ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รัก- ลืม -ร้าย หัวใจพ่ายเธอ

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9 : คำว่ารัก

    • อัปเดตล่าสุด 17 มิ.ย. 55



    FRAME talk

    ไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อให้เรื่องทุกอย่างมันผ่านพ้นจุดวิกฤติแบบนี้ไปได้ พี่ฮั่น...เคยเป็นคนมีเหตุผลถึงแม้จะมีอารมณ์ร้อนไปบ้างแต่ก็ไม่เคยทำอะไรนอกลู่นอกทางมาก่อน คงรักแกงส้มมากสินะ... แต่พี่ฮั่นจะรู้มั้ยว่าความรักที่เริ่มต้นด้วยความไม่จริงใจมันจะเดินไปได้ไกลสักแค่ไหนกัน ชั้นไม่อาจเก็บเรื่องนี้ไว้เพียงคนเดียว จึงโทรหาพี่อัทมาพบที่สวนสาธารณะทางเข้าบ้านของชั้น พ่อเลี้ยวรถเข้าไปในสวนก็พบรถของพี่ฮัทจอดรอข้างทาง ส่วนร่างสูงนั้นยืนไม่ห่างจากรถนัก ชั้นรีบจอดรถไว้ด้านหลังรถพี่ฮัท ก่อนจะเปิดประตูรถเดินสาวก้าวไปหาร่างสูงนั้นทันที

    “เป็นไงบ้างเฟรม ขับรถเหนื่อยมั้ย?” พี่อัทถามพร้อมรอยยิ้มกว้าง ชั้นทิ้งตัวนั่งลงที่ม้านั่งตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆตัวทันที พี่ฮัทเดินมานั่งลงข้างๆ ชั้นสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะต้องเล่าทุกอย่างให้คนรักฟัง

    “ขับรถไม่เหนื่อยเลย แต่ที่เหนื่อยคือเหนื่อยใจ” ชั้นพูดออกมาอย่างอ่อนล้า

    “มันจะอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ?” พี่ฮัทพูดแกมหัวเราะในท่าทางของชั้น หึหึ...รู้แล้วอย่าตกใจละกัน

    “แกงส้มความจำเสื่อม เหนื่อยพอมั้ย?” ชั้นพูดเน้นแต่ละคำเพื่อให้อีกคนได้ยินชัดๆ

    “ห๊า!!!!” พี่ฮัทร้องออกมาได้เท่านี้ ก่อนจะมองหน้าชั้นเหมือนถามว่าล้อเล่นใช่มั้ย????

    “ยังไม่จบนะ พี่ฮั่นไม่ยอมปล่อยแกงส้มให้กลับมา แล้วที่เด็ดที่สุด ตอนเฟรมไปเจอเค้าจูบกัน” ชั้นตอกย้ำความตกใจมากยิ่งขึ้น พี่ฮัทเบิกตากว้าง

    “ฟะ..ฟะ.. เฟรมเผลอหลับไปแล้วฝันรึเปล่า???” พี่ฮัทย้อมถามชั้น

    “ไม่...เต็มสองตาเลยที่เห็นแทบช็อค” ชั้นบอกเล่าเรื่องราวเพื่อแบ่งปันความช็อคให้กับพี่ฮัท

    “อะไรกันนี่...มันเรื่องอะไรกันแน่” พี่ฮัทบ่นพึมพำ

    “อะไรแน่ไม่แน่ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆคือพี่ฮั่นรักแกงส้ม!!!” ชั้นปล่อยหมัดสุดท้ายเพื่อหวังน็อคคนรัก

    “เฟรมฆ่าพี่ยังจะดีซะกว่า” พี่ฮัทพูดอย่างไร้ทางออก แล้วพี่ฮัทก็นิ่งไปสักพักเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ

    “มันก็ยังดีกว่าพี่ปล่อยแกงส้มกลับมา” พี่ฮัทพูดอย่างปลงๆ ชั้นหันไปขมวดคิ้วให้พี่ฮัทอย่างไม่เข้าใจ

    “อลิซเค้าเตรียมคนไว้เก็บแกงส้มแล้ว ทันทีที่แกงกลับมาแกงก็ไม่ปลอดภัย พี่ว่าปล่อยให้อยู่กับพี่ฮั่นก็คงจะดีกว่า ส่วนเรื่องอื่นปล่อยไปตามชะตาฟ้าลิขิตละกันนะ” พี่ฮัทพูดอย่างจริงจัง

    “ยัยอลิซนี่มันร้ายกาจจริงๆ” ชั้นอดที่จะว่าคู่อริไม่ได้ อลิซเรียนคณะเดียวกับชั้น เป็นคู่ไม้เบื่อเมากันมาตลอด เพราะตอนปีหนึ่งอลิซกับเพื่อนสนิทของชั้นเป็นตัวเต็งในการคัดดาวคณะ แต่อลิซก็ใช้แผนสกปรกจนเพื่อสนิทชั้นขาหัก ไม่แปลกใจเลยถ้ายัยอลิซจะตามฆ่าแกงส้มในข้อหาทำให้พี่ฮัทเป็นห่วงเกินไป.....

    “พี่ก็แค่หวังว่าสองคนนั้นสุดท้ายจะจบลงด้วยดี” พี่ฮัทพูดขึ้นมา ชั้นเอียงคอไปซบไหล่นั้นเพื่อขอเติมพลังจากความเหนื่อยล้าในวันนี้ที่พี่ชายคนดีสร้างไว้ พี่ฮัทเอามืออีกข้างมาลูบหัวอย่างนุ่มนวล

    “เหนื่อยเหรอ???” พี่ฮัทถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ชั้นส่งเสียงตอบรับในลำคอ

    “งั้นก็หลับตาพักที่ไหล่พี่ให้สบายนะ มันยากที่เราจะได้เจอกันแบบนี้ พี่ขอทำหน้าที่ดูแลเฟรมให้ดีที่สุด อยู่กับพี่ไม่ต้องกลัวอะไร พี่จะดูแลเฟรมด้วยชีวิตของพี่” อยู่ๆพี่ฮัทก็พูดออกมาอย่างอบอุ่น ชั้นลืมตามามองหน้าคนรักอีกครั้งก่อนส่งยิ้มแห่งความปิติกับถ้อยคำแสนหวานนั้น

    “แค่รู้ว่าพี่รักเฟรมแค่นี้ชีวิตของเฟรมก้ไม่กลัวอะไรแล้ว” ชั้นบอกพี่ฮัทที่จ้องมองชั้นอย่างหวานซึ้ง พี่ฮัทปัดผมจากหน้าผากก่อนค่อยบรรจงจุมพิตอย่างอ่อนหวาน ชั้นหลับตาพริ้มรับจูบนั้นด้วยความรักอันล้นใจ ไม่ว่าเราต้องฝ่าฟันอะไรชั้นก็ไม่กลัวอีกแล้ว ขอแค่มือคู่นี้จับมืออยู่เคียงข้าง ขอแค่แววตานี้ส่งความห่วงใยชั้นก็พร้อมจะโบยบินไปยังเส้นทางแห่งความรัก แสงไฟข้างทางที่เป็นแสงสว่างเพียงอย่างด้วยที่ส่องให้แก่เรา ในสวนอันมืดมน หากแต่ความรักของเราจะส่องทางหัวใจไม่มีวันมอดดับ....ขอแค่ชั้นกับพี่ฮัทเท่านั้น ชีวิตนี้ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว.....

     

    HUNZ talk

    กว่าจะหลับตาลงได้ผมก็ทรมานจนหัวใจขาดเป็นชิ้นๆ ยิ่งนึกถึงวันเก่าๆ ผมยิ่งเกลียดตัวเอง ทุกอย่างที่ผมทำกับแกงส้มมันผิด..ผิดไปทุกอย่าง มันเป็นตราบาปที่ค่อยกัดเซาะหัวใจทุกครั้งยามเห็นหน้าอ่อนใสไร้เดียงสา ที่หารู้ไม่ว่าผู้ชายที่เค้าไว้ใจมากที่สุด คือคนที่ทำร้ายเค้ามากที่สุด.... แกงส้มต่อไปนี้พี่จะทำดีทุกอย่างเพื่อเป็นการชดเชยสิ่งที่พี่ทำลงไป ถึงแม้มันไม่อาจจะลบล้างความเลวนั้นได้ แต่อย่างน้อยให้พี่ได้แสดงความรักที่พี่มี พี่จะทำให้แกงส้มได้รู้ว่าพี่รักเราแค่ไหน หากถึงวันที่แกงส้มเกลียดพี่ อย่างน้อยพี่ก็จะได้ปลอบใจว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว....

    ผมเดินออกมาจากห้องเห็นชายสามคนสาละวนกับโต๊ะอาหาร เสียงหัวเราะของแกงส้มช่างเหมือนเสียงสวรรค์ที่ทำให้ผมมีเรี่ยวแรงหลังจากความบอบช้ำเข้ามาถาโถมอย่างร้ายกาจเมื่อคืน และอีกอย่างที่ผมให้ผมอดยิ้มไม่ได้คือลูกน้องฝาแฝดในชุดสีฟ้าสดใสที่เหมือนกัน

    “เออ...ใส่ชุดแบบนี้ก็ดูดีนี่หว่า” ผมตบบ่าไอ่เอทักทายยามเช้า ไอ่เอก้มลงมองตัวเอง

    “ผมว่ามันเหมือนโจรโง่ลักพาตัวเด็กในหนังฝรั่งนะพี่” ไอ่บีร้องครางอย่างหมดอาลัยตายอยาก

    “ไม่เลย...น่ารักต่างหากละ” แกงส้มเสริมขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ก่อนมองหน้าผมเพื่อสำรวจร่องรอยน้ำตาเมื่อวาน ผมส่งยิ้มกลับให้อย่างเข็มแข็ง

    “แกงส้มว่าไงว่าตามกัน” ไอ่เอพูดอย่างเสียไม่ได้

    “ไม่ต้องเลยไอ่เอ...แกชอบก็บอกมาเหอะไม่ต้องมาอ้างแกงส้มเลยนะ” ไอ่บีขัดคู่แฝดเสียงดัง

    “เบาๆ...เดี๋ยวจะโดนหาว่าสาวแตก” ไอ่เอปรามไอ่บี ผมกับแกงส้มหัวเราะกับความแอบหวานของพี่เอ ผมนั่งลงที่ที่ประจำ แกงส้มนั่งลงข้างๆ ผมเปิดชามข้าวต้มที่หอมน่าทาน

    “วันนี้แกงส้มลงมือเข้าครัวเองเลยนะพี่ฮั่น” ไอ่เอบอกผม ผมหันไปมองพ่อครัวหน้าหวานที่ดูพออกพอใจกับผลงานตัวเอง แกงส้ม...มีความสุขมากๆนะ พี่จะทำทุกอย่างเพื่อรักษารอยยิ้มนั้นไว้

    “อร่อยจัง” ผมพูดประจบพ่อครัวด้วยสายตากรุ้มกริ่ม แกงส้มส่งยิ้มหวานให้ผมอย่างเขินอาย แต่ก็เสียบรรยากาศเพราะเสียงสำลักของคู่แฝด

    “พี่ฮั่น...ทำอะไรของพี่อ่ะ ผมสองคนเกือบสำลักตาย!!!” ไอ่บีโวยวาย ผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองชักจะเลี่ยนเกินไปแล้ว แกงส้มส่งกระดาษทิชชูให้ก้างทั้งสอง

    “เบาหวานแทบขึ้นตา คราวหน้าเราคงกินกันสองคนแล้วแหละ เพื่อสุขภาพ” ไอ่บีเสริมคู่แฝด

    “ดี...” ผมตอบสั้นๆ ก่อนจะตักข้าวต้มทานอย่างไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะลอบมองหน้าอ่อนๆนั้นก่อนออกไปทำงาน.... แต่ก่อนที่จะได้กินข้าวต้มจนหมดชาม มือถือผมก็ดังขึ้น เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏในหน้าจอปมก็ลุกไปคุยที่หน้าระเบียงทันที โดยที่รู้สึกได้ว่ามีสายตาของแกงส้มมองตาม...

    “ว่าไงไอ่นัท” ผมพูดกรอกลงไปในมือถือ

    “พี่ฮั่นวันนี้ผมเห็นพวกของเสี่ยมาป้วนเปี้ยนที่ผับเราด้วย” ไอ่นัทรายงานผม ซึ่งมันเป็นเรื่องไม่น่าไว้ใจ ผมสงสัยว่าเสี่ยอิทธิพลจะใช้บริเวณในผับของผมเป็นที่นัดหมายส่งของผิดกฎหมาย และในหลายๆครั้งผมก็ขัดขวางจนขึ้นเป็นศัตรูอันดับหนึ่งเมื่อสองสามปีก่อน

    “งั้นชั้นจะส่งไอ่เอไอ่บีไปช่วยแกอีกแรง” ผมบอกไอ่นัท ปลายสายดูโล่งอกก่อนวางสายไป

    “เอบี...วันนี้ไปตามงานที่กรุงเทพให้ชั้นหน่อยนะ” ผมนั่งลงพร้อมสั่งงานทันที

    “ครับ” ไอ่เอและไอ่บีตอบรับอย่างรู้งาน แกงส้มหรี่ตามองผมอย่างสงสัย ผมได้แต่ส่งรอยยิ้มให้เพื่อกลบเกลื่อน

    หลังจากที่ไอ่เอและไอ่บีไปทำงานที่ผับตามคำสั่งผม ผมก็ออกมาที่สำนักงานเพื่อตรวจบัญชี ก่อนที่จะเดินมาดูคนงานห่อองุ่นอย่างรีบเร่งเพราะกลุ่มเมฆดำทะมึนล่องลอยเข้าใกล้มาเรื่อยๆ

    “นายกลับบ้านไปก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวที่นี่ผมอยู่รอดูเอง” หัวหน้าคนงานบอกกับเมื่อเห็นว่าฝนฟ้าดูจะเอาหนักแน่วันนี้ แต่คนงานก็ต้องห่อองุ่นให้เสร็จเพราะไม่เช่นนั้นองุ่นก็อาจจะเสียหายได้ ผมตบบ่าหัวหน้าของงานแทนคำขอบใจก่อนจะรีบขึ้นรถขับตรงกลับไปที่บ้าน....บ้านที่มีคนรอผมอยู่

    “แกงส้ม” ผมร้องเรียกคนที่ผมคิดถึงกว่าสิ่งใด แต่ผมก็ไม่เห็นร่างสูงโปร่งนั้น มีเพียงสมุดวาดภาพที่วางอยู่ที่โต๊ะเหมือนจะเพิ่งถูกทิ้งไว้ ผมนึกถึงรูปผมที่แกงส้มวาดก็อดหยิบขึ้นมาเปิดดูไม่ได้ เมื่อพลิกไปเรื่อยๆ ผมก็ตกใจในสิ่งที่เห็นเมื่อภาพสุดท้ายคือ ภาพของมือกีต้าร์ที่ร้านกับเด็กหนุ่มหน้าหวานที่มาช่วยแกงส้มในวันที่ผมจับแกงส้มกดน้ำ... หรือว่าแกงส้มจะจำทุกอย่างได้!!!

    “แกงส้ม!!!” ผมตะโกนเรียกชื่อนั้นอีกครั้งด้วยความร้อนใจ

    “คร้าบบบบบ...” เสียงตอบรับดังขึ้นจากทางหลังบ้าน แกงส้มกำลังถือกรงเจ้าบุญหลงขึ้นมาบนบ้าน

    “ผมกลัวว่าฝนตกแล้วจะลงไปเก็บเจ้าบุญหลงไม่ทัน...” แกงส้มพูดอย่างร่าเริงผมลอบถอนหายใจเบาๆ แกงส้มมองสมุดวาดเขียนในมือผมก่อนจะเดินเข้ามาหา

    “พี่ฮั่น...สองคนนี้เค้าเป็นใคร” แกงส้มเปิดหน้าที่ทำหน้าผมใจหายมาให้ผมดู ผมแสแสร้งมองทั้งที่มันเจ็บแปลบๆ

    “พี่ไม่รู้จักหรอก ทำไมเหรอ?” ผมโกหกอีกครั้ง...เมื่อไหร่นะผมถึงจะไม่ต้องโกหกแกงส้ม

    “ไม่รู้สิ อยู่ๆ สองคนนี้ก็แวบมาในหัวเหมือนจะอยู่ในร้านอาหารสักที่” แกงส้มพูดอย่างครุ่นคิด

    “ฝนเหมือนจะตกหนัก พี่ไปดูคนงานก่อนนะ” ผมไม่อาจทนความหน้าด้านของตัวเอง... ผมจะเก็บแกงส้มไว้แบบนี้นานเท่าไหร่กัน ในเมื่อความทรงจำแกงส้มเริ่มกลับมา... อย่าให้มันเร็วนักเลย ฟ้าได้โปรดเห็นใจผม ได้โปรดสงสารความรักของผมที....

     

    ผมร้องเรียกพี่ฮั่นที่หุนหันออกไปที่ไร่แต่ก็ไม่เป็นผล ทั้งที่พายุลมฝนกำลังจะพัดกระหน่ำ พี่ฮั่นออกไปไม่นานฝนฟ้าก็เทกระหน่ำลงมามืดฟ้ามัวดิน ฟ้าร้องฟ้าผ่าอื้ออึ้งดังสนั่น ผมเป็นห่วงพี่ฮั่นจนนั่งไม่ติด เจ้าบุญหลงก็ร้องเสียงดังเพราะกลัวเสียงดังซุกใต้ผ้าหนาวสั่นๆ

    “เปรี้ยงงงงงง!!!!” เสียงดังลั่นนั้นคือเสียงฟ้าผ่าต้นไม้กลางไร่ ผมลุกขึ้นอย่างเป็นกังวล พี่ฮั่นพี่อยู่ไหนกลับมาได้แล้ว ผมเป็นห่วงพี่จริงๆนะ อย่าทรมานผมแบบนี้เลย สักพักผมก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกมาจากด้านล่างของบ้าน ผมหยิบร่มวิ่งไปดูทันที สิ่งที่ผมเห็นทำเอาผมหัวใจแทบหยุดเต้น คนงานสามสี่คนช่วยกันแบกพี่ฮั่นขึ้นมาบนบ้าน ผมทิ้งร่มวิ่งไปหาโดยไม่สนว่าตัวเองจะเปียกไปด้วยหรือไม่

    “เกิดอะไรขึ้น” ผมหันไปถามหัวหน้าคนงานที่เพิ่งวางพี่ฮั่นลงบนโซฟาตัวยาว

    “นายถูกกิ่งไม้หักทับครับ...นายน้อย” หัวหน้าคนงานหลบตาผมเหมือนกลัวผมอาละวาด ถ้าผมจะอาละวาดใครสักคนก็คงเป็นคนที่นอนสลบอยู่ตรงหน้านี้

    “แล้วทำไมไม่พาไปโรงพยาบาลละครับ” ผมถามต่อ หัวหน้าคนงานสบตากับลูกน้อง

    “คือถนนทางเข้าจังหวัดมันขาดครับ แล้วนายก็คงแค่สลบไปแต่ถ้านายเป็นอะไรมากผมก็คงต้องเสี่ยงออกรถครับ” หัวหน้าคนงานตอบ ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ทุกคนดูผ่อนคลายก่อนทยอยกลับผมขอแรงให้สองสามคนช่วยแบกพี่ฮั่นไปที่ห้องนอนหลังจากที่ผมเช็ดตัวถอดเสื้อที่เปียกชุ่มเรียบร้อย

    ผมหลับตาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พี่ฮั่นอย่างยากลำบาก อายก็อาย แต่มันก็จำเป็นจะให้พี่ฮั่นนอนทั้งที่เปียกปอนแบบนี้มันก็ไม่เป็นผลดีแน่ๆอาจจะเป็นปอดบวมขึ้นมาก็ได้ หลังจากเปลี่ยนให้พี่ฮั่นอยู่ในชุดนอนเรียบร้อย ผมก็เอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดหน้าเช็ดตาพ่อหนุ่มรูปงามที่ห่ามออกไปไร่กลางพายุแบบนี้ รูปเค้าโครงหน้าที่ดูคมเข้มบนหน้าขาวใสนั้นทำให้ผมอดคิดอิจฉาไม่ได้ ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรกันนะ ถึงเกิดมาสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ใบหน้าที่ดูเข้มแข็งกับรูปร่างสูงเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสมส่วน อยู่ๆใบหน้าก็แดงร้อนผ่าวขึ้นมา นี่เรานั่งคิดอะไรอยู่เนี่ย... ผมนั่งเฝ้าพี่ฮั่นเผื่อว่าพี่ฮั่นตื่นขึ้นมาแล้วต้องการอะไร อย่างน้อยพี่ฮั่นตื่นขึ้นมาแล้วเห็นผมก็อาจจะชื่นใจก็ได้....

    “แกงส้ม...” เสียงเบาดูอ่อนแรงนั้นมาจากไหนนะ...แล้วผมเผลอหลับไปตอนไหนกัน ใช่แล้ว!!! เรานั่งเฝ้าพี่ฮั่นอยู่นิ หลับไปได้ยังไงแกงส้ม ผมรีบขยี้ตาเพื่อรวบรวมสติ

    “มาหลับทำไมตรงนี้ ทำไมไม่ไปนอนที่ห้อง” คำพูดตำหนินั้นหาได้มีความดุดันในน้ำเสียง

    “ผมเป็นห่วงพี่...พี่สลบไปหลายชั่วโมงเลยนะ” ผมพูดเมื่อชำเหลืองมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบเที่ยงคืน พี่ฮั่นส่งยิ้มมาพร้อมใบหน้าที่มีสีเลือดขึ้นมาบ้าง ตอนที่คนงานแบกมาหน้าซีดเซียวจนน่าเป็นห่วง

    “มานั่งใกล้ๆตรงนี้ มาให้คนป่วยกอดหน่อยสิ” พี่ฮั่นยันกายมาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน

    “ตื่นมาก็เอาใหญ่เลยนะ รนหาที่ป่วยเองนิ ไอ่เรารึร้องเรียกไม่ให้ไปก็ไม่สนที่เจ็บมาก็มาอ้อนแบบนี้ อย่าหวังเลย ผมจะไปนอนแล้ว” ผมบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะลุกเดินออกไป

    “คืนนี้อยู่กับพี่ได้มั้ย???” น้ำเสียงนั้นไม่ได้ดูขี้เล่นเหมือนเมื่อกี้ แต่กลับมีความโหยหาที่ผมสัมผัสได้

    “อยู่ให้เสือตะปบเล่นหนะสิ” ผมยังอดเล่นแง่ไม่ได้ ทั้งที่ก็ใจอ่อนไปแล้วแท้ๆ

    “วันนี้เสือรับรองว่าจะไม่ตะปบ ไม่ฟัด ไม่งาบลูกกวางน้อยแน่นอน ด้วยเกียรติของลูกเสือ!!!” พี่ฮั่นชูสามนิ้วประกอบคำพูด ทำเอาผมหลุดหัวเราะออกมา

    “ก็ได้ครับ” ผมตอบรับ เห็นแก่เกียรติของลูกเสือหรอก...ไม่งั้นอย่าหวังเลย

    พี่ฮั่นขยับที่ให้ผมได้มีพื้นที่นอนบนเตียง พอเห็นแววตาพี่ฮั่นแล้ว ผมอยากจะย้ายตัวเองกลับห้องเหลือเกิน ทำไมต้องทำตาวิบวับกับเราด้วยนะ ผมหัวใจจะวายเอา!!! ผมล้มตัวลงนอนอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่พ้นเสือร้ายพี่ตวัดแขนมาโอบรัดอย่างรวดเร็ว

    “ไม่ต้องมากอดเลย รู้มั้ยว่าทำให้ผมต้องเป็นห่วง” ผมพยายามจะขยีบตัวหนีแต่หากร่างนั้นไม่เต็มใจจะปล่อย ผมก็คงไม่มีทางหลุดออกมาได้ และวินาทีนี้พี่ฮั่นจะคงไม่คิดจะปล่อย....

    “พี่ขอโทษนะ... พี่แค่ไม่ทันคิด” พี่ฮั่นพูดแล้วก็กดจมูกลงที่ซอกคอผมอย่างแผ่วเบา

    “ผมไม่ได้โกรธ แต่มันไม่สนุกเลยที่ต้องเป็นห่วงใครแบบนี้” ผมพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด พี่ฮั่นกระชับวงแขนให้ร่างกายเราเบียดกันมากขึ้น

    “พี่รักแกงส้มนะ” อยู่ๆ คำพูดนี้ก็หลุดออกมาอย่างที่ผมนึกไม่ถึง ทุกครั้งที่พี่ฮั่นพูดคำว่ารัก คือการบอกว่าเราเป็นคนรักกัน แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะเป็นคำบอกรักแบบนี้ ใช่...พี่ฮั่นกำลังบอกรักผม

    “ไม่ได้ขอให้แกงเชื่อหรือว่ารักพี่ แต่พี่แค่อยากให้รับรู้ไว้ว่าคนๆนี้มีหัวใจที่รักแกงจริงๆ” พี่ฮั่นยกตัวมาขึ้นพร้อมจับผมหันเผชิญหน้ากับแววตาร้อนแรงนั้น ผมขยับตัวเองเข้าสู่อ้อมกอดของพี่ฮั่นอีกครั้ง ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันอยู่จริงๆ รักงั้นเหรอ??? มันเป็นคำยืนยันว่าพี่ฮั่นรักเรา หัวใจผมมพองโตเต็มไปด้วยความสุขอย่างบอกไม่ถูก พี่ฮั่นดันตัวผมออกก่อนค่อยก้มมาจูบที่หน้าผมากอย่างแผ่วเบา แรงขึ้นที่ปลายจมูก ก่อนที่จะเข้ารุกล้ำที่ริมฝีปากของผม มือหนึ่งข้างพี่ฮั่นเชยปลายคางผมให้เชิดขึ้นเพื่อรับกับการจูบที่เร้าร้อนสลับอ่อนโยน จังหวะการแสดงความรักที่หลากหลายทำให้ผมใจสั่น ริมฝีปากตอบโต้พี่ฮั่น ปลายลิ้นของผมชิมรสหวานจากริมฝีปากพี่ฮั่น และดูเหมือนพี่ฮั่นจะเพิ่มบทร้อนแรงเข้าสู่รอยจูบนั้น มันเป็นการจูบที่โหยหาอย่างกระหายในสัมผัสรัก พี่ฮั่นกดริมฝีปากอย่างหนักหน่วงและเนิ่นนาน จนผมเองรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ ก่อนจะค่อยๆถอนริมฝีปากจากใบหน้าของผม

    “ถ้าไม่ติดเกียรติของลูกเสือนะ...พี่จะทำให้เต็มรักเลย” พี่ฮั่นกระซิบข้างหูผมที่กำลังรวบรวมสติจากบทรักที่ร้อนแรงกว่าครั้งก่อนๆ พี่ฮั่นเรื่องบางเรื่องพี่ก็ลืมๆมันไปก็ได้นะ ไม่ต้องรักษาคำพูดขนาดนั้นก็ได้!!!

     

    ปล. ตอนนี้อัพให้ไวหน่อยเพราะมีอารมณ์ในการแต่งเลยรีบๆ ปั่น ช่วงนี้เหมือนจะหมดไฟไปนิดหน่อย อาจจะหายไปบ้างแต่ก็จะพยายามแต่งให้รีดเดอร์ได้อ่านสิ่งที่ดีที้สุดนะจ๊ะ รับรองว่าไม่ดองแน่นอน!!!

    เม้นหน่อยเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งนะจ๊ะ เพราะบางทีไรเตอร์เริ่มตันๆ ก็มาอ่านเม้นนี่แหละได้ไอเดียกันตายมาหลายทีแล้ว 5555 ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×