ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักอันตราย นายมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9 : ผู้กุมความลับ

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 55


                    หลังจากที่ผมเล่นละครฟอร์มยักษ์แย่งซีนยัยสิตางค์ไปเมื่อวันนั้น ยัยจิ้งจองพันหน้าก็หายตัวไปหนึ่งอาทิตย์ ความจริงก็อยากจะโล่งอกสบายใจหรอกนะ แต่ก่อนที่มีพายุใหญ่คลื่นลมมักสงบเสมอ จำไว้!!!  อย่าวางใจอะไรทั้งสิ้น พี่ฮั่นออกไปข้างนอกตามเคย บางทีก็สงสัยนะว่าพี่แกไปไหนได้ทุกวี่ทุกวัน หรือว่าจะแอบไปทำงานหาเลี้ยงเรา หุหุหุ แค่คิดว่าพี่โจรฮั่นทำงานเหมือนมนุษย์ผมก็ขำแล้วแหละ ไม่มีทางงงงง....

                    “แกงส้มมมมม...”  เสียงพี่เอร้องเรียกผมจากในครัว ผมเลยลุกจากโซฟาตามเสียงเรียกไป

                    “แกงส้ม...เอาคุกกี้ไปชิมดูสิ อร่อยไม่อร่อยบอกนะ” ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้พี่เอกับพี่บีเค้าเป็นพ่อครัวหัวป่าไปแล้ว พี่ฮั่นโทษว่าเป็นความผิดของผมที่ทำให้ลูกน้องคนสนิทแอ๊บแตกหมดคราบมาเฟียไปเลย แต่ฝีมือการอาหารของพี่เอพี่บีอร่อยมากจริงๆ จนผมเลิกเข้าครัวไปเลย เพราะกลัวอาย

                    “อร่อยมากเลยพี่ คราวนี้ไม่ต้องซื้อมาจากข้างนอกแล้ว ทำขายมันเองซะเลย” รสชาติเนี่ยอร่อยมาก ผมเลยแซว สองแฝดยักคิ้วให้กันอย่างภูมิใจ ทำไมสองคนนี้ไม่มีแฟนนะ น่ารักจะตายยย...

    “ผมเหนียวตัวจังเลย ขอไปอาบน้ำก่อนนะพี่ เดี๋ยวจะลงมากินต่อ” ผมเดินขึ้นไปบนห้อง ระหว่างที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั่น ด้วยสายตาไม่อยู่นิ่งของผมสังเกตเห็นกล่องใบหนึ่ง นี่ผมเพิ่งเห็นหรือว่ามันเพิ่งมาอยู่ ผมเลยลากเก้าอี้มาปีนดู มันคือกล่องอะไรกัน รึว่า...เป็นกล่องนิ้วคนที่พี่ฮั่นสะสมไว้!!!  เพ้อเจ้อเกินไปละแกงส้ม มันเป็นกล่องไม้เรียบๆ กล่องหนึ่ง จะดูหรือว่าไม่ดูดีนะ อย่าเลย...มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่เค้านะ ห้ามใจไว้ๆ ใจหน่ะคิดว่าอย่า แต่มือกลับเปิดไปเรียบร้อยแล้ววววว...

    “เฮ้ย!!!” ที่ผมร้องขึ้นมาไม่ใช่อะไรนะครับ มันเป็นรูปเด็กผู้ชายหน้าตี๋ใส่ชุดนักเรียน ผมคิดว่าพี่ฮั่นคงไม่รวยมาตั้งแต่เด็กแน่ๆ เพราะดูแล้วต่างจากนี้โดยสิ้นเชิง แต่ที่สัมผัสได้คือเด็กผู้ชายคนนั้นมีความสุขมาก ใจหายนะที่รอยยิ้มแบบนั้นมันหายไปจากใบหน้าน่ามองนั่น ไม่เป็นไรนะ...ผมเองจะเป็นคนที่มอบรอยยิ้มในพี่ต่อไปจากนี้ อ๊ากกกกก!!! เขินวุ้ย ผมนั่งมองรูปในอดีตของคนรักผม ที่ทั้งรูปตอนบวชเณร งานโรงเรียน จนถึงวัยรุ่น แต่รูปที่อยู่ในมือผมเป็นรูปที่พี่ฮั่นหล่อและมีเสน่ห์เป็นที่สุด เป็นรูปพี่ฮั่นนั่งอยู่ท่ามกลางงานอะไรสักอย่างในผับ โซฟาสีแดงเพลิงหรูหรา กับใบหน้าที่แสนคมคายทำให้หัวใจเต้นรัวคุณชายมากๆ หล่อมากๆ มาเฟียมากๆ อยากรู้จังว่าถ่ายในงานอะไรเนี่ย ผมพลิกรูปที่อยู่ในมือ

    “สุขสันต์วันเกิดครับพี่ฮั่น ขอให้เป็น King of Hunter ที่โคตรแมนอย่างนี้ต่อไปนะครับ จากไอ่เต้น้องพี่ฮั่น” Hunter นี่มันชื่อแก๊งค์ที่ตามล่าเรานิ หมายความว่ายังไง พี่ฮั่นเป็นหัวหน้าเหรอ ไม่หรอกพี่ฮั่นเกลียดพวกนั้นจะตาย พวกนั้นยังตามล่าเราด้วยนะ พี่ฮั่นไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ พี่เค้าคงไม่โกหกเราหรอก บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมสับสนมาก รู้ตัวว่ากำลังเอากล่องมาไว้ที่เดิม ลากเก้าอี้ไปเก็บ เดินไปอาบน้ำ แต่หัวใจผมครุ่นคิดเรื่องนี้จนรู้สึกว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของผม ความจริงคืออะไรกันแน่...พี่ฮั่น

     

    นอกจากจะไม่สบายใจจากรูปบ้าบอนั่น ที่ทำให้ผมหงุดหงิดเป็นที่สุดคือ การเห็นหน้าของพี่สิตางค์นั่งแป้นแล้นอยู่พร้อมๆ กับพี่ฮั่น นี่มันห้าโมงเย็นแล้วนะ ไม่มีบ้านให้กลับรึยังไง ความไม่สบายใจของผมทำไมมาถาโถมกระกระหน่ำมาวันนี้นะ พี่ฮั่นยิ้มร่าเมื่อเห็นหน้าผม คนๆนี้เค้ารักเราใช่มั้ย... รอยยิ้มแบบนี้เป็นรอยยิ้มของคนรักกันสินะ อย่าคิดมากไปเลยแกงส้ม ถ้าโอกาสที่เหมาะๆ ก็ถามไปเลย ตอนนี้นายอย่าคิดมาก แค่ยัยสิตางค์มันก็ทำให้เหนื่อยหนักพอแล้ว

    “ฮั่น ทานกาแฟมั้ยคะ สิตางค์จะชงเผื่อ” เสียงหวานๆ ของยัยสิตางค์ทำลายความคิดหมกหมุ่นของผมไปได้ เรื่องอะไรจะให้ยัยนั่นชงกาแฟให้พี่ฮั่นละ

    “ไม่เป็นไรครับพี่สิตางค์ หน้าที่ผมเดี๋ยวผมชงให้” ผมพูดรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงเรียบและเครียด แต่ผมก็ยังรู้สึกได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งส่งผมจนลับสายตา ผมชงกาแฟสองแก้วด้วยความรวดเร็ว ความจริงผมอยากจะเอาเกลือใส่กาแฟให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่นึกถึงว่าพี่ฮั่นจะมองผมเป็นตัวร้าย ก็เลยได้แค่คิดเท่านั้น

    “มาแล้วครับ” ผมประคองแก้วกาแฟมาสุดฤทธิ์ ยื่นแก้วแรกให้สุดที่รักผมก่อน ส่วนศัตรูเอาไว้ทีหลัง แต่...พอผมยื่นให้เท่านั้นแหละยัยสิตางค์ก็ปล่อยมือทันที ผลเหรอครับ กาแฟร้อนๆราดไปที่ตักยัยสิตางค์เต็มๆ นี่มันละครหลังข่าวชัดๆ พี่ฮั่นตกใจลุกพรวดจากที่นั่ง

    “แกงส้มทำอะไรหน่ะ” พี่ฮั่นหันมาต่อว่าผมทันที นี่ไม่เคยดูละครเลยใช่มั้ยเนี่ยยยยยยย

    “พี่สิตางค์เค้าปล่อยแก้วเองนะพี่ฮั่น อย่าหลงกลยัยนี่สิ” ผมเหลือจะทนกับยัยคนนี้แล้วนะ

    “ช่างมันเถอะคะฮั่น น้องเค้าคงไม่ได้ตั้งใจ สิตางค์เองก็ผิดที่ไม่ระวัง” ยัยปิศาจสองพันหน้าเล่นงานผมซะ ท่าทางเช็ดกระโปรง น้ำเสียง ร้อยคะแนนเต็มไปเลย ให้เธอไปเลยทุกรางวัลที่อยู่บนโลกนี้

    “อย่ามามารยาเลยพี่สิตางค์ เอาไงก็ว่ามา หลายทีละนะ ผมไม่ชอบ” ผมตะคอกใส่ยัยนั่นอย่างเหลือทน พี่ฮั่นจับแขนผมก่อนที่จะมาแทรกกลางระหว่างผมกับยัยปิศาจ แต่ที่น่าน้อยใจคือ พี่ฮั่นหันมาประจันหน้ากับผม เจ็บ....แต่น้อยกว่าอารมณ์โมโห

    “พี่ไม่นึกนะ ว่าเราจะเป็นคนแบบนี้ เสียแรงที่พี่รัก ไม่นึกว่าจะเป็นคนร้ายกาจขนาดทำคนอื่นเค้าเจ็บตัวได้ นั่นมันน้ำร้อนนะแกงส้ม ที่สำคัญผิดก็ต้องยอมรับผิดสิ อย่างนี้ชีวิตนี้พี่จะเชื่อใจเราได้เหรอ” พี่ฮั่นเอามีดมากรีดหัวใจผมช้า เชื่อใจงั้นเหรอ ระหว่างเรามันเชื่อใจกันไม่ได้แล้วเหรอ แล้วสิ่งที่พี่ซ่อนไว้ละ มันคืออะไร ผมสิต้องเป็นคนพูดประโยคนี้ มันไม่ใช่เพราะยัยสิตางค์ มันเป็นเพราะเราสองคนมากกว่า พี่ฮั่นให้ใจกับผมน้อยเกินไป ทั้งที่ผมให้หมดทั้งชีวิตทั้งหัวใจ พี่ฮั่น...พี่ทำผมเจ็บปวดหัวใจมากเกินไปแล้วนะ

    “พี่เองต้องถามตัวเองดีกว่า ว่าจริงใจกับผมแค่ไหน ผมต่างหากที่จะไม่มีวันไว้ใจพี่ได้” ผมตอบกลับไปทั้งน้ำตา พี่ฮั่นกำหมัดแน่นขบริมฝีปากอย่างเหลือทน

    “แกงส้ม... เราทำผิดเราควรจะขอโทษไม่ใช่จะพาลกล่าวหาคนอื่นแบบนี้ พี่เกลียดคนแบบนี้มากรู้มั้ย ถ้าเรายังเป็นแบบนี้นะ เราคงอยู่ด้วยกันยาก พี่รับมันไม่ไหว” คำพูดพี่ฮั่นทรมานจิตใจผม จนผมคิดว่าฆ่ากันให้ตายยังจะดีกว่านี้ อยู่ด้วยกันยาก เพราะผมเหรอ...ทุกอย่างมันเกิดจากพี่ต่างหาก จากพี่ทั้งหมด

    “ถ้ามันลำบากขนาดนั้น ให้แกงส้มย้ายมาอยู่กับชั้นก็ได้” เสียงพี่แคนดังมาจากทางประตูทางเข้า  ขอบคุณนะพี่แคน ที่ทำให้ผมมีทางเดินมากกว่าทางที่พี่ฮั่นเลือกให้ผม....

     

    HUNZ talk

     ผมควรจะทำยังไง ผมรู้ว่าใจผมอยากจะให้แกงส้มอยู่ที่นี่ ถึงจะทะเลาะกันยังไง ผมก็ไม่เคยอยากจะให้แกงส้มหายไปจากชีวิตผมเลย แต่สิ่งที่แกงส้มทำมันไม่น่ารักที่สุด ทำไมถึงเป็นคนไม่ยอมรับผิดแบบนี้ เรื่องสิตางค์ผมก็เคยอธิบายให้ฟังไปแล้ว ถ้ายังคงตามใจแกงส้มมากไปกว่านี้ ผมเองก็คงมีวันที่เหลืออดขึ้นมาจริงๆผมไม่อยากเลิกรักคนๆนี้เลยไม่ว่าจะนานแค่ไหน แกงส้มคือคนที่ใช่ที่สุดในชีวิตผม

    “ถ้ามันลำบากขนาดนั้น ให้แกงส้มย้ายมาอยู่กับชั้นก็ได้” คำพูดของไอ่แคนทำผมใจสลาย

    “งั้นพี่แคนช่วยพาผมออกไปจากที่นี่เถอะนะครับ” แกงส้ม คนรักของผมน้ำตาไหลอาบแก้ม พูดแบบไม่มองหน้าผมเลย ก่อนที่จะพาร่างสูงบางออกไปรอด้านนอก แกงส้ม...นายจะไปจริงๆ ใช่มั้ย???

    “ไอ่แคน นี่มันเรื่องของชั้นกับแกงส้มนะเว้ย แกไม่เกี่ยว” ผมตะคอกใส่เพื่อนรักอย่างไม่ไว้หน้า

    “แต่สิ่งที่แกทำมันทำร้ายแกงส้มมากไปนะเว้ย แกเองที่เป็นคนไล่เค้า ชั้นเห็นแกงเป็นเหมือนน้องคนหนึ่ง ชั้นไม่อยากเห็นน้องของชั้นต้องมีความทุกข์” ไอ่แคนตอกกลับผม ผมเหรอ...ที่ทำให้แกงส้มทุกข์

    “แกแน่ใจเหรอว่าแกไม่ได้คิดอะไรมากกว่าพี่น้อง” ภาพช่วงเวลาที่แกงส้มและแคนอยู่ด้วยกันมันตามหลอกหลอนผมอย่างร้ายกาจ นายสองคนมันใกล้ชิดกันเกินไป

    “ไอ่ฮั่นแกดูถูกชั้นเกินไปแล้ว ชั้นเลวมาทุกอย่าง แต่สิ่งที่ชั้นจะไม่ทำคือการทำลายความเป็นเพื่อนของชั้นกับแก จำเอาไว้ แกลองทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง มีสติเมื่อไหร่แล้วแกค่อยมาคุยกับชั้น” ไอ่แคนทิ้งผมไว้ ถึงมีสิตางค์อยู่ในห้องผมก็รู้สึกว่าผมไม่เหลือใคร ในเมื่อคนรักของผมจากผมไปในเวลาไม่กี่นาที เราเพิ่งรักกันนะแกงส้ม เมื่อคืนเรายังอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน มันรวดเร็วเกินไป ผมค่อยๆทรุดตัวลงที่โซฟา

    “ฮั่น ไม่เป็นไรนะ สิตางค์อยู่เป็นเพื่อนคุณนะคะ” เสียงหวานนั้น ไม่ได้ทำให้หัวใจผมสั่นไหวได้เลยสักนิด มันไม่อาจทำให้ผมรู้สึกดีได้ เพราะใบหน้าที่น้ำตาอาบแก้มนั้นยังติดให้หัวผมอย่างฝังแน่น

    “สิตางค์ ผมรู้นะว่าสิตางค์หวังดี แต่กลับไปก่อนได้มั้ย ผมอยากอยู่คนเดียว” มันอาจจะเป็นการไร้มารยาทที่ทิ้งสิตางค์ไว้คนเดียว แล้วตัวเองเดินขึ้นบันไดไป แต่ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ผมจะต้องแคร์อะไรมากไปกว่าความรู้สึกของตัวเองอีก

     

    CAN talk

    บรรยากาศในรถมันช่างเงียบเหลือเกิน ที่ได้ยินดังที่สุดคือเป็นเสียงสะอื้นของคนที่นั่งข้างผม ตั้งแต่ออกจากบ้านไอ่ฮั่นมาแกงส้มยังไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว สิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่คนที่เสียใจจนพูดไม่ออก แต่เป็นสีหน้าของคนที่มีอะไรต้องคิดมากมายจนไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง ผมเลือกที่จะเงียบไม่รบกวนใดๆ

    “พี่แคนครับ” เสียงแหบที่ได้มาจากการร้องไห้ดังขึ้นมา ผมเหลือบไปมองเจ้าของเสียงนิดหนึ่ง

    “มีอะไรแกงส้ม” ผมทำเสียงที่คิดว่านุ่มนวลสุดชีวิต เพราะคนเสียใจมักจะน้อยใจง่าย

    “ผมอยากรู้ว่า พี่ฮั่นกับไอ่แก๊งค์ hunter เกี่ยวข้องอะไรกับ” พับผ่าสิ!!! แกงส้มนายไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน ถึงว่าสิ แกงส้มถึงดูน้อยอกน้อยใจไอ่ฮั่นจนผิดสังเกต ที่แท้แกงส้มสงสัยไอ่ฮั่นเรื่องนี้นี่เอง

    “ใจเย็นๆ นะ ฟังพี่อธิบายก่อน คือความจริงแล้วไอ่ฮั่นเป็นคนตั้งแก๊งค์นี้ขึ้นมาพร้อมๆ กับที่มันเปิดผับ The hunter ไอ่ฮั่นมันรักการเต้นมากมันอยากให้คนที่รักการเต้นเหมือนมันมารวมกันแล้วอีกอย่างไอ่ฮั่นมันก็สร้างมาเพื่อข่มขวัญคู่แข่งทางธุรกิจ เพราะผับมันมีการแข่งขันสูงและรุนแรง แต่เมื่อปีที่แล้วฮั่นอยากวางมือจากแก๊งค์แล้วไปทำตามความฝันของมัน มันตั้งใจว่าจะมอบหมายแก๊งค์ให้ฮัท เพื่อนสนิทของสต๊อปทำแทนเพราะดูจากหลายๆ อย่างฮัทพอที่จะสานต่อความคิดมันได้ แต่ไอ่เต้รุ่นน้องมันที่รู้จักมาตั้งแต่เด็กๆ มันน้อยใจไอ่ฮั่นที่ไม่ยอมยกแก๊งค์ให้มัน มันเลยฉวยโอกาสช่วงที่ไอฮั่นกับฮัทไปเรียนเต้นเพิ่มที่เมืองนอก ยึดแก๊งค์แล้วก็เปลี่ยนจากแก๊งค์ร้ายบริสุทธิ์เป็นเลวเต็มรูปแบบ ทั้งค้ายา ทั้งค้าผู้หญิง แถมไอ่เต้มันยังอาฆาตว่าไอ่ฮั่นเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของมันเลยนะ ทีนี้เข้าใจไอ่ฮั่นมันแล้วใช่มั้ย” ระหว่างที่ผมพูด แกงส้มเงียบและตั้งใจฟังทุกคำพูด ก่อนจะขมวดคิ้วมองผมอย่างข้องใจ

    “แล้วทำไมพี่ฮั่นไม่บอกผม นี่แหละทำให้ผมไว้ใจพี่ฮั่นไม่ได้” แกงส้มท่าทางจะโกรธเพื่อนผมน่าดู

    “แกงส้ม เมื่อกี้พี่ก็บอกแล้วไง ว่าไอ่ฮั่นเปิดผับ แล้วเจ้าของผับที่ไหนเค้ากลับห้าโมงเย็นทุกวัน มันรักเรามากนะ มันบอกว่าตอนกลางคืนอันตรายที่สุด มันปล่อยให้คนรักของมันอยู่คนเดียวไม่ได้ มันเลยต้องออกไปทำงานตอนกลางวัน ไม่เรียกว่ารัก เค้าเรียกว่าอะไรกัน” ผมเหนื่อยกับคู่นี้แล้วนะเนี่ย คนนึงปากแข็งทำอะไรเพื่อเค้าก็ไม่แสดงออกให้เห็น อีกคนชอบคิดอะไรไปเอง ปวดหัวจริงๆเชียว

    “งั้นพี่รู้ทุกอย่างแล้วพี่พาผมออกมาทำไมเนี่ยยยย  พาผมกลับเลยนะ” อ้าว..เป็นเรื่องอีก

    “เราไม่อยากจัดการสิตางค์ให้สิ้นซากหรอกเหรอ???” ผมถามออกไป แกงส้มทำตาลุกวาว

    “อะไรของพี่เนี่ย” แกงส้มหันมามองหน้าผม อย่างงงสุดขีด

    “ก็พี่ไม่อยากให้เรากระโดดบันไดบ่อยๆ กลัวจะตายขึ้นมาจริงๆนะสิ” ผมพูดไปหัวเราะไป ฉากนั้นคือวินาทีในตำนานรักของคู่นี้เลยนะเนี่ย แกงส้มนายสุดยอดจริงๆ เจ้าตัวยังหัวเราะไปกับผม

    “คือที่สิตางค์เลิกกับไอ่ฮั่นครั้งก่อน เพราะว่าสิตางค์ต้องการมาคบกับพี่ แต่เค้าไม่รู้หรอกว่าพี่รักไอ่ฮั่นมากแค่ไหน แล้วตอนนี้สิตางค์จะเข้ามาเพื่อทำลายความรักของไอฮั่น พี่ทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นไอ่ฮั่นเป็นเหยื่อของสิตางค์” นี่เป็นเรื่องที่ผมเองเก็บมานานพอสมควร คนแรกที่ผมเล่าให้ฟังก็คือแกงส้มนี่แหละ

    “แล้วพี่ปล่อยให้พี่ฮั่นอยู่กับยัยสิตางค์สองคน ป่านนี้...โอ๊ยยยยยย!!! ไม่อยากจะคิดเลย พี่แคนกลับรถเลยนะ ผมเป็นห่วงพี่ฮั่น” น้านนนนน!!! พอเค้าดีกัน ก็กลายร่างเป็นหมาหัวเน่าเลยเรา

    “แกงส้มใช้สมองนิดนึงนะ ไอ่ฮั่นมันรักเราขนาดไหน มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก ถ้านายอยู่ตรงนั้นนายก็เป็นเหมือนหมากที่สิตางค์หลอกใช้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากไอ่ฮั่น เราแน่ใจเหรอว่าเราเอาอยู่” ผมหลอกด่าซะเล็กน้อย ถึงแกงส้มจะฉลาดแต่เพราะความรักบังตาทำให้มองข้ามข้อนี้ไป

    “จริงด้วย พี่แคนฉลาดนะเนี่ยไม่แสดงออกเลยนะ” ทันทีเลยนะแกงส้ม เรื่องเอาคืนเนี่ยยยย...

    “แต่ถ้าเราห่างออกมา คนที่ทุรนทุรายก็คือไอ่ฮั่น ถ้าสิตางค์เข้ามาขวางสิตางค์เองนั่นแหละที่จะกลายเป็นคนน่ารำคาญ แล้วเราก็จะกลายเป็นคนที่ถือไพ่เหนือกว่า นับไปอีกไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมง ไอ่ฮั่นต้องมารับนายแน่นอน” แกงส้มดูจะพออกพอใจกับแผนนี้มาก อมยิ้มตลอดทางจนไปถึงบ้านผมเลยทีเดียว มันไม่ลำบากหรอกครับที่จะทำเพื่อเพื่อน ยิ่งเห็นปากเหวอยู่ไม่ไกลแล้ว ผมไม่อาจปล่อยเพื่อนไปทางนั้นทั้งๆ ที่ผมก็รู้ว่ามันคือเหว.... แกงส้มชั้นฝากเพื่อนคนนี้กับนายด้วยนะ ความสดใสของนายเป็นเหมือนน้ำฝนชุ่มฉ่ำพรมในจิตใจอันแห้งผากของฮั่น... ชั้นจะช่วยนายสองคนเท่าที่มีกำลังนะ

     

     

    ปล. อัพช้าไปหน่อย ตั้งใจว่าจะอัพวันละตอน  อาจจะไม่มีฉากหวานแหววขอโทษด้วยนะ เพราะว่าเรื่องมันต้องดำเนินต่อไป กลัวจะไม่จบ 5555 แต่ตอนหน้ารับรองจัดหนักมากกว่าหนึ่งคู่อย่างแน่นอน ^^

    ปล. อีกที เม้นนิดเม้นหน่อยเป็นทุนการศึกษาด้านกำลังใจแก่ไรเตอร์ต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×