ขนาดนี้ ค่อยๆสอนกันไปคงไม่นานหรอกที่แกงส้มจะเป็นงาน ก็ได้อาจารย์ที่เชี่ยวชาญและรักจริงแบบนี้จะไม่เรียนรู้ได้เร็วได้ยังไงกัน!!!
“คาปูสอง ลาเต้หนึ่งที่.....รัก” ผมลากเสียงทำทะเล้นใส่คนชง แกงส้มอมยิ้มส่ายหน้า
“พี่นี่นะ ชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อ” แกงส้มค้อนผมเล็กๆพอน่ารัก โอ๊ยยยย!!! ผมจะไม่ไหวแล้ว
“คนมันรักมากจนจะล้นออกมาอยู่แล้ว ความจริงพี่อยากจะไปจ้างคนทำป้ายมาติดหน้าร้านเลยด้วยซ้ำ ว่าคนน่ารักๆคนนี้เป็นแฟนพี่” ผมหยอดคำหวาน แกงส้มเอาหลอดชี้หน้าผมพร้อมพยักหน้าให้เอากาแฟไปเสิร์ฟลูกค้าได้แล้ว ผมแอบขำตัวเองเบาๆ ฮั่นเอ๊ยยยย!!! จากลูกน้องตอนนี้แกงส้มเค้าเลื่อนขั้นเป็นเจ้านายแกไปแล้ว ไหนใครบอกว่าให้จับลูกน้องทำเมียแล้วจะสบายเพราะเค้าไปไหนไม่รอด แต่ดูท่าทางอีหรอบนี้คนไปไหนไม่รอดเกรงว่าจะเป็นผมซะมากกว่า
หลังจากตรากตรำงานหนักทั้งกาย (ที่เหนื่อยจากการทำงานจริงๆ) และใจ (ที่ต้องควบคุมไม่ให้แทะโลมร่างสูงโปร่งนั้นเกินงาม) ไม่รู้เป็นอะไร...วันนี้ลูกค้าไม่ขาดสายเลยทีเดียวโต๊ะนู่นเข้าโต๊ะนี้ออก เหอะๆอย่ามาแต่หาเศษหาเลยกับร่างหอมกรุ่นนั้นเลย ขนาดหน้าผมแกงส้มยังไม่ค่อยจะมีเวลามองเลยด้วยซ้ำ หลังเลิกงานนี่แหละ...เอาให้คุ้ม!!!
“พี่ฮั่นปิดหน้าร้านด้วยนะ ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” แกงส้มจัดการล้างจานล้างถ้วยเสร็จสรรพแล้วก็เตรียมตัวกลับโดยการไปเปลี่ยนเสื้อผ้า... ถ้าคิดว่าผมจะปล่อยโอกาสนี้ไปง่ายๆมันก็ไม่ใช่เสือฮั่นสิครับ!!!
“พี่เข้ามาทำไม!!!” แกงส้มโวยวายเมื่อผมผลักประตูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าขณะที่แกงส้มกำลังจะล็อค
“คิดถึง อยากกอดอยากหอมจะแย่อยู่แล้ว” ผมปราดตัวเข้าไปตระกองกอดร่างนั้นโดยที่แกงส้มไม่ทันตั้งตัวแล้วกดริมฝีปากไปที่หัวไหล่อย่างอ่อนหวาน แกงส้มหัวเราะคิกคัก
“หัวเราะอะไรจ๊ะ???” ผมถามแล้วจูบซ้ำที่หัวไหล่ครั้งแล้วครั้งเล่า
“ก็พี่ฮั่นนั่นแหละ...ทำไมต้องชอบทำตัวออดอ้อนเหมือนลูกแมวด้วยนะ ตัวโตยังกะหมีทำแบบนี้จะไม่ให้ผมขำได้ยังไง” แกงส้มพูดกลั้วเสียงหัวเราะ... จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย??? ชอบแบบร็อคๆก็ไม่บอก ไอ่เราก็หลงไปอาร์แอนบีตั้งนาน!!! ผมจึงรวบตึงมือทั้งสองข้างของแกงส้มด้วยมือผมเพียงข้างเดียวแล้วใช้ร่างกายที่แข็งแรงกว่าดันร่างสูงโปร่งให้ติดผนัง แกงส้มเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ผมยกมือที่รวบข้อมือของแกงส้มไว้เหนือศีรษะและเบียดร่างตัวเองให้แนบชิดกับแกงส้ม ใช้มืออีกข้างเชิดปลายคางอย่างรวดเร็วก่อนที่จะประกบจูบบดขยี้ลงเรียวปากนั้นอย่างแรงแกงส้มพยายามเบือนหน้าหนีแต่ด้วยมือที่บังคับอยู่ที่ปลายคางมันทำให้ผมเป็นต่อ ถึงแม้จะไม่มีแรงดิ้นแต่ผมก็สัมผัสถึงความโมโหของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ผมจึงค่อยๆลดความร้อนแรง จากมือที่เชิดคางก็ค่อยลูบไล้ที่นวลแก้มใสอย่างแผ่วเบา ก่อนจะถอนจูบออกมาแกงส้มมองหน้าผมอย่างขุ่นข้องที่กระทำรุนแรงอย่างนั้น แต่ผมเลือกที่จะใช้ภาษากายขอโทษโดยการโน้มตัวไปหอมแก้มใสอย่างแผ่วเบาลากริมฝีปากลงมาตามแนวกรามอย่างอ่อนโยน มือทั้งสองค่อยๆเป็นเป็นการจับมือประสานกับมือเรียวของแกงส้ม ผมกดจมูกไซร้ที่ลำคอขาวแต่แกงส้มยืนนิ่งไม่ไหวติง ผมยืดกายตรงมองใบหน้าไร้เดียงสาที่เม้มปากบางเฉียบเบือนหน้าไปด้านข้าง
“โกรธพี่เหรอ???” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยความรัก หยดน้ำตาไหลออกมาจากตาคู่สวย ผมคว้าร่างนั้นมาโอบจากด้านหลัง เอาคางเกยที่ไหล่บางแก้มแนบชิดกับแก้มใสๆนั้น แกงส้มยังคงนิ่งมีเพียงลมหายใจเบาๆที่ฟ้องความน้อยเนื้อต่ำใจให้ผมรับรู้
“พี่รู้ว่าอยากจะต่อว่าพี่ว่าทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ใช่มั้ย???” ผมกระซิบถามข้างหูร่างที่สั่นน้อยๆเพราะแรงสะอื้น กระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นเพื่อให้แกงส้มรับรู้ถึงความรักที่ผมมีให้...
“รู้รึยังว่าที่พี่อ้อนเป็นลูกแมวแบบนี้เพราะพี่ต้องการจะทะนุถนอมคนที่พี่รัก... คนอย่างพี่มันเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่ทั้งรุนแรงทั้งเอาแต่ใจ แต่กับแกงส้มพี่ไม่อยากทำแบบนั้นพี่อยากเป็นคนที่อ่อนโยน อบอุ่น เป็นที่พึ่งได้ อย่าเห็นความรักพี่เป็นเรื่องน่าหัวเราะเลยนะ พี่รักพี่ถึงทำแบบนี้ พี่รักแกงส้มนะ” ผมทั้งพูดทั้งปลอบแกงส้มที่น้อยอกน้อยใจจากบทรักที่ละลาบละล้วงและหยาบคาย ใบหน้าหวานเอียงมาซบแก้มผม ร่างกายเกร็งแข็งเริ่มผ่อนคลาย มือนุ่มยกมาลูบที่แก้มผมอย่างแผ่วเบาซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าหัวใจเราสองเข้าใจซึ่งกันและกัน
“ผมชอบที่พี่ทำตัวน่ารัก แต่จะชอบมากกว่าถ้าจากนี้ตลอดไปพี่จะทำแบบนี้กับผมคนเดียว” แม้เสียงจะขาดหายจากการสะอื้น แต่ก็หวานจับหัวใจผมยิ่งนัก ผมจูบแก้มนั้นด้วยความรักที่ผมเพิ่งรู้ตัวว่ามันมากมายขนาดนี้
“เรื่องนี้มันแน่อยู่แล้ว...” ผมกระซิบหลังจากถอนริมฝีปากจากใบหน้าแดงระเรื่อนั้น แล้งค่อยๆพรมจูบไปทั่วลำคอของแกงส้มซึ่งตอนนี้หลับตาพริ้ม มือสองเราประสานแน่นราวกับกลัวว่าจะมีใครมาพรากเราจากกันในวินาทีใดนาทีหนึ่ง กลิ่นกายหอมกรุ่นมันช่างหอมหวานน่าลิ้มลอง ร่างร้อนนั้นมันเย้ายวนให้สัมผัสผมสอดมือเข้าในเสื้อเชิ้ตสีหวานลูบไล้ไปตามหลังเนียนของคนรัก แกงส้มโน้มหน้ามาจูบแก้มผมที่กำลังสำรวจความหวานจากช่วงคอขาว ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปที่เรียวปากหวานที่ผมหลงใหลยิ่งนัก ครั้งนี้เป็นแกงส้มที่เข้ามาดื่มด่ำกับรสหวานในปากของผม แขนเรียวที่กระชับอยู่รอบคอเริ่มซุกซนลูบไล้ไปตามร่างกายของผมซึ่งนั่นทำให้ผมกระหยิ่มในใจ... นอกจากจะน่ารักยังเป็นงานเร็วอีกต่างหากแบบนี้จะไม่ให้ผมรักผมหลงได้อย่างไรกัน แต่แกงส้มก็ค่อยๆถอนใบหน้าออกจากริมฝีปาก ผมจ้องที่เรียวปากนั้นด้วยความเสียดาย
“ผมว่าเราสองคนออกไปข้างนอกกันเถอะครับ” แกงส้มพูดพร้อมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติ บอกตรงๆเลยครับว่า จุดๆนี้ผมแอบเซ็ง!!!
“กำลังเคลิ้มเลยเนี่ย...” ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อยซึ่งเรียกรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าแกงส้มได้ทันที
“พูดจาอะไรก็รู้...อย่ามาทำแบ๊วหน่อยเลย ผ่านมากี่ร้อนศึกแล้ว ทำมาเป็นเคลิ้มกับของแค่นี้” แกงส้มทำงอนเมื่อพูดถึงอดีตที่โชกโชนของผม ผมดึงร่างนั้นมากอดเอาใจ
“กี่ครั้งไม่ได้นับ...แต่นี่มันคนพิเศษ มันเลยไม่เหมือนคนอื่น จับดูสิ..หัวใจพี่เต้นแรงแค่ไหน” ผมดึงมือมาแนบอกตรงที่หัวใจ ทำให้ใบหน้านั้นแดงขึ้นมาอีกครั้ง แต่แกงส้มก็ไม่ปล่อยให้ผมมีโอกาสเคลิ้มเป็นครั้งที่สองดันผมออกมาห้องเปลี่ยนเสื้อ
“ไปจัดการร้านให้เรียบร้อย...ไม่ต้องมาทำกะล่อน ผมออกมาต้องเสร็จทุกอย่าง” แกงส้มกำชับก่อนผลุบตัวเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า... วันนั้นผมไม่น่าปล่อยให้หลุดมือ พยศจริงๆ แบบนี้ผมต้องเตรียมตัวให้ดีเพื่อจัดการปราบพยศในวันหยุดยาวซะแล้ว...
CAN talk
ตอนนี้ผมนั่งท่ามกลางบรรดาสาวๆ ที่มีทั้งแท้และเทียมซึ่งเป็นเพื่อนในก๊วนเดียวกับสต๊อปในร้านเหล้าเนื่องจากสอบเสร็จกันหมด แน่นอนครับตอนนี้ผมตกเป็นเป้าหมายการลวนลามของสาวๆทั้งหมด เพลงที่ดังมาจากวงดนตรีสดคลอไปในบรรยากาศสบายๆ สต๊อปเองก็แสบไม่ใช่น้อย...หลอกให้ผมมาเป็นเพื่อนเพื่อให้พี่ฮั่นสบายใจว่ามีคนดูแล พี่ฮั่นเองก็ค่อนข้างไว้ใจผมไม่น้อยคงเป็นเพราะพี่ฮั่นเข้าใจว่าผมชอบแกงส้ม.... ผมไม่ค่อยสบายใจเลย ไม่ใช่เพราะต้องมาดูแลสต๊อปหรอกนะครับเรื่องนี้ผมเต็มใจอยู่แล้ว ปัญหามันอยู่ที่มาไอ่ผมมันเป็นพวกคออ่อน สถิติล่าสุดคือสี่แก้ว.... แล้วถ้าขืนปล่อยในตัวเองเมาแล้วใครจะดูแลสาวน้อยผู้เป็นที่รักของผมละเนี่ย???
“เบาๆหน่อยไอ่ต๊อป แหม...นานทีได้มากินแล้วกระดกรัวเลยนะ” เพื่อนสาวเทียมเบรกอัตราเร็วในการยกแก้วของสต๊อปแต่กลับมาซบที่ไหล่ผมอย่างเนียน
“เฮ้ย!!! ปล่อยมือแกจากพี่แคนของช้านนนนนน!!!” เริ่มแล้วครับ สต๊อปเองก็ไม่ได้จะคอแข็งอะไรนักแต่เธออกตัวก่อนแล้วว่าวันนี้ขอเมาสุดเหวี่ยงก่อนที่จะบินไปสิงคโปร์ในวันมะรืน แต่คำว่า “พี่แคนของช้านนนนน” มันทำเอาผมยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว
“หวงไว้ทำไมย่ะ...ยัยนี่” สาวเทียมคนเดิมผละออกจากตัวผมเมื่อสต๊อปพยายามผลักหัวให้ออกห่างผม
“คนนี้เค้าเป็นคนดี เค้าต้องเหมาะกับคนดีๆ เหล้าหมดแล้ว....สั่งมาอีกๆ” สต๊อปโวยวายตามประสาคนเมา เพื่อนคว้าตัวที่นั่งแทบไหวของสต๊อปกัน ผมเองก็ไม่กล้าจะแตะต้องเนื้อตัวมากนักกลัวน้องจะเสียหาย
“พอเหอะ...เปลี่ยนร้านกันพวกชั้นอยากแดนซ์แล้ว” สาวอีกคนบอกสต๊อปที่เมามายเต็มที่ ผมเห็นว่าสต๊อปท่าทางจะไม่ไหว
“พี่ว่าพี่พาสต๊อปกลับแล้วดีกว่า... ไม่ไหวแล้วแน่ๆ” ผมรีบออกปาก เพื่อนทุกคนพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยเพราะทั้งโต๊ะก็มีสต๊อปนี่แหละที่เมาจนเสียหลักคนเดียว อีกอย่างนี่ก็เที่ยงคืนกว่าผมกลัวพี่ฮั่นจะเป็นห่วง ในเมื่อผมรับปากว่าจะดูแลน้องสาวเค้าให้ผมก็ควรทำให้ดีที่สุด
“งั้นเราฝากด้วยนะคะ...ยัยลำยองเอ๊ย!!! ไปแล้วนะ”
“บ๊ายบาย”
ผมประคับประคองร่างบางให้มาที่มอเตอร์ไซค์คู่ใจของผม ผมมองสต๊อปที่คอพับคออ่อนอย่างหนักใจให้ตายเหอะ... จะพาไปยังไงเนี่ย??? ถ้าพาซ้อนรถมีหวังได้หงายหลังตกรถแน่ๆ แบบนี้คงต้องให้แกงส้มขับรถมารับ ว่าแล้วผมก็โทรไปหาน้องรหัส แกงส้มเองก็ตบปากรับคำว่าจะออกมาทันที ผมพาสต๊อปไปนั่งที่เก้าอี้ยาวที่ลานจอดรถร้านโดยมีแสงไฟจากไปกิ่งทอแสงมา ผมเอื้อมไปปัดผมหน้าม้าสต๊อปให้
“พี่แคน...พี่น่ารักจัง” คงเป็นเพราะฤทธิ์เครื่องดื่มมึนเมาทำให้สายตาหวานนั้นเพิ่มความหยาดเยิ้ม
“หลับก่อนมั้ย???...นอนตักพี่ก่อนก็ได้นะ” ผมบอกเบาๆ สต๊อปหันมายิ้มกว้างแต่ตัวค่อยเอนไปด้านหลังอย่างช้าๆ ผมจึงโผตัวไปคว้าเอวร่างเล็กนั้น ทำให้ใบหน้าของเราทั้งสองอยู่ห่างกันนิดเดียว
“ปากสต๊อปเหม็นเหล้ามั้ย???” สต๊อปถามเสียงอ้อแอ้ ผมส่ายหน้าเล็กๆ สต๊อปโน้มตัวมาใกล้อย่างช้าๆ ผมจ้องปากเรียวนั้นแล้วฝืนความต้องการบ้าๆกลืนน้ำลายเพื่อยั้งความคิดตัวเองให้อยู่ แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมคือ สต๊อปคว้าคอผมพร้อมประกบริมฝีปากที่ผมเฝ้ามองมาตลอดลงที่ริมฝีปากของผมโดยที่ผมเองก็แทบไม่เชื่อว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง แม้มันจะเป็นแค่การประกบเฉยๆแต่หัวใจผมก็สั่นไหวจนนึกว่าตัวเองจะต้องหัวใจวายลงที่ตรงนี้ และใบหน้าสต๊อปก็เคลื่อนออกไปพร้อมคอพับลงที่ไหล่ของผมซะอย่างนั้น อยู่ๆสต๊อปก็หลับไปโดยทิ้งหมัดเด็ดไว้ให้ผมมึนงง
“สต๊อป..” ผมเรียกชื่อเธอเบา ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้ส่งเสียงตอบรับผม คงน็อคไปเพราะฤทธิ์เหล้าแน่ๆ ผมพ่นลมหายใจยาวออกทางปาก เอาร่างบางนั้นมานอนพิงผมในท่าที่คิดว่าร่างหมดสตินั้นจะสบายที่สุด ถึงแม้จะไม่ค่อยสบายใจนักกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมเองก็มีรอยยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงจูบนั้น.... จูบ...ใครคิดว่ามันไม่สำคัญ เพียงจูบเดียวเท่านั้นก็ทำเอาหัวใจผมสั่นอย่างไร้แรงควบคุม....
STOP talk
“เมื่อไหร่พี่จะหยุดบ่นสักที ก็สต๊อปบอกแล้วว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต น้องสาวคนนี้จะไม่ทำมันอีกแล้ว” ชั้นยกสามนิ้วมาสาบานต่อหน้าพี่ชายที่บ่นเรื่องเมื่อคืนไม่หยุดเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง
“ให้มันจริงเถอะ ถ้าพี่เห็นว่าเหล้าเข้าปากเราแม้แต่หยดเดียวนะ พี่จะดึงหูให้ยานเลยแล้วจะโทรไปฟ้องแม่ด้วย แล้วแกงส้มต้องออกจากหอดึกๆดื่นมาส่งเราอีกเดือดร้อนไปทั่ว” พี่ฮั่นยังบ่นไม่เลิก
“นี่ห่วงน้องหรือว่าห่วงแกงส้มกันแน่... ช่วงนี้พี่ฮั่นพูดถึงแกงส้มบ่อยไปนะ” ชั้นตั้งข้อสังเกตพี่ฮั่นหันขวับมามองก่อนเบือนหน้าหนี ไม่ยอมสบตา...ชั้นว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ
“จะไปหาเพื่อนไม่ใช่เหรอ??? รีบๆไปเหอะ” พี่ฮั่นพูดแล้วคว้ากระเป๋าออกไปที่ร้านทันที โอยยยย...หนักหัวชะมัด พอกันทีกับเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด!!!
ในที่สุดก็ลากสังขารตัวเองมาถึงมหาลัยจนได้ ถ้าไม่มีประชุมงานนะชั้นจะนอนตื่นสักบ่ายสาม สำหรับยัยพวกนั้นหายห่วง เที่ยวบ่อยจัดบางทีกลับมาจากผับแวะใส่บาตรก็ทำกันมาแล้ว อีแค่ตื่นมาประชุมงานตอนสิยโมงไม่ใช่ปัญหาเลย
“มาแล้วเหรอ???....แม่เสือสาว” ยัยติ๊งโหน่งเพื่อสาวประเภทสองทักชั้นพร้อมสรรพนามแปลก ไม่เพียงแค่นั้นสายตาทุกคนดูมีเลศนัยกันอย่างเห็นได้ชัด ชั้นมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาไม่วางใจ
“อะไรของพวกแก??? ทำไมต้องมองชั้นอย่างนั้น”
“แหมๆ.... อย่ามาทำใสเว่อร์หน่อยเลย ไหนบอกว่าพี่จ๊ะ พี่แคนอ่ะ” ยัยติ๊งโหน่งทำเสียงสูงได้น่าตบ
“ก็พี่ไง พวกแกเป็นอะไรกันเนี่ย???” ชั้นโวยไปเล็กๆ คนยิ่งแฮงค์ๆอยู่มาทำลีลากันอยู่ได้
“พี่อะไรมีจูจุ๊บกันด้วย เมื่อคืนพวกชั้นเห็นนะยะ”
“บ้าแล้ว....พวกแก---นี่...พี่แคนเค้าทำแบบนั้นกับชั้นเหรอ???” ชั้นถามเพื่อด้วยความตระหนก พี่แคนที่ชั้นหลงคิดว่าเป็นคนดีที่แท้ก็ชอบฉวยโอกาสเหรอเนี่ย!!!
“นี่แกจำอะไรไม่ได้จริงๆเหรอ” เพื่อนๆถามกันอย่างตกใจ ชั้นส่ายหน้าอย่างเสียขวัญ
“แกต่างหากที่เป็นคนคว้าคอเค้ามาจูบ!!!” คำพูดนั้นก้องดังอยู่ในหัว นี่ชั้นทำอะไรแบบนั้นไปจริงเหรอ??? ต่อไปจะมองหน้าพี่แคนยังไง สต๊อปเอ๊ยยยย!!! อย่าได้ริเป็นสิงห์นักดื่มอีกนะ ชั้นรู้ว่าวันนี้พี่แคนต้องไปช่วยพี่โดมที่ชมรม ชั้นจึงเลือกแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ตีเนียนไปก่อนละกันดูอาการของพี่แคนค่อยว่ากันใหม่ แต่ถึงแม้จะตกลงใจแล้วว่าจะแกล้งเนียนแต่พอจะเข้าห้องก็ยืนนิ่งทำใจก่อนจะไปพบหน้าคู่กรณี
“ชั้นเบื่อต้องมาตีหน้าทำเป็นคนดีแล้วนะ!!!” เสียงพี่แคนนี่หว่า....พี่แคนโวยวายอะไรกัน
“ไอ่แคนแกใจเย็นๆสิว่ะ สต๊อปมันเป็นเด็กไร้เดียงสาแกต้องให้เวลาน้องมันหน่อย” พี่โดมพูดถึงชั้น...ให้เวลาเรื่องอะไรกัน
“แต่ชั้นเก็บมันไม่ไหวอีกแล้ว ชั้นเบื่อ!!! เบื่อที่ต้องมานั่งอึดอัด คนที่ชั้นต้องการมันไม่ใช่เจ้าแกงนะเว้ย มันคือสต๊อปต่างหาก” ต้องการงั้นเหรอ??? คนๆนั้นใช่คำว่า “ต้องการ” กับชั้น นี่เค้าเห็นชั้นเป็นสิ่งของรึไงกัน แค่หลอกกันก็ทำให้ชั้นรู้สึกว่าตัวเองโง่งมงายอยู่แล้ว แต่นี่เค้ามองเหมือนของเล่น แสแสร้งแกล้งทำให้ตัวเองดูเป็นคนดีที่แท้ก็.... ชั้นเสียใจจริงๆ น้ำตาที่ไหลมันบอกว่าความเจ็บในหัวใจมันคือเรื่องจริง
“พี่เห็นสต๊อปเป็นสิ่งของรึไงกัน...” ชั้นถามออกไป ทั้งพี่โดมและพี่แคนสะดุ้งน้อยๆ พี่แคนส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ” พี่แคนพยายามอธิบาย...แต่มันเชื่อไม่ได้อีกแล้วน้ำคำของคนๆนี้
“สต๊อปโง่ที่ให้พี่หลอกมาได้ สนุกมากมั้ย???....พี่เห็นความรู้สึกเป็นของเล่นรึไงถึงได้มาเล่นเกมส์บ้าบอแบบนี้ สต๊อปจริงใจกับพี่แล้วสิ่งที่ตอบแทนกลับมามันคืออะไร มันคือการหลอกลวงทั้งนั้น!!!” พี่แคนปราดเข้ามารั้งแขนชั้นไว้ ชั้นสะบัดแล้วฟาดเข้าไปที่แก้มพี่แคนอย่างแรง
“อย่ามาให้สต๊อปเห็นหน้าอีก” แล้วชั้นก็เดินออกมาด้วยความผิดหวัง คิดอะไรอยู่สต๊อป ทำไมต้องร้องไห้ให้กับคนพรรค์นี้ด้วยนะ...
ปล. ตอน “วันหยุดยาว” เป็นตอนหน้านะจ๊ะ... ขอโทษที่ทำให้รอเก้ออ่านตอนนี้ไปพลางๆก่อนนะ ดราม่าจากคู่รองเล็กๆ ตอนหน้ามาหวานกับฮั่นแกงแบบฟูลคอร์สนะจ๊ะ
เม้นวันละนิด จิตไรท์แจ่มใส ^^
ความคิดเห็น