คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12: หัวใจที่เปลี่ยนไป...
ผมก้าวเท้าสู่บ้านหลังนี้อีกครั้ง... และครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะเหยียบที่นี่ ไม่ว่าจะเงินทองมากมายเท่าไหร่ มันก็ไม่อาจฉุดรั้งผมไว้ได้ ผมไม่ต้องการให้ตัวเองต้องตกในวังวนที่แสนโหดร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นอันขาด ถึงเวลาแล้ว...ที่ผมต้องออกไปบ้านหลังนี้ ทุกอย่างจะกลายเป็นเพียงความหลังที่แสนทารุณเพียงเท่านั้น ผมคว้ากระเป๋าเป้ใบเดิมที่เคยใส่สัมภาระเข้ามา เดินไม่เหลียวหลังแม้แต่น้อย ไม่มีใครเดินผ่านผมเลยสักคน.... มันช่างน่าสมเพชนัก เมื่อในใจลึกๆ กลับเรียกร้องในให้ใครสักคนโผล่มารั้งผมไว้ไม่ให้ไปจากที่นี่--- ผมหัวเราะเยาะตัวเองอีกครั้งก่อนสะบัดใบหน้าแรงเพื่อลบความคิดนั้นออกไป
“นี่----นายๆ” เสียงหนึ่งดังออกจากพุ่มไม้ด้านหลัง ในขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูรั้วออกไป ร่างสูงโปร่งที่ขยับออกมาจากพุ่มไม้สูงนั้น ทำเอาผมเบิกตากว้าง ชายร่างสูงหน้าตาเรียบเฉยดูเย็นชาแต่กลับมีรอยยิ้มกว้างที่แสนน่ารัก ช่างเป็นความขัดแย้งที่แสนลงตัวอย่างน่าประหลาดซึ่งเป็นคนเดียวกับชายหนุ่มที่แสนใจดีอาสามาส่งที่นี่ ทั้งที่ผมเป็นต้นเหตุให้เค้าต้องเจ็บตัวแท้ๆ
“พี่---พี่มาที่นี่ได้ยังไง” ผมพูดเสียงรัว รอยยิ้มอบอุ่นประหลาดนั้นปรากฏที่มุมปากนั้นอีกครั้ง
“ทำไมต้องทำเสียงตกใจขนาดนั้นด้วยห๊ะ!!! เรานี่มันตลกจริงเลยนะ.... แล้วจะไปไหนเนี่ย???” เมื่อสายตาปะทะเข้ากับสัมภาระของผม คิ้วหนาเข้มก็ขมวดเข้าหากันโดยทันที ผมก้มหนานิ่ง....ผมแค่จะไปให้พ้นๆจากที่นี่เท่านั้น
“ชั้นมาที่นี่ก็เพราะเรานะ...ทำไมโลกมันโหดร้ายกับคนอย่างข้าน้อยแบบนี้” ร่างสูงนั้นตีอกตัวเองเบาๆเงยหน้าคุยกับฟ้าอย่างขบขัน จนผมเองก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ร่างสูงนั้นเลิกคิ้วสูงแต่แววตาเหมือนภูมิใจที่ทำให้ผมเปล่งเสียงหัวเราะออกมาได้
“แต่ชั้นพูดจริงๆนะ....ชั้นรับปากมาอยู่ที่นี่ก็เพราะเรา มาเจอคนที่เราอยากเจอเก็บกระเป๋าหนีเราแบบนี้ มันทำชั้นเซ้งเหมือนกันนะ” ท่าทางเง้างอนกอดอกเม้มปากเหมือนเด็กถูกขัดใจ มันทำเอาผมหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“ถามจริงๆเถอะ ทำไมต้องไปจากที่นี่ละ... เงินเดือนก็ออกจะสูงลิบขนาดนั้น หาที่ไหนไม่ได้แล้วนะเจ้านายประสาทๆแบบนี้” ร่างนั้นขยับเข้ามาใกล้จนผมคิดจะถอยหนี แต่ก็ทำได้เพียงคิดเท่านั้นเพราะแววตานั้นเหมือนตั้งใจหาความจริงจากปากผมมากกว่าจะคิดสิ่งอื่น.... ผมหลบตาแรงกล้านั้นก้มหน้านิ่งเงียบ เพราะไม่รู้ว่าเหตุผลจริงๆที่ผมเก็บข้าวของออกจากบ้านหลังนี้เพราะอะไรกันแน่.... เพราะเค้าคนนั้นอย่างนั้นเหรอ??? แล้วแบบนี้ผมจะบอกเหตุผลนี้กับใครเค้าได้ มันดูงี่เง่าและอ่อนแอจนผมเองยังรู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลเลยสักนิด
“คือ...ผมไม่มีความสุขที่จะอยู่ที่นี่แล้ว---ผม....” ผมพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับชายร่างสูงที่จ้องมองอยู่อย่างไม่วางตา
“ไร้สาระ... ถ้าไม่มีความสุขชั้นนี่แหละจะเป็นความสุขให้เอง ชั้นบอกตรงๆนะ นับตั้งแต่เห็นหน้าเราเมื่อวันนั้น ชั้นหยุดคิดถึงหน้าอ่อนๆที่ดูดื้อรั้นไม่ได้เลย แล้วจะทารุณคนอย่างชั้นได้ลงคอเหรอ???” ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่ดูลึกซึ้งแต่ใบหน้านั้นกลับพูดอย่างนิ่งเฉยเหมือนพูดเรื่องทั่วไป แต่ความทะเล้นอย่างนั้นมันทำให้ผมรู้สึกใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก คนๆนี้...ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
“นิ่งๆๆ----นะนะนะ อย่าไปเลย ต่อจากนี้ไปชั้นจะดูแลนายเอง อย่าหวังว่าหน้าไหนจะรังแกนายได้อีก” ว่าแล้วก็ไม่รอคำตอบจากผม มือยาวนั้นก็คว้าแขนผมเดินกลับขึ้นไปบนตึกหรูหราอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรร่างกายผมจึงไม่ขัดขืนแม้แต่น้อยนิด ผมมองร่างสูงจากด้านหลังแอบพิจารณาอย่างเงียบเชียบ ถึงแม้จะไม่หล่อสมบูรณ์แบบเหมือนพี่ฮั่น.... แต่แววตาดูอ่อนไหวนั้นกลับแฝงความทะเล้นไว้ไม่น้อย ร่างสูงโปร่งแต่ดูแข็งแรงปราดเปรียวราวกับสายลมแรงผิดกับพี่ฮั่นที่ดูมั่นคงราวกับหินผา ความเย็นชาของคนๆนี้กลับดูสดใสไม่ลึกลับซับซ้อนเหมือนอีกคน.....
“แล้วห้องเราอยู่ทางไหน....แกงส้ม” อยู่ชายคนนี้ก็เรียกชื่อผมขึ้นมา ทั้งที่ผมเองก็จำได้ว่าผมยังไม่เคยแนะนำชื่อตัวเองเลยสักครั้ง
“รู้ชื่อผมได้ยังไง----ผมไม่เคยบอกสักหน่อย” ผมเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“ก็ชั้นชอบนาย... ชั้นก็ต้องสืบเรื่องของนายอยู่แล้ว เอาอีกมั้ย นายชื่อจริงว่าธนทัต---” ยังคงเหมือนเดิม...นายคนนี้พูดคำว่า “ชอบ” อย่างไม่สะทกสะท้าน แต่ประโยคแรกนั้นก็ทำเอาผมหูอื้อนิ่งไปทำอะไรไม่ถูก
“เมื่อกี้.... “ชอบ”งั้นเหรอ???” ผมทวนคำนั้นออกมาอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มอ่อนโยนคลี่ออกอย่างช้าๆ ใบหน้านั้นโน้มมาหาผม และไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมจึงไม่ถอยหนี ปล่อยให้ลมหายใจร้อนปะทะใบหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ริมฝีปากร้อนประทับที่แก้มของผมอย่างแผ่วเบาๆก่อนค่อยๆเลื่อนมาที่ใบหู
“ใช่...ชั้นชอบเรา” คำนั้นๆสั่นไหวหัวใจอย่างน่าประหลาด แต่ทำไมนะ ใบหน้าของพี่ฮั่นจู่ๆก็ลอยขึ้นทำลายความรู้สึกนั้น ผมผละตัวออกมาจากการแนบชิดที่จู่โจมเข้ามา ตอนแรกคิดว่าร่างสูงนั้นคงจะหน้าเสียกับสิ่งที่ผมทำไป เพราะดูคล้ายว่ารังเกียจกับการกระทำนั้น แต่ไม่เลยสักนิด ใบหน้าหล่อใสนั้นกับหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้อย่างสดใส
“ชั้นมันก็ใจร้อนไปหน่อย....ทำไงได้ก็ดันมาทำหน้าตาน่ารักบ๊องแบ๊วท้าทายสายตาแบบนี้ ไอ่เราก็มีใจใครเค้าจะอดใจไหวละ...จริงมั้ย???”
“คือ---ผม”
“ช่างเหอะน่า นี่ชั้นเองก็ยังไม่ได้แนะนำตัวกับเราเลย ชั้นชื่อ...ฮัท จะมาเป็นบอดี้การ์ดคนใหม่ของที่นี่.... และขอเตือนไว้อีกอย่างถ้าทำตัวน่ารักแบบนี้กับชั้นอีก มันจะไม่ใช่แค่แก้มแน่ๆ” ท้ายประโยคชายหนุ่มที่ชื่อว่า “ฮัท” ทอดเสียงยาวหวาน---- ซึ่งผมยอมรับว่ามันทำให้หัวใจของผมสั่นไหว แต่มันไม่ใช่แบบเดียวกับที่ผมรู้สึกกับพี่ฮั่น ถึงแม้ผมไม่รังเกียจแต่มันกลับไม่ได้ทำให้ผมโหยหา มันไม่ได้แทรกซึมเข้าสู่หัวใจอย่างที่เคยเป็นมาก่อน มันเป็นความรู้สึกแผ่วบาง เมื่อร่างนั้นหันหลังกลับจังหวะหัวใจก็กลับกลายเป็นปกติ----- แต่ผมควรจะอยู่ที่นี่...อย่างนั้นหรือ??? ผมถามตัวเองในหัวใจ ผมจะทนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อผมต้องอยู่ร่วมบ้านกับพี่ฮั่นอีกครั้งได้มั้ย??? แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปแล้ว----อาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่จากนี้ไป “พี่ฮัท” จะเป็นเกราะป้องกันทั้งร่างกายและความรู้สึกอ่อนไหวนั้น และที่สำคัญ... ผมจะเป็นคนทำร้ายพี่บ้าง... ผมจะทำให้พี่รู้ว่าผมเองไม่ใช่ตุ๊กตาที่ใครอยากจะขว้างปาไปที่ไหนก็ได้ อยากรักก็คว้ามากอดแล้วจะทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยว มันไม่มีอีกแล้วแกงส้มคนนั้นที่แสนจะอ่อนแอ... ผมจะทำให้พี่รู้ว่าพี่คิดผิดที่ล้อเล่นกับหัวใจของคนอย่างผม!!!
HUNZ talk
“พี่ฮั่น...พี่ฮั่นค่ะ” เสียงหวานใสดังขึ้นทำลายห้วงความคิดที่ล่องลอยไปหาใบหน้าหล่อหวานที่เพิ่งถูกผมทำร้ายหัวใจไปเสียยับเยิน แต่แกงส้ม...จะรู้มั้ยว่า หัวใจผมมันยับเยินเสียยิ่งกว่า ความรู้สึกเบาโหวงในช่องท้องไม่จางหายไปเลยนับตั้งแต่ร่างสูงโปร่งนั้นก้าวพ้นประตูห้องนี้ไป ทุกอย่างมันเป็นความผิดของผมเอง.... ทำไมต้องไปทำให้แกงส้มหวั่นไหว ทำไมปล่อยให้มันเลยเถิดมาถึงตอนนี้
“พี่ไม่ไหวแล้ว...” ผมบอกปัดผลไม้น่าทานชิ้นโตที่คุณหนูป้อนให้ ใบหน้านั้นมีแววตาขุ่นเล็กน้อย
“กินไม่ลงเหรอ??? เพราะคนป้อนมันไม่ถูกใจรึเปล่าคะ???” เสียงสูงของเจนจิราดังสอดขึ้นมา ผมอยากจะลุกจากเตียงไปบีบคอเธอเสียจริงๆ มันยังไม่พอใช่มั้ย...ต้องให้ทุกอย่างมันวุ่นวายสักแค่ไหน แค่นี้ผมจะเจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ไหนจะความรู้สึกของแกงส้ม...ที่ป่านนี้จะเป็นอย่างไร ความไร้เดียงสานั้นจะพาแกงส้มข้ามผ่านความเจ็บปวดไปได้อย่างไรกัน!!!
“ผมต้องการการพักผ่อน....ถ้าทำได้แค่นี้ ผมคิดว่าคุณควรกลับไปซะ--เจนจิรา”
“ฮั่น!!!” เสียงหวีดสูงอย่างลืมตัว ทำให้สาวน้อยอ่อนวัยกว่าตวัดสายตาเขียวปัด ทันทีที่เจนจิรารู้ตัวว่าตัวเองทำพลาด เธอก้มหน้าเม้มปากด้วยท่าทางสงบแต่ผมรู้ว่าในใจนั้นคงร้อนไปด้วยไฟโทสะ
“คุณเจนน่าจะกลับไปได้แล้วนะคะ---ที่บ้านเองก็ยังไม่เรียบร้อย ไหนจะต้องเตรียมห้องให้บอดี้การ์ดคนใหม่อีก” น้ำเสียงเรียบแต่ทว่าดูเฉียบขาดออกคำสั่งกลายๆ เจนจิราหันไปคว้ากระเป๋าถือใบหรูก่อนเยื้องย่างออกไปโดยไม่พูดอะไร
“สมายล์คิดว่าจะให้บอดี้การ์ดคนใหม่พักข้างๆห้องพี่ฮั่นนะคะ” คุณหนูหมุนตัวนั่งลงที่โซฟาตัวยาวข้างเตียงคนไข้ ผมพยักหน้าน้อยๆรับคำ.....
“แล้วคุณหนูได้เจอกับฮัทแล้วรึยัง???” ผมถามถึงรุ่นน้องที่มีฝีมือไม่ธรรมดา โรงเรียนสอนการต่อสู้ที่ผมจบมาการันตีมาเป็นอย่างดี
“ยังคะ... แต่ได้ยินว่าเจ้ากี้เจ้าการไม่น้อย ถึงขั้นเลือกห้องพักเอง คงนึกว่าตัวเองวิเศษนักหนา” คุณหนูกอดอกพูดอย่างมีอารมณ์ เมื่อพูดถึงรุ่นน้องของผม ผมนึกถึงลีลายียวนหน้าตายของเจ้าฮัทแล้วก็อดห่วงไม่ได้ว่าจะเปิดศึกกับเจ้านายสาวที่แสนเอาแต่ใจคนนี้แน่ๆ
“เจ้านี่ก็เป็นแบบนี้แหละ...แปลกๆแต่ความจริงเป็นคนใช้ได้ทีเดียว น่าคบนะครับ”
“แหวะ!!! ไม่เห็นจะอยากคบค้าสมาคมด้วยสักนิด ลูกน้องกระจอกๆแบบนั้น” คุณหนูสมายล์พูดพร้อมสะบัดหน้าไม่สบอารมณ์ โดยไม่นึกว่า “สถานะ” ของผม ไม่ได้แตกต่างกับคนที่คุณหนูพูดเลยแม้แต่น้อย จะว่าไปแล้วผมยังไม่มีแม้แต่พ่อแม่ที่เลี้ยงดูมาเหมือนฮัทเลยด้วยซ้ำ และนั่นก็ทำให้ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกแม้แต่ทางเดินของหัวใจตัวเอง!!!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่จะเปิดทันทีที่สิ้นเสียงเคาะ ร่างสูง ขาว โผล่มาด้วยรอยยิ้มยียวนพร้อม เสื้อยืดสีสดกับกางเกงยีนส์แสนธรรมดาทำให้ภาพแรกที่ปรากฏต่อหน้าเจ้านายสาวน้อยไม่ค่อยน่าประทับใจนัก
“โหยยยยยย....ถือว่าลายาวเลยนะพี่” คำทักทายแรกมาพร้อมการลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ โดยผู้มาใหม่ไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีสาวน้อยอยู่ในห้องนี้อีกคน
“อื้ม...แล้วมาได้ยังไง” ผมถามฮัทสั้นๆ เบาๆ อย่างอ่อนแรง
“ก็คิดถึง..... ---แต่ว่าเจ้านายพี่หายหัวไปไหน ผมมาตั้งหนึ่งวันแล้วนะ ยังไม่มาต้อนรับขับสู้อีก ไม่ไหว มารยาททางสังคมแย่มาก----” ผมเองก็นึกไม่ถึงว่าเรื่องแรกที่เจ้าฮัทจะเอ่ยจะเป็นเรื่องคุณหนู ซึ่งเจ้าตัวยืนปั้นหน้านิ่งอยู่ด้านหลัง ผมยกมือมากุมหน้าผาก
“แล้วที่มานินทาคนอื่นฉอดๆ แบบนี้มันถือว่ามีมารยาทนักรึไงห๊ะ!!!” คุณหนูวีนขึ้นมา ฮัทเลิกคิ้วหันไปมองด้วยตกใจ แต่เพียงเสี้ยวนาทีใบหน้านั้นก็กลับมาเรียบเฉยเช่นเดิม
“ยัยเปี๊ยกนี่ใครอ่ะ...” ฮัทหันมาถามผม คุณหนูก้าวเข้ามาอีกนิด ผมรู้สึกถึงสัญญาณสงครามเล็กๆก่อตัวขึ้นมาทันที
“ก็คนที่นายเพิ่งจะว่าลับหลังไปไง ทุเรศ!! ผู้ชายอะไรนินทาผู้หญิง”
“โหยยยยย----ทุเรศเลยเหรอ??? ปากจัดไปมั้ยน้อง”
“ใครน้องนายห๊ะ!!! ชั้นเป็นคนเสียเงินจ้างนายนะ นายกล้าดียังไงมานับญาติกับชั้น”
“ฮัท...คุณหนู พอเถอะ” ผมปรามเบาๆ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
“ถ้ามีน้องแบบนี้ชั้นแขวนคอตายซะยังดีกว่า ร้ายกาจ!!!”
“’ก็ไปแขวนคอตายซะไป---”
“พอได้แล้ว!!!” ผมร้องเสียงดังด้วยความเหลือทน สองคนนั้นชะงักก่อนจะสะบัดหน้าไปคนละด้าน
“คุณหนูต้องไปทำธุระไม่ใช่เหรอครับ....” ผมหันไปบอกสาวน้อยอย่างอ่อนแรง เพราะไม่อยากต้องห้ามทัพทั้งที่สภาพจิตใจย่ำแย่ คุณหนูเม้มปากมองหน้าฮัทอย่างมาดร้ายก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกจากห้องไปในทันที
“ปิศาจอย่างที่เค้าเล่าลือกันจริงๆ พี่ทนได้ไงเนี่ย???” ฮัทมองตามร่างบางที่เพิ่งหุนหันออกไปก่อนจะหันมาถามผมซึ่งมันคงเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบสักเท่าไหร่นัก
“นายเองก็ปากคอเราะร้ายเหมือนกันนั่นแหละ” ผมบอกรุ่นน้องเบาๆอย่างเหนื่อยหน่าย
“ผมก็เป็นของผมแบบนี้มาตั้งนานแล้ว พี่ก็รู้นี่หว่า แล้วเป็นไงดีขึ้นมาบ้างรึยัง---ยัยคุณหนูนั่นมาเฝ้าอาการดีขึ้นหรือว่าแย่ลงกันละ???” ท้ายประโยคมีเสียงหัวเราะเบาออกมา แต่นั่น...ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกขบขันแม้แต่น้อย สิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้เห็นอยู่ตรงหน้ามันไม่เท่ากับความรู้สึกที่กัดกร่อนลึกเข้าไปในห้วงของความทรมาน ผมกำลังหายใจอยู่รึเปล่า...ทำไมทุกอย่างมันช่างเคว้งคว้างเหลือเกิน แกงส้ม...พี่เจ็บปวด รู้บ้างไหมว่าพี่เจ็บปวดแค่ไหนกับสิ่งที่พี่ทำลงไป ลมหายใจของลมวนเวียนหาเพียงคนๆเดียวเท่านั้น....
“นิ่งไปทำไมละพี่... บ้านนี้มันมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้คนเศร้ารึไงกัน!!!” ฮัทพูดออกมา นั่นทำให้ผมเงยหน้าสนใจในสิ่งที่ฮัทพูดอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
“นายหมายถึงใคร???” ผมกลั้นใจถามออกไป ทั้งที่รู้ดีว่าคนที่ฮัทหมายถึงนั้นคือใคร....
“ก็แกงส้มหน่ะสิ... พี่น่าจะรู้จักดีนี่ ห้องอยู่ตรงข้ามกันอย่างนั้น”
“เค้ายังไม่ไปอีกเหรอ???” ทั้งที่ดีใจที่ได้รู้ว่าแกงส้มยังไม่จากผมไปไหน... แต่มันจะดียังไง ในเมื่อทุกอย่างมันจบไปแล้ว... กำลังคิดอะไรอยู่แกงส้ม---กำลังทำอะไรอยู่???
“ความจริงเค้าก็จะไปนั่นแหละ แต่ผมเสล่อลากเค้ากลับมาเองแหละ” ฮัทพูดแล้วยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่เข้าใจกับคำพูดนั้นของรุ่นน้อง
“ทำไมแกต้องไปรั้งเค้าไว้ ไม่ใช่ธุระกงการของแกซะหน่อย” ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของรุ่นน้องผมคนนี้ แววตาของฮัทเป็นประกายอย่างมีความสุขเมื่อพูดถึง...แกงส้ม และผมยอมรับว่าลึกๆแล้วความไม่พอใจมันก่อกวนในหัวใจ
“โหยยยยยย---ก็--จะยังไงดีละ” ฮัทพูดเสียงสูงอารมณ์ดี
“อย่าลีลาพูดมา ถ้ายังเห็นว่าชั้นเป็นพี่นายอยู่” ผมพูดเสียงเฉียบดูนิ่งเฉย แต่ข้างในมันร้อนรนจนแทบจะควบคุมมันเอาไว้ไม่ไหว อย่าให้มันเป็นเช่นนั้นเลย... อย่าให้มันเป็นอย่างที่ผมกลัวเลย
“ผม....ชอบเค้า ชอบตั้งแต่แรกเห็น ทั้งที่ก็รู้ว่าเค้ากำลังเจ็บเพราะความรัก ผมเองก็ไม่รู้ว่าเค้าเจ็บจากที่ไหนมา...แต่จากนี้ไปผมอยากเป็นคนที่ดูแลเค้าเรื่อยๆไป คนอย่างผมไม่มีวันทำให้แกงส้มเจ็บแน่นอน น้ำตาเป็นสิ่งสุดท้ายที่มอบจะมอบให้เค้า... ไม่รู้ว่าไอ่คนหน้าไหนถึงกล้าทำร้ายคนน่ารักๆแบบนั้นได้ มันไม่โง่ก็บ้าเต็มทน!!!”
ใช่---คนที่ทำให้แกงส้มร้องไห้มันทั้งบ้าทั้งโง่ แต่ทางเลือกของมันไม่มี... ไม่มีแม้แต่น้อย มันไม่อยากทำให้แกงส้มต้องร้องไห้ มันก็ไม่อยากเห็นน้ำตาของคนที่มันรักสุดหัวใจ แต่จะให้มันทำยังไง...จะให้มันทำยังไง มันอยากจะตายให้เสียพ้นๆจากสภาพแบบนี้ด้วยซ้ำ!!!
ผมมองหน้ารุ่นน้องผู้ประกาศก้องว่าจะปกป้องดวงใจของผม ฮัท...ชั้นฝากหัวใจของชั้นด้วย อย่าทำให้แกงส้มต้องเสียใจ อย่าทำให้แกงส้มต้องมีน้ำตา มันไม่ใช่แค่หัวใจของแกงส้มเพียงคนเดียวที่ชั้นฝากไว้ มันคือทั้งชีวิตและลมหายใจของชั้นที่ฝากไว้ในมือนาย....` ส่วนผมต่อจากนี้ไป ก็คงต้องยอมรับกับทุกสิ่งที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะหัวใจที่เปลี่ยนไปของแกงส้ม......
ปล. มาอัพจนเต็มแล้วจ้า ขอบคุณที่ติดตามกันมานะจ๊ะ ต่อไปนี้รับรองว่าสนุกแน่ๆ (คิดเอาเอง) ยังไงก็ห้ามลืมกันนะ มาน้อยๆแต่รับรองว่าจะมาตลอดๆไม่ทิ้งช่วงนานเหมือนครั้งก่อนแน่นอนจ้า
ความคิดเห็น