คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : หนี!!!
ผมนั่งเงียบมาตลอดทาง เจ็บใจนัก...ที่ตัวเองต้องตกในสภาพแบบนี้ ผมไม่อยากเป็นของเล่นของใคร โดยเฉพาะคนที่นั่งอยู่ข้างๆตอนนี้ ชาติที่แล้วผมคงไปทำอะไรให้เค้าเคืองโกรธจนต้องตามมาทำร้ายจิตใจผมในชาตินี้ ผมนั่งออกไปนอกหน้าต่างรถตู้หรูคันใหญ่ ที่กั้นอย่างมิชิดระหว่างคนขับและห้องโดยสารด้านหลัง ไม่อย่างนั้นผมคงกลั้นใจตายไปแล้วไอ่ตอนที่นายฮั่นมัน...มัน...เอาปากมาโดนปากผม ไม่นับว่าเป็นจูบโว้ยยยยย!!!! ไม่ได้เต็มใจซะหน่อยๆ จูบครั้งแรกเลยนะนั่นอ่ะ....เฮ้ยยยย!!! ไม่ใช่จูบๆ แกงส้มนายไม่พูด อีตานั่นไม่พูด...มันก็ไม่มีใครรู้ สะกดจิตตัวเอง มันไม่ใช่จูบ... มันไม่ใช่จูบ.......ท่องเอาไว้อย่าลืมๆ
“เป็นอะไร ทำไมต้องส่ายหน้าด้วย” เสียงนายฮั่นดั่งขึ้นระหว่างที่ผมกำลังทะเลาะกับตัวเอง
“เปล่า” ผมตอบเสียงแข็ง แล้วเบือนหน้าไปมองความมืดนอกหน้าต่างทั้งที่มันไม่มีอะไร อย่างน้อยมันก็น่ามองกว่าใบหน้าเรียบเฉยไร้หัวใจนั้น!!!
“พี่ฮั่นครับจะถึงแล้วครับ” หนึ่งในสองแฝดแหวกม่านมาพูดกับเจ้านาย นายฮั่นพยักหน้ารับน้อยๆ ผมหันไปมองสถานที่ที่นายฮั่นพาผมมา รถข้ามสะพานเล็กๆ ก่อนแล่นเข้ามาในไร่องุ่นที่มีไฟตามหาทางให้ผมมองเห็น หรือว่านี่คือกิจการที่นายฮั่นพูดถึง พาผมมาไร่องุ่นนี้นะ....คิดอะไรอยู่!!!
“เป็นไงสวยมั้ย???” นายฮั่นเอียงคอถามผม ผมเหลือบตามองก่อนพยักหน้ารับอย่างมีฟอร์ม นายฮั่นนิ้มอย่างพอใจก่อนพิงเบาะด้วยท่าทางสบายใจ รถแล่นผ่านใจกลางไร่องุ่นที่กว้างสุดลูกหูลูกตาผมมองทิวทัศน์อย่างตื่นตาตื่นใจ นายคนนี้รวยจริงๆ.... ไม่น่าเชื่อว่าทำธุจกิจแบบนี้ด้วย ในที่สุดรถตู้คันใหญ่ก็หยุดลง ประตูเปิดออกผมจึงเดินไป สิ่งที่อยุ่ตรงหน้าคืนบ้านพักหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางไร่องุ่นและขุนเขา ด้วยแสงไฟสีนวลที่ส่องสว่างทำให้ที่นี่ดูน่าอบอุ่นเสียจริง
“ชอบมั้ย???” นายฮั่นกระซิบข้างหูผม ผมสะดุ้งถอยหนีไปสามก้าว
“สวยดี.... แต่คุณช่วยเลิกทำตัวแบบนี้กับผมได้มั้ย???” ผมตอบก่อนจะโวยวายขึ้น
“ทำตัวยังไง” นายฮั่นก้าวย่างสุขุมเข้าใกล้ผมพร้อมรอยยิ้มที่พร้อมขย้ำเหยื่ออย่างผม ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยจริงๆ ไอ่บ้า!!! ชั้นบอกให้เลิกทำแบบนี้ ไม่ใช่ให้นายแสดงความหื่นกับชั้นต่อหน้าสองแฝด ผมถอยหลังอย่างระแวดระวังร่างสูงนั้น
“เฮ้ยยยย!!!!.......พลั่ก.......โอ๊ยยยยย” แต่ที่ผมไม่ระวังคือ สวนหย่อมที่อยู่ด้านหลัง!!!! ผลที่ได้คือการกองอยู่ในสวนหย่อมที่จัดอย่างสวยงาม มันไม่ยุติธรรมกับผมเลย.... ทำไมนะ ต้องมาหมดรูปหมดท่าต่อหน้าศัตรูคู่แค้นด้วย แกงส้ม....แกจะสมทบความซุ่มซ่านไปใช้วันหลังหน่อยก็ไม่ได้ ผมขยับตัวอย่างยากลำบากในพุ่มไม้ต่ำนั้น
“ส่งมือมา” นายฮั่นพูดพร้อมหัวเราะอย่างขบขันกับความซุ่มซ่ามของผมเต็มที่ ไอ่จะลุกเองมันก็ไม่ได้ไงครับ.... ผมเจ็บใจตัวเองจริงๆ ที่ต้องมารับความช่วยเหลือจากนายคนนี้ในสภาพย่ำแย่ ผมมองมือเรียวยาวที่ยื่นมาก่อนจะเอื้อมมือตัวเองไปจับ นายฮั่นกระตุกผมขึ้นไปไว้ในวงแขนของตัวเองกอดร่างของผมที่ยังไม่ทันได้ตั้งศูนย์ถ่วงไว้แน่น ว่าแล้ว....มันเป็นอะไรนักหนาไม่ได้ลวนลามชั้นเนี่ย นายจะนอนไม่หลับเลยใช่มั้ย???? ผมดิ้นออกจากวงแขนนั้น นายฮั่นปล่อยแล้วยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ยักคิ้วให้ผมอย่างน่าโมโห
“พี่ฮั่นจะขึ้นบ้านรึยังครับ” เสียงลูกน้องฝาแฝดดังขึ้น
“ไปเข้าบ้านกัน” นายฮั่นหันมาบอกผมด้วยน้ำเสียงมีอำนาจ ถ้าจะสั่งขนาดนี้ทำไมไม่อุ้มไปเลยละ!!!
“ไม่เอาปืนจี้ซะหน่อยละ จะได้ครบวงจรโจร” ผมหันไปประชดกับหัวหน้าโจร
“จะเอาเหรอ” หนึ่งในสองแฝดพูดขึ้นมา ก่อนทั้งสองแฝดจะปัดเสื้อให้เห็นปืนที่เหน็บไว้ที่เอว
“มะ...มะ...ไม่ครับ พูดเล่นเฉยๆ แหมเท่เชียวมีปืนเหน็บด้วย” แกงโส้มมมมมม!!! ปากดีไม่เลือกเวลาเป็นไงล่ะผมโบกไม้โบกมืออย่างทำตัวไม่ถูกให้กับสองแฝดมาดเข้ม ก่อนจะหันมาถลึงตาใส่เจ้านายที่มองหน้าผมก่อนส่ายหัวอย่างสมเพช.... เออ!!! ยอมก็ได้ว่ะยกนี้ เห็นแก่ปืน...เฮ้ยยยย!!! พี่แฝดสองคนที่ยืนหน้านิ่งอยู่กลัวพี่เค้าจะเมื่อยหรอก...
นายฮั่นเดินนำผมไปที่ห้องพัก ผมแทบจะลืมไปเลยว่าถูกลักพาตัวเพราะบ้านหลังสวยหลังนี้เป็นบ้านยกพื้นสูงทำด้วยไม้ทั้งหลังออกแบบให้มีสายลมผ่านตัวบ้าน โถงชานบ้านเปิดโล่งตกแต่งด้วยผ้าม่านยาวสีขาวจรดพื้น ส่วนมุมรับแขกเป็นพื้นยกระดับมีเบาะปูสีเบจ รับกับโต๊ะไม้
“นี่ห้อง” นายฮั่นหยุดที่หน้าห้อง ผมยืนรอว่าเมื่อไหร่เจ้าตัวจะเดินไป ส่วนนายฮั่นก็มองผมเลิกคิ้วสูง
“อย่าบอกว่านายจะนอนห้องนี่เหมือนกันนะ” ผมโวยวายขึ้นมาทันที
“ชั้นยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นนะ แต่ถ้านายต้องการแบบนั้นชั้นก็โอเค” นายฮั่นพูดจบก็กอดคอผมหมับเพื่อที่จะลากเข้าห้อง ผมรีบเอาแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อออกจากบ่าผม
“จะบ้าเหรอ????” ผมรีบวีนในขณะที่ตัวเองอยู่นอกรัศมีการจู่โจม ถ้าขืนนอนกับนายนี่คืนนี้นะมีหวังผมกลับไปมองหน้าคนอื่นไม่ได้แน่ๆ แค่บนรถยังใจสั่นไม่หายเลย!!!
“ก็ถ้าไม่อยากให้ชั้นนอนด้วย นายจะมองหน้าชั้นทำไม” นายฮั่นเท้าเอวถามผมอย่างจริงจัง
“ชั้นรอให้นายเดินไปที่ของนายต่างหากละ” ผมเถียงเสียงดัง
“นายคิดว่าชั้นพิศวาสนายขนาดนั้นเหรอ??? เผอิญว่าชั้นเห็นความต้องการโหยหาลึกๆของนายต่างหาก” ดูคำพูดสิ....โหยหาต้องการบ้าอะไร ผมเองยังไม่รู้สึกเลยสักนิด ผมหายใจเข้าลึกๆ แกงส้มอย่าโกรธ...โกรธไร้สติกับคนบ้านี่ทีไรมีแต่เจ็บตัวเจ็บใจตัวเองทุกที ผมผ่อนลมหายใจยาวก่อนจะผลักประดูเข้าไปโดยไม่คิดร่ำลาเจ้าของบ้าน จะมีใครจะทำให้ชั้นโมโหได้ทุกสิบนาทีแบบนายอีกที่ไหนนะ....
HUT talk
ถึงไม่บอกทุกคนก็คงรู้ว่าผมรีบ เมื่อกลับมาที่คอนโดแล้วไม่เจอแกงส้มเหมือนทุกๆวัน ปกติแกงส้มจะไม่เป็นคนเถลไถลค้างบ้านคนอื่นโดยไม่โทรบอกผม ยิ่งมือถือก็ไม่มีอยู่ด้วย ผมจึงรีบขับรถไปที่ร้านพี่ม้าที่แกงส้มทำงานอยู่ ผมจอดรถพร้อมๆ กับพี่โตโน่และริทพอดี
“อ้าวฮัทมาได้ยังไงเนี่ย” ริทร้องทักผมเสียงใสใบหน้าแช่มชื่น
“แกงส้มไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืน พี่รู้มั้ย??? ว่าเค้าจะไปไหนต่อหลังจากเลิกงาน” ผมถามอย่างร้อนใจ
“ไม่นะ เห็นบอกว่าจะกลับเลยพี่ยังเดินมาส่งมันที่ลานจอดรถอยู่เลย” พี่โตโน่ตอบ คำตอบนั้นทำเอาเราสามคนเครียดหนัก แกงส้มจะหายไปไหนได้นะ
“หรือว่า....คนนั้นจะ...” ริทร้องขึ้นมา พี่ฮั่นเหรอ???...พี่ฮั่นจะพาแกงส้มไปทำไมกัน ถึงผมจะรู้ว่าพี่ฮั่นเป็นคนดีแต่สิ่งที่พี่ฮั่นเข้าใจผิดในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแกงส้มนั้น มันอาจจะทำให้พี่ฮั่นทำอะไรที่ไม่คาดคิดก็ได้ ผมตัดสินใจจะไปหาพี่ฮั่นที่บ้าน แต่ยังจะไม่ทันเปิดประตูรถมือถือผมดังขึ้น
“ครับเสี่ย” ผมรับโทรสายอย่างเสียไม่ได้
“มาหาชั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ” ปลายสายสั่งสั้นๆ ก่อนจะวางหูไป ผมจึงต้องขับรถไปอีกทางขัดกับความต้องการของตัวเอง ในเมื่อสิ่งที่มีค่าของผมอยู่ในมือคนอย่างเสียอิทธิพล ผมจึงต้องเลือกที่จะไปหาตามคำสั่ง อย่างน้อยพี่ฮั่นก็ไม่ใช่คนโหดร้ายอะไรหนัก...แกงส้มพี่สัญญาว่าพี่จะตามหาเราให้เจอนะ
ผมก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา คนรับใช้ของบ้านบอกให้ผมนั่งรอที่โต๊ะรับแขกหรูหรานั้น ผมนั่งกระสับกระส่ายอย่างไม่เป็นสุข จะมีใครเข้าใจผมมั้ยว่าเวลานี้ทุกนาทีของผมสำคัญแค่ไหน
“มาแล้วเหรอ” เสียงทุ้มนั้นเรียกผมจากห้วงความคิดของตัวเอง เงยหน้าพบกับเสี่ยอิทธิพลที่เดินมาพร้อม “อลิซ” ลูกสาวคนโตของเสี่ยอิทธิพลที่ผมเองก็พอมองออกว่าอลิซคิดกับผมยังไง
“ครับ” ผมลุกขึ้นยืนเพื่อให้เสี่ยอิทธิพลนั่ง ส่วนอลิซก็นั่งข้างผู้เป็นพ่อราวกับนางพญา
“ทำไมมาถึงเร็วนักละคะ นึกว่าจะนอนแล้วซะอีก” อลิซทักทายผม
“บังเอิญมีธุระครับ” ผมตอบอย่างนอบน้อม อลิซยิ้มให้ผมอย่างมีเลศนัย
“คุณพ่อน้ำชาค่ะ” เสียงใสๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลังผม “สมายล์” เด็กสาวหน้าน่ารักคือเจ้าของเสียงนั้น ผมรีบลุกเข้าไปช่วยรับถาดน้ำชานั้นทันที
“ขอบคุณค่ะ” สมายล์ยกไหว้ขอบคุณผม ผมดีใจจริงๆ รอยยิ้มนั้นเติมเรี่ยวแรงของผมอย่างไม่น่าเชื่อ
“สมายล์เสร็จธุระแล้วไม่ใช่เหรอ??? ผู้ใหญ่จะคุยกันมายืนสอดอยู่ได้ไม่มีมารยาท” เสียงอลิซดังขึ้น สมายล์มองหน้าพี่สาวอย่างงุนงงแต่ก็เดินกลับไปโดยดีตามคำสั่ง
“อลิซหนูก็ออกไปก่อนลูก พ่อมีธุระจะคุยกับฮัทเค้า” เสียอิทธิพลหันไปบอกกับลูกสาวอย่างนุ่มนวล อลิซยิ้มน้อยๆให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินออกไป
“ชั้นได้ข่าวว่าแกไม่ยอมส่งของให้ชั้นเหรอ???” เสี่ยอิทธิพลเข้าเรื่องอย่างไม่เสียเวลาอ้อมค้อมสักนิด
“เรื่องนี้เสี่ยมีคนช่วยเยอะ ผมไม่เห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องให้ผมไปวุ่นวาย” ผมตอบ เสี่ยอิทธิพลหัวเราะออกมา
“ความจริงคือแกไม่อย่างมีส่วนร่วมกับธุรกิจมืดของชั้นต่างหาก ทำไมชั้นจะดูไม่ออก” เสี่ยอิทธิพลพูดดักคอ ผมก้มหน้านิ่งเพราะคิดว่าการเงียบคือสิ่งที่ดีที่สุด
“ได้...ในเมื่อแกไม่อยากทำแกก็ไม่ต้องทำ แต่มันมีข้อแม้นะ” เสียอิทธิพลมองหน้าผม ผมสบตารอฟัง
“แกก็แค่เอาใจลูกสาวชั้นหน่อย... อลิซเค้าชอบแกมากนะและชั้นก็ไม่ชอบให้ลูกสาวชั้นผิดหวัง แกจะว่ายังไงล่ะ” เสียอิทธิพลยื่นข้อเสนอที่ไม่ยากที่จะทำนัก หากแต่มันเป็นสิ่งที่ลำบากใจที่จะรักเหลือเกิน
“ได้ครับ” ผมตอบสั้นอย่างไร้อารมณ์ เสี่ยอิทธิพลหัวเราะอีกครั้ง กอ่นจะโยนซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้ผม ผมรับมาอย่างงุนงง
“นี่คือสิ่งที่แกสงสัย ชั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว แกจะได้เลิกกังขาเรื่องนั้นสักที” เสี่ยอิทธิพลลุกมาตบบ่าผมก่อนจะเดินออกไป ผมรีบแกะซองเอกสารด้วยมืออันสั่นเทา และแล้วผมก็ได้รู้ว่าเสี่ยอิทธิพลคือคนที่ถือไพ่เหนือผมจริงๆ....
ให้ตายเถอะ...ที่นี่มันสวรรค์บนดินแท้ๆ ผมหลับตารับกลิ่นองุ่นที่ลอยมาพร้อมสายลม ผมอยู่ที่โถงระเบียงบ้าน ถ้าไม่ติดที่ว่าที่นี่เป็นไร่ของนายฮั่นนั่นนะ ผมวิ่งแจ้นไปที่ไร่องุ่นไปแล้ว ตอนนี้ผมกำลังพยายามเก็บอาการว่าชอบที่นี่มากแค่ไหน
“เป็นไงไร่ชั้น....นายชอบมั้ย???” เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง ผมสะดุ้งเล็กน้อย
“ก็ดีนะ แต่จะดีมากกว่านี้มากๆถ้าเป็นไร่ของคนอื่น” ผมไม่วายกวนโมโหเจ้าของไร่ที่แสนจะร้ายกาจ นายฮั่นหัวเราะออกมากับคำตอบ
“แสดงว่าชอบ” นายฮั่นพูดพร้อมส่งสายตาจับผิดนั้นมา ผมเบือนหน้าหนีไม่ตอบคำถามนั้น
“เออนี่.......แปบนะ” นายฮั่นเหมือนจะพูดบางอย่างแต่เสียงมือถือเครื่องใหม่ (เครื่องเดิมถูกผมขว้างลงทะเลไปแล้ว) ขัดจังหวะ นายฮั่นเดินออกไปคุยห่างจากระยะที่ผมจะได้ยิน สายตาคมนั้นเหลือบมองผมตลอดเวลาที่คุยก่อนจะวางสายแล้วนายฮั่นก็เดินมาหาผม
“ไอ่ฮัทตามหานายไปทั่วเมืองเลย” น้ำเสียงที่พูดออกมามีความเยาะเย้ยแฝงอยู่
“เออ!!! ชั้นขอยืมมือถือหน่อย” ผมนึกถึงที่ร้านทันที อยู่ผมก็หายตัวมาแบบนี้ที่ร้านคงวุ่นวายกันน่าดู
“เรื่องอะไรชั้นจะให้นายยืมโทรหาไอ่ฮัทมัน” นายฮั่นรีบยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกงทันที
“นายนี่ก็ประสาทนะ หมกมุ่นกับพี่ฮัทเหลือเกิน หรือว่าน้องสาวนายยังทำใจไม่ได้ที่เลิกกับพี่ฮัท” ผมต่อว่าอย่างไม่จริงจัง แต่นายฮั่นกลับคว้าแขนผมมาบีบอย่างแรง
“นี่นายรู้เรื่องน้องสาวชั้นเหรอ???” นายฮั่นตะโกนใส่หน้าผม ผมพยายามแกะตัวเองออกจากมือนั้น
“ปล่อยชั้นเจ็บ” ผมพูดเสียงห้วน นายฮั่นกระชากผมอย่างแรงเข้าหาตัว
“นายรู้เรื่องน้องสาวชั้นเหรอ???” นายฮั่นกัดฟันพูดเหมือนพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง ผมพยักหน้ารับอย่างงงๆ กะอีแค่รู้ว่าน้องสาวตัวเองเคยเป็นแฟนกับพี่ฮัททำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วยนะ
“นายรู้มาจากไหน” นายฮั่นคาดคั้น แขนผมทั้งสองข้างถูกบีบราวกับว่าจะให้แหลกคามือกันเลย
“พี่ฮัทบอกสิ!!! แล้วอยู่ๆ เป็นบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย” ผมตะคอกใส่อย่างเหลืออด เอะอะๆ ก็ใช้แต่ความรุนแรงกับผม คนอย่างผมก็เจ็บเป็นนะ เห็นใจกันบ้าง!!!
“ตอนแรกไอ่เราก็สงสารเห็นว่าจะถูกหลอก แต่ความจริงแล้วก็หัวเราะน้องสาวชั้นลับหลัง มีความสุขมากใช่มั้ย?” แววตาที่มองผมมันเป็นแววตาที่น่ากลัวที่สุดที่ผมเห็นมา ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบโต้อะไรออกไป นายฮั่นก็ลากผมเข้าไปในห้องนอนที่ผมนอนเมื่อคืน แล้วผลักผมให้ล้มลงที่พื้นอย่างแรง ผมเจ็บไปทั้งตัว แต่ดูเหมือนมันยังไม่สาสมกับแรงโกรธจากชายร่างสูงนั้นเพราะร่างของผมถูกกระชากขึ้นแล้วเหวี่ยงไปที่เตียง
“อยากรู้นัก ถ้าไอ่ฮัทรู้มันจะทำหน้ายังไง” นายฮั่นกัดฟันกระซิบข้างหูผม มือผมทั้งสองข้างถูกตรึงรั้งไว้ด้วยมือของชายคนนี้เพียงข้างเดียว ใบหน้างามราวกับรูปปั้นนั้นซุกไซร้ที่ซอกคอผมอย่างรุนแรง ร่างของผมถูกทับโดยร่างใหญ่นั้นทำให้ไม่มาสามารถขยับร่างกายหนีการรังแกนั้นได้เลย นายฮั่นกระชากคอเสื้อเชิ้ตผมอย่างแรงทำให้กระดุมหลุดลุ่ยแต่เป็นจังหวะผมสะบัดมือออกได้และคว้าเอาแจกันบนหัวเตียงได้
“เพล้ง!!!” เสียงแจกันแก้วกระทบหัวร่างที่โถมทับผมอยู่ นายฮั่นเอามือกุมหัวอย่างเจ็บปวด ผมวิ่งหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!! ผมไปทำอะไรให้....ทำไมต้องมาทำร้ายกันขนาดนี้ มันมากเกินไปแล้วนะ ผมเป็นคนมีชีวิตมีจิตใจ ผมวิ่งลงจากบ้านอย่างรวดเร็วสอดส่ายหาทางหนีเพราะหากวิ่งไปทางไร่องุ่นก็คงหนีไม่รอดเพราะคนงานกำลังทำงานกันเต็มไร่ ผมเห็นทางที่ทอดยาวไปในป่ารกหลังไร่ ผมจึงวิ่งไปทางนั้นทันที ผมวิ่งไปอย่างไม่หันหลังกลับมามอง เสียงน้ำตกไหลดังขึ้นเรื่อยๆ ใช่แล้ว!!!...ตอนเราเข้ามาเราข้ามสะพานแล้วจึงเข้ามาที่ไร่นี้ ถ้าเราผ่านลำธารสายนี้ไปได้เราก็จะหลุดออกจากอาณาเขตนี้ได้ เร็วเท่าความคิดผมจึงวิ่งเข้าหาเสียงน้ำตกทันที
ภาพที่อยู่ตรงหน้าผมคือน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลเชี่ยวกราก ภาพเดิมๆ กลับมาหลอกหลอนผมอีกครั้ง มือของผมสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ผมเห็นฝายที่สร้างจากหินก้อนโตกั้นน้ำตกนี้ที่พอเป็นสะพานข้ามได้ ผมจึงไม่รีรอที่จะเลือกทางนั้น ผมเดินไต่ไปอย่างรีบร้อน ร่างกายผมสั่นอย่างหนักเมื่ออยู่ตรงกลางของน้ำตก ผมมองไปยังน้ำด้านล่าง ภาพวันนั้นที่บ้านคุณยายผุดออกมาให้หัว ทำไมไม่มีใครมาช่วยเราเลย พ่อ... แม่.... ช่วยผมด้วย ผมจะตายอยู่แล้ว ช่วยด้วย ช่วยผมที!!!
เสียงร่างของผมตกกระทบน้ำด้านล่างดังก้องในหัว ด้วยความลึกเท้าของผมไม่อาจสัมผัสพื้นได้ ผมตะเกียกตะกายให้ตัวเองอยู่เหนือผิวน้ำ แต่กระแสน้ำที่ตกลงมาจากชั้นบนก็ทำให้ผมทรงตัวได้ยากนัก
“ช่วยด้วย” ผมร้องไปทั้งที่มีไม่มีความหวัง ผมกำลังจะจมน้ำอีกครั้ง ใครก็ได้ช่วยผมที ใครก็ได้...ผมไม่อยากตายตรงนี้ พ่อแม่....ผมอยู่ตรงนี้ น้ำตาไหลรินออกมาจากตา ร่างของผมไม่อาจล่องลอยเหนือผิวน้ำได้อีก ผมค่อยๆ จมดิ่งลงไปในกระแสน้ำอันโหดร้าย....
ปล. ไม่อาจจะบังคับให้ใครเม้นได้.... แต่อยากบอกว่าคนเม้นเป็นกำลังใจที่มีค่าสำหรับไรเตอร์นะคะ รักคนอ่าน แต่รักคนอ่านแล้วเม้นมากที่สุดจ้า ^^
(ลองเดาเล่นๆสิจ๊ะ...ว่าตอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้นรับรองว่าคาดไม่ถึง (รึเปล่านะ))
ความคิดเห็น