คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13: เส้นทางแห่งรัก
SMILE talk
ความรู้สึกผิดที่มีมันทำให้ชั้นไม่มีความสุข ทั้งที่พี่ฮัทเองก็ดีกับเรามากมายหรืออาจจะเป็นพี่ชายของเราจริงๆ ด้วยซ้ำ แต่ความไม่กล้าที่จะขัดใจพี่อลิซก็เอาชนะทุกสิ่ง มันเป็นเรื่องร้ายกาจมากในสิ่งที่ชั้นทำลงไป บางทีมันอาจกลายเป็นการทำลายชีวิตผู้ชายคนนั้นทั้งชีวิตก็เป็นได้ สมายล์แค่เพียงเธอกล้าหาญอีกสักนิด เรื่องแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“สมายล์!!!” เสียงพี่อลิซทำให้ชั้นตื่นจากวังวนความคิดของตัวเอง พี่อลิซนั่งลงข้างๆชั้นพี่กำลังนั่งอยู่ห้องนั่งเล่น
“ไปเที่ยวกัน วันนี้พี่จะตอบแทนน้องสาวที่ช่วยเหลือพี่” พี่อลิซคว้ามือชั้นดึงขึ้นจากโซฟา โดยไม่รอฟังคำตอบ ก่อนที่จะไล่ชั้นไปอาบน้ำแต่งตัว ซึ่งก็เหมือนเดิมถึงแม้ชั้นจะไม่อยากไปแต่ก็ไม่อาจจะทำตามใจตัวเองได้อยู่ดี พี่อลิซพาชั้นมาซื้อเสื้อผ้าซึ่งพี่อลิซก็ทำหน้าที่พี่สาวที่ดี โดยการแทบจะซื้อทุกอย่างให้เพียงแค่ชั้นมองของสิ่งนั้นนานกว่าห้าวินาที
“พี่อลิซคะ ตัวนี้มันแพงไปนะ สมายล์เองก็ได้ของเยอะแยะแล้ว” ชั้นยกถุงเสื้อผ้ามาประกอบคำพูดแต่พี่อลิซก้ไม่สนใจที่จะฟัง
“สมายล์อยากได้อะไรก็เอาเลยนะ พี่ขอไปลองชุดก่อน” คำตอบของพี่อลิซก็สื่อได้ว่าประโยคที่ชั้นเพิ่งพูดไปไม่ได้เข้าหูพี่อลิซเลย ชั้นเดินไปรอบๆร้านหรูเห็นเสื้อสีขาวประดับดอกไม้ดอกโตที่ไหล่ดูน่ารัก จะเป็นอะไรมั้ยนะ...ถ้าชั้นจะขอตัวนี้เป็นตัวสุดท้าย ชั้นเดินปรี่ไปหาเสื้อตัวนั้น แต่ก็มีร่างเล็กบางตัดหน้าไปเพียงหนึ่งก้าว หญิงสาวหน้าใสขาวหันมามองหน้าชั้นก่อนหรี่ตามองอย่างใช้ความคิด
“จะดูเสื้อตัวนี้เหรอคะ” หญิงสาวคนนั้นยื่นเสื้อมาให้ชั้นอย่างใจดี ใบหน้าเปื้อนยิ้มทำให้หน้าตาที่ดูน่ารักนั้นช่างน่ามองเหลือเกิน ชั้นพยักหน้าแทนคำขอบคุณ แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นสร้อยที่อยู่คอผู้หญิงคนนี้ นั่น....มันเหมือนสร้อยที่พี่ฮัทให้ชั้นเลย ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน!!!
“มีอะไรกับน้องสาวของชั้นเหรอเฟรม....” พี่อลิซไม่ปล่อยให้ชั้นค้างคาใจนาน
“พี่อลิซ” ชั้นเรียกชื่อพี่สาวเบาๆ เพราะดูจากน้ำเสียงของพี่อลิซและสีหน้าของผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นก็พอเดาออกว่า สองคนนี้คงไม่ได้มีมิตรภาพที่ดีต่อกันอย่างแน่นอน
“หายเศร้าแล้วเหรอจ๊ะ... ได้ยินข่าวว่าเสียศูนย์ไปหนักเหมือนกันที่ถูกผู้ชายทิ้ง” พี่อลิซสาดถ้อยคำเจ็บแสบ ร่างบางนั้นขยับตัวอย่างไว้เชิง
“ก็ดีขึ้นมากแล้ว...ขอบคุณนะที่เป็นห่วง ชั้นซาบซึ้งกับน้ำใจเธอจริงๆ”ถ้อยคำที่ดูเรียบเฉยนั้นบ่งบอกถึงความไม่กลัวหรือสะทกสะท้านกับคำพูดของพี่อลิซเลยสักนิด
“อุ้ย...สมายล์จ๊ะนี่พี่เฟรมเพื่อนพี่เองจ๊ะ” พี่อลิซวางมือบนบ่าและแนะนำชั้นกับพี่เฟรม ชั้นยกไหว้อย่างนอบน้อม ลำบากใจจริงๆที่ต้องอยู่ในสภาวะแบบนี้ แทนที่จะมีแววตาเกลียดชังพี่เฟรมกลับส่งสายตาที่ดูห่วงใยอาทรมาที่ชั้นอย่างจริงใจ
“นอกจากจะเป็นเพื่อนพี่แล้ว พี่เฟรมเค้ายังเป็นแฟนเก่าของพี่ฮัทไง... พี่ฮัทที่ตอนนี้สนิทสนมกับพี่มาก หวังว่าเธอคงจะเข้าใจชั้นนะเฟรม เรื่องแบบนี้ใครดีใครได้ ยังไงๆก็ยินดีกับพี่ฮัทด้วยนะที่พี่เค้ามีความสุขกับชั้น” พี่อลิซเริ่มเล่นหนักขึ้น เมื่อพูดถึงพี่ฮัทแววตาที่ดูเข้มแข็งนั้น ระริกไหวอย่างเห็นได้ชัด ผู้หญิงคนนี้อย่างน้อยก็คงเคยมีความสำคัญกับพี่ฮัทมากถึงได้มีสร้อยเส้นนี้ประดับอยู่บนคอขาวนวลนั้น และคงจะรักพี่ฮัทมากเหมือนกันถึงได้ใส่สร้อยเส้นนั้นอยู่
“ดีใจด้วยนะ” พี่เฟรมพูดสั้นๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป แต่ทำไมชั้นถึงไม่รู้สึกถึงอารมณ์ความพ่ายแพ้จากผู้หญิงคนนี้นะ เหมือนที่เดินออกไปเป็นเพียงความรำคาญใจเท่านั้น พี่อลิซยิ้มเยาะในชัยชนะของตัวเอง ถ้ามองกันจริงๆแล้ว ถ้าผู้หญิงคนนี้เคยกุมหัวใจของพี่ฮัทไว้ได้....คนอย่างพี่ฮัทคงไม่มีทางมารักพี่อลิซได้อย่างแน่นอน
HUNZ talk
ผมนอนมองหน้าหวานไร้เดียงสาที่หลับพริ้มอยู่ข้างกาย อยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสร่างนั้นแต่ก็กลัวจะทำให้แกงส้มตกใจตื่นขึ้นมา แกงส้ม...อยู่ใกล้ขนาดนี้ทำไมพี่ถึงยังคิดเราได้อีกนะ แม้เห็นหน้ากันก็ยังคิดถึง พี่รักเราเกินไปแล้วนะ... ทุกอย่างร้ายๆ ที่พี่เคยทำมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้ว โอกาสที่แกงส้มให้กับพี่พี่จะไม่ทำให้มันต้องหลุดลอยไป จากนี้ทุกลมหายใจของพี่จะมีเพียงแกงส้มเท่านั้น จากนี้ทุกการกระทำของพี่จะเพื่อแกงส้มเพียงคนเดียว ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นมา อย่างน้อยพี่ก็จะได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้แกงส้ม แค่นี้ถึงพี่ตายพี่ก็ไม่เสียใจ....
“กี่โมงแล้วพี่ฮั่น” แกงส้มขยับตัวเข้ามาหาผมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามทั้งที่ยังไม่ลืมตา ผมก้มตัวลงไปหอมที่แก้มใสๆเป็นการต้อนรับสู้วันใหม่ แกงส้มค่อยลืมตายิ้มอย่างเขินๆกับการทักทายตอนเช้า
“ผมถามว่ากี่โมงแล้ว...มาหอมกันทำไมเนี่ย” แกงส้มบ่นอย่างไม่จริงจังนัก
“อะไรนะหอมอีกทีงั้นเหรอ” ผมแกล้งหูตึงก่อนหอมไปที่แก้มข้างเดิมแต่หนักขึ้น แกงส้มทำจมูกย่น ก่อนตีแก้มผมเบาๆ
“เอาใหญ่เลยนะ” แกงส้มกัดฟันว่าให้ผมด้วยความหมั่นไส้
“เอาใหม่เหรอได้ๆ” ผมยังคงเล่นมุกเดิมพร้อมระดมจูบไปทั่วใบหน้าของแกงส้ม ลงโทษในโทษฐานบังอาจทำตัวน่ารักให้ผมรักผมหลงตั้งแต่เช้า ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันคงต้องไปผ่าตัดเพิ่มขนาดหัวใจเพื่อรองรับความรักที่มันคงจะมากขึ้นไปกว่านี้
“พี่ฮั่นรังแกผมอีกแล้วนะ” แกงส้มพูดตัดพ้อด้วยน้ำเสียงอ้อน ผมมองตาที่สดใส ก่อนขยับตัวให้อยู่ด้านบนแกงส้ม ร่างกายเราสองเบียดเสียดกันภายใต้ผ้าห่มผืนหนานุ่ม ผมค่อยๆก้มเพื่อประทับรอยจูบบนริมฝีปาก แกงส้มเผยอรับอย่างรู้ใจ ผมตั้งใจดูดดื่มรสหวาจากริมฝีปากคนรักอย่างหิวโหย
“แกงส้มก็รู้ว่าพี่ไม่ได้รังแก หรือจะเถียงว่าไม่ได้รู้สึกดีกับมัน” ผมถอนริมฝีปากจากแกงส้มดื้อๆ ทั้งที่ร่างนั้นเริ่มเร่งจังหวะให้เร้าร้อนขึ้น แกงส้มยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ที่พี่พูดขึ้นมาทั้งที่มันไม่ใช่เวลานั่นแหละที่เรียกว่ารังแก” แกงส้มพูดกลั้วหัวเราะ ผมยกมือแกงส้มมาบรรจงจูบอย่างอ่อนโยน ก่อนจะค่อยค่อยบรรจงจูบไล่ไปที่ลำแขนอย่างช้าๆก่อนจะไปสิ้นสุดที่คอขาวสะอาดนั้น มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่พิสูจน์ความรักที่มีต่อกัน แต่ผมรู้เพียงแต่ว่าผมต้องการคนนี้แค่ไหน กลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนเด็กนั้นทำให้ผมแทบคลั่ง ทุกการขยับตัวเป็นเครื่องพันธนาการเราสองไว้ด้วยกัน ผมเพียงอยากโอบรัดร่างนี้ไว้แนบกาย อยากสัมผัสเพื่อเสพรสหอมหวานจากร่างสูงโปร่งนี้ แกงส้ม....โลกของพี่มันหยุดหมุนทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกัน พี่อยากจะให้วันเวลาของเราสองหยุดที่ตรงนี้ที่เราก่ายเกยกันไม่มีอดีตที่แสนเลวร้าย ไม่มีอนาคตที่มืดมนน่ากลัว มีเพียงตอนนี้ที่เราสองสัมผัสกันด้วยใจโดยไม่ต้องเอ่ยคำใดๆออกมาก....
HUT talk
วันนี้เป็นอีกวันที่ผมต้องกลับไปถึงคอนโดในตอนเช้า เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องถึงนึกขึ้นได้ว่าลืมซื้ออะไรมาทาน ถ้าแกงส้มอยู่นะเรื่องนี้ผมเองก็คงหายห่วงว่าไปแล้วแกงส้มจะเป็นยังไงบ้างนะ ทางบ้านของแกงส้มอีกสองเดือนก็จะกลับมาแล้ว ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี ตอนนี้ได้แต่บอกว่าแกงส้มไปทำงานที่ไร่ของเพื่อนสนิทผม อะไรๆมันก็วุ่นวายไปหมดเลย.... ผมได้แต่ภาวนาให้แกงส้มฟื้นความทรงจำได้โดยเร็วทุก ขอเพียงแต่พี่ฮั่นและแกงส้มอย่าถลำลึกจนเกินไปเพราะถ้าทุกสิ่งกลับมาเหมือนเดิมอย่างมันควรจะเป็นไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็นสองคนนี้คงเจ็บปวด โดยเฉพาะพี่ฮั่น...อย่ารักแกงส้มจริงๆเลยนะพี่ ผมไม่อยากให้ใครต้องเจ็บปวดทรมาน
ผมไขประตูเข้าห้องไปก็เห็นร่างบางนั่งอยู่ที่โซฟาอยู่แล้ว เฟรม....หันมายิ้มกว้างให้ผม หลังจากประหลาดใจกับการปรากฏตัวของคนรัก ผมจึงเห็นพี่นัทที่ยืนซดกาแฟไม่ห่างกัน
“มาได้ไงเนี่ย” ผมร้องทักด้วยความดีใจ
“พี่นัทเค้ามีธุระจะคุยกับพี่ฮัท เฟรมเลยอาสามาส่ง” เฟรมพูดพลางชี้นิ้วไปที่ร่างสูงกำยำนั้น
“ให้ตายเถอะเฟรม พี่บอกว่าขอแค่กุญแจเราก็ไม่ยอม ทำไมกลัวพี่ยกเค้าห้องของแฟนรึไงห๊ะ” พี่นัทวางแก้วกาแฟหันไปโต้กับคำพูดเฟรมทันที ทำเอาสาวน้อยหน้าใสหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“แล้วพี่นัทมีธุระอะไรกับผมครับ ความจริงโทรเรียกผมก็ได้” ผมนั่งลงข้างๆแฟนสาว
“มันเรื่องสำคัญมาก พี่ไม่แน่ใจว่าเสี่ยจะดักฟังโทรศัพท์เรารึเปล่า พี่ตรวจดูที่นี่แล้วเครื่องดักฟังก็ไม่มี แสดงว่าเสี่ยค่อนข้างจะไว้ใจฮัทในระดับหนึ่งนะ” พี่นัทสาธยายยืดยาว ผมพยักหน้ารับทราบ
“ก็น้องสาวอยู่ในมือเค้าทั้งคน ไหนจะประเคนลูกสาวคนสวยให้อีก ทำไมเค้าจะไม่ไว้ใจละคะ” เฟรมสวนขึ้นมาทันที ผมกับพี่นัทแอบส่งยิ้มให้กัน ไม่นึกว่าอย่างเฟรมก็มีอาการหวงผมเหมือนกันนะเนี่ย
“เรื่องส่วนตัวเอาไว้เคลียร์ทีหลังได้มั้ยครับคุณเฟรม เอาธุระพี่ก่อน!!!” พี่นัทปรามอย่างไม่จริงจังนัก เฟรมยกมือสองข้างขึ้นเพื่อบอกเป็นนัยๆ ให้บทสนทนาของพี่นัทได้ไปต่อ
“ว่ามาเลยครับมีอะไรให้ช่วย” ผมพูดกับพี่นัท พี่นัทเดินมานั่งที่โซฟาหน้าตาจริงจังขึ้น
“คือ...อีกสองอาทิตย์เสี่ยอิทธิพลจะนัดส่งของรอบนี้หลายสิบล้าน แล้วทางท่านผู้การก็อยากจะจัดการกับเสี่ยอิทธิพลให้สิ้นซากสักที” พี่นัทพูดขึ้นมา ผมรู้มาสักพักหลังจากที่คืนดีกับเฟรมว่าพี่นัทเป็นสายมือดีของตำรวจ ที่ตอนนี้กำลังตามคดีของเสี่ยอิทธิพล
“แล้วพี่จะให้ผมช่วยอะไร เรื่องนี้ผมเต็มที่เลย น้องสาวผมจะได้รอดพ้นสักที” ทันทีที่ได้ยินความต้องการของพี่นัทผมก็รีบรับปากทันที ผมแค่อยากให้เรื่องแบบนี้มันจบลง สมายล์หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์นั้น ส่วนผมก็จะได้มีชีวิตที่มีความสุขสักที
“พี่อยากให้ฮัทเอาเครื่องดักฟังและ GPS ไปติดที่รถทุกคันของเสี่ยก่อนวันส่งของ” พี่นัทบอกความต้องการที่จะให้ผมทำ
“มันจะชัวร์เหรอครับ ผมว่าผมอาสาตัวช่วยงานเสี่ยแล้วเส่งข้อมูลให้พี่จะดีกว่านะครับ” ผมเสนอ
“ไม่เด็ดขาด ถ้าเกิดความผิดพลาดแม้แต่โอกาสแก้ตัวฮัทก็จะไม่มี” พี่นัทปฏิเสธทันที
“งั้นก็ได้ครับ ผมขอเวลาสักสี่ห้าวันเพราะรถเสี่ยมีหลายคัน” ผมรับปากทั้งทียังนึกหาทางเข้าใกล้รถเสี่ยอิทธิพลไม่ได้เลย
“นี่คืออุปกรณ์พี่แยกเป็นกล่องเล็กๆติดคู่กัน” พี่นัทดันกล่องขนาดเล็กมาให้ผมพร้อมสอนวิธีการใช้อยู่นานโดยมีเฟรมนั่งสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงผมเข้าใจการติดตั้งอุปกรณ์ทุกอย่างเป็นอย่างดี
“งั้นพี่ขอตัวกลับก่อนนะ เฟรมกลับพร้อมพี่มั้ย???” พี่นัทลากลับ
“เดี๋ยวเฟรมค่อยกลับทีหลังคะ” เฟรมตอบพี่นัทสั้น พี่นัทยิ้มอย่างรู้ทันก่อนเดินออกจากห้องไป
“เฟรมซื้อข้าวต้มเจ้าอร่อยมาฝากพี่ฮัทด้วยนะ” เฟรมบอกผมพร้อมส่งยิ้มมา ทำท่าจะลุกไปเตรียมข้าวต้มให้ผม แต่ผมเลือกที่จะคว้าข้อมือบางเล็กนั้นไว้
“ทำไมไม่หิวเหรอ” เฟรมขมวดคิ้วถามผม
“หิวแต่ไม่อยากให้เฟรมเหนื่อย...นั่งลงนะเดี๋ยวพี่จะไปเตรียมให้” ผมยิ้มกว้างให้คนรักก่อนจะรีบลุกก่อนที่เฟรมจะโต้แย้ง ผมเตรียมข้าวต้ม น้ำส้มไว้บนโต๊ะอาหาร
“เฟรม...อาหารพร้อมแล้วจ๊ะ” ผมร้องเรียกเฟรมที่นั่งดูข่าวตอนเช้า เฟรมปิดทีวีลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ที่ผมเลื่อนให้
“จัดสวยเชียวนะ ถ้ามีดอกไม้สวยๆสักดอก พี่ฮัทจะกลายเป็นหนุ่มในฝันเลย” เฟรมพูดเล่นตามประสา ผมหันรีหันขวางหาสิ่งที่จะทำให้ผมเป็นเป็นชายในฝัน แต่ทั้งห้องก็มีเพียงแค่ต้นกระบอกงเพชรเล็กๆ เพียงต้นเดียว ผมลุกไปหยิบมาตั้งตรงหน้าคนรัก เฟรมมองต้นกระบองเพชรแล้วหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“เฟรมพูดเล่นนะเนี่ย อยากเป็นชายในฝันขนาดนั้นเลยเหรอ???” เฟรมยื่นมาใกล้ๆเพื่อกระเซ้าผม
“พี่อยากเป็นทุกอย่างที่ทำให้เฟรมมีความสุข อยากเป็นคนที่ดูแลเฟรมตลอด อยากเป็นที่ไม่เคยทำให้เฟรมเสียใจเสียน้ำตา แต่พี่ก็หมดโอกาสที่จะเป็น” ผมสบตามองหน้าขาวใสนั้น ผมรู้สึกผิดหวังในตัวเองที่ไม่สามารถทำหน้าที่ของคนรักให้สมบูรณ์ได้ เฟรมเป็นผู้หญิงที่สมควรได้รับแต่สิ่งดีๆ ในขณะที่ผมไม่สามารถจะทำอะไรเพื่อเฟรมได้มากนัก
“สำหรับเฟรม พี่ฮัทเป็นแค่สองอย่าง คือคนที่รักเฟรมและคนที่เฟรมรัก เท่านี้ก็พอ” เฟรมเลื่อนมือมากุมผมอย่างเข้าใจ แววตานั้นมีประกายแห่งความหวังสะท้อนออกมา ผมรักผู้หญิงคนนี้จริง.....
“พี่ว่าช่วงนี้เราสองคนพูดอะไรเลี่ยนๆบ่อยจังเลยเนาะ” ผมพูดแซวเฟรมเพื่อแก้เขิน
“เขินอ่ะดิ...เออ ว่าจะเล่าให้ฟังเมื่อวานเฟรมเจออลิซมา” คำพูดนั้นทำเอาผมชะงัก
“แล้วอลิซพูดอะไรกับเฟรมบ้าง” ผมค่อยๆถามหยั่งเชิง เฟรมมองขึ้นไปบนเพดานเพื่อระลึกเรื่องราว
“ก็เหน็บตามสไตล์เค้านั้นแหละ แต่เฟรมสงสารสมายล์จังเลยดูเหมือนต้องตามใจยัยอลิซตลอดเวลาดูน้องไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเลย” เมื่อเฟรมพูดจบประโยค ผมแอบลอบถอนหายใจโล่งอก
“สมายล์เองก็คงอึดอัด” ผมเสริมทันที เฟรมตักข้าวต้มใส่ปากพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดผม
“แล้วที่ข้องใจ...ทำไมเค้าประกาศว่าสนิทกับพี่จังเลยนะ แอบรักกันรึเปล่าเนี่ย” ทั้งที่เฟรมก็พูดเล่นแต่วัวสันหลังหวะอย่างผมก็อดที่จะสะดุ้งไม่ได้
“ไม่ว่าจะยังไงพี่ก็มีแค่เฟรมเท่านั้นในหัวใจพี่” ผมยืนยันความหนักแน่นของหัวใจ
“ให้มันจริงเถอะ อย่าพลาดท่าเสียทียัยอลิซละกัน ไม่ไหวนะถ้าจะให้ใช้ผู้ชายคนเดียวกันกับยัยอลิซแค่คิดก็ขนลุกแล้ว” คำพูดเรื่อยเปื่อยของเฟรมทำเอาผมถึงกับจุก ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นช่างไร้เดียงสานัก ถ้าเฟรมรู้ว่าผมกับอลิซมีอะไรกัน เฟรมจะรู้สึกยังไง.... ผมละอายใจที่ต้องโกหกคนรักแบบนี้ แต่หากบอกไปผมอาจจะเสียเฟรมไปซึ่งผมยังรับกับการสูญเสียนี้ไม่ได้จริงๆ ผมขอปิดบังผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น...
ไม่รู้ว่าอยู่ๆพี่ฮั่นนึกครึ้มอะไร วันนี้บอกผมว่าจะพาออกไปสู่โลกกว้าง ตั้งแต่เรื่องที่เราทำเลาะกันวันนั้นดูเหมือนพี่ฮั่นจะรักผมมากขึ้นรึเปล่านะ... ส่วนผมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นความรักที่มีต่อพี่มันเพิ่มขึ้นทุกวัน ตอนนี้พี่ฮั่นแทบจะมานอนที่ห้องผมเกือบทุกคืน ผมเองก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าตื่นเช้าขึ้นมาแล้วไม่มีพี่ฮั่นอยู่ข้างๆโลกใบนี้มันจะสดใสได้อย่างไร
“แกงส้ม...รีบไปทานข้าวเลยนะ เดี๋ยวออกไปตอนสายๆแดดจะร้อน” พี่ฮั่นตะโกนสั่งออกมาจากห้องน้ำ
“พี่ฮั่นใกล้เสร็จรึยัง ผมจะได้ชงกาแฟรอ” ผมร้องตอบกลับไป
“ใส่เสื้อผ้าแล้ว... แกงส้มชงกาแฟรอพี่เลยครับ” พี่ฮั่นตะโกนตอบกลับมา ผมจึงเดินออกเมื่อเปิดประตูผมก็เห็นพี่เอกำลังจะเคาะห้องผม ตายแล้ว!!!...วันนี้ออกห้องสายถ้าฝาแฝดเห็นพี่ฮั่น อ๊ากกกกก...ไม่อยากจะคิดเลย ผมจะเอาหน้าไปไว้ไหน ผมจึงรีบปิดประตูเพื่อซ่อนหลักฐานชิ้นโตไว้ อย่าเพิ่งออกมานะพี่ฮั่น!!!
“พี่ฮั่นหายไปไหนก็ไม่รู้เนี่ย” พี่บีก็เดินตามมาสมทบ วันนี้ความแตกแน่ๆเลย ผมปาดเหงื่อเพื่อรอหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น
“อ้าวในห้องไม่มีเหรอ?” พี่เอหันไปถามฝาแฝด พี่บีส่ายหน้าแทนคำตอบ
“อาจจะไปที่ไร่แล้วก็ได้มั้งครับ” ผมรีบชี้ช่องเพื่อให้สองแฝดรูปหล่อ
“จริงด้วย ไอ่บีในฐานะน้องชายแกไปตามหาพี่ฮั่นเลยนะ” พี่เอรีบโยนหน้าที่ไปให้พี่บีทันที
“ผมว่าไปทั้งสองคนดีกว่าครับ จะได้เรียกพี่ฮั่นมากินข้าวเร็วๆ แบบว่าแยกๆกัน” รู้สึกว่าตัวเองพูดจาร้อนรนยังไงบอกไม่ถูก ก็ความตื่นเต้นมันครอบงำ
“เอาแบบที่แกงส้มว่านี่แหละ อย่ามาโยนงานให้ชั้นคนเดียวเลย” พี่บีกอดคอพี่เอออกเดินทันที ดูเหมือนจะรอด....ครับ แค่ดูเหมือน!!!
“เอี๊ยดดด!!” เสียงประตูห้องเปิด ทำให้สองฝาแฝดหันหลังกลับมา
“เฮ้ยยยยยยย!!!” สองฝาแฝดร้องออกมาด้วยความตกใจ ผมกุมขมับทันที ทำไมนะ...รออีกนิดเดียว
“นี่มันเรื่องจริงหรือว่าเรื่องจริงเนี่ย” พี่บีอุทานออกมา พี่ครับ...มีทางเลือกให้ผมบ้าง!!!
“ตกใจอะไรของแกนักหนา” พี่ฮั่นพูดเสียงเรียบ
“แกงส้มนี่ใช่มั้ย??? ยุงตัวนั้น” พี่เอกอดคอผมแซวทันที ให้ตายเหอะ....จำได้ยังไงเนี่ย พี่ฮั่นตีมือพี่เอที่อยู่บนบ่าผม แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
“ปล่อยเลยนะ พวกแกรู้แล้วทีหน้าทีหลังจะแตะเนื้อต้องตัวแกงส้มก็ระวังๆบ้าง” พี่ฮั่น!!! ทำไมไปพูดแบบนั้น ไม่อายบ้างรึไง โอ๊ยยยยยย....อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้จริงๆ
“หวงด้วย” พี่บีลากเสียงยาวล้อเลียนพี่ฮั่น
“หวงสิ ทั้งรักทั้งหวงเลยคนนี้” พี่ฮั่นไม่พูดเปล่าเข้ามากอดผมจากด้านหลังเพื่อตอกย้ำความสำเร็จ เอ้ยยยย!!! ...ความสัมพันธ์ ทำเอาพี่เอกับพี่บีเป่าปากหัวเราะชอบใจใหญ่
“ให้สองตัวนี้รู้ก็ดีแล้ว เพราะพี่จะได้กอดแกงส้มทุกครั้งที่อยากกอดไง” พี่ฮั่นโน้มหน้ามากระซิบข้างๆหูผมเบาๆให้ได้ยอนเพียงสองคน ผมเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมต้องให้อภัยเพราะเหตุผลข้อนี้ด้วยนะ....
พี่ฮั่นขับรถไปผิวปากไปอย่างอารมณ์ดี ตั้งฟื้นขึ้นมาแล้วความจำเสื่อมมาวันนี้เป็นวันที่พี่ฮั่นเริงร่ามากที่สุด ปกติคิ้วคมเข้มนั้นมักจะขมวดเหมือนมีเรื่องให้คิดตลอดเวลา แต่วันนี้ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูผ่อนคลายทำให้น่ามองมากขึ้น ผมเองก็แอบอมยิ้มไปกับความสุขเล็กๆของคนรักไม่ได้
“ยิ้มอะไรจ๊ะ” พี่ฮั่นหันมาถามผมเสียงหวาน
“ก็เห็นพี่ฮั่นมีความสุข ผมก็เลยมีความสุขไปด้วย” ผมตอบพร้อมสบสายตาคมกริบนั้น
“อ้าว....พี่ก็มีความสุขเพราะแกงส้มมีความสุขนะเนี่ย” ผมนั่นทำเสียงสูง คำพูดที่ฉอเลาะนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากผู้ชายคนนี้เลย
“เกินไปแล้วพี่ฮั่น พูดกันปกติได้มั้ย??? เลี่ยน!!!” มันแกล้งดุไปแต่ความจริงเหรอครับไอ่คำพูดเลี่ยนนั้นทำให้ใจสั่น หน้าแดง หุบยิ้มไม่ได้ เขินอย่างบอกไม่ถูกแบบนี้ ใครจะไม่ชอบ
“ได้จ๊ะ....ที่รัก” พี่ฮั่นไม่ยอมหยุดหยอดคำหวาน ผมเขินต้องอมยิ้มเบือนหน้าไปมองทิวทัศน์ริมถนน
“เขินสินะ” ไม่จบนะพี่ฮั่น ผมเลยแกล้งตีหน้าดุชี้ไปข้างหน้าบอกเป็นนัยๆว่า “ตั้งใจขับรถไป” พี่ฮั่นพยักหน้ารับอย่างทะเล้นมองทางข้างหน้า แต่ริมฝีปากก็ยังมีรอยยิ้มประดับบ่งบอกถึงความสุขที่มี ความรัก...เปลี่ยนโลกทั้งใบจริงๆ แค่นั่งรถผมก็มีความสุขจนเนื้อตัวแทบจะระเบิดออกมา พี่ฮั่น...โลกของผมสวยงามก็เพราะพี่ ขอบคุณนะครับที่มีความรักให้กัน...ผมเองก็จะตอบแทนด้วยความรักทั้งหมดห้องหัวใจที่มี
ทุ่งดอกไม้สีเหลืองสุดลูกหูลูกตา ทำเอาผมลืมเสียสนิทว่าตัวเองยืนกลางแดดร้อนจ้า พี่ฮั่นสูดหายใจเข้าลึกเพื่อซึมซับเอากลิ่นของความสดชื่น เจ้าดอกทานตะวันนับหมื่นนับแสนยืนเรียงรายสู้เสียงดวงอาทิตย์ที่ร้องจ้าอย่างสง่างาม สร้างความอิ่มเอมทะลักเข้าสู่หัวใจของผม
“พี่เห็นแกงส้มชอบขึ้นไปบนเนินเขาไปนั่งดูทุ่งดอกไม้สีเหลืองเล็กๆ บ่อยๆ พี่ก็เลยคิดว่าแกงส้มคงจะชอบที่นี่” พี่ฮั่นพูดออกมาช้าๆ ด้วยความเขินอายใบหน้ามองทอดไปยังทุ่งทานตะวันสุดลูกหูลูกตา
“ขอบคุณนะครับ ที่พี่ใส่ใจผม” ผมบอกร่างสูงอันเป็นที่รัก พี่ฮั่นยื่นแขนออกมาเพื่อคว้าไหล่ผมไปแนบชิดกับไหล่พี่ฮั่น
“ชอบก็ดีแล้ว จำวันนี้ไว้นะ มันเป็นการเดินทางครั้งแรกของเรา” พี่ฮั่นก้มมามองหน้าผมพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่หรอกพี่ฮั่น การเดินทางของเรามันเริ่มตั้งแต่วันที่เราพบกัน แล้วมันก็จะเป็นไปแบบนี้ตลอดไป ต่อไปนี้ผมจะเดินไปกับพี่ไม่ว่าจะทุกข์หรือจะสุข ผมจะไม่ปล่อยมือพี่ไปไหน เราจะก้าวเดินไปบนเส้นทางที่มีความรักของเราเป็นเข็มทิศนำทาง” ผมโผเข้ากอดคนรักท่ามกลางดอกทานตะวันที่ชูช่อเป็นพยาน กลิ่นกายของพี่ฮั่นทำให้ผมอบอุ่นใจ..... “ความสุข” ใครว่านิยามไม่ได้ สำหรับผมแล้ว มันคือทุกอย่างๆที่มีคนๆนี้อยู่เคียงข้างกัน
ปล. ตอนนี้ยาวมากอีกแล้ว ไรเตอร์เขียนจนเหนื่อยใจพักมาสามรอบ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้กันต่อไปนะจ๊ะ ตอนแรกว่าจะสักยี่สิบตอนจบสงสัยก็ยาวกว่านั้นแน่ๆเลย ถ้ารีดเดอร์ไม่ทิ้งกัน ไรเตอร์ก็จะอัพมันเรื่อยไปจ้า...... เม้นหน่อยนะเพื่อความสุขของไรเตอร์ตัวน้อยๆ ^^
ความคิดเห็น