คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : เพราะความรัก
HUNZ talk
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน เหลือแค่ผมคนเดียวที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ข้างล่าง ส่วนแกงส้มยังเก็บตัวอยู่ในห้อง จนสต๊อปต้องเอาอาหารเย็นขึ้นไปให้กิน
“พี่ฮั่นนะพี่ฮั่น สต๊อปไม่คิดว่าพี่ฮั่นจะทำตัวแย่แบบนี้ แกงส้มเค้าเสียใจมากเลยนะ ถ้าสต๊อปไม่บังคับให้กินข้าว ก็คงไม่ได้กินอะไรแล้ววันนี้” หลังจากขึ้นไปดูแลแกงส้ม ยัยน้องสาวก็เดินลงมาต่อว่าผมทันที แถมยังมาทำหน้าเหวี่ยงใส่ผมอีก ส่วนไอ่เอกะไอ่บีไม่ต้องพูดถึง
“ทำไมพี่ไม่ปล่อยให้มันตายไปซะเลยหล่ะ เก็บมันไว้ทรมานรึไง” ไอ่บีเริ่มต้นประชดประชันผม
“แกสองคนไปจัดการเอาไอ่สองตัวนั้นส่งตำรวจไป อย่ามาพูดมาก รำคาญ” ปลายเสียงผมห้วนมากจนรู้สึกได้ ทำไมทุกคนต้องมาตอกย้ำผมด้วยนะที่ทำร้ายแกงส้ม แค่นี้ใจผมก็บอบช้ำมากแค่ไม่มีใครรู้ใครเข้าใจเท่านั้นเอง
“พี่เอพี่บีไปทำงานเถอะคะ ปล่อยพ่อมาเฟียเค้าอยู่คนเดียวบ้าง เผลอจะคิดอะไรได้ หึ!!! อย่ามาเสียใจทีหลังละกัน พี่แคน...สต๊อปไปรอที่รถนะคะ หงุดหงิดคน” ยัยสต๊อปจัดให้ผมอีกชุดก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับแฝดสองตัว ท่าทีที่ดูไม่สะทกสะท้านของผมคงเกระตุ้นต่อมปรี๊ดน้องสาวผมน่าดู
“ฮั่น...แกคิดอะไรวะเนี่ย แกไม่ได้รักแกงส้มเหรอ ทำไมแกทำแบบนี้” ไอ่แคนถามผมขึ้นมา
“แกว่าชั้นรักเด็กบ้านั่นเหรอ คิดอะไรไร้สาระ ดูที่มันสิ มันไม่เห็นชั้นอยู่ในสายตา ในเมื่อชีวิตมันมันยังไม่ดูแล ใครมันจะบ้าคอยเฝ้ามันตลอดไป อย่างมันสมควรโดนแล้วเว้ย” สิ่งที่ผมน้อยใจคือ ทำไมแกงส้มเห็นของขวัญบ้าๆ นั่น สำคัญกว่าคำสั่งของผม ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะพาลไปว่าคิด แกงส้มเห็นไอ่แคนสำคัญมากกว่าตัวผม ผมรู้ครับ...ว่ามันเป็นแค่ข้อแก้ตัวที่ทำให้ผมไม่รู้สึกผิดมากไปกว่านี้
ตอนนี้แกงส้มจะเป็นไงบ้างนะ ผมเลยตัดสินใจเดินขึ้นไปข้างบนค่อยๆ เปิดประตู เจ้าของร่างที่บอบช้ำนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ผมห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ โคมสีนวลที่หัวเตียงทำให้ผมเห็นเหงื่อซึมที่เกาะบนใบหน้าที่ดูไร้เดียงสานั้น ผมเอื้อมมือไปแตะเบาๆ ตัวของแกงส้มร้อน สงสัยจะเป็นเพราะแผลนั้น ผมค่อยๆช้อนร่างท่อนบนของแกงส้มมาประคองไว้ที่อ้อมอกผม ครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ พี่สัญญา พี่ขอกอดเราอีกสักครั้งนั้น พี่จะไม่ลืมเลยว่าอ้อมกอดนี้ทำให้พี่รู้สึกอบอุ่นและเป็นสุขแค่ไหน ผมอยู่ในท่านั้นพักใหญ่ ก่อนที่จะวางร่างที่ดูเหนื่อยอ่อนบนเตียง แล้วลุกไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ นายคงเหนื่อยมากสินะ คงเหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ พี่อยากคุกเข่าต่อหน้านายเพื่อบอกให้นายรอพี่ รอวันที่ชีวิตวันจะสงบอย่างคนธรรมดา แต่วันนั้นพี่ยังไม่รู้จะมีโอกาสได้มีมั้ย??? เพราะฉะนั้น นายไม่สมควรจะต้องมีชีวิตแบบนั้นเลย นายบินไปบนท้องฟ้าอันสดใสกว้างใหญ่เถอะนะ พี่จะคอยมองอยู่ในมุมที่มืดมิดตรงนี้และจะไม่ละสายตาจากนายเลยสักวินาที......
นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้วที่พี่ฮั่นไม่กลับมาที่นี่เลย ผมพยายามใช้ชีวิตให้เป็นปกติ ไม่คิดเรื่องราวที่ผ่านมา ช่างมันเถอะครับ ไม่มีใครตายเพราะอกหักหรอก ผมเชื่ออย่างนั้น พี่เอกับพี่บีรักและเป็นห่วงมากขึ้น แถมยังแอบบ่นเจ้านายให้ผมฟัง ดูๆแล้วมีแต่คนเข้าข้างผมทั้งนั้นแหละ เพราะขนาดน้องสาวแท้ๆของไอ่ตาโจรบ้านั้น ยังโทรมาหาผมบ่อยมาก ดูน้ำเสียงละสงสัยกลัวผมจะฆ่าตัวตาย อย่าห่วงเลยทุกคน...เพราะคนที่ชื่อ..ฮั่น จะไม่อยู่ในสายตาผมต่อไป เอาสิผมไม่ใช่ตุ๊กตายางนะที่จะกอดจะหอมก็ทำ แต่พอเบื่อมาก็มาด่ามาว่ากันเสียๆ หาย ๆ อีพี่โจรฮั่น...นายจะไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือแกงส้มคนนี้ได้อีกแล้ว.....
CAN talk
ผมละเป็นห่วงเพื่อนรักผมจริงๆ ตั้งแต่เกิดมาเนี่ย ผมไม่เคยเห็นไอ่ฮั่นมันเป็นห่วงใครเท่านี้มาก่อน (ยกเว้น สต๊อป ที่เป็นแก้วตาดวงใจของมัน) แต่ไอ่นิสัยปากหนักโมโหร้ายมันน่าเตะนัก แกงส้มคงจะเสียใจมาก เป็นใครก็แย่นะถ้าเจอไอ่ฮั่นทำตัวเถื่อนขนาดนั้น
“พี่แคนขา ทานข้าวได้แล้วคะ” เสียงใสๆ เรียกผมให้กลับมาโฟกัสที่หนังสือในมืออีกครั้ง ผมหันไปยิ้มให้กับร่างบางที่ดูสดใสเหลือเกิน ก่อนที่จะลุกไปหาที่โต๊ะอาหาร
“ทำอะไรเยอะแยะ มีกันอยู่สองคนทำยังกะจะเลี้ยงเพล” ผมแอบแซวแม่ครัวหัวป่าที่เห่อวิชา เพราะเพิ่งไปเรียนกับแกงส้มสดๆร้อนๆ ทำเอายิ้มน้อยๆ บนใบหน้าแม่ครัวหุบทันที ก่อนจะที่ชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ
“วันนี้เราไปหาไอ่ฮั่นกันมั้ย ไปสำรวจสถานการณ์สักหน่อย ” ผมพูดกับสต๊อป มือที่รินแก้วน้ำชะงัก
“ไม่เอาหรอก พี่แคนไปเถอะ สต๊อปหมั่นไส้ยังไม่อยากเห็นหน้าพี่ฮั่น” น้องสาวของเพื่อนรักผมทำท่าทางเง้างอนมันช่างดูน่ารักและสดใสกว่าใครจริงๆ อย่าได้สงสัยเลยครับว่า ผมจะชอบสต๊อป เพราะความรู้สึกนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกยังเดินตามผมต้อยๆ เหมือนน้องสาวคนหนึ่ง สต๊อปเป็นเหมือนสิ่งต้องห้ามสำหรับผม แม้แต่กับไอ่ฮั่นผมยังแอบซ่อนความรู้สึกนั้นจนเคยชินไปแล้ว ผมเป็นคนที่จริงจังกับทุกอย่าง ยกเว้นอยู่เรื่องเดียวคือความรัก ผมเป็นคนอยู่กับใครไม่ได้นานเพราะทุกคนสำหรับผมมันดูจืดชืดง่าย มีแค่สต๊อปเท่านั้น ที่อยู่ด้วยกันทุกวันแล้วไม่มีความเบื่อบังเกิดขึ้นในจิตใจผม เป็นผู้หญิงไม่เรื่องมากเรื่องเยอะ มีน้อยๆแต่สมบูรณ์แบบ มีความรักให้คนอื่นตลอดเวลา....
“ฝากทักทายทุกคนละนะพี่แคน ยกเว้นพี่ฮั่นบอกไปเลยว่าสต๊อปงอน” นี่คือคำฝากความคิดถึงของสต๊อป ผมขับรถจนมาถึงถ้ำมังกรของไอ่ฮั่น รถยนต์คันหรูของมันไม่อยู่ ไปไหนของมันเนี่ย
“สวัสดีทุกคน” ผมตะโกนทักทายไปทั้งที่ยังไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใดในนี้ ได้ยินแต่เสียงโขลกน้ำพริกหลังบ้าน ภาพที่เห็นทำเอาผมแทบจะลืมหาย ไอ่เอและไอ่บีในชุดผ้ากันเปื้อนครับ เอกำลังล้างผัก และบีกำลังโขลกน้ำพริก เฮ้ย!!! พวกนายเป็นมือขวาและมือซ้ายของมาเฟียนะเฟ้ยยยย.... ส่วนแกงส้มกำลังผัดอะไรสักอย่างในกระทะ ท่าทางดีขึ้นแม้อาจจะมีร่องรอยความอ่อนเพลียอยู่บ้าง ทำให้ผมรับรู้ทันทีว่าคนๆนี้เป็นเด็กที่เข้มแข็งมากคนหนึ่ง
“พี่แคน สวัสดีครับ มาได้ไงเนี่ย ทานข้าวมารึยัง” ทันทีที่เห็นหน้าผมแกงส้มก็ทักทายผมโดยที่ตายังจดจ้องกับกระทะในมือ
“เรียบร้อยละ แล้วไอ่ฮั่นไม่อยู่เหรอ เมื่อตะกี้ส่องดูรถก็ไม่เห็น” ผมยิ้มตอบก่อนที่จะถามหาเพื่อนรัก
“โอ๊ยยยยยย.... รายนั้นเค้าไม่อยู่มาสองวันละ” ด้วยความปากไว นายบีตอบอย่างไม่ทันคิด ทำให้ไอ่เอพี่ชายฝาแฝดถลึงตาใส่ เพราะคำตอบทำให้ร่างบางที่กำลังตักผัดผักใส่จานนิ่งไป
ผมได้รับการอัญเชิญมาอยู่ที่โซฟาในระหว่างที่สามคนนั้นกำลังทานเข้า ผมนั่งดูทีวีไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงเก็บจานหลังจากทานข้าวกันเสร็จแล้ว ไอ่เอกับไอ่บีก็พากันออกไปทำธุระโดยฝากฝังแกงส้มไว้ที่ผม
“พี่แคน เอาน้ำผลไม้รวมมั้ย” แกงส้มตะโกนถามผมจากหลังครัว น่าจะล้างจานเสร็จแล้ว
“ขอแก้วนึงนะ พี่กำลังอยากกินอะไรหวานๆ เย็นๆ พอดี” ผมเลยบอกไป ระหว่างที่หยิบหนังสือมาอ่านดู แกงส้มมาพร้อมน้ำผลไม้และถาดขนมด้วยท่าทางประคองมาสุดฤทธิ์สุดเดช ก่อนที่วางลง
“แล้วเราเป็นไง ดีขึ้นบ้างรึเปล่า” ผมถามทันทีที่แกงส้มนั่งลง แกงส้มหันมามองก่อนที่จะยิ้มเล็กๆ
“ผมดูเศร้ามากเลยเหรอครับ พวกพี่เลิกห่วงกันได้แล้ววววว” แกงส้มทำหน้ายิ้มระรื่นตอบผม
“พี่ก็เป็นห่วงเรานี่หว่า นึกว่าจะเครียดจัด เรื่องความรักมันทำร้ายคนมากนักต่อนักแล้ว” ผมพูดเสร็จก็ดื่มน้ำผลไม้ แกงส้มยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“พี่ก็เก็บไว้ห่วงเรื่องพี่กับสต๊อปเถอะ” พรวดเลยครับ!!! เต็มเสื้อเชิ้ตสีขาวของผมเลยครับ
“นายพูดอะไรของนาย จะบ้าเหรอ” ผมรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
“หกหมดเลยพี่ อะไรจะตกใจขนาดน้าน ฮ่าๆๆๆๆ” แกงส้มเอาทิชชูมาซับที่เสื้อผม
“เดี๋ยวก่อน....นายเข้าใจอะไรผิดไปมั้ย คือชั้นกะสต๊อปเนี่ย...” ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่แกงส้มก็ยิ้มอย่างรู้ทันจนผมปฏิเสธไม่ออก
“พี่ถอดเสื้อก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะเอาผ้ากับเสื้อมาเปลี่ยนให้นะ” แกงส้มว่าแล้วก็ขึ้นไปบนห้อง ผมถึงถอดเสื้อออก เหลือแต่ร่างกายท่อนบนที่เปล่าเปลือย แต่...แกงส้มรู้ความรู้สึกผมที่มีต่อสต๊อปได้ยังไง
“มาแล้ว....” เสียงกังวานของแกงส้มมาถึงก่อนตัว พอมาถึงก็ยื่นเสื้อให้ผม ก่อนที่จะเอามาเช็ดที่หน้าอกผมพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ผมเลยลูบหัวด้วยความเอ็นดู แต่ต้องมาสะดุ้งเพราะ
“ทำอะไรกัน!!!” เหมือนเสียงฟ้าผ่าครับ ไอ่ฮั่นครับมาพร้อมลมพายุแห่งความหึง....
ผมหันไปตามเสียงตะคอกที่ยืนอยู่หน้าประตู ร่างสูงที่ผมคุ้นเคยยืนอยู่ในอารมณ์โกรธทำให้ผมรู้สึกสะใจนิดๆ พี่ฮั่นอย่ามาทำมาเป็นหมาหวงก้างกับผมเชียวนะ ผมไม่ใช่พวกอ่อนระทวยยอมให้พี่ทำอะไรกับผมก็ได้ เสือยังไม่ทิ้งลาย คนอย่างผมก็ไม่ทิ้งความกวนโมโหเหมือนกัน
“ไอ่แคนแกมีธุระอะไร ถึงมาที่นี่” พี่ฮั่นหันไปทำตาเขียวปัดใส่พี่แคนที่ทำหน้าลำบากใจ พี่แคนครับ..ผมขอโทษที่ต้องให้พี่มาลำบาก
“โหยยยย ชั้นก็มาหาแกไง” พี่แคนพูด น่าสงสารเหมือนกันนะเนี่ย อยู่ก็โชคร้ายมาเยือน
“แกกลับไปก่อน ชั้นมีเรื่องต้องคุยกับคนบางคน” เฮ้ยๆๆ ใครเค้าอยากคุยกับนาย ไม่ใช่ผม!!!
“เออ พี่กลับก่อนนะแกง ไอ่ฮั่นคุยกันดีๆนะ มันไม่มีอะไรนะเมื่อกี้อ่ะ” พี่แคนทำหน้าปูเลี่ยนๆ ก่อนที่จะเดินออกไปแต่หันมาพะว้าพะวัง ผมมองหน้าพี่ฮั่นอย่างท้าทายก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนห้อง
“แกง แกงส้ม นายจะไปไหน” พี่ฮั่นเรียกผมเสียงดัง จ้างผมก็ไม่หยุดหรอก ผมเบื่อที่จะเป็นลูกแมวเชื่องๆ ของพี่ฮั่นแล้ว มันสร้างแต่ความเจ็บปวด ผมจะไม่โง่กับเรื่องเดิมๆ อีกเป็นอันขาด
“กล้าเดินหนีชั้นเหรอ” น้ำเสียงของพี่ฮั่นฟังดูโมโหขึ้นเรื่อยๆ ผมปิดประตูแต่มือใหญ่แข็งแรงดันเอาไว้ก่อนที่จะแทรกตัวเข้ามาหาผม ผมเลยเดินหลบออกมาปล่อยให้เจ้าของห้องเดินเข้ามาสะดวกๆ
“ทำอะไรเมื่อกี้ นายจะยั่วโมโหชั้นรึง เดี๋ยวนี้นายไม่ฟังชั้นเลยเหรอ” พี่ฮั่นจับไหล่ผมก่อนที่ตะคอกใส่หน้าผม ผมรวบรวมเรี่ยวแรงผลักพี่ฮั่นออก พี่ฮั่นทำหน้าประหลาดใจ
“พี่เป็นอะไรมากรึเปล่า อยู่ๆก็มาเสียงดัง” ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำเป็นการยั่วโมโหพี่ฮั่นแต่ตอนนี้มันถึงเวลาเอาคืน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดหนักกว่าที่เค้าเคยทำคือการฆ่าผมเท่านั้นแหละ พี่ฮั่นไม่พูดอะไร แต่ก้าวย่างมาหาผม นี่มันทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย ผมก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว แต่จังหวะเดียวที่ผมนิ่งพี่ฮั่นก็เค้ามารัดผมไว้ในอ้อมกอด ก่อนที่จะเหวี่ยงทั้งผมและเค้าไปที่เตียงในท่าทางที่ผมไม่สามารถขยับไปได้ อ๊ากกกก!!! ครับพี่ฮั่นกำลังทับบนตัวผม มือเค้าข้างเดียวของเค้ารวบมือผมไว้ทั้งสองข้าง ก่อนที่จะประทับรอยจูบหนักไว้ที่ปากผม แล้วก็ปลดกระดุมเสื้อที่ละเม็ด ใบหน้าของพี่ฮั่นดูดุร้ายเกินกว่าที่ผมเคยเห็น แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่ามันมีแววตาความเจ็บปวดแฝงในตาเล็กร้ายอย่างนั้น ผมเริ่มใจอ่อนอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้ทำให้ผมหมดเรี่ยวแรงต้านทาน พี่ฮั่นก้มลงมาที่ใบหน้าผมอีกครั้งริมฝีปากร้อนผ่าวมาสัมผัสที่แก้มถึงจะเบาบางแต่กลับเร้าร้อน ผมค่อยๆ หลับตาลง แต่ทุกอย่างที่สัมผัสผมก็ได้เคลื่อนตัวออกห่างร่างกายผมไป
“ออกไปได้ละ” เสียงพี่ฮั่นที่กำลังกุมหัวอยู่บนเตียง ทำไม!!! ทำไมพี่ทำแบบนี้ ทำไมผมถึงอ่อนไหวแบบนี้ น้ำตาผมไหล ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะร้องไห้มันตรงนี้แหละ โกรธทั้งพี่ฮั่นและตัวเอง
“ที่ไม่ออกเนี่ย อยากโดนต่อใช่มั้ย ทำไมอารมณ์ค้างจากไอ่แคนเหรอ” พี่ฮั่นต่อว่าผมอีกแล้ว
“พี่มันคนไม่มีหัวใจ ทำร้ายผมมันสนุกมากใช่มั้ย ผมเกลียดพี่จริงๆ คนเลว ถึงว่าสิที่ต้องมาเป็นโจรเพราะเป็นคนเลวแบบนี้นี่เอง อย่ามาบอกเลยว่าพาผมมาที่นี่เพราะห่วงผม พี่แค่ต้องการของเล่นเท่านั้นแหละ ผมก็หัวใจนะ ถ้าต้องเป็นแบบนี้ผมยอมตาย จะไม่อยู่แล้วที่นี่ นรกชัดๆ” ผมไม่ไหวแล้วนะ ถ้าออกไปแล้วตายมันยังทรมานน้อยกว่าการเป็นของเล่นของผู้ชายคนนี้ ผมเกลียดพี่ฮั่น ไม่อยากเห็นหน้า แต่ก่อนที่ผมจะได้ออกไปข้างนอก พี่ฮั่นกอดผมไว้แน่น
“อย่าทิ้งพี่ไปไหนเลยนะ พี่สาบานพี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ขอแค่อยู่ตรงนี้ อยู่ที่นี่นะ” เสียงนั้นมันเป็นเสียงพี่ฮั่นจริง มันช่างเว้าวอนจนผมนิ่งไป เสี้ยวหนึ่งที่เกิดในความคิดของผมผุดขึ้นว่า ผมสำคัญกับผู้ชายคนนี้จริงๆ....
“พี่ใจร้ายกับผมไปแล้วนะรู้มั้ย หายไปไหนมาตั้งสองวัน ทำไมไม่มาขอโทษผม” ทั้งที่คำพูดเป็นการต่อว่าอีกฝ่าย แต่ร่างกายผมกลับร้องไห้โอบกอดร่างนั้นแน่น ไม่ให้ไปไหนแล้ว ผมจะไม่ยอมให้พี่ไปไหนแล้ว พี่ฮั่นประคองแก้มผมให้ผมมองหน้าพี่เค้าอย่างเต็มตา ก่อนจะเช็ดน้ำตาผมอย่างเบามือ
“ยอมได้มั้ยถ้าต้องอยู่แบบนี้ตลอดชีวิต ต้องอยู่ข้างคนอย่างพี่ ต้องเสี่ยงอันตรายแบบนี้ไปเรื่อยๆ” พี่ฮั่นถามผม น้ำตาที่อาบแก้มของพี่ฮั่นทำให้ผมแทบจะละลาย
“พี่จะดูแลผมมั้ยละ ถ้าพี่ยินดีดูแลคนวุ่นวายอย่างผม ผมก็คงไปไหนไม่ได้แล้ว” นั่นคือคำพูดที่ออกจากใจผม ลำบากแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหน อันตรายแค่ไหน ขอแค่ผู้ชายคนนี้อยู่เคียงข้างผมก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว
“แกงส้ม พี่รักแกงส้มนะ รักมากจริงๆ” พี่ฮั่นพูดคำนั้นออกมา ใจผมพองโต ความรักมันช่างหอมหวานแบบนี้นี่เอง ผมพยักหน้ายิ้มทั้งน้ำตา ก่อนที่จะรับจูบที่หวานที่สุด จากนั้นเราก็ก้าวผ่านความสัมพันธ์ไปอีกขั้นด้วยกลิ่นของความรักที่หอมตลบอบอวลในหัวใจของเรา....
ปล. เม้นหน่อยน้าเป็นกำลัง เพราะไรเตอร์เขียนไปอายไปฉากเลิฟซีนเนี่ยยยย >///<
ความคิดเห็น