ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รัก- ลืม -ร้าย หัวใจพ่ายเธอ

    ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 14: ทางตัน

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 55


     
                   

    HUT talk
    ผมเตรียมตัวอยู่นานก่อนที่จะออกไปที่บ้านเสี่ยอิทธิพล วันนี้ผมจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อยอย่างที่พี่นัทต้องการ สมายล์...อดทนอีกนิดนะพี่จะทำให้สมายล์มีความสุขมากกว่านี้แน่นอน ผมเลี้ยวรถเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่คุ้นเคย ผมเหลือบไปเห็นน้องสาวของผมนั่งอ่านหนังสือที่ศาลาในสวน ผมเปลี่ยนทิศทางต่อไปหาร่างเล็กนั้นทันที
    “สมายล์” ผมร้องเรียกชื่อน้องสาว สมายล์เงยหน้าจากหนังสือด้วยความตกใจ เมื่อเห็นหน้าผมสมายล์รีบลุกเพื่อที่จะเดินหนีทันที
    “ไม่ต้องไปไหนหรอก พี่แค่จะมาบอกว่าทุกสิ่งที่สมายล์ทำลงไปพี่ไม่เคยโกรธ” ผมรีบบอกสิ่งที่อยู่ในใจ สมายล์หันหน้ามามองผมอย่างชั่งใจ ในหัวนั้นคงมีความคิดมากมายวิ่งวนอยู่
    “สมายล์ขอโทษ” ในที่สุดคำขอโทษก็ออกมาจากปาก ผมยิ้มรับเพื่อให้ร่างบางไร้เดียงสานี้สบายใจ ในเมื่อเรื่องมันเกิดไปแล้ว...ผมก็ต้องก้มหน้ารับกับมัน ผมเดินออกมาจากศาลาเพื่อตรงดิ่งทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จ เสี่ยอิทธิพลนั่งรอผมในห้องทำงาน เมื่อผม้ปิดประตูเข้าไปเสื่อก้วางงานในเมื่อหันมาคุยกับผม
    “มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า...” เสี่ยพูดขึ้นพร้อมผายมือเป็นสัญญาณอนุญาตให้ผมนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม ผมเองก็ก้มหัวรับคำก่อนนั่งลง
    “ผมอยากดูแลน้องมากกว่านี้ ถ้าเสี่ยจะอนุญาตผมขอให้น้องไปอยู่กับผม” ผมเริ่มต้นประโยคตามที่คิดไว้ เสี่ยมองหน้าผมอย่างพิจารณา
    “ให้ไปอยู่ด้วยคงไม่ได้ เข้าใจชั้นใช่มั้ย???” เสี่ยตอบกลับพร้อมทิ้งน้ำหนักตัวไปที่พนักพิงของเก้าอี้
    “เสี่ยจะให้ผมทำอะไรก็ได้ เป็นคนสวนคนขับรถให้เสี่ยผมก็ยอม” ผมชี้ช่องให้เสี่ยอิทธิพล
    “นายยอมขนาดนั้นจริงๆเหรอ นับถือน้ำใจ เห็นแก่นายนะย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านชั้น แล้วคอยไปไหนมาไหนเป็นเพื่อนชั้นละกัน นอกจากนายจะได้ดูแลน้องสาวแล้ว อลิซลูกสาวชั้นเองก็คงดีใจ” เสี่ยอิทธิพลยื่นข้อเสนอที่เข้าทางผม แต่สิ่งที่ผมไม่ค่อยจะดีใจนักก็ตรงการได้เข้ามาใกล้ชิดอลิซ....มันทำให้ผมลำบากใจ!!!
     
    “พี่ฮั่นนั่นมันกระเทียม ผมบอกว่าเอาหอมแดงมันต้องสีแดงสิ!!!” ผมร้องดุพี่ฮั่นเป็นรอบที่สามร้อยแล้ว คนอะไรแม้แต่กระเทียมกับหอมแดงยังแยกกันไม่ออก.... อารมณ์เสียจริงๆ
    “แกงส้ม...ยอมรับเถอะว่าพี่ไปไม่ไหวกับทางนี้” พี่ฮั่นโอดครวญขอความเห็นใจ
    “พี่ฮั่นนี่มันปัจจัยสี่นะ คนทำอาหารไม่เป็นจะอยู่รอดได้ยังไง” ผมอธิบายความจำเป็นในการฝึกให้พี่ฮั่นทำอาหาร พี่ฮั่นเดินเอาหอมแดงสามสี่หัวยื่นให้ผม
    “พี่ก็ซอยสิ” ผมหันไปสั่ง พี่ฮั่นหยิบมีดมาอย่างเงอะงะ ดูแล้วตลกจริงๆ
    “แกงส้มทำอาหารอร่อยจะตาย พี่มีแกงส้มพี่ไม่อดตายหรอก” พี่ฮั่นก้มหน้าซอยหอม แต่ปากก็ยังแย้งไม่เลิก
    “สมมติว่าผมป่วย เราสองคนก็กอดคอกันอดตายว่างั้น” ผมตอบมือก็ยังหั่นผักอย่างรวดเร็ว
    “ไอ่เอไอ่บีก็มี ร้านอาหารก็มี แกงส้มน้ำตาพี่ไหลลลลล....” พี่ฮั่นร้องเสียงหลง ผมละไม่ไหวกับคนๆนี้จริงๆ ก้มลงไปซอยหอมซะจมูกจะติดเขียงอยู่แล้ว น้ำตาไม่ไหลก็ไม่ใช่คนแล้ว!!!
    “วางมีดแล้วไปล้างหน้าซะ พี่ฮั่นเนี่ยไม่ได้เรื่องจริงๆ” ผมถอนหายใจแรงๆทีหนึ่งให้กับความไม่รู้เรื่องรู้ราวของพี่ฮั่น
    “แกงส้มพูดแบบนี้พี่เสียใจนะ” พี่ฮั่นหันหลังกลับมาพูดเสียงอ้อน ทำปากแบะใส่ จากที่วีนๆเหวี่ยงๆไปก็กลายเป็นหัวเราะออกมาทันที อยากถ่ายรูปให้พี่เอพี่บีเห็นจัง ว่าเจ้านายก็มีมุมอะไรแบบนี้กับคนอื่นเค้าเหมือนกัน
    “พี่ฮั่นพี่จะไปไหนก็ไปเถอะครับ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” ผมพูดกลั้วหัวเราะ พี่ฮั่นเบิกตากว้าง
    “มีพรุ่งนี้อีกเหรอ ทำไมเจ้าบุญหลงถึงได้กินแบบสบายๆ ส่วนพี่ต้องลำบากลำบนด้วยเนี่ย พี่ไม่เข้าใจ!!!” พี่ฮั่นโวยวายเหมือนเด็กๆ ผมเท้าเอวเพื่อขู่ขวัญคนรัก
    “ถ้าพี่ฮั่นหากินแมลงตามต้นไม้เหมือนเจ้าบุญหลงพี่ฮั่นก็คงไม่ลำบากหรอกครับ หรือลองดูสักวัน” ผมแกล้งดุพี่ฮั่น เห็นท่าทางหมดอาลัยตายอยากของหนุ่มร่างสูงใหญ่แล้วมันดูสบายใจอย่าบอกไม่ถูก
    “นับวันแกงส้มยิ่งปากคอเราะร้ายเหมือนตอนก่อนความจำเสื่อมขึ้นไปทุกวันแล้วนะ ไม่เอาแล้วพี่ไปคุยกับบุญหลงดีกว่า คุยกับแกงส้มแล้วปวดหัวใจ!!!” พี่ฮั่นพูดสะบัดเพราะความน้อยใจ แต่ผมอึ้งกับคำพูดของพี่ฮั่นมากกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ฮั่นพูดถึงอดีตของผม อาจเป็นเพราะสีหน้าของผมที่ทำให้พี่ฮั่นยืนนิ่งก่อนเดินออกไปเงียบๆ มันคือสิ่งที่ค้างคา ทำไมพี่ฮั่นถึงไม่อยากพูดเรื่องอดีต และมีท่าทีไม่พอใจทุกครั้งที่ผมจำเรื่องราวบางอย่างได้ ซึ่งบางครั้งผมสัมผัสถึงความกลัวในใจของพี่ฮั่น แต่ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น...ผมเลือกที่จะไม่พูดรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ตอนนี้ผมมีหน้าที่ในการทำอาหารเย็นให้กับทุกคนได้ทาน ผมควรใส่ใจแค่เรื่องนี้ แต่ทำไมนะน้ำตาถึงไหลออกมา....พี่ฮั่นผมขอโทษ สักวันผมจะแข็งแรงพอ สักวันผมจะอยู่เคียงข้างพี่ได้อย่างมีความสุข มันต้องมีวันนั้น ผมสัญญา.....
    อาหารเย็นทุกอย่างเรียบร้อย พี่เอกับพี่บีก็เพิ่งกลับมาจากไร่ ผมยืนมองอาหารฝีมือตัวเองอย่างภูมิใจ ถึงความจำจะเสื่อม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรไม่ได้สักหน่อย
    “เสร็จแล้วเหรอ...โหยยยยย...นี่มันมืออาชีพชัดๆ” พี่บีเยี่ยมหน้าเข้ามาห้องครัวอย่างตื่นเต้น
    “งั้นพี่ไปเรียกพี่ฮั่นก่อนนะ” พี่เอที่กำลังเตรียมจานเสนอตัวไปเรียกพี่ฮั่น
    “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปเรียกเอง ที่เหลือฝากพวกพี่ด้วยนะครับ” ผมพูดพร้อมถอดผ้ากันเปื้อนอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปที่กรงของเจ้าบุญหลง ผมเดินไปเงียบเห็นพี่ฮั่นนั่งก้มหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรในใจ
    “เจ้าบุญหลงอิ่มแล้วเหรอพี่ฮั่น” ผมเลือกที่จะใช้โทนเสียงสดใสเพื่อความสบายใจของคนรัก
    “อื้ม...แกงส้มทำอาหารเสร็จแล้วเหรอ???” พี่ฮั่นสะดุ้งกับเสียงผมเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถาม
    “เสร็จแล้วจะมาเรียกพี่ไปทานข้าวเนี่ยแหละ” ผมพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง พี่ฮั่นส่งยิ้มฝืนกลับมา
    “พี่ฮั่นมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า” ผมถามออกไป ก่อนที่จะย้ายตัวเองไปนั่งข้างๆร่างแข็งแรงนั้น
     “พี่กลัว...” พี่ฮั่นพึมพำออกมาเบาๆ น้ำเสียงที่ส่งผ่านออกมานั้นทำให้ผมรู้สึกสงสารคนรักอย่างบอกไม่ถูก ผมคว้ามือเรียวนั้นมาแนบแก้มโดยที่ไม่พูดอะไร การอยู่เงียบๆให้พี่ฮั่นได้ระบายความในใจคงจะเป็นการปลอบใจที่ดีที่สุดพี่ฮั่นคว้าตัวผมไปกอดไว้แนบอกกว้างนั้น
     “พี่กลัวว่าสิ่งที่พี่ทำไปอาจจะทำให้คนที่พี่รักไม่มีความสุข” ประโยคท้ายผมรู้สึกถึงมือที่กระชับร่างผมแน่นสื่อให้รู้ว่าพี่ฮั่นพูดถึงผม ไม่นึกว่าความรักมันช่างยากเย็นแบบนี้ ทั้งที่เรารักกันมากแต่ทำไมต้องมีความอึดอัดแบบนี้กั้นขวางเราอยู่ด้วย
    “บางทีเราก็แค่ปล่อยมันไปตามที่มันควรจะเป็น เราแค่ใช้ชีวิตไปวันๆ มีความสุขไปวันๆ มีปัญหาก็แก้กันไป อย่างเพิ่งไปนึกถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดเลยนะ” ผมเลือกที่จะปลอบใจคนรัก ผมไม่รู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาผมมีอะไร ทำเพื่ออะไร ใช้ชีวิตแบบไหน แต่วินาทีนี้...ความสุขของพี่ฮั่นคือความสุขของผม โลกของผมมีอยู่สิ่งเดียวที่มีค่าก็คือคนที่อยู่ข้างๆ ไม่ว่าอะไรที่ทำให้พี่ฮั่นมีความสุขถึงตัวผมเองต้องเป็นฝ่ายทุกข์ผมก็ยอม....
     
    HUNZ talk
    ผมโอบรัดร่างของแกงส้มไว้แนบหัวใจ นับวันความรู้สึกมันเริ่มเกาะกินใจผม ผมลองย้อนมองดูสิ่งที่ผ่านมา มันถูกต้องแล้วเหรอ???? ที่เป็นฝ่ายกำหนดชีวิตของแกงส้ม ยิ่งคำปลอบโยนของแกงส้มทำให้ผมอยากชกหน้าตัวเองสักครั้ง ป่านนี้ครอบครัวของแกงส้มคงจะเป็นห่วงมาก แต่ผมก็ยอมแพ้ให้กับปิศาจร้ายในตัวผม ผมเห็นแก่ตัวมากพอที่เก็บแกงส้มไว้เพียงคนเดียว ผมไม่เคยให้แกงส้มได้เลือกทางเดินของตัวเอง ผมทำให้ตัวเองได้มีความสำคัญในชีวิตแกงส้ม บางครั้งผมยังแอบคิดว่าความรักที่แกงส้มมีให้ผมมันจะไม่ใช่ความรักจริงๆ มันเป็นแค่การหลงอยู่ในบทที่ผมสร้างขึ้น ถ้ามองตามความจริงแล้ว คนอย่างผมคือหมายเลขหนึ่งในบัญชีคนน่ารังเกียจของแกงส้มด้วยซ้ำ ความทรมานมันเริ่มกัดกินผมเหมือนที่เฟรมเคยเตือนแล้วจริงๆ
     
    HUT talk
    และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง วันนี้เป็นวันที่ทุกอย่างกำลังจะสิ้นสุดลง ผมมองรถคันหรูพ้นประตูออกไปอย่างผู้มีชัย หากทุกอย่างสำเร็จ ผมและสมายล์ก็จะหลุดพ้นจากสภาพที่เป็นแบบนี้สักที ผมอยากไปใช้ชีวิตของตัวเอง ที่มีเฟรมอยู่เคียงข้าง พ่อครับ...ผมทำหน้าที่พี่ชายที่ดีแล้วนะครับ ผมเลือกที่จะหยิบหนังสือมาอ่านเพื่อรอเวลาที่เสี่ยอิทธิพลต้องชดใช้กับความเลวของตัวเองสักที
    “คุณอลิซคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วคะ” เสียงเด็กรับใช้ร้องตะโกนโวยวาย พร้อมเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น
    “พี่ฮัท...เสี่ยอิทธิพลถูกจับแล้ว พี่กับน้องสาวเป็นอิสระแล้วนะคะ” เสียงเฟรมดังขึ้นมาอย่างรอช้า
    “พี่รอวันนี้มานานแล้วรู้มั้ย???....เฟรมถ้าพี่เสร็จธุระทุกอย่างแล้วพี่จะไปหานะ พี่ขอกอดเฟรมแน่นๆสักครั้ง” ผมบอกคนรักด้วยความอิ่มเอมใจ
    “วันนี้พี่ฮั่นก็อยู่ที่นี่ อย่าได้หวังเลย” เฟรมพูดเสียงดัง พร้อมหัวเราะอย่างสดใสก่อนวางหูไป ผมรีบวิ่งไปเปิดลิ้นชักเพื่อเอาผลตรวจดีเอ็นเอไปยืนยันสิ่งที่ผมกำลังจะบอกสมายล์  ผมเปิดประตูออกมาเห็นอลิซวิ่งผ่านหน้าผมไปอย่างร้อนรน  สมายล์เองก็ยืนน้ำตาไหลอาบหน้าที่หน้าห้องของตัวเอง
    “สมายล์” ผมเรียกชื่อน้องสาวด้วยความห่วงใย
    “พี่ฮัท... คุณพ่อถูกตำรวจจับ” สมายล์สะอึกสะอื้นบอกผมอย่างความลำบาก
    “พี่รู้แล้ว.... สมายล์ดูนี่ซะ” ผมยื่นเอกสารผลตรวจดีเอ็นเอให้น้องสาวของผม สมายล์รับมาอย่างไม่เข้าใจ ผมพยักหน้าเพื่อให้สมายล์เปิดอ่านมัน มือเล็กๆ นั้นสั่นเทาเมื่อได้อ่านเน้อหาข้างในนั้น
    “นี่มันเรื่องจริงเหรอคะ” สมายล์เงยหน้ามามองผม ผมพยักหน้าอย่างหนักแน่น สมายล์ปาดน้ำตา
    “พี่ฮัท...สมายล์ขอกอดหน่อย” สมายล์พูดพร้อมร้องไห้โฮ ผมอ้าแขนเพื่อรอร่างเล็กนั้นซบมา ต่อจากนี้ไป...พี่จะไม่ให้น้องสาวคนนี้ต้องลำบากทั้งกายและใจอีกแล้วสมายล์ ต่อไปนี้สมายล์จะมีแต่ความสุขพี่ชายคนนี้จะดูแลคุ้มครองน้องเอง
    “สมายล์รีบไปเก็บของสำคัญมาเถอะ ต่อจากนี้ไปพี่จะเป็นคนดูแลสมายล์เอง” ผมรีบเร่งน้องสาวก่อนทุกอย่างอาจจะไม่ง่ายแบบนี้
    “ไม่ได้คะ...สมายล์ต้องอยู่เป็นเพื่อพี่อลิซก่อน ตอนนี้พี่เค้าไม่เหลือใครแล้ว สมายล์ทิ้งพี่อลิซไม่ได้คะ สมายล์สัญญานะคะว่าถ้าทุกอย่างเรียบร้อย สมายล์จะไปอยู่กับพี่ฮัท” สมายล์ส่ายหน้าปฏิเสธผม
    “แต่สมายล์มันอันตรายมากนะ พี่ไม่ยอมเด็ดขาด” ผมรีบแย้งทันที การที่จะปล่อยสมายล์ไว้กับอลิซเพียงลำพังมันดูไม่น่าไว้วางใจ ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินกว่าที่สมายล์จะเข้าใจ
    “ยังไงคุณพ่อกับพี่อลิซก็เป็นผู้มีพระคุณของสมายล์ พี่อลิซเองถึงบางครั้งจะอารมณ์รุนแรงไปบ้างแต่ลึกๆแล้วพี่อลิซก็รักสมายล์พี่ฮัทอย่างห่วงเลยคะ” จากถ้อยคำอ่อนหวานนั้นผมพบความเด็ดขาดในน้ำเสียงที่ไม่อาจจะเปลี่ยนใจได้
    “ถ้าอย่างนั้น มีอะไรก็โทรหาพี่นะ” ผมได้แต่กำชับไว้ สมายล์เองก็ส่งยิ้มตอนรับ
     
    SMILE talk
    “ก๊อก ๆ ๆ ๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชั้นจึงลุกจากเตียงไปเปิดประตูให้ เมื่อเปิดร่างของพี่อลิซก็โผมากอดชั้นทันที พี่อลิซร้องไห้อย่างหนักจนชั้นเองก็อดสงสารไม่ได้
    “พี่ไม่เหลือใครแล้ว ช่วยพี่นะ อย่าทิ้งพี่ไป” พี่อลิซร่ำไร้ปานจะขาดใจ
    “สมายล์ไม่ทิ้งพี่ไปไหนหรอกคะ” ชั้นลูบไปที่หลังขาวนวลนั้นเพื่อปลอบโยน
    “สมายล์...คุณพ่อบอกพี่ว่า สมายล์เป็นน้องสาวคนละแม่กับพี่ฮัท นี่คือ..เอกสารรับรอง” พี่อลิซเช็ดน้ำตาก่อนค้นเอาเอกสารออกจากกระเป๋าถือสุดหรู
    “รู้แล้วคะ พี่ฮัทบอกสมายล์แล้ว” ชั้นบอกความจริงกับพี่อลิซ พี่อลิซเบิกตากกว้างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน พี่อลิซก้มหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
    “พี่มีเรื่องสำคัญ....เกี่ยวกับพี่ฮัท” ทั้งแววตาและน้ำเสียงนั้นมันทำให้ชั้นรู้สึกใจคอไม่ดีเลย...
     
    HUT talk
    ผมวางสายจากสมายล์ที่โทรเข้ามาบอกว่ากำลังเดินทางมาที่คอนโดผม ซึ่งตอนนี้มีพี่ฮั่นและเฟรมอยู่ด้วย ความวุ่นวายในชีวิตผมจบลงซะที ผมหันไปมองหน้าพี่ฮั่นที่กำลังคุยกับเฟรมอย่างลำบากใจ ยังไงผมก็ต้องพาแกงส้มกลับไปสู่ครอบครัวของเค้า ถึงแม้ว่าแกงส้มจะจำใครไม่ได้แต่คนเราก็หนีความจริงไม่พ้น...
    “พี่ฮั่น...แกงส้มเป็นยังไงบ้างครับ” ผมเลียบๆเคียงๆถามถึงแกงส้ม พี่ฮั่นชะงักมองหน้าผมเหมือนพยายามมองทะลุหัวใจว่าสิ่งที่ผมกำลังคิดคืออะไร ผมเห็นแววตาหวาดกลัวที่ถูกพี่ฮั่นซ่อนเอาไว้
    “ก็...ยังจำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม แต่ก็ดูมีความสุขดีนะ” พี่ฮั่นตอบ
    “พี่ฮั่น เฟรมว่าเราเอาแกงส้มมารักษา...” เฟรมแทรกขึ้นมา พี่ฮั่นลุกขึ้นเดินหนี
    “วันนี้เราไม่คุยกันเรื่องนี้ได้มั้ย???” พี่ฮั่นซึ่งหันหลังให้ผมพูดเสียงเรียบ ผมกับเฟรมสบตากันอย่างลำบากใจ ผมเองก็ไม่อยากให้มีใครต้องเจ็บ... วันนี้ผมเองก็คงยังทำอะไรไม่ได้ยังพอมีเวลาอีกเดือนกว่าที่ครอบครัวแกงส้มจะกลับมา หวังว่าวันนั้นพี่ฮั่นคงจะทำใจได้บ้าง
    “ผมว่าจะให้สมายล์ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน พี่ฮั่นว่าไงครับ” ผมเลยเลือกที่จะเปลี่ยนทำลายความเงียบงันอันน่าอึดอัดนั้น พี่ฮั่นถอนหายใจยาวก่อนหันมาเข้าร่วมบทสนทนา
    “ก็ดีนะ... แต่เราเองจากนี้ไปก็ต้องทำงานให้พี่เหมือนเดิมน้องสาวเราจะไม่เหงาเหรอ???” พี่ฮั่นออกความเห็น
    “นั่นสิ...เอาแบบนี้มั้ย??? ให้สมายล์ย้ายไปอยู่บ้านเรา แล้วเดี๋ยวเฟรมจะดูแลน้องให้เอง” เฟรมโพล่งขึ้นมาพูดในสิ่งที่ผมคิดไม่ถึง แต่ผมเองก็คิดว่าเป็นความคิดที่ดี
    “น้อยๆหน่อย ประกาศตัวทำหน้าที่พี่สะใภ้เลยนะ” พี่ฮั่นโยกหัวน้องสาวของตัวเองด้วยความหมั่นไส้ ผมเองก็หัวเราะออกมาอย่างเขินๆ กับความน่ารักของคนรัก เฟรมเป็นคนน่ารักมีน้ำใจ แต่พอถึงคราวต้องตัดสินใจอะไรเธอก็มีความเด็ดเดี่ยวเหมือนกัน ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้ผมมอบหัวใจให้กับเธอ...
    “ไม่ใช่อย่างนั้น พี่ฮัทขนาดตัวเองถ้าไม่กำชับข้าวเนี่ยก็ลืมทานตลอด แล้วแบบนี้น้องสาวจะไม่อดตายเหรอ” เฟรมรีบแย้งขึ้นมาทันที ทำหน้าจมูกย่นเมื่อถูกพี่ชายแซว
    “ผมก็ว่ายังงั้นแหละครับ อีกอย่างนึง ให้ผู้หญิงเค้าดูแลกันมันก็คงจะดีกว่า” ผมพูดขึ้นมา เฟรมยิ้มร่าหันไปยักคิ้วให้พี่ชายเมื่อผมเองก็เห็นด้วย หลังจากพูดเรื่องเรื่อยเปื่อยเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมลุกไปเปิดประตูเพื่อตอนรับน้องสาวอย่างเป็นทางการสักที แต่เมื่อเปิดประตูออกไปนั้น สิ่งที่ผมเห็นมันทำให้ผมรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าสมายลืมีริ้วรอยความทุกขือย่างชัดเจน เบื้องหลังนั้นมีร่างสูงบางของอลิซอยู่
    “อลิซ!!!” ผมร้องเรียกชื่อนั้นเบาๆ ก่อนจะไปมองหน้าสมายล์...นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!
    “ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ยคะ” อลิซพูดเสียงเบาแต่ผมได้ยินถึงชัยชนะในน้ำเสียง ผมเบี่ยงตัวหลบในสองสาวเข้ามาโดยดี
    “อลิซ...เธอมาทำไม” เฟรมร้องขึ้นด้วยเสียงโกรธเกรี้ยว อลิซวางกระเป๋าใบใหญ่ลง
    “ชั้นย้ายเค้ามาอยู่กับครอบครัวใหม่ของชั้น ที่พี่ฮัท สมายล์และก็ชั้น” อลิซตอบโต้อย่างไม่เกรงกลัว ผมรู้สึกถึงความแตกหักระหว่างผมกับเฟรมขึ้นมา อย่านะอลิซ....อย่าทำร้ายเราแบบนี้เลย
    “เธอเลิกใช้สมายล์เป็นข้ออ้างจับผู้ชายได้มั้ย??? ชั้นกับพี่ฮัทรักกัน....เธอเองควรจะยอมรับได้แล้ว อย่าทำเรื่องราวยุ่งยากให้มันมากไปกว่านี้เลย” เฟรมลุกขึ้นเถียงทันควัน พี่ฮั่นจับแขนน้องสาวไว้
    “เธอคิดว่าใช้สมายล์เป็นข้องอ้างในการอยู่กับพี่ฮัทงั้นเหรอ??? แม่เด็กน้อย” อลิซพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน สิ่งที่ผมกลัวกำลังใกล้เข้ามาถึง....
    “เธอจะพูดอะไรก็พูดออกมา” เฟรมกรีดร้องเสียงสูงอย่างเหลืออด
    “ชั้นท้องกับพี่ฮัท เราสองคนกำลังจะมีลูกด้วยกัน” อลิซกระแทกเสียงอย่างสะใจ สิ่งที่ผมได้ยินมันร้ายแรงกว่าที่ผมคิด... อลิซท้องงั้นเหรอ??? ผมทำอะไรลงไป
    “ไม่จริง” เฟรมพึมพำออกมาเบาๆ หันมามองหน้าผมหวังจะให้ผมปฏิเสธคำพูดนั้น
    “ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามพี่ฮัทดูสิ ว่าชั้นกับเค้าเคย.....”
    “หยุดเดี๋ยวนี้” ผมตะโกนออกไปทั้งที่รู้ว่ามันสายไป เฟรมมองหน้าผมด้วยสายตาอ้อนวอน
    “หรือพี่ฮัทจะบอกว่ามันไม่จริง เราสองคนไม่เคยมีอะไรกันงั้นเหรอ???” อลิซหันมาท้าทายผม ผมนิ่งไปเพราะมันไม่อาจจะปฏิเสธได้ ถึงแม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นแผนของอลิซ แต่ผมจะพูดออกไปได้อย่างไร ผมไม่อยากพูดจาใส่ร้ายผู้หญิงได้  ผมหันไปสบตาคนรักที่น้ำตาไหลอาบแก้มขาวใสนั้น เฟรมพี่ขอโทษ.... อย่าร้องไห้นะ พี่...รักเฟรมนะ แต่คำร่ำร้องของผมคงส่งไม่ถึงใจบอบช้ำดวงนั้น เฟรมวิ่งออกไปจากห้องทันที ผมเองก็ไม่รั้งรอฟังคำทัดทานจากใครๆ วิ่งตามคนรักของผมไปทันที ผมคว้าข้อมือเฟรมได้ที่หน้าลิฟต์ ก่อนที่จะดึงร่างบางนั้นมากอดรัดไว้แน่น ผมไม่อย่าเสียผู้หญิงคนนี้ไปอีกแล้ว ใครก็ได้ช่วยชี้ทางออกให้ผมที
    “เฟรมฟังพี่ก่อนนะ อย่าเพิ่งไปจากพี่เลย” ผมอ้อนวอนทั้งน้ำตา ร่างบางนั้นนิ่งอยู่ในอ้อมอกของผม
    “มีเพียงอย่างเดียวที่เฟรมจะฟัง คือพี่ฮัทไม่ได้มีอะไรกับอลิซ แค่พี่ฮัทพูดออกมาเฟรมจะอยู่เคียงข้างพี่ไม่ไปไหน เฟรมจะเชื่อพี่เพียงคนเดียว” เฟรมพูดเสียงเบาราวกับกำลังอธิษฐาน แต่ผมจะโกหกผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร ในเมื่อผมก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำ...ผมทิ้งลูกตัวเองไม่ได้ ผมจะทำอย่างที่พ่อทำกับสมายล์ไม่ได้ ผมคลายวงแขนออกจากร่างของหญิงสาวอันเป็นที่รัก เฟรมยกมือทั้งสองข้างมาปิดหน้าทันที
    “เฟรม...พี่ขอโทษ” ผมทำได้เพียงเท่านี้จริงๆ ร่างบางนั้นเข้าไปในลิฟต์อย่างเงียบๆ พร้อมรอยน้ำตา ไม่ใช่แค่เฟรมที่เจ็บปวด หัวใจของพี่ตอนนี้ก็แตกเป็นเสี่ยงไม่ต่างกัน....
     
    ปล. กว่าจะแต่งเสร็จอิอิ มัวแต่ไปลุ้นวอลเล่ย์มาสองวันติด สปอยล์เล็กน้อยว่านับตั้งแต่ตอนหน้าถึงตอนจบมีดราม่าทุกตอน อย่างเพิ่งเบื่อกันน้า เดี๋ยวคราวหน้าจะแต่งให้ครบตอนแล้วเอาลงทีเดียว กลัวรีดเดอร์อารมณ์ไม่ต่อเนื่อง ยังไงก็เม้นติชมเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้นักกีฬาไทย เอ๊ยยยยย!!! ไรเตอร์ด้วยนะจ๊ะ^^
    ปล. อีกที อร๊ายยยยยย...แอบมีคนรู้ทัน ไรเตอร์อายนะเนี่ย
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×