ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รัก- ลืม -ร้าย หัวใจพ่ายเธอ

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10 : ครั้งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 55



                   

    HUT talk

    และแล้วความพยายามของผมก็สำเร็จ ผมมองสร้อยหนังที่ผมลงมือทำจี้ด้วยตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ หินแม่น้ำสีเขียวเข้มมีลวดลายสีขาวแซมสวยงามที่ผมนั่งเลือกมา ก่อนมาขัดให้แวววาวเพื่อคนที่ผมรักสองคน “เฟรม” และ “สมายล์” สร้อยสองเส้นนี้เปรียบเสมือนดวงตาที่คอยสอดส่งระวังระแวงภัย เพราะผมไม่มีอาจจะไปดูแลใกล้ๆ อย่างที่ใจนึกได้ ผมจึงได้ทำหินนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของผม ผมนำเส้นแรกใส่ไปในกล่องไปรษณีย์เพื่อส่งให้เฟรมผู้กุมหัวใจรักของผมไว้ทั้งดวง ถึงผมอาจจะไม่ได้ไปมอบให้ตัวเองแต่ผมรู้ว่าเฟรมจะเข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ้งของสร้อยเส้นนี้ ส่วนสมายล์น้องสาวที่ผมเคยละเลย ผมจะเอาไปให้กับมือ เป็นโอกาสที่ดีที่วันนี้เสี่ยอิทธิพลและอลิซไม่อยู่บ้าน ผมจะได้ทำหน้าที่พี่ชายบ้าง ถึงแม้ว่าจะเล็กน้อยจนน้องมองไม่เห็นเลยก็ตาม

    ผมนั่งรอบนโซฟาหรูหราที่ห้องรับแขกในคฤหาสน์ของเสี่ยอิทธิพล เพื่อรอให้คนในบ้านไปเรียกสมายล์ลงมาพบผม ร่างบางในชุดลำลองน่ารักเดินลงบันไดด้วยสีหน้างุนงง

    “ขอโทษนะคะ วันนี้พี่อลิซไม่อยู่บ้าน” สมายล์ขมวดคิ้วบอกผมอย่างเกรงใจ

    “พี่มาหาสมายล์ ไม่ได้มาหาอลิซ” ผมตอบอย่างซื่อๆ สมายล์เบิกตากว้างนั่งลงที่โซฟาอย่างเก้ๆกังๆ

    “มีอะไรเหรอคะ” สมายล์ถามผม ครั้งสุดท้ายที่เราคุยกันคือตอนที่สามยล์มาบอกผมเรื่องแกงส้ม

    “คือพี่มีของมาให้” ผมล้วงสร้อยเส้นนั้นออกมาจากกระเป๋า สมายล์ดูลังเลที่จะรับ

    “เนื่องในโอกาสอะไรคะ” สมายล์ถามผมอย่างไว้ตัว

    “ขอบคุณที่มาบอกพี่เรื่องนั้น” ผมหาทางแก้ตัวซึ่งในความคิดผมมันไม่เลวเลย สมายล์เองก็ดูมีสีหน้าผ่อนคลายลง ก่อนจะยื่นมามือรับสร้อย

    “สวยดีนะคะ” สมายล์พิจารณาสร้อยเส้นนั้นก่อนจะเงยหน้ามาพูดกับผมพร้อมรอยยิ้ม ผมยิ้มตอบ เห็นผมเห็นประกายมีความสุขในแววตาของสมายล์ผมก็ชื่นใจแล้ว.....

     

    SMILE talk

    ความแปลกใจยังไม่หายไปจากห้วงความคิด หลายๆครั้งที่เจอกัน เหมือนพี่ฮัทจอยากเข้ามาพูดคุยบวกสายตาที่เป็นไปด้วยความห่วงหานั้น บางที่มันก็ทำให้ชั้นสงสัย สิ่งที่พี่ฮัทแสดงออกมาถึงแม้มันไม่ใช่แบบชู้สาว แต่ชั้นก็พยายามหลีกเลี่ยงเพราะไม่อยากมีปัญหา การที่ชั้นสนิทสนมกับพี่ฮัทมันอาจทำให้ชั้นเดือดร้อนได้ง่ายๆ ชั้นหยิบสร้อยที่เพิ่งได้มาลองใส่ ดูแมนๆไปหน่อยนะเนี่ย...

    “ก๊อก ๆๆๆ” เสียงเคาะประตูทำให้ชั้นตกใจเล็กน้อย ก่อนเดินไปเปิดให้

    “พี่อลิซ” ชั้นเรียกชื่อผู้มาเยือนด้วยน้ำเสียงตกใจ พี่อลิซมีแววตาที่ทำให้ชั้นรู้สึกไม่ค่อยดีนัก

    “ชั้นเห็นรถพี่ฮัทสวนออกไป” พี่อลิซเริ่มต้นประโยคบอกเล่าเสียงเรียบแต่มันทำให้คนฟังตัวสั่น

    “ค่ะ..” ชั้นตอบพร้อมพยักหน้ารับ พี่อลิซเดินก้าวมาหาชั้นสายตาหยุดที่สร้อยเส้นใหม่บนคอของชั้น

    “นี่สร้อยอะไร? ได้มาจากไหน???” พี่อลิซจับสร้อยที่คอชั้นถามเสียงดุ

    “คือว่า...” ถ้าบอกว่าเป็นสร้อยที่พี่ฮัทให้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ชั้นไม่อยากมีปัญหา...

    “ตอบ!!!” พี่อลิซตะคอกใส่หน้า จ้องชั้นเหมือนอยากจะบีบคอให้ตายคามือ

    “พี่ฮัทค่ะ” ชั้นรีบตอบออกไป พี่อลิซจิกตามองหน้าชั้นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะกระชากสร้อยคอจากคออย่างไม่สนใจว่าชั้นจะเจ็บ!!!

    “ครั้งนี้เป็นครั้งแรกชั้นจะไม่ทำอะไร แต่ถ้าชั้นเห็นแกอยู่ใกล้พี่ฮัทละก็... ชั้นจะถือว่าแกไม่สำนึกบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนพ่อชั้นที่ราดหัวแกมาเป็นปีๆ แกคงรู้นะว่าจะเป็นยังไง เข้าใจมั้ย???” พี่อลิซพูดด้วยอารมณ์รุนแรง ก่อนจะผลักชั้นอย่างแรงให้ล้มไปกองที่พื้น น้ำตาชั้นค่อยๆไหลออกมาอย่างสุดกลั้น

    “ทำไมไม่ตอบชั้น!!!” พี่อลิซกรีดร้องเสียงแหลมก่อนจะหยิบหนังสือขว้างปามาที่ชั้น ชั้นร้องไห้ด้วยความกลัว รู้สึกแน่นที่อกจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เบี่ยงตัวหลบหนังสือที่ปลิวมาด้วยแรงโทสะ

    “ชั้นบอกให้ตอบไง แกจะร้องไห้ทำไมห๊า!!!!” พี่อลิซตะโกนเสียงดังตัวสั่นด้วยความโกรธ ใครก็ได้...ช่วยชั้นที คุณพ่อก็เปิดประตูเข้ามาดึงพี่อลิซไว้ได้อย่างทันท่วงที

    “อลิซ ใจเย็นลูก หายใจเข้า” คุณพ่อเอามาโอบพี่อลิซไว้ ทอดสายตามองชั้นนิดนึงก่อนจะหันกลับไปที่พี่อลิซ แน่ละ...พี่อลิซเค้าเป็นลูกสาวแท้ๆของคุณพ่อ ชั้นห้ามความน้อยใจที่เกิดขึ้นไม่ได้จริงๆ

    “อลิซ วันนี้หนูกินยารึยัง???” คุณพ่อถามขึ้นพี่อลิซค่อยสงบลงส่ายหน้าเบาๆ

    “งั้นก็ไปกินยาก่อนนะ” คุณพ่อบอกพี่อลิซด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะพาพี่อลิซออกไปนอกห้อง แม่จ๋า.... หนูคิดถึงแม่ ทำไมต้องให้สมายล์มาอยู่กับคนอื่นด้วย ถึงยังไงสมายล์ก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณพ่อ ที่นี่อาจจะสบายมีทุกอย่างที่ดีที่สุดเกินความต้องการ แต่ทำไมความอบอุ่นมันถึงหายากอย่างนี้ สมายล์ยอมลำบาก ขอแค่มีอ้อมกอดของแม่ตอนที่สมายล์ร้องไห้....

    ชั้นเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายเกลื่อนห้องให้เข้าที่เข้าทาง น้ำตานั้นแห้งไปนานแต่ชั้นยังคงสะอื้นอยู่นิดๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ชั้นลังเลที่จะไปเปิด...

    “สมายล์นี่พ่อเอง” เสียงของคุณพ่อดังจากด้านนอก ชั้นเลยรีบสาวก้าวไปเปิดประตูให้

    “ทำไมไม่เรียกเด็กมาเก็บช่วย” คุณพ่อมองไปรอบๆก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียงเบา

    “มันไม่หนักหนาอะไร สมายล์เก็บเองได้ค่ะ” ชั้นปั้นยิ้มส่งให้คุณพ่อ คุณพ่อลูบหัวชั้นอย่างอ่อนโยน

    “เข้าใจพี่หน่อยนะ ก็รู้อยู่ว่าพี่ไม่สบาย ไม่โกรธพี่เค้านะ” คุณพ่อบอกชั้น ชั้นได้แต่พยักหน้ารับรู้ เพราะบุญคุณที่มีท่วมหัว...หนูจะทำทุกอย่างให้คุณพ่อสบายใจ

    หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้นชั้นตั้งใจว่าจะไม่เข้าใกล้พี่ฮัทในระยะสองเมตร ไม่อยากมีเรื่องอีกแล้ว ถึงพี่ฮัทจะเข้ามาหาเราเพราะอะไรมันต้องจบสักที!!! .....แค่เรียนและรองรับอารมณ์แปรปวนของพี่อลิซก็เหนื่อยพอแล้ว ชีวิตชั้นไม่มีช่องว่างให้ความวุ่นวายอีกแล้ว ชั้นรีบวิ่งลงไปเพื่อที่จะไปทำรายงานบ้านเพื่อน และร่างสูงที่เป็นต้นเหตุการณ์เจ็บตัวก็ปรากฏร่างขึ้น ชั้นรีบสาวก้าวเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    “สมายล์” แต่เสียงเรียกนั้นก็ทำให้ชั้นชะงัก พี่ฮัทเดินเข้ามาหาชั้น ดีนะที่พี่อลิซยังไม่ตื่น...

    “รีบไปไหน....นั่นรอยอะไรที่คอ” พี่ฮัทสังเกตรอยแดงที่คอชั้น อะไรจะตาไวขนาดนั้นนะ ชั้นยกมือมาลูบที่คอก่อน

    “ฮัท...” คุณพ่อเรียกพี่ฮัทจากชั้นสอง ชั้นสบโอกาสเลยเดินออกจากบ้านทันทีโดยไม่สนใจจะตอบคำถามใดๆ แต่มันก็เพราะความเซ่อซ่าของตัวชั้นเองที่ดันลืมกระเป๋าสตางค์ไว้บนห้อง ชั้นจึงค่อยย่องขึ้นไปผ่านหน้าห้องคุณพ่อเพื่อไปเอากระเป๋าสตางค์ที่ห้องของตัวเอง ใช้เวลาไม่นานเดินกลับออกมา

    “ฝีมืออลิซใช่มั้ยครับ” เสียงพี่ฮัทดันขึ้น ชั้นหยุดฟังที่หน้าห้องเพราะไม่เคยเห็นใครกล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้กับคุณพ่อเลยสักครั้ง

    “อลิซเค้าไม่รู้ความจริงว่ามันเป็นยังไง นายอย่าไปโกรธอลิซเลย สมายล์เองก็ไม่ได้ติดใจแล้วนายเองจะโวยวายทำไม” คุณพ่อพูดถึงชั้นหรือว่าที่สองคนในห้องพูดกันคือเรื่องของชั้นเหรอ???

    “กระชากคอซะแดงขนาดนั้นเหรอครับ... มันรุนแรงเกินไป ยังไงสมายล์ก็เป็นน้องสาวของผม ไม่มีทางที่ผมจะทนเห็นน้องสาวตัวเองถูกทารุณแบบนี้หรอกครับ” นี่...นี่มันเรื่องอะไรกัน พี่ฮัทบอกว่าชั้นเป็นน้องสาวเค้างั้นเหรอ??? จะเป็นได้ยังไงกัน ชั้นรีบเดินออกมาจากที่ตรงนั้นทันที ความสับสนเข้ามาครอบงำในจิตใจ ทุกอย่างที่พี่ฮัททำดีกับเราเพราะพี่ฮัทเข้าใจว่าเราเป็นน้องสาวของเค้า... ไม่จริง!!!  มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน....

    ผมรู้สึกตัวจากห้วงการหลับฝันดีตลอดทั้งคืนในอ้อมกอดของพี่ฮั่น คนป่วยแสนจะเจ้าเล่ห์ที่ตอนนี้นอนหลับสนิทไร้พิษสงใดๆ ดูไปดูมาก็น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเด็กเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าไม่มีท่าทางดุดันน่าเกรงขามความจริงก็น่าหยิกแก้มให้หลุดติดคามือเลยเชียว ว่าแล้วผมก็ก้มลงไปหอมแก้มพี่ฮั่นที่หลับพริ้มอยู่เบาๆให้คลายความหมั่นไส้ แต่สิ่งที่นึกไม่ถึงคือมือลึกลับที่โอบรัดร่างผมให้ติดกับพี่ฮั่นที่ตอนนี้ลืมตาแป๋วอยู่

    “ลักหลับพี่เหรอเนี่ย ร้ายไม่เบาเลยนะ” พี่ฮั่นหยอกผมตั้งแต่คำแรกที่ตื่นเลยนะ ผมเองก็ไปไม่เป็นที่ถูกจับได้แบบนี้ ...โอ๊ยยยยย!!! คนอะไรตื่นง่ายชะมัด ทุบหัวให้หลับอีกรอบหนึ่งดีมั้ยเนี่ย

    “พี่ฮั่นพูดอะไรน่าเกลียดจริงๆ” ผมดิ้นยุกยิกในอ้อมกอดที่พี่ฮั่นในท่าที่ผมนอนทับพี่ฮั่นอยู่ พี่ฮั่นเองก็ฉวยโอกาสที่กำลังผมบ่นด้วยความอายเพราะถูกจับได้หอมเข้ามาที่แก้มผมฟอดใหญ่

    “อะไรของพี่เนี่ย เนียนเลยนะ” ผมต่อว่าพี่ฮั่นอย่างไม่จริงจังนัก

    “ใครมันจะเหมือนเราละ เก่งแต่ตอนที่พี่หลับ ความจริงตอนพี่ตื่นก็หอมได้นะ กอดก็ได้ จูบก็ได้ หรือว่าจะ....” ท้ายประโยคพี่ฮั่นเอาจมูกมาชนที่แก้มผมด้วยสัมผัสที่แผ่วเบา แล้วพลิกตัวให้ผมอยู่ด้านล่างโดยที่คร่อมตัวผมไว้ มือผมทั้งสองข้างถูกตรึงไว้ด้วยข้อมือที่แข็งแรงนั้น สายตาที่พี่ฮั่นมองมาช่างร้อนแรงราวดวงอาทิตย์แผดเผาร่างกายให้ร้อนรุ่ม พี่ฮั่นยกมือผมมาจูบอย่างแผ่วเบาแต่มันแฝงด้วยความต้องการอย่างลึกซึ้ง  พี่ฮั่นค่อยๆแกะกระดุมชุดนอนของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าพี่ฮั่นใช้มือทั้งสองประคองหน้าผมไว้ ก่อนจะค่อยเริ่มใช้ริมฝีปากนั้นจูบประพรมไปทั่วไปหน้า ผมใช้มือทั้งสองข้างตวัดเกี่ยวรอบคอ หลับตารับสัมผัสแห่งรักด้วยหัวใจ.....

    “พลั่ก.......อร๊ายยยยยยยยยยย!!!” เสียงเปิดประตูห้องตามด้วยเสียงกรี๊ดของแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดทุกวันอย่างตกใจ พี่ฮั่นรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างตัวเองที่ท่อนบนไร้ซึ่งเครื่องห่ม ผมกระเด้งลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ ป้าแม่บ้านมองหน้าเราสองคนสลับกันอย่างตะลึกพรึงเพริด

    “ป้านึกว่าไม่มีคนอยู่ เห็นประตูไม่ได้ล็อค... ป้าว่าป้ากลับก่อนดีกว่า” ป้าแม่บ้านพยายามอธิบายแต่เมื่อเห็นสายตาเจ้านายก็เปลี่ยนใจกลับขอตัวลากลับทันที ผมเอามือปิดปากด้วยความตกใจ จริงสิเมื่อคืนผมเองไม่ได้ล็อคประตูห้อง.... ผมลอบมองพี่ฮั่นที่นั่งกุมขมับอยู่ข้างๆ

    “แกงส้ม...คราวหน้าอย่าลืมเตือนพี่ล๊อคประตูนะ” พี่ฮั่นพูดขึ้นมาอย่างละเหี่ยใจ บทรักที่เพิ่งเริ่มต้นก็จบลงในเวลาอันสั้นเพราะไม่ล๊อคประตูแท้ๆ.... อย่าว่าแต่พี่ฮั่นเลยก็ก็จะท่องขึ้นใจเลย ตอนแรกก็รู้สึกเคลิ้มๆดีอยู่หรอกไม่ได้คิดว่าที่ทำมันน่าอาย แต่พอมีพยานรักเท่านั้นแหละแทบแทรกแผ่นดินหนี!!!

    ให้ตายเหอะ...ทำไมผมถึงหยุดนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าไม่ได้นะ หลังจากการค้นพบเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของป้าแม่บ้านเมื่อเช้า ผมก็หลบหน้าพี่ฮั่นอยู่ในห้องส่วนตัวตลอดจนพี่ฮั่นลากสังขารตัวเองออกไปทำงานในตอนบ่ายสามโมงกว่าๆ ผมถึงได้โผล่หน้าออกมาคว้าจักรยานออกมาปั่นลดอาการฟุ้งซ่านที่ปั่นป่วยอยู่ในหัวผม เห็นว่าวันนี้พี่ฮั่นจะเข้าไปเคลียร์บัญชีที่สำนักงาน ผมเลยเลือกปั่นไปทางไร่องุ่นจะไปแถวๆที่ที่เจอบุญหลงอีกครั้ง

    “นายน้อย...อย่าไปไกลนะครับเดี๋ยวพายุเข้าจะกลับมาไม่ทัน” หัวหน้าคนงานร้องทักผม

    “คร้าบบบบ” ผมรับคำอย่างไม่ใส่ใจนัก ฝนตกก็หลบตามต้นไม้ก็ได้ไม่เห็นเป็นไรเลย ทำไมทุกคนจะต้องทำเหมือนผมเป็นเด็กอายุสี่ห้าขวบด้วยนะ ยิ่งพี่ฮั่นยิ่งทำเหมือนผมเป็นง่อยหยิบจับอะไรแล้วกระดูกจะร่วงห้ามทำนู่นทำนี่อยู่ได้ ผมปั่นไปจนถึงเนินสูงนั้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี่สายลมแรงกว่าครั้งก่อน ดอกไม้สีเหลืองลู่ไปตามลม ต้นไม้ถูกพัดจนกิ่งสะบัดพร้อมพี่จะหักโค่นลงมาง่ายๆ ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าเมฆสีดำก้อนใหญ่ไหลมาตามแรงลมอย่างรวดเร็วอีกนานฝนคงเทกระหน่ำลงมาอย่างแน่นอน ผมตัดสินคว้าจักรยานรีบปั่นลงมาเพื่อกลับบ้านแต่ก็ไม่อาจหลบฝนเม็ดใหญ่นั้นได้ จากเม็ดฝนที่ลงมาประปรายก็กลายเป็นพายุฝนรุนแรงราวกับฟ้ารั่ว ผมพยายามรักษาการทรงตัวของจักรยานอย่างเต็มที่ แต่เพราะความที่เป็นทางดิ่งชันและถนนดินลูกรังที่ลื่นทำให้ผมเสียหลักล้มอยู่ข้างทาง ผมพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาแต่ข้อเท้าผมเจ็บจนลุกขึ้นยืนแทบไม่ไหว...ไม่น่าดื้อเลยแกงส้ม ถ้าฟังคนอื่นตั้งแต่แรกคงไม่ลำบากแบบนี้ ผมพยายามกระเสือกกระสนตัวเองไปพักใต้ต้นไม่ใหญ่ที่ดูแข็งแรงที่สุด ผมนั่งรอนานเป็นสิบนาทีพายุฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะซาเลยสักนิด ความเหน็บหนาวไม่มีความปราณีกับผม ผมนั่งตัวสั่นเทาเพียงลำพัง เสียงฟ้าร้องที่ดังน่ากลัวนั้นมันช่างดูโหดร้ายมากขึ้นเมื่อผมตกอยู่ในสภาพแบบนี้...พี่ฮั่น ผมอยู่ตรงนี้มาหาผมที....

     

    HUNZ talk

    เด็กบ้า....นี่ความจำเสื่อมแล้วยังไม่วายก่อเรื่องให้ผมต้องเป็นห่วงอีกจนได้ ผมแทบบ้าเมื่อหัวหน้าคนงานมาบอกผมถึงสำนักงานว่าแกงส้มยังไม่กลับลงมาจากเนินเขา พายุก็หนักขนาดนี้ผมเองยังพลาดท่าถูกกิ่งไม้หักทับมาแล้วรอบหนึ่ง แล้วอย่างแกงส้มจะเอาตัวรอดได้แค่ไหนกัน!!!

    ผมขับรถกระบะคู่ใจ (ที่ใช้ในไร่) ตามหาแกงส้มอย่างร้อนใจ ถ้าเจอตัวนะจะดุให้ความจำเสื่อมไปอีกรอบเลย ผมสอดส่องมองหา และแล้วผมก็เจอจักรยานล้มอยู่ข้างทาง ไม่ผิดแน่...แล้วคนปั่นอยู่ไหนกัน ผมรีบลงรถเพื่อหาแกงส้ม

    “พี่ฮั่นนนนน!!!” เสียงดังมาจากข้างทาง เมื่อผมวิ่งฝ่าสายผมไปตามเสียงนั้น เห็นร่างสูงโปร่งที่พยายามลุกขึ้น ใบหน้ามีรอยยิ้มที่ดูสบายใจ ผมเห็นแล้วขัดตาเหลือเกินยิ้มออกมาได้ทั้งๆที่ทำให้คนอื่นเค้าเป็นห่วงแทบตาย ผมรีบวิ่งเข้าไปดึงร่างนั้นมากใกล้ก่อนจะบดริมฝีปากของตัวเองขยี้ลงไปที่ริมฝีปากเด็กดื้ออย่างรุนแรง ก่อนถอนจูบผมกัดเบาๆที่ริมฝีปากนั้นอย่างโมโหเป็นการลงโทษที่ล้อเล่นกับความเป็นห่วงของผมแบบนี้

    “ผมเจ็บนะ” แกงส้มร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ

    “ข้อหาทำให้พี่เป็นห่วง” ผมพูดเสียงเข้ม แกงส้มหน้าสลดลงนิดหน่อย

    “ผมขอโทษ” แกงส้มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ผมคว้ามือแกงส้มเพื่อเดินกลับไปที่รถแต่ร่างนั้นก็ทรุดลงตามแรงดึง คิ้วขมวดบนใบหน้านั้นสื่อถึงความเจ็บปวด

    “ผมเจ็บขาตอนจักรยานล้ม” แกงส้มพูดค่อยๆเสียงอ่อยๆกลัวถูกดุ ผมเองก็ใจอ่อนลง ผมย่อลงข้างๆร่างนั้น แกงส้มเอียงคอมองผมอย่างงุนงง

    “ขี่หลังพี่ไป มัวแต่มายืนตากฝนแบบนี้เดี๋ยวก็ปอดบวมตายกันทั้งคู่” ผมเร่งอย่างดุดัน แกงส้มตวัดมือรอบคอผมอย่างไร้คำทัดทาน บางทีก็ต้องกำราบไว้บ้าง...ปล่อยให้ดื้อไปเรื่อยๆแบบนี้ไม่ดีแน่ ผมยังจำเจ้าตัวแสบคนเดิมที่สร้างเรื่องให้ผมต้องเจ็บใจมาหลายครั้งได้...

    ในที่สุดผมก็มาถึงบ้าน ฝนก็เริ่มซาลงเรื่อยๆ หลังจากตกหนักมาเป็นเวลากว่าสามชั่วโมงตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดดำ ผมเดินอ้อมมาอีกฝั่งของรถเพื่อรอรับแกงส้ม

    “ไม่เป็นไรครับพี่ฮั่น ผมดีขึ้นแล้ว” แกงส้มพูดขึ้นเมื่อเห็นผมหันหลังเพื่อเตรียมแบกตัวเอง

    “อย่าดื้อ คดีเดิมก็ยังไม่ได้เคลียร์กันเลยนะ” ผมพูดเสียงดุแกงส้มเลยขึ้นหลังผมอย่างจำนน ผมแบกแกงส้มไปส่งถึงหน้าห้องน้ำเพราะตัวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนเพื่อให้ชำระล้างร่างกาย ส่วนตัวผมเองก็เดินกลับมาที่ห้องเพื่ออาบน้ำเช่นกัน เมื่ออาบน้ำเสร็จผมเดินกลับไปที่ห้องของแกงส้มที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จ อาบน้ำนานเหมือนกันนะนี่...ถึงว่าสิตัวหอม ผมนั่งรอสักพักแกงส้มก็เปิดประตูออกมา ผมรีบเดินไปประคองร่างสูงบางนั้นแต่ไม่ได้ส่งยิ้มกลับให้ แกงส้มนั่งลงบนเตียงแล้วผมเดินออกจากห้อง แต่ออกเดินได้สองสามก้าวก็ต้องชะงัก

    “พี่ฮั่นจะกลับแล้วเหรอครับ???” แกงส้มถามผมด้วยน้ำเสียงร้อนใจ

    “ใช่” ผมตอบสั้นๆ หันไปมองหน้าคนถาม แกงส้มทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

    “พี่ฮั่นโกรธผมเหรอ???” ยังมีหน้ามาถามได้นะ...โกรธสิ ผมไม่ตอบแล้วก้าวออกเดิน

    “ผมขอโทษที่ทำให้พี่ฮั่นต้องลำบาก” แกงส้มพูดขึ้นเมื่อผมกำลังออกจากห้อง เด็กบ้า...นี่ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ

    “ที่พี่โกรธ...เพราะแกงส้มทำให้พี่แทบบ้าด้วยความเป็นห่วงต่างหาก” ผมพูดเสียงดังเดินกลับมาหาแกงส้ม แกงส้มลุกขึ้นมองหน้าผมทั้งน้ำตาก่อนจะโน้มตัวมาบรรจงจูบผมก่อนเป็นครั้งแรก ผมตอบรับโดยทันทีพร้อมดึงร่างนั้นมาแนบชิดอกกว้างของผม

    “แน่ใจนะที่ทำแบบนี้” ผมถอนปากจากใบหน้านั้นแล้วก้มลงกระซิบถาม ถึงแม้ไม่มีคำตอบใดๆ แต่ความต้องการของผมก็ไม่อาจจะหยุดยั้งได้อีกแล้ว ทุกครั้งที่ได้สัมผัสมันไม่อาจดับความร้อนรุ่มในใจผมได้เลย ยิ่งสัมผัสผมยิ่งโหยหาความหวานจากร่างสูงบางนี้ ผมซุกไซร้จมูกของผมไปตามร่างกายของแกงส้ม ก่อนจะโน้มตัวแกงส้มลงบนเตียงขาวสะอาด ผมจูบที่ริมฝีปากนั้นอีกครั้ง ลิ้นชิมรสหวานจากปากนั้นไม่เคยพอ แกงส้มหลับตาพริ้มแต่ทุกอย่างก็ตอบสนองผมอย่างที่ควรจะเป็น แกงส้ม....พี่ไม่อาจจะหยุดยั้งใจได้เลย ถึงแม้มันจะเกิดจากห้วงอารมณ์ความต้องการ แต่พี่รู้และมั่นใจว่าโลกนี้ไม่มีใครจะทำให้พี่ลืมสัมผัสที่หอมหวานในคืนพิเศษนี้ได้เลย

    “พี่ฮั่นผมรักพี่นะ” น้ำเสียงอ้อนออดนั้นกระซิบออกมาอย่างแผ่วเบา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันช่างเหมือนฝัน แกงส้มเป็นของผมทั้งร่างกายและหัวใจ ร่างกายเรากอดก่ายกันด้วยความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งไปพร้อมๆกับหัวใจที่กอดเกี่ยวกันด้วยความว่ารักสุดใจ....

     

    ปล. กว่าจะเขียนเสร็จลบแล้วลบอีก ตั้งใจที่สุดเพื่อรีดเดอร์ขาหื่น เอ๊ยยยยย!!! ขาประจำ  ไรเตอร์จัดได้แค่เรทนี้นะ เพราะมากกว่านี้กลัวจะถูกแบนเอาง่ายๆ5555

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×