คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : The end
หนึ่งปีผ่านไป....
ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ผมกำลังจะทำตามความฝันของตัวเอง ตอนนี้ผม นายแกงส้ม สุดกวนประจำซอย ได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในค่ายดังระดับประเทศ ทำให้เวลาในหนึ่งวันของผมสั้นมาก เพราะนอกจากการเรียนที่ต้องรับผิดชอบแล้ว ยังมีการเตรียมตัวเป็นศิลปินด้วยการเรียนเพิ่มเติมทักษะการร้อง การเต้น การแสดงทุกอย่าง แต่ผมก็สนุกและมีความสุขกับมัน ส่วนเรื่องหัวใจ นับตั้งแต่วันนั้นหัวใจผมก็ปิดตาย ไม่ใช่ว่าไม่มองใคร แต่ไม่มีใครที่จะเข้าทำให้ใจสั่นไหวได้แม้แต่น้อย คนๆ นั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ผมก็มีการติดต่อกับทุกคนบ้างโดยที่ทุกคนต่างรู้ว่า “ฮั่น” คือคำต้องห้ามสำหรับการสนทนา
“พี่แกงงงงงงง” เสียงใสของสาวน้อยร่วมค่ายผมดังขึ้น
“มีอะไรสมายล์ ร้องลั่นเลย ไม่อายเค้ารึไง” ผมปรามเบาๆ แต่ตัวร้ายยังทำหน้าทะเล้น
“เมื่อวานไปไหนมาทำไมไม่มาเรียนเต้น” สมายล์ถามผมเสียงงอแง ผมเลยยิ้มก่อนตอบ
“พี่ติดสอบไง อย่ามาทำตัวงอแงแบบนี้นะ” ผมบอกเหตุผลพร้อมขู่ตัวแสบเอาไว้ก่อน
“จะบอกว่า ตอนนี้พี่ตกอันดับแล้วนะ” อะไรของยัยนี่กันเนี่ย มันขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ตอนนี้พี่อยู่ที่สาม” อ่อ...ลืมบอกไปว่าสมายล์เป็นน้องเล็กสุดที่เรียนในคลาสเดียว จะคอยให้คะแนนคนที่ดูแลเค้าดีที่สุดเป็นอันดับ ผมเองก็ครองตำแหน่งที่หนึ่งมาตลอดนะครับ
“อ่าว นี่พี่หายไปวันเดียวตกเป็นอันดับสามแล้วเหรอ” ผมทั้งพูดทั้งขำ
“ใช่ตอนนี้พี่โดมแซงพี่แกงมาแล้วแหละ เมื่อวานพี่โดมใจดีกับหนูมากๆ ให้หนูกินขนมทุกอย่างไม่เหมือนพี่แกงชอบห้ามนู่นห้ามนี่” คือสมายล์เป็นเด็กอ้วนง่าย ผมเลยชอบปรามเรื่องการกิน นี่เป็นห่วงนะเนี่ย
“อ่าวแล้วอีกคนละ” พี่โดมเค้าเป็นพี่ที่น่ารัก ไม่แปลกหรอกครับที่จะแซงผมข้นมา แต่อีกคนเนี่ยผมนึกไม่ออกจริงๆ เพราะพวกผมสามคนสนิทกันที่สุดแล้ว
“ครูสอนเต้นคนใหม่ หล่อมากกกกกก แต่สมายล์จำชื่อไม่ได้ อะไรยะยะสักอย่างนี้แหละ เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกเลยนะ ดีกรีความเท่ชนะพี่แกงขาดรอย” ตลกละเธอ!!! ปลื้มแทบแย่ เอามาแซงผมเป็นเรื่องเป็นราว แต่ดันจำชื่อเค้าไม่ได้ ปวดหัวจริงๆ ครูยะยะ ของสมายล์คงเท่บาดใจน่าดู เพราะดูจากอาการน้องสาวคนเล็กผมเนี่ย หนักหนาสาหัสเอาการ แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวสักพักผมก็คงได้เห็นตัวจริงสักที ผมผลักประตูเข้าไปในคลาสเรียนเต้นพร้อมๆกับสมายล์
ความฝัน!!! มันไม่ใช่ความจริงหรอกมันเป็นความฝันชัดๆ ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันเป็นภาพลวงตา ไม่ใช่พี่ฮั่นหรอก ผู้ชายที่กำลังมองมาทางผมไม่ใช่พี่ฮั่น รอยยิ้มนั้นไม่ใช่ของพี่ฮั่นหรอก
“พี่แกง เดินสิยืนนิ่งอยู่ได้ คนอื่นเค้ามองกันทั้งคลาสแล้วเนี่ย” สมายล์สะกิดผมก่อนที่จะกระซิบบอก ผมเดินไปวางของเตรียมพร้อมเรียนเต้น ผมคิดว่าการจากไปแบบไม่ลามันน่าน้อยใจที่สุดแล้ว แต่การกลับมาโดยที่ไม่ติดต่อมาหากันมันบั่นทอนผมมากกว่า
“มากันครบแล้วใช่มั้ย วันนี้พี่ขอแนะนำตัวก่อนนะ เพราะเห็นว่ามีคนที่มาใหม่ พี่ชื่อ ฮั่น อิสริยะ เป็นครูสอนเต้นพวกเราทั้งแปดคนในคลาสนี้ นอกจากนั้นแล้วพี่ยังเป็นคนออกแบบท่าเต้นให้กับสมายล์และแกงส้มในการทำเพลงด้วย” ทุกคนปรบมือให้คนลวงโลก เค้าทำเป็นไม่รู้จักผม หน้าผมเค้ายังไม่มองเลย ขอสักครั้งเถอะนะ ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ ในเมื่อต้องเจอเค้าเรื่อยไปแบบนี้ ผมขอเวลาทำใจ.... ผมเดินออกจากห้องไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย รีบสาวก้าวออกมา ผมได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ ตามผมมา คว้าแขนผมไว้
“แกงส้ม ฟังพี่ก่อนนะ” ฟังเหรอ...ผมรอฟังพี่มานานเท่าไหร่ ตอนนี้หัวใจผมไม่มีช่องว่างให้คำโกหกอีกแล้ว สายตาแบบนั้นอย่าได้หวังว่าจะทำให้ผมหวั่นไหวอีกเลย
“วันนี้ผมขอลาครับครูฮั่น ผมทำใจอยู่กับคนทรยศไม่ได้จริงๆ” น้ำเสียงที่ผมส่งไปคงเย็นชามาก เพราะคู่สนทนาปล่อยแขนผมทันทีที่คำนั้นหลุดออกไปจากปาก
“ขออย่างเดียวนะ พี่ขออธิบาย” น้ำเสียงที่สั่นเครือของพี่ฮั่นมันเกือบทำให้ผมใจอ่อน แต่....
“มันสายไปแล้วพี่ฮั่น ต้นไม้ที่มันตายไปหนึ่งปี มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้มันชูช่อกลับมาใหม่” ผมขอเป็นคนทำร้ายพี่บ้างนะ ถึงไม่รู้ว่ามันจะสะเทือนถึงหัวใจพี่บ้างมั้ย แต่ผมสะใจที่ได้ทำมัน!!! ในเมื่ออีกคนไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ มีประโยชน์อะไรที่ผมจะอยู่ต่อ ผมหันหลังเดินออกไปจากจุดๆนี้ แค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น น้ำตาที่แห้งเหือดไปนานก็กลับมาอีกครั้ง...ร้องไห้ได้นะแกงส้ม แต่ห้ามกลับไปรักเค้าอีก!!!
HUNZ talk
ความรักของผมมันตายไปแล้วจริงๆ เหรอ ใบหน้าเรียบเฉยนั้นช่างทรมานหัวใจผมเหลือเกิน ผมไม่เคยเห็นใบหน้าแบบนี้จากแกงส้มเลยสักครั้ง ผมคิดถึงรอยยิ้มที่ละมุนแสนอบอุ่นนั่น แต่จะโทษใครได้ในเมื่อทุกๆ อย่างเป็นความผิดของเราเพียงคนเดียว เราที่ไปทำร้าย ทอดทิ้งแกงส้มก่อน ผมเองที่คิดว่า ผมจะอยู่ได้โดยไม่มีเค้า แต่เมื่อเห็นชื่อ “ธนทัต ”ที่ส่งมาให้เป็นคนออกแบบท่าเต้นให้ ผมก็บินกลับมาทันทีอย่างไม่หยุดคิด ถึงจะหนีไปไกลแสนไกล แต่ผมหนีหัวใจตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ใบหน้าทะเล้นไร้เดียงสาในความทรงจำนั้นก็ทำให้ผมใจละลาย
“เป็นไงบ้าง เจอแกงส้มวันแรก” ไอ่แคนถามคำพูดที่เหมือนหวังดี แต่หางเสียงมันไม่ใช่นะ
“ตามคาด” ผมตอบสั้นๆ ไอ่แคนนั่งลงข้างผม ก่อนจะยักคิ้วอย่างกวน...เหลือเกิน
“แกงส้มเห็นหน้าแกแล้ววิ่งมากอด พี่ฮั่นอย่าทิ้งผมไปอีกนะ แบบนี้เลยเหรอ” ไอ่เพื่อน...รู้ทั้งรู้ว่าแกงส้มโกรธผมแค่ไหน ไม่มีทางจะเป็นแบบที่มันพูด มันยังจะ....
“เค้าคงจะยอมหรอก ทำกับเค้าขนาดนั้น น้องเตือนแล้วด้วยนะ ว่าอย่าทำๆ” สต๊อปเข้ามาผสมโรงกับไอ่แคนอีกคน สรุปว่าผมเป็นจำเลยสังคม....
“ซึ้งใจจริงๆ กับคำปลอบโยน” ผมเลยประชดกลับ สต๊อปทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไอ่แคนหัวเราะเบาๆ
วันนี้แล้วที่ผมต้องไปเรียนคลาสเต้น โอ๊ยยยยย!!! ไม่อยากไปเลยเหอะให้ตายสิ ความฝันที่อุตส่าห์ฝ่าฟันมาถึงตรงนี้ อย่าเอาอารมณ์มันทำมันฟังนะแกงส้ม สู้กับความจริง ทำเหมือนไม่รู้จักเค้าเลย ไม่ต้องคุยด้วย ไม่ต้องมองหน้า ฟ้าทำไมทำกับผมแบบนี้นะ พี่ฮั่นก็อีกคนไปแล้วก็ไปให้ตลอดสิจะกลับมาให้ผมต้องวุ่นวายหัวใจทำไม แกงส้มนายจะมีชีวิตที่ปกติแบบคนอื่นบ้างได้มั้ย เอาวะ!!! ขอรับพลังจากสายลมและแสงแดดยามเช้าก่อนออกไปเจอกับพี่ฮั่นหน่อยละกันว่าแล้วผมก็เปิดประตูออกไปที่ระเบียง หลับตาสูดหายใจเข้าลึกๆ นิ่งให้ผิวสัมผัสแดดอ่อนในยามเช้า
“แกงส้มมมมมมมมม” เฮ้ย!!! ตกอกตกใจหมด ใครตะโกนเรียกผมเนี่ย
“เฮ้ย!!!” ขอเฮ้ย!! อีกรอบเหอะ เพราะเจ้าของเสียงที่กำลังโบกมือเย้วๆ นั่นไม่ใช่ใคร คือพี่ฮั่น นั่นเอ๊งงงงงงงง บ้านหลังตรงข้ามที่เจ้าของเดิมย้ายออกไปเป็นปี นี่อย่าบอกนะ...ว่าลงทุนซื้อบ้านตรงข้ามเราเลยเหรอเนี่ย เมื่อคืนตอนเปลี่ยนผ้าลืมปิดม่านด้วยสิ อย่าบอกนะว่าเห็นหมดแล้ววววว อ๊ากกกกก!!! (แกงส้มๆ (สะกิดๆ )ฮั่นเค้าเห็นมาตั้งนานแล้ว กลับไปอ่านตอนเดิมๆ บ้าง เวิ่นเว้อเกินไปละ ฮ่วย!!! :ไรเตอร์talkเอง)
“เดี๋ยวพี่ไปรับ” พี่ฮั่นตะโกนออกมา ก่อนที่หายตัวเข้าไปในบ้านตายละหวา!!! ออกตัวแรงเกินมั้ยพ่อคุณ ทีตอนนี้มาทำเป็นกระตือรือร้นอยากอยู่กับเรา แต่ไอ่ที่หายไปเป็นปีๆ หมายความว่ายังไงห๊ะ!!! ไม่ได้การละ มัวแต่คุยกับตัวเอง ต้องรีบออกบ้านก่อน ว่าแล้วผมคว้าสัมภาระใส่เกียร์น้องหมาวิ่งลงมาแต่...
“แกงส้ม ครูฮั่นเค้าอยู่บ้านข้างเรานี่เองลูก ไปกับครูเค้าเลยสิ เป็นเพื่อนบ้านกันรู้จักกันไว้” คุณแม่ยิ้มกว้างให้ผม ด้านหลังเป็นรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์แบบเด็กน่ารัก...แกงส้ม!!! นายห้ามเคลิ้มนะเว้ยยยยยยย
บรรยากาศในรถคันหรูของครูฮั่นเงียบเชียบ ผมหันหน้ามองกระจกข้าง แต่รับรู้ถึงแววตาที่มองทอดมาที่ผมเป็นระยะได้ดี บอกตรงๆ ตอนนี้ผมมีความสุขมากๆ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ผมไม่อาจไว้ใจคนๆนี้ได้อีกแล้ว เค้าอยากทำอะไรเค้าก็ทำ ความรู้สึกของเราเค้าไม่เคยเห็นค่า แกงส้มนายอย่าแพ้ใจตัวเองนะ...
“เปิดเพลงหน่อยมั้ย” ในที่สุด อีกฝ่ายก็ชวนคุยทำลายความเงียบนี้ แต่ผมก็ยังคงอยู่ในความเงียบ!!!
“เมื่อคืนนอนกี่โมง ดูเหนื่อยๆนะ” ถึงผมจะเหนื่อยเพราะพี่ ผมก็ยังคงอยู่ในความเงียบ!!!
“นี่ไม่คิดจะตอบพี่เลยเหรอ ไม่อยากคุยกับพี่เลยเหรอ” ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่อีกมากมาย ผมก็ยังคงอยู่ในความเงียบ!!!
“ตามใจ” คำสั้นๆ ออกจากปากพี่ฮั่น สุดท้ายก็ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ตกอยู่ในความเงียบ!!!
พอลงจากรถพี่ฮั่นก็เดินไปโดยไม่สนใจที่จะรอผมเลย ใครจะแคร์!!! ในเมื่อไม่สนเรา เราก็ไม่สนเหมือนกัน ผมกดโทรศัพท์หาน้องสาวสุดที่รักที่มีคลาสเรียนด้วยกัน
“สมายล์ มาถึงยังเนี่ย” ผมทักทายเมื่อปลายสายรับ
“พี่แกงงงง ไปรอหนูที่หน้าลิฟท์เลย เดี๋ยวขึ้นไปพร้อมกัน” เสียงใสๆ กระตือรือร้นตอบรับ เห็นมั้ยถึงไม่มีพี่ฮั่น ผมก็มีคนสนใจ ชิชะ!!! ผมเดินไปพร้อมสมายล์น้องสาวตัวแสบ เมื่อเปิดประตูเข้าไปผมมองเห็นถึงรังสีอำมหิตที่สาดส่องมาที่ผม หาได้แคร์ไม่.... ผมพยายามทำกะหนุงกะหนิงกับสมายล์ ทั้งหยิบน้ำให้ดื่ม ลูบหัว เช็ดเหงื่อให้ เอาสิ!!! อย่าคิดว่าตัวเองจะเป็นคนเดียวที่ผมจะแคร์นะพี่ฮั่น
“พี่แกง วันนี้กินอะไรผิดสำแดงรึเปล่าเนี่ย คนอื่นเค้ามองหมดแล้ว” สมายล์กระซิบกับผม
“พี่จะทวงอันดับหนึ่งไง อย่าเรื่องมากน่า” พูดกับสมายล์แต่สายตาเหลือบไปมองชายหนุ่มร่างสูงที่จ้องเขม็งมาทางนี้
“ทวงตำแหน่งแต่พูดจาแบบนี้เนี่ยนะ พูดเพราะๆสิ” สมายล์แอบงอนนิดนึง แต่ก่อนที่ผมจะได้ตอบ
“เลิกคลาสได้แล้วครับ แกงส้มอยู่คุยกับครูก่อน” พี่ฮั่นเริ่มใช้อำนาจในทางที่ผิดแล้วนะสิ พี่โดมเลยชวนสมายล์ไปรอผมหน้าลิฟต์ พี่ฮั่นยืมพิงตัวที่ผนังอย่างเท่อ่ะ ไม่ไหวๆ....ห้ามมองเดี๋ยวเคลิ้ม!!!
“สมายล์ ไม่ต้องให้แม่มารับนะ พี่จะไปส่งเองวันนี้” ผมตะโกนข้ามห้องบอก ก่อนที่สองคนจะออกจากห้อง ทุกคนในห้องเฮขึ้นมา สมายล์อ้าปากค้าง รีบดึงพี่โดมที่จะกำลังจะอ้าปากแซวออกไปนอกห้อง
“แกงไหนว่าน้องสาวไง นี่มันเรียกว่าคิดไม่ซื่อนะเนี่ย” เพื่อนๆ แซวกันจนหมดคนสุดท้ายที่ออกไป พี่ฮั่นเดินไปปิดประตูล๊อค ก่อนที่จะก้าวเข้ามาหาผมที่ยืนไม่สะทกสะท้านกลางห้อง
“นี่เรากับเด็กคนนั้น มันยังไง” พี่ฮั่นพูดกับผมเสียงเครียด สีหน้าคาดคั้นที่จะเอาคำตอบ
“ก็เรื่อยๆ มันเป็นเรื่องของอนาคต” คำตอบดูดีใช้ได้ อะไรที่ทำให้คนๆนี้รู้สึกแย่ผมทำหมดแหละ
“แกงส้ม...เรายังรักพี่อยู่ ยอมรับเถอะ” พี่ฮั่นจับไหล่ผมทั้งสองข้าง มองเข้าไปในดวงตาผม ผมสะบัดตัวออกทันที ผมยิ้มให้พี่ฮั่นอย่างเยาะเย้ย แววตาพี่ฮั่นดูเจ็บปวด
“พี่คิดว่าคนเรามันจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลยเหรอ ผมนี่แหละที่เปลี่ยนแปลงได้” ผมบอกออกไป พี่ฮั่นกำหมัดแน่น กัดริมฝีปากควบคุมอารมณ์สุดฤทธิ์
“แล้วพี่ก็เลิกยุ่งกับผมสักที ให้ผมมีชีวิตดีๆบ้างเถอะนะ ทำร้ายชีวิตผมแบบนี้ไม่ละอายใจบ้างรึไง ผมทนพี่ไม่ไหวแล้ว หยุดคิดว่าผมรักพี่ มันไม่ใช่แล้ว” ผมพูดตอกย้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะทิ้งผู้ชายคนนั้นอยู่เพียงลำพัง เจ็บมากแต่ขอแค่สภาพแบบนี้มันผ่านพ้นไปก็พอ.....
ผมใจหาย....ตอนนี้พี่ฮั่นออกไปจากชีวิตผมแล้วจริงๆ เพราะตอนนี้ที่คลาสเรียนเต้นพี่ฮั่นก็ลาไม่มีกำหนด บ้านตรงข้ามก็ไม่เปิดไฟมาสองอาทิตย์แล้ว ถ้ารักกันจริง ทำไมแค่นี้ต้องถอดใจด้วย พี่ไม่รู้รึไงว่าผมทำประชดพี่ อีกแล้วๆ พี่ฮั่นพี่ไร้เดียงสาเกินไปอีกแล้ว ไปส่องที่ร้านพี่ชายสองแฝดดีกว่า
“สวัสดีครับ พี่แกงส้ม” เมื่อผมเข้าไปในร้านลูกน้องในร้านก็ทักผมขึ้นมา
“พี่เอพี่บีไปไหน ไม่อยู่เหรอ” เมื่อกวาดสายตามองไม่เห็น ผมเลยถามออกไป
“อ่อ ไปเยี่ยมเพื่อนหน่ะครับ ได้ยินข่าวว่าป่วยหนัก ตรอมใจอะไรประมาณนี้แหละครับ” คำตอบที่ได้...หรือว่าเป็นพี่ฮั่น เพราะหายไปนาน นี่เราทำให้พี่ฮั่นเป็นขนาดนี้เลยเหรอ ผมรีบขับรถไปที่บ้านพี่ฮั่นที่ๆ เราเคยมีความสุขด้วยกัน มีรถจอดอยู่หลายคัน ที่นี่จริงๆ ด้วย ผมรีบวิ่งเข้าไปในตึกไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พี่แคน สต๊อป พี่เอ พี่บี นั่งรวมกันสีหน้าเครียด พี่ฮั่นละ
“แกงส้ม” พี่แคนรีบเดินเข้ามาหาผมทันที
“พี่ฮั่นละครับ” ผมรีบถามออกไป พี่เอพี่บีเบือนหน้าหนี สต๊อปก้มหน้า
“ไอ่ฮั่นมันป่วย ข้าวปลาไม่ยอมกิน วันๆ เอาแต่นั่งซึม พี่จะพาไปหาหมอก็ไม่ยอม” พี่แคนพูดกับผมน้ำเสียงจริงจังปนเศร้า ไม่น่าเชื่อ คนที่เข้มแข็งอย่างพี่ฮั่นจะเป็นแบบนี้ได้
“แกงส้ม ขึ้นไปหาพี่ฮั่นหน่อยนะ เราขอร้อง” ถึงสต๊อปไม่ขอ ผมก็ต้องขึ้นไปอยู่ดี พี่ฮั่นอย่าเป็นแบบนี้สิ ผมรีบวิ่งขึ้นบันไดไป ประตูห้องที่ผมคิดถึง คนที่ผมรักอยู่ข้างใน ผมเปิดประตูเข้าไป ร่างสูงนั้นนอนซมอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียวทำผมน้ำตาไหลเป็นทาง
“พี่ฮั่น” เสียงสะอื้นที่เรียกออกไป ทำให้เปลือกตาคู่นั้นพยายามเปิดขึ้นมา ผมค่อยก้าวไปหา
“แกง” น้ำเสียงที่เคยมีพลังกลับดูอ่อนแรงแผ่วบางเหลือเกิน ผมนั่งลงข้างร่างสูงนั้น
“พี่ฝันไปรึเปล่า” น้ำเสียงนั้นสดใสขึ้นมานิดหน่อย ผมยิ้มให้พี่ฮั่นด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุด
“ไม่ได้ฝันครับ ผมเอง พี่ฮั่นไปหาหมอเถอะนะ พี่ดูแย่มากเลยนะ” ผมกุมมือทั้งสองข้างของพี่ฮั่นไว้
“ดูแย่เหรอ ไม่เป็นไรหรอก ถึงพี่ดูดี แกงก็คงไม่กลับมารักพี่หรอก พี่ขอโทษนะ” พี่ฮั่นตัดพ้อ
“ไม่จริงเลยนะพี่ฮั่น ที่ผมพูดแบบนั้นเพราะผมน้อยใจพี่อยากประชดพี่ ตั้งแต่มีพี่เข้ามาในชีวิต ไม่มีเลยสักวันที่จะไม่รักพี่ ผมรักพี่นะพี่ฮั่น รักมากด้วย” ผมทั้งร้องไห้สะอื้นซบลงบนอกกว้างของพี่ฮั่น
“จริงเหรอ” น้ำเสียงพี่ฮั่นดูดีใจ ผมรู้สึกได้ถึงโอบกอดพี่ฮั่นที่โอบรัดรอบตัวผม
“อื้ม” ผมร้องไห้จนพูดอะไรไม่ออก พี่ฮั่นยันตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“โอ๋ๆๆๆ ไม่ร้องนะคนดีของพี่” เอ๊ะ!!! ทำไมหายเร็วจัง พี่ฮั่น....ไอ่คนเจ้าเล่ห์ ผมพยายามจะดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดนั้น แต่พี่ฮั่นรัดผมไว้แน่นเหลือเกิน คนขี้โกงงงงงงงงง
“ทำไมเป็นคนแบบนี้” ในเมื่อผมไปไหนไม่ได้ ก็เลยทุบอกกว้างแข็งแรงที่รังแกผม จะเอาให้ซี่โครงหักเลย คนเค้าอุตส่าห์วิ่งแจ้นมากลัวจะตายเอา ยังมาทำแบบนี้นะ มีมีดมั้ยครับ!!!!
“พี่รักเรานะ อย่าไปจากพี่เลยนะ พี่รู้ว่าพี่ผิดที่คิดอะไรบ้าๆทิ้งเราไปแบบนั้น แต่สาบานมันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วนะนะ เชื่อพี่นะ” พี่ฮั่นอ้อนวอนผม ทั้งน้ำเสียง สีหน้า แววตา มันจับใจผมจริงๆ
“แล้วพี่หนีไปแอลเอทำไม ที่สำคัญคือไม่ลาผมสักคำ” ผมก้มหน้าสะอึกสะอื้นน้ำตาไหลเป็นทาง
“ก็ตอนนั้นพี่คิดว่าพี่คงทำใจไม่ได้ถ้าต้องอยู่ใกล้เราแบบนี้ ตั้งแต่เราออกโรงพยาบาลพี่เอารถมาจอดไว้หน้านอนเฝ้าเราทุกวัน แต่ภาพที่เราเจ็บเพราะพี่มันทำร้ายหัวใจพี่มาก เหมือนพี่ปกป้องเราไม่ได้ พี่ละอายที่จะมาเจอเราอีก ก็เลยตัดสินไปเรียนเต้นอยู่ที่นู้นเผื่ออะไรๆจะดีขึ้น” พี่ฮั่นพูดคลายอ้อมกอด เอาคางมาเกยที่ไหล่ผม กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยโชยเข้าจมูกอีกครั้งหนึ่ง ผมแน่ใจแล้ว...ว่าผมไม่มีทางลืมคนๆนี้ได้
“แล้วมันดีขึ้นมั้ยล่ะ” ผมไม่วายประชด ก็ทำอะไรไม่ถาม ผมเองทรมานแทบตายตื่นมาไม่เห็นหน้าพี่ฮั่นอยู่ข้างเตียง เจ็บก็เจ็บไม่โผล่หน้ามาดูแล รู้อีกทีหนีไปแอลเอเงี้ย!!! มันน่าแทงพุงนัก
“ไม่เลยสักนิด คิดถึงแต่เราทุกๆวัน พอพี่ที่นี่ส่งงานออกแบบท่าเต้นไปให้ เห็นชื่อแกงนะพี่แทบบ้า รู้ตัวอีกทีอยู่บนเครื่องกลับมาที่ไทยแล้ว” พี่ฮั่นบิดตัวผมให้หันหน้าไปทางตัวเอง ก่อนที่จะลูบหัวผมเบาๆ
“ทำมาเป็นรักนะ ทำฝรั่งท้องไปกี่คนแล้วก็ไม่รู้” ผมเบือนหน้าหนีนิดๆ ของอนหน่อยเหอะ
“ไม่ได้ทำเป็นรัก แต่มันเป็นรักจากใจต่างหาก รักที่ไม่มีอะไรห้ามพี่ได้เลย แกงส้มหัวใจพี่มันเป็นของเราตั้งนานแล้ว ล้มตัวลงนอนก็คิดถึง ลืมตาตื่นก็คิดถึง ถ้าไม่ใช่เราพี่คงไม่รู้จักคำว่ารักแท้หรอกนะ” พี่ฮั่นพูดพลางเชยคางผมขึ้น ริมฝีปากที่ร้อนผ่าวประทับบนริมฝีปากผม สายลมที่พัดโชยเข้ามาให้ห้องเหมือนพยานแห่งความรัก พี่ฮั่นดื่มด่ำรสหวานจากปากผมอยู่เนิ่นนาน ความสุขล้นปริ่มในอกผมแทบจะขาดใจ สายตาที่พี่ฮั่นมองมาที่ผม ผมขอยึดมันไว้เป็นของผมเพียงคนเดียวนะ
“พี่ฮั่น...อย่าทำแบบนี้อีกนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม จำไว้นะ ผมยังคงต้องการพี่เสมอ ไม่มีวันที่ผมจะมีความสุขได้โดยปราศจากไออุ่นแห่งความรักจากพี่ รักนะ” ผมเอ่ยคำที่อยู่ในใจผม พี่ฮั่นพยักหน้ารับเบาๆ ความรักของเรามันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ปัญหาและอุปสรรคใดๆจะมาขวางกั้น โลกนี้ที่มีผู้ชายคนนี้เคียงข้าง ผมจะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แกงส้มกับพี่ฮั่นเราจะเป็นรักอมตะไม่ต้องยิ่งใหญ่หรือลึกซึ้งในสายตาใครๆ แค่หัวใจเรารับรู้และสัมผัสได้ แค่นี้แหละที่ผมต้องการ......... The End
จากใจไรเตอร์
ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนนะคะที่ติดตามกันมาถึงตอนจบ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในการแต่งฟิคให้คำแนะนำได้นะคะ เพราะเป็นนักแต่งหน้าใหม่ เม้นได้ด้วยยิ่งดีเพราะ อ่านทุกเม้นจริงๆ (แอบเห่อ) เรื่องจบแล้ว แต่....ยังมีเรื่องใหม่ที่จะฝากไว้ให้ทุกคนได้อ่าน ถ้ายังไม่เบื่อกันก็ช่วยติดตามกันหน่อยนะคะ
ขอบคุณ ฮั่นและแกงส้ม ที่ทำให้เรารู้ตัวว่ามีเลือดวายไหลเวียนในร่างกายขนาดนี้ เพราะสองคนนี้ถึงทำให้เกิดความรู้สึกอยากแต่งฟิคขึ้นมา และได้มาเจอกับรีดเดอร์น่ารักๆ แบบนี้
ความคิดเห็น