คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : ปมอดีต
ผมเดินออกจากห้องชมรมของตัวเองเพื่อที่จะไปรอรับพี่แคนกับพี่โดมกลับหอพร้อมกัน โดยวันนี้พวกผมนัดกันที่ชมรมร้องเพลงของพี่โดม
“แกงส้ม มีจดหมายตอบกลับมายัง???” รุ่นพี่ที่ชมรมถามผม...เพราะผมได้ส่งคลิปเข้าคัดเลือกเป็นนักเต้นในสังกัดของพี่ต้น นักเต้นที่เนื้อหอมที่สุดในวงการ ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ สงสัยจะหมดหวังแล้วละมั้ง??? แต่ช่างเหอะ...วันหน้าค่อยส่งไปใหม่ รอซ้อมให้ฝีมือดีกว่านี้ก่อนละกัน แล้วตอนนี้ผมก็กำลังเร่งทำงานใช้หนี้ ยังไงก็ต้องระงับเรื่องบางเรื่องเอาไว้ก่อน ผมผลักประตูเข้าไปที่ชมรมพี่โดม ก็พบว่าสต๊อปนั่งคุยกับพี่โดมและพี่แคนอยู่
“แกงส้มมาพอดีเลย...” สต๊อปร้องขึ้นเหมือนว่าวงสนทนาเพิ่งพูดถึงผมไปยังไงยังงั้น
“มีอะไรกับเรารึเปล่า???” ผมถามอย่างไม่มั่นใจ เมื่อสายตาทั้งสามคู้จ้องมองมาที่ผม
“คือยังงี้...ที่ชมรมอาสาพัฒนาของพี่กำลังจะจัดค่ายไปสอนหนังสือเด็กสามวัน” พี่แคนเริ่มต้น
“แล้ว???” ผมต่อประโยคสั้นๆ เพื่อจะได้เข้าเรื่องสักที พี่แคนพยักหน้าให้พี่โดมอธิบายต่อ
“พี่กับสต๊อปเลยจะพากันไปช่วยค่าย” พี่โดมพูดพร้อมมองหน้าผมเหมือนรอคำตอบ
“ก็ดีครับ....” มันก็ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย...และที่สำคัญมาบอกผมทำไม ถ้าบริจาคเงิน เหอะๆ....ผมไม่สามารถนะต้องรับผิดหนี้ก้อนโตจากการเผาร้านเหล้าอยู่เลย
“แต่แกงส้มต้องทำงานที่ร้านโดยที่ไม่มีเราสามวัน” สต๊อปพูดช้าๆ ชัด เรื่องงานมันก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรสักหน่อย.... เฮ้ยยยยยย!!!
“เราต้องอยู่กับพี่ชายเธอสองคนตั้งสามวัน!!!” ผมโวยวายเสียงดังทันทีที่นึกออก สต๊อปมองหน้าผมด้วยตาอ้อนวอน แต่นั่นก็ไม่เท่ากับด้านหลัง....พี่แคนยกมือไหว้พร้อมพยักหน้าน้อยๆรัวๆเพื่อเป็นการอ้อนวอน ผมเป่าลมออกจากปากอย่างหนักใจ เอาวะ...นานๆทีพี่แคนจะตกหลุมรักใครสักคน ถ้าผมไม่ช่วยพี่ชายผมแล้วผมจะไปช่วยใคร ผมพยักหน้ารับปาก เสียงเฮก็ดังขึ้นทันที
และแล้ววันที่ผมไม่อยากให้ถึงก็มาถึงจนได้ สต๊อปลัลล้ากับการได้ไปค่ายของพี่โดมและพี่แคน ส่วนผมกับพี่ชายบอสต่างดูมีความกังวลแต่เป็นคนละแบบ
“ต้องโทรหาพี่ห้าเวลาโอเคมั้ย???....ตื่นนอน หลังอาหารเช้า หลังอาหารเที่ยง หกโมงเย็น แล้วก็ก่อนเข้านอน” พี่ชายบอสดูกังวลใจกับการไปออกค่ายครั้งแรกของน้องสาว
“คร้า....ขอบคุณที่ลดให้นะคะ” สต๊อปประชดเสียงแหลม เพราะตอนแรกคุณพี่ชายยืนกรานจะให้คุณน้องสาวโทรหาทุกชั่วโมง
“ไม่ต้องมาประชดพี่เลยนะ ผู้ชายมันไว้ใจไม่ได้...เราเป็นผู้หญิงก็ต้องรู้จักระวังตัวเองหน่อย” คนพี่ก็ดูเหมือนจะไม่ยอมลดละ สต๊อปหันมาทำหน้าเซ็งกับผม
“เที่ยวให้สนุกนะสต๊อป” ผมอวยพรให้ก่อนที่สต๊อปจะออกไป
“นี่ไง....ตัวอย่างที่ดี ไม่ใช่มาบ่นๆๆ” สต๊อปหันไปบอกพี่ชายก่อนจะเดินออกจากร้านขึ้นแท๊กซี่ที่จอดรออยู่ ร้านในยามค่ำก่อนเวลาปิดก็กลับมาสู่บรรยากาศเงียบงันอีกครั้ง นับตั้งแต่วันที่นัทมาที่นี่แล้วพี่ชายบอสทำตัวน่ารำคาญจนผมเหลืออดต่อว่าไปหนึ่งชุด พี่ชายบอสก็ไม่เข้ามากวนประสาทผมอีก...เอาเป็นว่านอกจากเรื่องงานเค้าไม่เอ่ยปากอะไรกับผมเลยจะดีกว่า และตามคาดเมื่อสต๊อปออกไปพี่ชายบอสก็เดินไปหลังร้านทันที ทิ้งให้ผมเฝ้าหน้าร้านเพียงคนเดียว เสียงโมบายดังกุ้งกิ้ง ผมหันไปยิ้มเพื่อต้อนรับลูกค้า แต่ร่างนั้นก็ทำให้ผมอึ้ง นี่มัน...ไอดอลของผม ร่างสูงหุ่นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ใบหน้าคมเข้ม แววตาที่ดูคมกล้า
“พี่ต้น” ผมอุทานชื่อนั้นออกมาเพียงเบาๆ ร่างนั้นมองหน้าผมพร้อมขมวดคิ้วคล้ายกำลังใช้ความคิด
“น้องคนนี้...พี่เพิ่งดูคลิปน้องเมื่อเช้า ทำงานที่นี่เหรอ???” พี่ต้นยิ้มมุมปากเล็กๆให้ผม
“ครับ พี่ต้นจะรับอะไรครับ” ผมกระตือรือร้นที่จะบริการคนๆนี้เต็มที่
“แกมาที่นี่ทำไม!!!” เสียงดังดุกร้าวดังมาจากด้านหลัง ผมหันไปเห็นพี่ชายบอสกำลังจ้องเขม็งไปที่ร้านสูงนั้นด้วยแววตาราวกับเสือที่ดุร้าย
“ก็มาดูความสำเร็จของแก...ร้านน่ารักดีนะ แกต้องขอบคุณชั้นนะไอ่ฮั่นที่ทำให้แกมีร้านเล็กๆน่ารักๆแบบนี้ได้” ถึงผมไม่รู้เรื่องราวอะไรระหว่างสองคนนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่มองเห็นได้ชัดคือความเกลียดชังที่ทั้งสองฝ่ายมีไม่น้อยไปกว่ากัน
“แกต้องการอะไร...หรือแค่อยากตาย” พี่ชายบอสคำรามอย่างโกรธแค้น ผมซึ่งไม่คิดจะมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ก็ถูกพี่ต้นลากไปกอดที่คออย่างแน่น
“พี่ตกลงรับน้องเข้าสังกัดพี่ ดีกว่าน้องต้องมาทำงานที่ร้านกระจอกๆของไอ่คนไม่มีน้ำยาแบบนี้” พี่ต้นพูดกับผมเสียงดัง และไม่ทันตั้งตัวพี่ฮั่นกระชากผมออกมาจากร่างสูงนั้น ก่อนที่จะชกไปที่กึ่งปากกึ่งจมูกของใบหน้าคมสันนั้นอย่างสุดแรง จนทำให้ฝ่ายที่ถูกชกเซถลาล้มไปพร้อมเก้าอี้จนหมดรูป
“ออกไปจากร้านชั้นเดี๋ยวนี้ ก่อนที่แกจะไม่มีชีวิตเหลืออยู่” พี่ชายบอสชี้หน้าบอกร่างที่นอนอยู่บนพื้น
“ชั้นตาย....เมียชั้นก็เป็นม่าย อ่อ...อยากได้เมียชั้นมาตั้งนานแล้วนิ” พี่ต้นลุกขึ้นพร้อมพ่นถ้อยคำที่น่ารังเกียจออกมา พี่ชายบอสกำหมัดไว้แน่นราวกับจะสะกดพายุแห่งอารมณ์โกรธไว้
“แกจำไว้นะไอ่ฮั่น... แกจะไม่มีวันได้อะไรที่เป็นของชั้น รวมทั้งแพรว” พี่ต้นชี้หน้ากัดฟันพูด ผมคิดว่าผมเห็นแววตาแห่งความเจ็บปวดในเสี้ยววินาทีหนึ่งในดวงตาคมกล้าคู่นั้น พี่ชายบอสกระโจนเข้าไปด้วยอารมณ์โมโห แต่ตอนนี้พี่ต้นได้ตั้งตัวชกพี่ชายบอสเข้าที่มุมปาก ร่างสูงนั้นเซล้มข้างๆผม และดูเหมือนพี่ต้นจะไม่หยุด ยกขาขึ้นมาหมายจะกระทืบซ้ำ ผมรีบเอาตัวกางกั้นระหว่างสองร่างนั้นโดยหันหน้าเผชิญกับผู้ได้เปรียบ
“หยุดเถอะครับ...ไม่งั้นผมจะฟ้องตำรวจ” ผมรีบขู่ก่อนที่จะถูกร่างนั้นถลาเข้ามาทำร้าย
“คนอย่างชั้นเหรอ???...จะกลัวตำรวจ ไอ่น้องเลือกข้างผิดแล้ว” พี่ต้นหัวเราะออกมาราวกับสิ่งที่ผมพูดมันช่างน่าขันยิ่งนัก
“ตำรวจอาจจะใช่...แต่ถ้าเป็นนักข่าวละครับ พี่ก็ลองชั่งใจนึกดูละกันว่าระหว่าง เจ้าของร้านเค้กธรรมดากับนักเต้นเท้าไฟแห่งยุค ใครมันจะเสียมากกว่ากัน” ผมรับรู้ถึงความเฉียบขาดในน้ำเสียงตัวเอง พี่ต้นเอาเท้าที่ค้างลง พี่ชายบอสดันตัวลุกขึ้น
“พี่มีข้อเสนอ พี่รับน้องเข้าสังกัดของพี่เงินได้มากกว่าทำงานที่ร้านนี้สี่เท่า บอกตรงๆ พี่ชอบใจน้อง” พี่ต้นยื่นข้อเสนอให้งานผมต่อหน้าพี่ชายบอส ผมหันไปมองร่างนั้นที่มีแผลที่ริมฝีปาก แววตานั้นช่างไร้ความรู้สึกใดๆ
“การเต้นมันเป็นความฝันของผม.... แต่ผมไม่อยากอยู่กับคนแบบพี่ ขอโทษด้วยนะครับ” มันเป็นการตัดโอกาสตัวเองโดยถาวร... แต่คนที่น่ารังเกียจแบบนี้บอกตรงๆ ผมทนอยู่ด้วยไม่ได้หรอก พี่ต้นชี้หน้าผมกับพี่ชายด้วยความเจ็บใจก่อนจะเดินออกไปอย่างหุนหัน ผมหันไปมองหน้าพี่ชายบอสที่กำลังเช็ดเลือดที่มุมปาก นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!
CAN talk
ผมชะเง้อมองหาร่างสาวน้อยที่ผมอยากเห็นหน้ามากที่สุด ในใจคิดพะวงกลัวว่าอยู่ๆ จะมีเหตุที่ทำให้สต๊อปไปค่ายครั้งนี้ไม่ได้ เสียงเฮฮาจอแจนั้น ไม่อาจดึงความสนใจของผมได้เลย
“เดี๋ยวยัยสต๊อปก็มา...แกยืดจนคอแกจะยาวเป็นเมตรอยู่แล้ว” ไอ่โดมเดินเข้ามาพูดกับผม
“ก็ไม่ได้รอคนเดียวซะหน่อย...น้องชั้นก็ยังไม่ได้มาอีกหลายคน” ผมแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ทั้งที่รู้ว่าเพื่อนรักเองก็รู้ว่ามีเพียงคนเดียวที่ทำให้ผมรอได้อย่างนี้
“นั่นไงสต๊อป!!!” ไอ่โดมร้องเสียงดังผมรีบหันไปมองตามมือมันที่ชี้ แต่ก็ว่างเปล่า
“หันเร็วเหมือนหมาได้กลิ่นกระดูกเลยนะแก...มาถึงป่านนี้แล้วไม่ต้องเก๊กหรอก” ไอ่โดมแกล้งผมเอาซะจนเสียท่าหมด ผมเลยผลักหัวมันเพื่อระบายอารมณ์
“ไอ่นี่เขินรุนแรง” ไอ่โดมพึมพำเบาๆ และและร่างบางที่ดูสดใสก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกระเป๋าสัมภาระใบโต ผมรีบเดินไปหาสต๊อปทันที
“มาช้าไปรึเปล่าคะ พี่ฮั่นมัวแต่ลีลากว่าจะปล่อนมาได้” สต๊อปถามอย่างตื่นเต้น คงเป็นเพราะนี่เป็นการไปออกค่ายครั้งแรกของเธอ
“ไม่ช้าหรอกครับ พี่ช่วยถือกระเป๋า” ผมยื่นมือไปรับของ สต๊อปยิ้มให้พร้อมส่งมาสัมภาระให้อย่างว่าง่าย แต่กระเป๋าที่สต๊อปยกมาเหมือนไม่หนักนัก ทำเอาผมไหล่แทบทรุด ผมมองเธออย่าทึ่งๆ
“สต๊อปยกเวททุกวัน...เลยจะแข็งแรงกว่าผู้หญิงทั่วไปบ้าง” เธอพูดอย่างเอียงอายเมื่อเห็นสีหน้าของผม ผมเองไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะทำให้เสน่ห์ในตัวเธอลดน้อยลงไปเลย มันกลับทำให้เธอดูมีมิติที่น่าค้นหามากกว่าผู้หญิงอ้อนแอ้นธรรมดาเสียอีก ผมเองก็จัดแจงให้ตัวเองนั่งกับสต๊อปโดยใช้อำนาจของประธานชมรมให้เป็นประโยชน์ ซึ่งถามผมมันก็เนียนอยู่นะ เพราะท่านเจ้าคุณโดมประกาศตัวว่าจะนั่งสองเบาะโดยไม่แบ่งใครอยู่แล้ว...ดังนั้นเหตุผลนี้จึงทำให้ผมลอยลำ
“สต๊อปเคี้ยวหมากฝรั่งมั้ย???” ผมยื่นกล้องหมากฝรั่งให้สต๊อป
“ขอบคุณมากค่ะ... พี่แคนเนี่ยดูแลคนอื่นเก่งจริงๆเลยนะคะ อิจฉาแฟนพี่แคนจังเลย” สต๊อปพูดออกมา...ผมแอบหยิกตัวเองไม่ให้ดีใจออกมานอกหน้า เดี๋ยวสาวเจ้าจะหาว่าเราหื่น!!!
“ถ้ามีก็ดีสิ... เกิดมาพี่ไม่เคยมีแฟนสักคน ได้แต่แอบรักแอบมองไปวันๆ” เปิดตัวอลังการครับ...มีลูกอ้อนพร้อม เรียกร้องความสงสารพร้อม ฉลาดจริงๆเลยไอ่แคน.....
“อ้าว...นึกว่า--” สต๊อปทำหน้าสงสัย ผมเองก็รอเธอต่อประโยคให้จบ
“นึกว่าอะไรครับ” ผมถามพร้อมส่งสายตาสงสัยไปอย่างชัดเจน สต๊อปหันไปนั่งนิ่งเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่างก่อนจะยิ้มกว้างออกมาอย่างแปลกๆ
“ก็นึกว่าพี่แคนมีแฟนแล้วซะอีก...แล้วที่ว่าแอบรักตอนนี้รึเปล่าคะ” สต๊อปเอียงคอถามได้น่ารัก ผมอดยิ้มกว้างไม่ได้ ก่อนจะหันไปสบตาสต๊อป
“ใช่ครับ...แอบรักคนไม่ใกล้ไม่ไกล” ผมพูดเป็นนัยๆ จะให้เราไปป่าวประกาศว่าชอบเค้า ไอ่เราก็ไม่กล้าบวกกับกลัวพี่ชายเค้าจะเอาเรื่องอีก...การบอกรักตรงๆมันคงเป็นทางเลือกสุดท้าย
“พี่แกง...คุณพ่อฮั่นเป็นอะไรอ่ะ ดูเครียดๆ” บัลเล่ต์ถามผมเมื่อเห็นพี่ชายบอสนั่งดื่มเหล้าแก้วเล็กเพียวๆไปหลายแก้ว ตอนที่เกิดเหตุการณ์เจ้าตัวเล็กแอบแวบไปพักผ่อนที่หอของผมมา พอกลับมาเตือนผมว่าห้ามลืมขนมเค้กเพื่อไปใส่บาตรก็เจอสภาพพ่อฮั่นของหล่อนในสภาพนี้แล้ว
“มันเป็นเรื่องที่พี่แกงก็ไม่ค่อยเข้าใจ เด็กๆอย่างเราก็อย่าอยากรู้อยากเห็นไปหน่อยเลย” ผมตอบง่ายๆ
“พี่แกงช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อฮั่นหน่อยนะ บัลเล่ต์เป็นห่วง” ผีน้อยทำเสียงอ้อนผมซะน่ารักน่าสงสาร แต่ความจริงถึงบัลเล่ต์ไม่อ้อนผมก็คิดไว้ว่าจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าตานี่จะกลับบ้านอยู่แล้ว
“ก็ได้ๆ นี่เห็นแก่บัลเล่ต์นะเนี่ย” ผมก็รับปากอย่างมีฟอร์มไปงั้น ผมภาพตอนที่พี่ชายบอสทะเลาะกับพี่ต้นแล้วใครมันจะไปทิ้งได้ลงคอ
“ขอบคุณมากคะ งั้นบัลเล่ต์กลับไปสิงน้องหมีนอนแล้วนะต้องเชฟบุญไว้หน่อยอีกหลายวันกว่าจะถึงวันพระ” ว่าแล้วผีน้อยก็หายแวบไปเลย โดยที่ผมร้องห้ามไม่ทัน..ยัยผีขี้เซาเอ๊ยยย!!! ทิ้งพ่อไว้กับเราซะงั้น ผมรวบรวมความกล้าเดินอาดๆไปหาพี่ชายบอสที่นั่งกระดกเหล้าไม่พูดไม่จา
“ดึกแล้วไม่กลับอีกเหรอ???” ผมเริ่มต้นด้วยประโยคคำถาม
“ยัง...นายกลับไปก่อนเถอะ ที่ร้านเดี๋ยวชั้นจัดการเอง” พี่ชายบอสบอกเสียงเรียบ
“งั้นเดี๋ยวผมนั่งเป็นเพื่อน” ผมถือวิสาสะลากเก้าอี้มานั่งประจันหน้ากับพี่ชายบอสที่กำลังขมวดคิ้วมองผมด้วยความข้องใจ...ไม่นึกว่าเราจะเป็นคนดีละสิ!!!
“ถ้าจะนั่งเป็นเพื่อน----อ่ะกินซะ” พี่ชายบอสริมเหล้าสีใสใส่แก้วเล็กๆอีกใบแล้วยื่นมาให้ผม
“คือ...” ผมกำลังคิดหาทางปฏิเสธ
“ไม่ดื่มก็กลับ มีทางเลือกสองทาง” พี่ชายบอสพูดแล้วกระดกแก้วเหล้าเข้าไปอีกครั้ง ผมมองแก้วเล็กนั้นอย่างชั่งใจ....เอาวะ ลองมันสักตั้ง!!!!
HUNZ talk
ผมกำลังเดินขึ้นบันได้ชั้นสองอย่างทุลักทุเล.... มันไม่ใช่เพราะฤทธิ์เหล้าหรอกครับ แต่เป็นเพราะผมต้องแบกขี้เมาอีกคนกลับมาด้วยต่างหาก คนอะไร คออ่อนชะมัด!!! ไม่น่าชวนเลย
“อย่าเขยิบมาใกล้ ช่วยขยับไปไกลไกล ขอได้ไหมหัวใจผมวายวอดกันพอดี” เสียงอ้อแอ้ร้องเพลงทั้งที่ยกหัวตัวเองยังไม่ขึ้น สามแก้วครับ!!! สามแก้วเท่านั้นที่ทำให้แกงส้มเป็นขนาดนี้ ผมเองก็แค่อยากลองใจดูมาแกงส้มจะอยากอยู่เป็นเพื่อนผมแค่ไหน...ไม่นึกว่าจะทำให้ตัวเองลำบากแบบนี้ ผมเปิดประตูเข้าห้องอย่างยากเย็น เพราะมีร่างหนึ่งอยู่บนหลัง ผมพยายามเอาแกงส้มลงไปนอนที่เตียงของผม แต่ด้วยความเมื่อยล้าก็ทำเอาตัวผมเสียหลักไปที่เตียงนั้นเหมือนกัน ใบหน้าของผมห่างจากแกงส้มไม่กี่นิ้ว.... ผมยกมือลูบไล้ผิวหน้าอ่อนใสอย่างเบามือ มันคงตลกน่าดูที่ผมคิดว่าคนๆนี้เป็นของผม เพราะคำพูดของหมอดูคนนั้น... ร่างบาง ผิวขาว แค่ก้าวเข้ามาในชีวิตวันแรกก็สร้างความวุ่นวาย แต่หลังจากนั้นคนๆนี้ก็เป็นเหมือนตัวการ์ตูนที่ทำให้ผมมีรอยยิ้มทุกครั้งที่เห็นหน้า กว่าจะนึกได้บางความรู้สึกก็ถลำลึกไป มันเป็นความรู้สึกนึกชอบจากความคึกคะนองที่อยากจะลองดีกับเจ้าหนูขี้วีนคนนี้... แต่ผมก็ทำให้เค้าโมโหกับความรู้สึกนั้น คนที่แกล้งกันแล้วมารักกันมันมีแต่ในนิยาย ไอ่ตัวผมผ่านความรักมาตั้งมากมายจะมาน้ำเน่าอะไรตอนนี้มันก็ใช่ที่...ก็เลยพยายามเดินห่างออกมา เพื่อดึงรั้งใจตัวเองให้รู้สึกกับคนๆนี้แค่เพียงเจ้านายกับลูกจ้าง....จนถึง ณ ตอนนี้
ผมก้มลงหอมแก้มเนียนใสนั้นเบาๆ และดูเหมือนความต้องการหัวใจมันยังไม่สิ้นสุด ริมฝีปากอิ่มน่ารัก...ทำเอาหัวใจผมเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง ผมค่อยๆ โน้มตัวลงอย่างช้าไปหาริมฝีปากของเด็กหนุ่มผู้หลับใหล
“เจ้าของร้านเค้กธรรมดา!!!” อยู่ๆคำพูดนั้นก็ดังก้องขึ้นมาในหัว ผมชะงักใบหน้าแล้วดึงตัวยืดตรง มันทำให้ผมรู้สึกละอายกับการกระทำที่ฉวยโอกาสโดยที่เจ้าของไร้สติแบบนี้ ถึงแม้ว่าผมจะประทับใจที่แกงส้มโผตัวเข้ามาปกป้องผมอย่างไม่หวั่นเกรงสิ่งใด แต่คำว่า “เจ้าของร้านเค้กธรรมดา” มันก็ทำให้ผมรู้ว่า ไอ่ความรู้สึก “พิเศษ” มันเกิดขึ้นกับผมเพียงคนเดียว สำหรับแกงส้มนั้นระหว่างผมกับเค้า คงเป็นเพียงเจ้านายและลูกจ้าง “ธรรมดา” ผมยิ้มเยาะกับความเผลอไผลของตัวเองอย่างดูแคลน ก่อนที่จะดึงผ้าห่มมาคลุมร่างแกงส้มที่อยู่ในห้วงนิทรา ก่อนที่จะก้มกระซิบข้างใบหูของแกงส้มอย่างแผ่วเบาว่า
“หลับฝันดี ลูกจ้างคนพิเศษ”
ปล. กรี๊ดดดดดดดดด!!! เขียนมาตั้งหลายเรื่อง เป็นครั้งแรกที่คนมาเขียนบทวิจารณ์ให้ ขอบคุณนะคะที่ติชมกัน^^ จะเอาข้อแนะนำมาปรับปรุงการเขียนให้ดีขึ้นเรื่อยๆนะจ๊ะ อะไรที่ใช้ได้ก็จะเอาไปใช้ อะไรที่แก้ไม่ทันก็จะเอาไปใช้ในเรื่องหน้านะคะ ขอบคุณทุกวิว ทุกเม้นนะคะ เป็นเหมือนกำลังใจที่ไรเตอร์จะปั่นงานส่ง เพราะเวลาเห็นเม้นเยอะ วิวเยอะแล้วอยากเขียนลงอีก ช่วงไหนมันน้อยๆ ก็จะงอแงนิดนึง 5555
ความคิดเห็น