ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักอันตราย นายมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7 : สงครามหัวใจ

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 55


                    HUNZ talk

                    หลังจากที่ผมลุยงานมาตลอดวัน เพราะตอนนี้แก๊งค์ Hunter กำลังมีความเคลื่อนไหวที่ผิดปรกติ ทั้งการป้องกันโกดังที่ท่าเรือและเต้เดินทางไปต่างประเทศบ่อย ผมเลยต้องวางแผนเพื่อพยายามหาหลักฐานเพื่อจัดการกับพวกนี้ ทุกคนที่ต้องเดือดร้อนจากเรื่องนี้จะได้กลับไปใช้ชีวิตที่สงบสุขเหมือนเดิม ระหว่างทางผมทำหน้าที่พ่อบ้านที่ดีโดยการซื้อของเข้าบ้าน

                    “ฮัลโหล พี่อยู่ที่ห้างเราจะเอาอะไรรึเปล่า” ผมกดมือถทอโทรหาแกงส้มทันทีที่ลงจากรถ

                    “ซื้อพวกขนมมาตุนเยอะๆ หน่อยนะครับ อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรเพราะพี่เอเพิ่งออกไปซื้อที่ตลาดมา” เสียงกังวานตอบ แกงส้มห่วงแต่กินเป็นคนที่กินเก่งมากแต่หุ่นก็ยังบางไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

                    “เอาเสื้อผ้ามั้ย บอกได้นะ พี่หาให้ได้หมดแหละ ถ้าเราต้องการ” บางทีผมก็อยากจะพูดอะไรหวานเหมือนคนอื่นๆ อย่างเค้าบ้าง แต่คำพูดที่แสดงความรักของผมก็จะออกมาซื่อๆ ตรงๆ ทำให้คนในสายหัวเราะร่า ก่อนที่จะบอกว่าไม่ต้องการอะไรแล้ววางสายไป ผมเดินซื้อขนมหลายอย่างหลายเจ้าตามใจแกงส้ม นึกถึงสีหน้าจอมป่วนตอนเห็นขนมแล้วร้องโอ้โห.... แล้วมันน่ารักจนแทบอยากจับเหวี่ยงฟาดใส่เสาให้หายน่ารักซะรู้แล้วรู้รอด ระหว่างพี่ผมดินดูของ เห็นเสื้อตัวนึงสวยดี เหมาะกับสต๊อปเลยเดินเข้าไปซื้อฝากซักหน่อย กลัวจะหาว่าผมเอาใจแกงส้มจนลืมเจ้าหล่อนไป

                    “ฮั่น” เสียงผู้หญิงเสีงหนึ่งเรียกผมให้หันหลับกลับไปมอง

                    “สิตางค์” คือชื่อของผู้หญิงแสนสวยคนนั้น โลกนี้จะมีอะไรบังเอิญมากไปกว่านี้

                    “ซื้อเสื้อไปให้แฟนเหรอ สวยดีนะ” สิตางค์ก้มมองเสื้อในมือผมก่อนจะเงยหน้ามายิ้มให้ผม

                    “อ่อ ให้น้องสาวเราหน่ะ สต๊อปไง” ผมตอบ ผมคิดไปเองรึป่าวสิตางค์ยิ้มกว้างขึ้นเพราะคำตอบ เป็นรอยยิ้มที่ผมตกหลุมรักทันทีที่เห็นเมื่อสามปีก่อน

                    “แล้วกลับมาจากอังกฤษเมื่อไหร่ ใกล้จะแต่งงานรึยัง” ผมถามขึ้นระหว่างที่เราสองคนเดินไปหากาแฟนั่งดื่มเพื่อคุยกัน แต่คำถามของผมทำให้สิตางค์ก้มหน้าลง

                    “เรากลับมาได้สามเดือนแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงานคงล่มไปแล้วแหละ” ท้ายประโยคนั้นสิตางค์หัวเราะเบาๆ แต่ช่างเป็นการหัวเราะที่มีความทุกข์ระทมเจือปนอยู่หนาแน่นเหลือเกิน

                    “เราขอโทษนะสิตางค์ ที่เราถามขึ้นมา เราไม่รู้จริงๆ” ผมขอโทษ แต่คงไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก เพราะน้ำตาได้ไหลออกมาจากตาคู่โตหวานนั้นแล้ว สิตางค์เงยขึ้นเพื่อหยุดน้ำตาไม่ให้ไหล

                    “พี่เอกเค้านอกใจเรา ตอนที่เราไปเรียนอยู่ที่นู่น” สิตางค์เล่าให้ผมฟังหลังจากตั้งสติได้

                    “เราว่าสิตางค์ต้องเจอคนดีๆ เพราะสิตางค์เป็นคนดี น่ารัก เพียบพร้อม” ผมพูดออกไปแม้สายตาไม่ได้มองไปที่ใบหน้าสวยนั้น แต่สิ่งผมพูดคือสิ่งที่ผมคิดจริงเพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ วันนี้ผมมีความสุข ผมก็อยากให้คนที่ผมเคยรักที่สุดมีความสุขเช่นกัน

                    “ขอบคุณนะฮั่น ดีที่สุดเลยที่วันนี้เรามาเจอฮั่น แต่เราต้องกลับแล้ว” สิตางค์หันมายิ้มหวานให้ผม ผมยิ้มรับคำของสิตางค์แล้วเราก็เดินไปกันคนละทาง แต่ผมเดินไปไม่กี่ก้าวต้องหยุดชะงักด้วยเสียงหวานนั้นอีกครั้ง

                    “ฮั่น.... จะเป็นอะไรมั้ยถ้าเราจะขอเบอร์โทรฮั่นไว้”

     

                    ตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว ผมปล่อยให้พี่เอกับพี่บีแสดงฝีมือการทำอาหารอีกครั้ง การที่ผมนั่งสังเกตการณ์การทำมือเย็นนี้แล้ว ทำให้ผมรู้สึกเห็นใจคุณแม่ของสองฝาแฝดสุดหล่อทันที เพราะไม่ว่าจะอะไรต่างฝ่ายก็ต่างหาทางที่จะเหน็บ ประชดประชันกันไม่เลิก

                    “ที่บ้านแกสอนเหรอ ใครเค้าซอยหัวหอมอย่างนั้น โหยยยย..ไอ่โง่เอ” นั่นไง ยังไม่ขาดคำ

                    “บ้านชั้นก็บ้านแกเหมือนกันละเว้ยยย แกไม่รู้หรอกซอยหัวหอมมันลำบากนะไหนจะน้ำตาไหลอีก แน่จริงแกก็เปลี่ยนกับชั้นมั้ยละ ชั้นก็ทำได้เด็ดผักหลับตายังทำได้เล้ยย” พี่เอก็เถียงเสียงสูง ผมละปวดหัวจริงๆ เลยเดินออกไปเล่นเปียโน เราไม่ได้ร้องเพลงมานานแล้ว เอาซะหน่อยๆ

                    “และสุดท้ายก็เจอว่าเธอคือทุกอย่าง ที่เติมเต็มหัวใจ จากนี้ทุกลมหายใจฉันคือเธอ” ผมเพิ่งร้องไปท่อนเดียวก็มีเสียงปรบมือมาจากหน้าประตู พี่ฮั่นนี่เอง...จากรอยยิ้มกว้างนั่น ดูอารมณ์ดีผิดปรกตินี่หว่า

                    “ร้องเพลงเพราะเหมือนกันนิเรา อยากเป็นนักร้องเหรอ” พี่ฮั่นพาร่างสูงมานั่งที่เก้าอี้กับผม

                    “อื้ม..อยากเป็นมาก แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่มีโอกาส” ผมพูดออกไปอย่างไม่ได้คิด ทำให้พี่ฮั่นนิ่งไป แต่ผมก็ใช้ความน่ารักของผมแก้ไขโดยการซบไหล่กว้างนั้น

                    “เพราะจะไม่มีเวลาอยู่ดูแลพี่ฮั่น” ประโยคนี้ทำให้พี่ฮั่นยิ้มออกมา ก่อนที่จะลูบหัวผม คนอะไรตัวโตอย่างกะยักษ์ แต่ใจน้อยอ่อนไหว กลัวตัวเองจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะแบบนี้ไง..ผมถึงต้องเป็นคนดูแล

                    “แล้วสองตัวนั่น หายไปไหน” พี่ฮั่นถามถึงคู่แฝดสุดหล่อ ผมเลยบุ้ยปากไปทางห้องครัว

                    “ทะเลาะกันอยู่ในครัว สงสัยสี่ทุ่มกว่าจะเสร็จข้าวเย็นอ่ะ พี่ฮั่นหิวรึยัง” ผมหันไปมองหน้าพี่ฮั่นที่กำลังมองหน้าผมด้วยสายตาแทะโลมสุดฤทธิ์ อ๊ากกกกก!!! สายตาแบบนี้ไปหัดทำมาจากไหนนะ

                    “งั้นเราก็ไปอาบน้ำก่อน อาบด้วยกันจะได้ประหยัดเวลา” พี่ฮั่นเอาความหื่นของตัวเองมาตัดสินใจอีกแล้ว  ผมได้แต่ค้อนขวับก่อนที่จะลุกขึ้น

                    “ไปไหน” พี่ฮั่นคว้าข้อมือผมไว้ ก่อนจะเอาจมูกโด่งสวยนั้นมาหอมแรงๆ ได้ตลอดเวลาเลยนะ

                    “ไปอาบน้ำไง....” ผมตอบแบบไม่มองหน้าพ่อตัวดี พี่ฮั่นลุกขึ้นโอบไหล่ผมขึ้นไปบนห้องเพื่อที่จะไปอาบน้ำอย่างประหยัดเวลา ให้ตายเถอะ...ผมเนี่ยไม่รักนวลสงวนตัวเอาซะเล้ยยยยยยย

     

                    หลักจากทานข้าวเสร็จ ผมก็ช่วยพี่บีล้างจาน ก่อนที่ขึ้นมาบนห้องที่พี่ฮั่นขึ้นมาก่อน รายนั้นไม่ยอมช่วยล้างจานเอาซะเลย จะเทศน์ต่อหน้าลูกน้องก็ไม่ได้เดี๋ยวพี่แกเสียการปกครองหมด ผมเปิดประตูเข้าร่างนั้นไม่อยู่บนเตียงอย่างเคย แต่ออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง พี่ฮั่นหันมามองหน้าผมนิดนึงก่อนที่จะวาง แต่ก่อนวางมีรอยยิ้มที่ทำให้ผมแอบคิดว่าพี่ฮั่นไม่ได้คุยกับลูกน้องอย่างแน่นอน

                    “พี่คุยกับใครอ่ะ” จัดไปอย่าให้เสีย ผมจะไม่เก็บเอาเรื่องเล็กๆน้อยไปคิดเองเป็นตุเป็นตะ เพราะความรักครั้งนี้กว่าจะมาตรงนี้ ผมต้องเสียน้ำตาเสียใจ ผมจะไม่ยอมให้การคิดไปเองทำร้ายความรักระหว่างเราสอง ดังนั้นเมื่อมีอะไรที่ผมสงสัย ผมก็จะถามทันที

                    “เพื่อนเก่า ทำไมหึงเหรอ” พี่ฮั่นเดินเข้ามาในห้องสิ่งแรกที่ทำคือการเข้ามากอดผม ให้ตายเหอะ

                    “เปล่าก็แค่ถาม ไม่มีสิทธิ์รึไง” ผมทำกระเง้ากระงอนไปอย่างนั้นแหละ หมั่นไส้คนที่ทำหน้าทะเล้นคนนี้เต็มที่ พี่ฮั่นหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ก่อนที่จะโอบกอดผมจากด้านหลังแล้วโยกตัวเบาๆ

                    “ทุกอย่างในตัวพี่ แกงส้มมีสิทธิ์ทุกอย่างแหละ” ฟังคำพูดแต่ละคำพูดสิ มันดูเชย แต่กลับน่ารักจนผมอดเขินไม่ได้ หน้าผมคงแดงแน่ๆ เลย ผมหันหน้าไปซบไหล่กว้างนั้น

                    “กลัวความรักของเราจะเปลี่ยน” ผมพูดเบาๆ เพราะอ้อมกอดนี้มันช่างสร้างความสุขให้ผมล่องลอย ถ้าวันใดวันหนึ่งผมต้องเสียอ้อมกอดนี้ไป ใจของผมคงแตกสลายแน่ๆ พี่ฮั่นไม่ตอบด้วยคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น มือแข็งแรงชั้นเชยคางผมขึ้นแล้วริมฝีปากนั้นก็ประทับกับริมฝีปากผมอย่างนุ่มนวล เมื่อถอนปากออกจากใบหน้าผม พี่ฮั่นจ้องมองตาของผมราวจะส่องให้ทะลุไปถึงก้นบึ้งหัวใจ

                    “ความรักของเรามันชนะเหตุผลทุกอย่างบนโลกใบนี้ เราก็เห็นอยู่แล้ว พี่คงไม่ปล่อยเราไปจากมือพี่แน่ๆ ทุกอย่างที่ทำให้แกงส้มอยู่ตรงนี้เชื่อมั้ย...พี่ไม่ลังเลที่จะทำ” เหมือนกันครับพี่ฮั่น ผมจะทำทุกอย่างเพื่อประคับประคองความรักของเรา ผมกับพี่เราจะก้าวไปในเส้นทางแห่งความรักนี้ไปด้วยกัน....

     

                    วันนี้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากที่พ่อมาเฟียสุดที่รักของผมไม่ออกไปไหน แต่นานๆทีมีแบบนี้ทำไมผมจะไม่ดีใจละครับ แล้วที่ดูจะดีใจที่สุดคงจะเป็นพี่เอและพี่บีที่ได้มีโอกาสออกไปข้างนอก เพราะหลุดพ้นจากการต้องดูแลชีวิตของผมหนึ่งวันเต็มๆ

                    “พี่ฮั่น...ไปอาบน้ำได้แล้ว จะเที่ยงแล้วนะ โอ้เอ้อยู่นั่นแหละเน่าไปทั้งเนื้อทั้งตัว” ผมลงมาเรียกพี่ฮั่นที่กำลังซ้อมเต้นอย่างแข็งแรง เวลาผู้ชายคนนี้ทำอะไรก็ดูจะจริงจังไปซะหมดทุกอย่าง มันเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดใจผมเหลือเกิน เอาเข้าจริงๆ ผมก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพ่อมาเฟียคนนี้เต้นเก่งระดับเทพชนิดว่าหาตัวจับยาก

                    “บ่นเชียวนะ ขี้บ่นนักเดี๋ยวก็จับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงผมทำให้นายโจรหน้าหล่อของผมหยุดเต้น ดูคำขู่สิในหัวคิดแต่เรื่องอะไรแบบนั้นทุกทีเลย พอผมว่าให้ ก็อ้อนบอกว่าเพราะรักไง ผมรึก็ใจอ่อนตามระเบียบเรียบร้อยโรงเรียนโจร หลักจากยืดเส้นยืดสายหลังเต้นเสร็จพ่อคุณก็วิ่งขึ้นไปอาบน้ำตามคำสั่งของผมทันที ผมไปที่นั่งลงที่เปียโนดีดเล่นไปตามเรื่องตามราว จนพี่ฮั่นลงมาพร้อมๆ กับมือถือของพี่ฮั่นดังขึ้น

                    “อื้ม..ว่าไงนะ.......ไม่เป็นไร......เราแค่ตกใจเฉยๆ .......ใช่ๆๆ......งั้นเดี๋ยวเราไปรอรับเข้ามานะ” พี่ฮั่นรับโทรศัพท์แล้วเดินไป คุยกับใครกันทำดูสุภาพแถมยังน้ำเสียงอ่อนโยนนั้นอีก พี่ฮั่นปล่อยให้ผมสงสัยไม่นาน ประตูเปิดออกพี่ฮั่นเดินเข้าพร้อมผู้หญิงสวยหยาดเยิ้มคนหนึ่ง

                    “สิตางค์นี่แกงส้ม....” ไม่มีอะไรต่อท้ายหน่อยเหรอห๊ะ!!! ทั้งที่ผู้หญิงคนนี้สวยและดูเรียบร้อยแต่ความรู้สึกในใจผมสังหรณ์ไม่ดีเลย ช่างเถอะแกงส้มอย่าคิดมาก

                    “สวัสดีค่ะ...ทานอะไรกันรึยัง สิตางค์ซิ้อของมาเยอะแยะเลย ของโปรดฮั่นก็หลายอย่างนะ” พี่สิตางค์ยกของที่หิ้วมาพะรุงพะรัง พี่ฮั่นก็เลยแสดงความสุภาพบุรุษรับจากมือแล้วเดินเอาไปไว้ที่ห้องครัว

                    “แบบนี้สินะ เค้าถึงเรียกว่าถ้ำกัน อยู่ลึกมากเลยนะ” พี่สิตางค์ยิ้มกว้างคุยกับพี่ฮั่น เอ่อ...พี่ฮั่นบางทีก็ใส่ใจผมบ้างก็ยังดีนะ รู้ว่าต้องรับรองแขกแต่ปรกตินายก็ไม่ใช่แบบนี้นิ

                    “ก็เพื่อความปลอดภัยหน่ะ เราทานข้าวเลยมั้ย เริ่มหิวๆแล้วแถมยังมีของโปรดยั่วน้ำลายอีกต่างหาก” พี่ฮั่นพูดแล้วยิ้มกว้าง ก่อนจะผายมือให้พี่สิตางค์เดินนำ จะนั่งมันอยู่ตรงนี้แหละดูสิว่าจะลืมกันมั้ย.....

                    “ป่ะ แกงส้มทานข้าวกัน” ก็ยังดีที่ยังหันมาชวนกัน ขอบคุณนะที่มีน้ำใจ หลังจากการทานข้าวที่แสนจะวิเศษของของสองคนนั้น (แต่ทำไมผมอึดอัดก็ไม่รู้ เอ่อ...รู้นะว่าไม่เจอกันแต่ช่วยพูดเรื่องที่ผมเข้าใจด้วยหน่อยได้ไม๊)  ผลจากการคุยไม่ลืมหูลืมตาทำให้พี่ฮั่นทำไอศกรีมก้อนสุดท้ายตกบนเสื้อ

                    “ฮั่นขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อก่อนเลยนะ เดี๋ยวสิตางค์จะช่วยน้องเก็บครัวเองจ๊ะ” อะไรกันเนี่ยยยย หน้าที่สั่งการนี้มันเป็นหน้าที่ของคนรักอย่างผม ยัยคนนี้มีสิทธิ์อะไรมาทำแทนผม มันน่านัก....

                    “แกงส้มดูแลพี่เค้าหน่อยนะ” พี่ฮั่นกันมาฝากฝังพี่สิตางค์ไว้กับผม ห่วงอะไรนี่มันห้องครัวนะ กลัวหอยแมลงภู่โดดงับหัวยัยนี่เหรอ แต่ด้วยมารยาทที่ดีผมได้แต่ส่งยิ้มน้อยๆให้พี่สิตางค์แทนคำตอบ

                    “เป็นแฟนกับฮั่นเหรอ” อยู่ๆ น้ำเสียงอ่อนหวานของพี่สิตางค์ก็เปลี่ยนไป ผมว่าแล้วเชียว

                    “พี่คิดยังไงละครับ” ผมตอบเสียงเรียบย้อนกลับไปด้วยท่าทีที่ไม่รู้ร้อนอะไร

                    “เปล่าหรอก แค่อยากจะเตือนอะไรไว้ บางทีเจ้าของเก่าเค้าอาจจะอยากได้คืน” ยัยสิตางค์พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นต่อเหลือเกิน เธอเอาอะไรมาแน่ใจนักหนานะ

                    “บางทีเจ้าของใหม่เค้าก็อาจจะไม่ให้เหมือนกันนะครับ” อย่าให้น้อยหน้าแกงส้ม สู้เค้า!!!

                    “รักครั้งแรก...มันยากจะลืมด้วยสิ ไม่เชื่อลองถามฮั่นดู” ดูมันพูดสิ รักครั้งแรกบ้าบออะไร ผมชักจะโมโหแล้วนะ พี่ฮั่นรักผม เค้าบอกผมทุกวัน ยัยสิตางค์นี่กำลังประกาศสงครามกับผม!!!

                    “เพล้ง!!!” ยัยสิตางค์ตั้งใจปล่อยจานให้ตกแตกทันทีที่ได้ยินเสียงพี่ฮั่นเดินลงมา พี่ฮั่นเดินมามองอย่างตกใจ ผมด้วยอารมณ์โกรธจึงไม่คิดจะก้มไปเก็บจาน ปล่อยให้คนทำเค้าเก็บเองสิ

                    “แกง...ทำไมไม่เก็บช่วยสิตางค์ละ” อ้าว ไหงเป็นงี้อ่ะ  พี่ฮั่นทำเสียงที่มีอารมณ์ตำหนิผมนิดๆ

                    “ไม่เป็นไรหรอกฮั่น สิตางค์ทำหล่นเองก้ต้องเก็บเองสิ” ยัยสิตางค์ตีหน้าซื่อแถมยังยิ้มกว้างแสดงความอ่อนหวานมีน้ำใจ นี่เธอตั้งใจให้พี่ฮั่นมองชั้นในแง่ร้ายเหรอ ยัยปีศาจสองพันหน้า รับรองผมไม่ปล่อยยัยคนนี้ไว้แน่ ในเมื่อเธอประกาศสงครามกับผมก่อน ผมจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้สิตางค์เข้าแทรกตรงกลางระหว่างผมกับพี่ฮั่น ความรักของผม หัวใจของผม ผมจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำลายเป็นอันขาด

     

    ปล. เม้นคนละนิดละหน่อย ต่อกำลังใจไรเตอร์คงไม่ยากเกินไปนะจ๊ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×