คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 : เกือบจะดี
โอยยย.... ทำไมผมถึงเวียนหัวแบบนี้นะ ริมฝีปากของผมแห้งผาด เปลือกตาหนักอึ้ง ผมจะไม่ดื่มเหล้าอีกแล้ว..... มันทรมานจะตายที่ต้องตื่นมาแบบนี้ ผมค่อยฝืนตัวเองเพื่อง้างเปลือกตาออกมาสู้กับแสงแดดของวันใหม่ กระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตา ใบหน้าหล่อสมบูรณ์แบบของพี่ชายบอสห่างจากใบหน้าผมไม่ถึงคืบ
“อ๊ากกกกกก!!!” ผมตกใจดีดตัวขึ้นมาพร้อมยันขาไปทางพี่ชายบอสจนร่างนั้นพลิกตกจากเตียงเสียงดังตุ๊บ!!!
“โอ๊ย!! อะไรของนายเนี่ย???” เสียงหงุดหงิดดังมาจากด้านล่าง ผมตั้งสติแล้วค่อยคลานไปไกลๆ พี่ชายบอสนอนลืมตามองเพดานก่อนจะตวัดสายตาคมมองมาที่ผม
“ก็ตกใจ...ใครใช้ให้เอาหน้ามาใกล้ๆ” ผมตอบเสียงอ่อย พี่ชายบอสดันกายขึ้นมานั่งกับพื้นมองหน้าผมด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“สรุปที่ชั้นอุ้มนายมานอนที่เตียงชั้น....มันผิดว่างั้น???” มันคงเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ จุดประสงค์หลักคือการประชดมากกว่า ผมได้แต่มองหน้าพี่ชายบอสด้วยความรู้สึกผิด
“ขอโทษละกัน...” ในที่สุดผมก็เอ่ยคำขอโทษออกไป พี่ชายบอสพยักหน้ารับก่อนที่ดันตัวลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าค้นหาอะไรอยู่สักครู่หนึ่ง
“นี่ ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน ของในห้องน้ำใช้ได้ตามสบายเลยนะ ชั้นจะไปใช้ห้องน้ำที่ห้องยัยสต๊อปแล้วจะทำอาหารเช้าให้ เสร็จแล้วก็ลงไปเลยนะ” พี่ชายบอสยื่นของทั้งหมดให้ ผมรับมาอย่างงงๆ แล้วพี่ชายบอสก็เดินออกไปทันที... ผมก้มลงมองของที่เพิ่งรับมา พี่ชายบอสเนี่ยทำตัวดีๆก็เป็นแหะ...น่าจะทำบ่อยๆ
ผมจัดการตัวเองที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า... อีตาพี่ชายบอสก็อุตส่าห์อุ้มผม.... เอ๊ยยยยย!!! เมื่อคืนพี่ชายบอสอุ้มเรามาจริงๆเหรอ จะแอบทำอะไรเราเหมือนวันนั้นรึเปล่าเนี่ย??? โอ๊ย...แกงส้ม ทำไมนึกอะไรไม่ออกเลยนะ ไม่น่าโชว์เหนือกินเหล้าเป็นเพื่อนพี่ชายบอสเลย เมาเละเทะ สภาพดูไม่ได้อีกต่างหาก ผมสะบัดหน้าแรงๆเพื่อสลัดความคิดเวิ่นเว้อออกจากหัว ไม่คิดๆๆ...เรื่องมันผ่านไปแล้วจะคิดอะไรให้ปวดสมองทำไมกัน!!! ว่าแล้วผมก็รีบเร่งอาบน้ำสระผมให้เสร็จ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาก็พบว่าพี่ชายบอสนั่งรอที่เตียง
“พี่ชายบอสมีอะไรรึเปล่า???” ผมถามออกไปเมื่อเห็นร่างนั้น
“เห็นนายหายไปนานนึกว่าเป็นลมในห้องน้ำไปซะแล้ว อาบน้ำนานมาก” พี่ชายบอสตอบ...แปลง่ายๆ “เป็นห่วง” ผมงั้นเหรอ??? ไม่จริงหรอกมั้ง.....
“ปกติก็อาบนานแบบนี้แหละ” ผมตอบออกไปและทำเป็นเช็ดผมเพื่อหลบตาคมที่มองทอดมา
“ชั้นช่วยเช็ดให้” พี่ชายบอสเดินเข้ามาแย่งผ้าขนหนูผืนเล็กออกจากมือ แต่ผมเองก็ไม่ยอมปล่อย
“ไม่เป็นไรเช็ดเองได้น่า” ผมก้มหน้างุดเพื่อหลบสายตานั้น แต่มือก็ยื้อแย่ง พี่ชายดึงตัวผมเอาไปแนบชิด ด้วยความตกใจผมปล่อยผ้าผืนเจ้าปัญหานั้นทันที พี่ชายบอสยิ้มที่มุมปากเจ้าเล่ห์แต่มันช่างน่ามองอย่างน่าประหลาด
“ทำไมต้องชอบดื้ออยู่เรื่อยเลยนะ” น้ำเสียงนั้นแลดูอ่อนโยนแปลกหู พี่ชายบอสเอาผ้าคลุมหัวผมแล้วขยี้อย่างเบามือ สายตาคมนั้นมองหน้าผมอย่างไม่ละสายตา ผมได้แต่หลบสายตาคมกล้านั้น แต่มือเรียวยาวนั้นก็เชยคางผมในสายตาประสานกับร่างสูงนั้น นิ้วยาวไล้ไปตามวงหน้า สายตาหวานที่ส่งมานั้นมันทำให้หัวใจผมเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ผมควรจะเบี่ยงตัวออกมาใช่มั้ย??? แต่ทำไมร่างกายมันยังพอใจที่จะอยู่ใกล้ร่างนั้น คงเป็นเพราะสายตานั้นร่ายมนตร์ตรึงร่างของผมไว้เป็นแน่ ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้ๆอย่างช้าๆ มือยาวนั้นเชยคางอย่างแผ่วเบา..... แต่ทุกอย่างก็ดับวูบไปในทันตา เมื่อเสียงมือถือของพี่ชายบอสที่วางอยู่บนหัวเตียงดังขึ้น พี่ชายบอสส่ายหน้าเบาๆและผละออกไปรับสาย ผมเช็ดผมตัวเองอย่างเคอะเขิน... ถ้าไม่มีเสียงนั้น พี่ชายบอสเค้าจะ..จะ...จูบ เรามั้ยนะ??? หรือว่าแค่จะแกล้งอะไรพิเรนทร์ตามที่เคยทำมา ก็คงจะเป็นอย่างหลัง เค้าจะมาจูบเราทำไมกัน แกงส้ม!!! นายนี่ชักจะเพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้วนะ....
“ฮัลโหล สต๊อป” เสียงทุ้มพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“โทรมาทำไมตอนนี้” หึหึ...ยังมีหน้าไปถามเค้านะ ก็ใครบอกให้สต๊อปโทรหาตอนตื่นนอนกันเล่า ยังไปทำเสียงเหวี่ยงใส่เค้าอีกนะ!!!
“เออๆๆ...แค่นี้นะ” พี่ชายบอสพูดเสร็จก็วางสายทันที แล้วหันหน้ามามองผมที่กำลังตั้งสติ เอ๊ยยยย...ตั้งใจเช็ดผมอยู่
“พี่ไปเตรียมอาหารรอนะ เสร็จแล้วก็ลงไปทานแล้วกันนะ” พี่ชายบอสพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่ผมกลับรู้สึกได้ว่ามีอารมณ์ผิดปกติอยู่ในน้ำเสียงนั้น เดี๋ยวก่อนนะ...เมื่อตะกี้เค้าแทนตัวเองว่า “พี่” ใช่มั้ย???
HUNZ talk
ยัยสต๊อปโทรมาไม่รู้จังหวะเอาซะเลย.... จะว่าไปมันก็ดีแล้วแหละ ไม่งั้นผมคงทำอะไรไปตามอารมณ์...ผลที่ตามมามันก็คงไม่ดีนัก แววตาไร้เดียงสานั้นมันทำให้ความเป็นเหตุเป็นผลในสมองลบเลือนหายไปจนหมดสิ้น ท่องไว้ฮั่น...อย่าคิดอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ อย่ารังแกหัวใจตัวเองไปมากกว่านี้เลย
“อื้อหื้อ...หอมจัง” เสียงแกงส้มดังมาจากด้านหลังของผมที่กำลังจัดโต๊ะอยู่
“ข้าวต้มไก่...ไม่รู้ว่านายจะชอบรึเปล่า” ผมหันไปบอกแต่ก็ยังไม่สามารถมองใบหน้าใสนั้นได้อย่างเต็มตานัก แกงส้มเดินเข้ามองอาหารใกล้ๆ
“ผมกินง่าย อยู่ง่าย เลี้ยงง่าย” แกงส้มพูดกลั้วหัวเราะในลำคอ
“น่าเลี้ยงเอาไว้เฝ้าบ้านสักตัวนะ” ผมแกล้งกระเซ้า แกงส้มหันมาทำจมูกย่นซึ่งก็น่ารักเช่นเคย
“ตลอดๆ เปิดช่องให้หน่อยไม่ได้เลยนะ” แกงส้มบ่นอุบ ผมลากเก้าอี้นั่งลงที่โต๊ะอาหาร แกงส้มก็ทำตาม ผมเลื่อนพวกเครื่องปรุงไปใกล้มือแกงส้ม
“เออ...ถามอะไรหน่อยสิ” แกงส้มที่กำลังจะลงมือทานอาหารเงยหน้ามาถาม ผมเลิกคิ้วสูงยกน้ำมาขึ้นมาจิบ พยักหน้าให้ตัวแสบถามได้
“เมื่อตะกี้บนห้องพี่ชายบอสจะแกล้งอะไรผมเหรอ????”
“พรวด!!!!” ผมสำลักน้ำ ไอถี่ๆ ตาเบิกกว้างเพราะความตกใจ แกงส้ม!!! นายมันจะไร้เดียงสาเกินไปแล้วนะ แกงส้มหยิบกระดาษชำระส่งให้ผม ผมรับมาเช็ดรอบปาก
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย เว่อร์ซะ!!!” ถามออกมาได้นะ ว่าตกใจทำไม ชั้นกำลังจะจูบนายแต่นายดันมาถามว่าชั้นจะแกล้งอะไร แกงส้มนายไปโตที่ดาวไหนเนี่ย???
“ชั้นจะเอาหัวโขกหัวนายให้เลือดสาดแล้วปล่อยให้นอนตายมันตรงนั้นแหละ” หมั่นไส้ในความแบ๋วเว้ย!!! ผมตอบประชดไป
“ว่าแล้ว...คนอะไรใจร้ายชะมัด” แกงส้มตัดพ้อก่อนจะก้มหน้าทานข้าวต้ม อ๊าววววว....ดันเชื่ออีก!!!
DOME talk
“พี่โดม!!!” เสียงสต๊อปร้องเสียงดัง ทำเอาผมที่กำลังนั่งชมธรรมชาติของหาดทรายสีขาวสะดุ้งสุดตัว
“อะไรยัยสต๊อป อย่าบอกว่าบอลไทยได้ไปบอลโลกแล้วนะ” ผมหันไปถาม
“โหยยยย....ไม่ใช่” สต๊อปโอดครวญก่อนจะมานั่งลงข้างๆผม
“แล้วมันเรื่องอะไร ร้องซะพี่ตกใจเกือบโดดลงน้ำทะเลไปแล้ว” ผมกึ่งถามกึ่งแซว
“ก็เรื่องพี่แคนอ่ะ” เอาแล้วๆๆ มนต์รักรถทัวร์แน่ๆเลยเว้ย...งานนี้
“ทำไม อะไร ยังไง” ทำถามรัวเพราะความอยากรู้
“แหม...ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเหมือนกันนะเนี่ย” สต๊อปแอบกัดผมเล็กๆ แต่วินาทีนี้... ผมไม่ถือครับ
“เหมือนพี่แคนเค้ากำลังมีความรัก แบบแอบรักอะไรประมาณนี้” สต๊อปพูดด้วยเสียงอันเบาที่พอได้ยินแค่สองคน
“หูยยยย...พี่ไม่รู้เลยนะเนี่ย” ผมแกล้งทำเป็นตกใจ ก็เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคน ไอ่เราจะไปแสดงตัวมากมันก็ไม่ดี
“นั่นแหละ...สต๊อปเลยคิดว่าจะช่วย” สต๊อปมองหน้าผมเหมือนจะปรึกษา
“เอาเลย...ไม่มีใครช่วยได้ดีเหมือนกับสต๊อปหรอก” ผมชงไปตามประสา สต๊อปยิ้มร่าออกมา
“งั้นต่อจากนี้ไป สต๊อปจะช่วยพี่แคนให้สมหวังกับแกงส้มเอง!!!” สต๊อปกำหมัดชูขึ้นอย่างมุ่งมั่น
“แกงส้ม!!! เดี๊ยวก่อนนะ ที่สต๊อปพูดมาทั้งหมดหมายถึงแกงส้มเหรอ???” ผมอุทานออกมาเสียงดัง
“ใช่ไง... แกงส้ม” สต๊อปมองหน้าผมด้วยความสงสัย ไอ่แคนนนนนนน...เมิงไปจีบเค้าอีท่าไหนว่ะเนี่ย เค้าถึงได้เข้าใจว่าชอบแกงส้ม!!! ผมจะแนะนำมันไปบวช เพราะเห็นทีทางโลกจะไม่เหมาะกับมัน โอ๊ยยยยย...ปวดตับจริงๆ!!!
หลังจากผมเล่าเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นให้เพื่อนรักฟัง...ไอ่แคนนั่งกุมขมับอย่างหมดอาลัยตายอยาก ผมนั่งมองว่าเมื่อไหร่เพื่อนรักจะฟื้นคืนสติแล้วมาวางแผนกันใหม่
“ชั้น...ไม่รู้แล้วว่าต้องทำยังไง แล้วสต๊อปก็เข้าใจผิดไปได้ไงเนี่ย???” ไอ่แคนคร่ำครวญเป็นรอบที่ร้อย
“มีสองทางเท่าที่นึกออกนะ...ว่าแต่แกจะลุยต่อมั้ย???” ผมถามออกไป ไอ่แคนมองหน้าผม
“ว่ามาสองทางนั้น ชั้นสู้ไม่ถอยอยู่แล้ว” ไอ่แคนมองหน้าผมเพื่อยืนยันคำพูด แกงส้มมันปลุกปั่นไอ่แคนได้เยี่ยมยอดจริงๆ
“ทางแรก...แกต้องไปบอกกับสต๊อปตรงๆว่าแกชอบเค้า” ผมบอกทางเลือกแรกไป ไอ่แคนหน้าซีดเผือด...ผมไม่คิดว่ามันกล้าใช้วิธีนี้
“แล้วทางที่สองล่ะ” ไอ่แคนถามถึงอีกวิธี
“ตามน้ำกับสต๊อปมันไป เพราะมันเป็นทางเดียวที่แกจะได้ใกล้ชิดและทำดีด้วย แล้วค่อยเปิดใจให้กัน” ผมบอกวิธีที่สอง ไอ่แคนนั่งนิ่งอย่างครุ่นคิดไปพักใหญ่
“ชั้นเลือกวิธีที่สอง...แกว่าไง” ไอ่แคนหันมาถามความเห็นผม
“ว่าไงว่าตามกัน” ผมตบบ่าเพื่อนเพื่อให้กำลังใจ ไอ่แคนถอนหายใจเบาๆ เพื่อระบายความอึดอัดใจ
STOP talk
ตอนนี้ชั้นกำลังตื่นเต้นกับการปลูกป่าชายเลน ยอมรับเลยว่าพี่แคนเป็นจัดโปรแกรมของชมรมอาสาได้เยี่ยมยอด เพราะนอกจากจะได้สร้างโรงอาหารของโงเรียนแล้ว เรายังมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และแปลกใหม่ แถมยังเป็นที่ถ่อมเนื้อถ่อมตัวไม่โอ้อวดกับความสำเร็จของตัวเอง...เป็นคนดีจริงๆ
“เป็นไงสต๊อป...ไหวมั้ย???” พี่แคนหันมาถามชั้น คงเป็นเพราะแสงแดดร้อนๆนั้นที่ทำให้เหงื่อไหลท่วมตัว
“ไหวค่ะ...สต๊อปสู้ตายอยู่แล้ว” ชั้นยกต้นไม้ที่กำลังจะปลูกขึ้นสูงเพื่อยืนยันความอึดอดทน
“ดีแล้ว แต่ถ้าไม่ไหวต้องรีบบอกนะ” พี่แคนสำทับอีกที ชั้นส่งยิ้มกว้างให้เพื่อแทนคำขอบคุณ ชั้นก้มปลูกเสร็จไปหนึ่งต้นกำลังจะเดินไปหยิบเพิ่มเพิ่งลงมือปลูกต่อ แต่เหมือนเท้าข้างหนึ่งจะจมอยู่ในเลน ชั้นพยายามออกแรงเพื่อดึงเท้าให้หลุดจากหลุมนั้น แต่พอเท้าหลุดขึ้นมาก็เป็นว่าร่างของชั้นเสียศูนย์ หงายหลังล้มก้นจ้ำเบ้า โคลนเอย...ก็กระเด็นเต็มหน้าตาหมด เสียงหัวเราะดังขึ้น มันก็สมควรอยู่หรอกแต่ไม่คิดจะเข้ามาช่วยกันบ้างรึไงห๊ะ!!!
“เป็นไงบ้าง...มา..ยื่นมือมา” เหมือนเป็นคนที่สวรรค์ส่งมา พี่แคนยื่นมือมาให้ชั้นโดยไม่นึกรังเกียจโคลนที่เปรอะเปื้อนเต็มร่างกาย ชั้นค่อยๆส่งมาไปสัมผัส พี่แคนฉุดชั้นขึ้นจากโคลนตม ก่อนจะถอดถุงมือยางที่ยาวจรดข้อศอกออกเมื่อล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป่ากางเกงยีนส์
“ขอโทษนะ” พี่แคนเอ่ยคำขอโทษเบาๆที่ต้องสัมผัสร่างกายชั้น ก่อนจะเอาผ้าเช็ดหน้านั้น เช็ดโคลนที่อยู่บนใบหน้าของชั้นอย่างอ่อนโยน บอกตรงๆ ว่า ณ ตอนนี้ ชั้นอิจฉาแกงส้มมากๆ ผู้ชายที่มีแววตาอ่อนโยนรับกับใบหน้าซื่อๆดูแสนดีที่ถึงแม้ไม่ได้ดูโดดเด่นเหมือนพี่ฮั่น แต่ความละเมียดละไมในสายตาและเครื่องหน้านั้นกลับมีแรงดึงดูดให้น่ามองน่าครอบครองไม่น้อยไปกว่ากันเลย ถ้าเลือกได้ก็อยากให้มีคนแบบนี้มารักชั้นบ้าง....มันคงทำให้รู้สึกเหมือนเป็นหญิงสาวที่โชคดี
“อย่างกะฉากในละครเกาหลี” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา พี่แคนชะงักมือก่อนหันไปมองต้นเสียง ชั้นเบือนหน้าหนี ยัยสต๊อป...หล่อนจะเพ้อไปแล้วนะเห็นคนดีหน่อยไม่ได้ คนนี้ของแกงส้มเค้า!!!
ก็ยังดีที่เมื่อคืนพี่ชายบอสตกลงใจขับรถผมมาแทน... ไม่อย่างงั้นผมคงต้องเดินมาที่ร้านเพื่อมาเอารถเป็นแน่ ผมจึงตอบแทนด้วยการไปส่งพี่ชายบอสเพื่อไปเปิดร้าน ส่วนตัวผมนั้นได้รับอนุญาตให้กลับไปนอนพักแล้วค่อยๆกลับมาทำงานที่ร้านในตอนเย็นช่วงที่คนเยอะที่สุด
“ถึงแล้ว” ผมจอดรถที่หน้าร้าน
“ขอบใจมากนะ แกงส้ม” พี่ชายบอสหันมาขอบคุณผมและจะเปิดประตูรถออกไป
“เอ่อ...เดี๋ยวก่อน” ผมตัดสินเรียกพี่ชายบอสไว้ พี่ชายบอสเลิกคิ้วมองหน้าผมด้วยความสงสัย
“คือผมอยากจะขอบคุณที่เมื่อคืนไม่ปล่อยผมทิ้งไว้ ขอบคุณที่ดูแลผม” ผมพูดออกไปด้วยใจจริง
“ชั้นเปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้มั้ย???” พี่ชายบอสหันมาถามผมด้วยท่าทางอารมณ์ดี
“อะไรล่ะ” ผมถามกลับไป พี่ชายบอสแย้มยิ้มอย่างน่ารัก
“ชั้นเบื่อที่ต้องเป็นพี่ชายบอสอะไรนั่นแล้ว นายช่วยเรียกชื่อชั้นได้มั้ย???” มันเป็นคำขอที่ทำให้ผมนิ่งคิด ให้ตายเหอะเรียกจนติดปากไปแล้วนะเนี่ย แต่ก็นะบุญคุณต้องทดแทน
“ก็ได้ครับ...พี่ฮั่น” ผมตัดสินใจทำตามคำขอ พี่ชายบอส เอ๊ยยย!!! พี่ฮั่นผลักหัวผมเบาๆอย่างเอ็นดูก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป ผมมองตามร่างนั้นแล้วอดยิ้มคนเดียวไม่ได้
“ฮั่นแน่!!! ทำไมต้องมองคุณพ่อฮั่นแล้วยิ้มด้วย” เสียงใสๆของบัลเล่ต์ทำให้ผมตกใจจนหัวใจเกือบจะหยุดเต้น มาแบบนี้บ่อยๆ ผมจะช็อคเอาง่ายนะเนี่ย
“บัลเล่ต์อย่าทำแบบนี้อีกนะ....พี่แกงตกใจแทบแย่” ผมต่อว่าเด็กน้อยที่เพิ่งปรากฏกายข้างที่นั่งคนขับ
“อิอิอิ....เพราะพี่แกงมัวแต่ใจลอยมองคุณพ่อฮั่นต่างหาก” บัลเล่ต์เถียงอย่างรู้ดี มันน่าหมั่นไส้นัก
“มีที่ไหนชงพ่อตัวเองกับคนอื่น” ผมค้อนผีน้อยเบาๆ
“บัลเล่ต์นี่แหละ บัลเล่ต์อยากให้คุณแม่รักกับคุณพ่อ แล้วคุณพ่อฮั่นก็รักกับพี่แกง” เหมือนผมถูกต่อยที่ท้องเข้าอย่างจัง จุกกับท่อนสุดท้ายของประโยค
“ไร้สาระไปแล้วนะ...เดี๋ยวพี่แกงก็ไล่ลงจากรถซะเลยนี่ เงียบเลยนะ” ผมดุเจ้าผีเด็กจอมทะเล้นแต่ก้ได้แต่เสียงหัวเราะคิกคักกลับมา ผมรีบออกรถไปทันที...พูดอะไรเกินเด็กไปแล้วนะบัลเล่ต์!!!
ในที่สุดผมก็ได้กลับสู่วิมานของตัวเอง...เตียงจ๋า คิดถึงเหลือเกิน ฤทธิ์เหล้าก็ยังไม่หมด หัวผมยังเวียนๆอยู่เลย แต่ด้วยความเคยชินผมเปิดทีวีเป็นอันดับแรกก่อนจะล้มตัวลงนอน ในทีวีเป็นรายการสัมภาษณ์ชื่อดัง เหมือนจะเกี่ยวกับคอนเสิร์ตใหญ่ของศิลปิน บัลเล่ต์นั่งมองทีวีตาแป๋ว
“ได้ข่าวว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะมีนักเต้นชื่อดังมาออกแบบท่าเต้นให้ทั้งงานเลยใช่มั้ยครับ” พิธีกรถามนักร้องชื่อดัง
“ครับวันนี้เค้าก็มากับผมด้วย...” นักร้องตอบพร้อมรอยยิ้มที่โปรยเสน่ห์
“งั้นขอเชิญนักเต้นชื่อดังแห่งยุค ไม่มีใครไม่รู้จักเค้า คุณต้นครับ” พิธีกรพูดชื่อพี่ต้นขึ้นมา ผมละเพลียใจจริงที่คนนิสัยแบบนั้นโด่งดังมากขนาดนี้ พี่ต้นที่มาในชุดสูทโมเดิร์นรับกับใบหน้าคมสันเดินออกมา ผมแอบแบะปาก มือก็เตรียมที่จะเปลี่ยนช่องเพราะเบื่อขี้หน้า
“คุณพ่อ!!!” แต่แล้ว....เสียงของบัลเล่ต์ก็ทำให้ผมแทบเสียสติ ผมคิดว่าผมรู้สาเหตุของความเกลียดชังระหว่างสองคนนั้นแล้ว!!!
ปล. ตอนนี้กำลังปั่นอีกตอนนะจ๊ะ ถ้าทันก็คงได้อ่านกันภายในวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าไม่ทันก็ต้องประมาณวันพุธนะจ๊ะถึงจะได้มาอัพให้ เพราะไรเตอร์ต้องออกเดินไปสัมภาษณ์งานพรุ่งนี้ตอนเย็น ถ้าอัพไม่ทันยังไงก็อย่าว่ากันน้า ห้ามลืมกันด้วยนะจ๊ะ ^^
ความคิดเห็น