ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รัก- ลืม -ร้าย หัวใจพ่ายเธอ

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : ทารุณ

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 55



    HUT talk

    หลังการเคลียร์งานของตัวเองเสร็จ ผมก็ขอลาเสี่ยออกมาก่อน ผมไม่มีความสุขกับการที่ต้องมาทำงานนี้เลย ผมคิดถึงทุกอย่างที่ผมจากมาโดยเฉพาะ...เฟรม แต่นั่นมันก็กลายเป็นเพียงอดีตที่ไม่อาจกลับมาเหมือนวันเก่า  ผมไม่โทษโชคชะตาที่ทำให้ผมต้องกลายเป็นคนไร้หัวใจแบบนี้ คนบางคนได้อะไรอย่างต้องเสียไปหนึ่งอย่าง แต่คนอย่างผมชินชากับการแลกที่ไม่คุ้มค่าเสียแล้ว....ผมเสียไปแทบทั้งชีวิตแต่สิ่งที่ต้องการก็ยังไม่ได้กลับมา ฟ้าคงไม่เข้าข้างผมสินะ ผมขับรถเพื่อกลับไปที่คอนโด เมื่อใกล้ถึงผับของพี่ฮั่นผมชะลอรถเพื่อมองหาเพื่อนเก่าๆบรรยากาศเก่าๆที่ผมแสนคิดถึง สายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงบางคุ้นตาเดินจ้ำอ้าวอย่างรีบร้อนออกจากผับพี่ฮั่น แกงส้ม!!!...มาทำอะไรที่นี่กันนะ ผมจึงขับไปใกล้ๆ กดแตรเบาๆเรียกให้แกงส้มหันมา ซึ่งก็ได้ผลผมเลยจอดรถเปิดประตูให้เพื่อรับแกงส้มกลับด้วยกัน

    “มาทำอะไรแถวนี้” ผมถามทันทีที่แกงส้มขึ้นรถมาเรียบร้อย แกงส้มมองหน้าผมอย่างชั่งใจ

    “พี่ฮัท...ผมมีอะไรจะบอก” สุดท้ายคำตอบที่ได้ออกมาจากการชั่งใจนั้นก็หลุดออกมา

    “ว่ามาเลย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เพื่อตั้งรับกับความยุ่งยาก ผมแน่ใจว่าเรื่องที่แกงส้มกำลังจะพูดไม่ใช่เรื่องเล็กๆอย่างแน่นอน และมั่นใจยิ่งกว่าว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

    “คือ...ไอ่ฮั่น” แกงส้มเริ่มต้นประโยคอย่างคับแค้นใจ

    “พี่ฮั่น...อย่าเรียกพี่ฮั่นแบบนั้น พี่ขอร้อง” ผมแก้คำพูดให้แกงส้ม ผมไม่อาจให้คนที่ผมรักเหมือนน้องมาดูถูกคนที่ผมเคารพแบบนี้ แกงส้มทำหน้าไม่พอใจนิดๆ ก่อนจะเป่าลมจากปากอย่างจำใจ

    “คือพี่ฮั่นเค้าเข้าใจว่า ผมกับพี่เป็นแฟนกัน” แกงส้มพูด ผมเหยียบเบรกทันที

    “อะไรนะ!!!” ผมถามออกไปด้วยความตกใจทั้งที่ได้ยินชัดเจนตั้งแต่แรก

    “เค้าคิดว่าพี่กับผมรักกัน แล้วยังตามล้างตามผลาญจนชีวิตผมวุ่นวายไปหมดแล้วเนี่ย” แกงส้มโวยวายเล็กๆ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อตั้งสติ

    “ทำไมเค้าถึงเข้าใจแบบนั้น แล้วทำไมเราไม่อธิบายให้เค้าฟัง” ผมถามแกงส้มพร้อมจ้องตาเพื่อเค้นเอาความจริง แกงส้มอ้าปากเหมือนกำลังหาคำพูดที่ดีออกมาพูดให้ผมฟัง

    “คือว่า....วันที่ผมไปร้องเพลงที่ผับของพี่ ไอ่...พี่ฮั่นมันจับผมขึ้นบนรถไปแล้วบอกให้ผมเลิกกับพี่ ตอนนั้นผมไม่นึกว่าเรื่องราวมันจะใหญ่โตอะไร ผมเลยแกล้งยอมรับไปเล่นๆ อยากเห็นนายคนนั้นหัวปั่น แต่สุดท้ายก็บานปลายจนได้” แกงส้มเล่าให้ผมฟังเสียงจ๋อย

    “แล้วทำไมไม่บอกเค้าไปแบบนี้ล่ะ” ผมบอกไปอย่างละเหี่ยใจ

    “บอกไปก็หาว่าผมกลัวน่ะสิ คงคิดว่าผมหาเรื่องแก้ตัวแน่ๆ เรื่องอะไรผมจะยอม!!!” แกงส้มเสียงแข็งขึ้นมาทันที ผมไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างสองคนเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ที่ผมสัมผัสได้คือ แกงส้มคงไม่ชอบขี้หน้าพี่ฮั่นอย่างแรง ซึ่งไม่ใช่ผลดีกับตัวแกงส้มเองแม้แต่น้อย

    “แกง...มันไม่เหมือนแกงทะเลาะกับคนที่ไม่ถูกกันที่มหาลัยหรอกนะ พี่ฮั่นไม่ใช่คนแบบที่แกงเคยรู้จักมาก่อน ถ้าลองให้เค้าไม่พอใจเค้าไม่ปล่อยไว้แน่ คนอย่างพี่ฮั่นไม่ยอมให้ใครไปลูบคมง่ายๆหรอกนะ” ผมอธิบายให้แกงส้มฟัง แกงส้มมองหน้าผมด้วยรอยยิ้มที่ไม่ดีนัก

    “อย่าบอกว่าเราไปกระตุกเหนวดเสือมาเรียบร้อยแล้วนะ” ผมถามเพื่อความมั่นใจ

    “ชนิดว่าเจอกันอีกที...ผมคงไม่รอด” แกงส้มพูดอย่างปลงๆ ลำพังตัวผมเองชีวิตก็วุ่นวายหนัก แกงส้มเอ๊ยยยย!!! ป่วนจนได้เรื่องจนได้นะ ตอนนี้ผมก็แทบมองหน้าพี่ฮั่นไม่ติดอยู่แล้วต้องมาสะสางปัญหานี้อีก แต่เพื่อชีวิตน้อยๆ ของแกงส้มผมจำเป็นต้องทำ....

     

    HUNZ talk

    ผมนั่งรอช่างซ่อมเช็คสภาพโน๊ตบุ๊คที่มีรายงายบัญชีสำคัญเป็นตัวประกันสำคัญ ผมไม่น่าประมาทความแสบของเจ้าเด็กบ้านั่นเลย คิดได้ยังไงกล้าเอาเหล้าสาดโน๊คบุ๊คของผม แกงส้ม....นายนี่มันเหลือเกินจริงๆนะ

    “พี่ฮั่นยิ้มอะไรครับ” ไอ่เอทักผมขึ้นมา นี่ผมยิ้มเพราะคิดเรื่องไอ่เด็กประสาทนั่นเหรอเนี่ย???

    “เปล่า...แค่นึกอะไรเรื่อยเปื่อย” ผมตอบลูกน้องคนสนิทอย่างขอไปที ขืนบอกว่าผมยิ้มเพราะอะไร ผมว่าไอ่เอคงช็อคแน่ๆ

    “เสร็จแล้วครับ” ช่างซ่อมตรวจเช็คสภาพเรียบร้อยจึงร้องบอก

    “มีปัญหาอะไรมั้ย???” ผมถามเสียงเรียบ

    “ไม่ครับ ข้อมูลทุกอย่างอยู่ครบครับ ไม่มีอะไรเสียหาย” ช่างซ่อมรายงานผมพร้อมเก็บของเพื่อกลับ

    “เป็นไงครับพี่ฮั่น ข้อมูลเสียหายมั้ยครับ” เสียงไอ่บีร้องถาม สวนกับพี่ชายฝาแฝดที่เดินออกไปส่งช่าง

    “โอเค แต่ชั้นให้แกไปตามส่งเด็กแกงส้มนิ แกไปส่งถึงไหน” ผมพูดเสียงดุใส่ เพราะแถวนี้อันตรายขืนไอ่บ้านั่นไปกวนประสาทใครถูกแทงตายขึ้นมา ผมก็อดสนุกกันพอดี นานๆทีจะมีคนมาให้ผมรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้

    “ไอ่ฮัทมันมารับถึงหน้าผับ ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกพี่” ไอ่บีบอกข้อเท็จจริงก่อนจะเดินไปสำรวจโน๊คบุ๊คที่ได้รับการซ่อมมาหมาดๆ ผมแสยะยิ้มกับความรักของสองคนนั้น...ที่อยู่บนความทุกข์ของน้องสาวผม ผมโกรธที่ถูกไอ่ฮัทถูกมันทรยศไปอยู่กับฝ่ายตรงข้ามทั้งที่ผมเองก็รักเหมือนน้องชายแท้ๆ  แต่นั้นมันไม่ทำให้ผมแค้นใจเท่ากับการที่มันทิ้งน้องสาวผมอย่างไร้เยื่อใย...และในเวลาไม่ถึงเดือนก็มีเด็กหนุ่มหน้าหวานมาอยู่คอนโดด้วยกัน เรื่องนี้ผมไม่อาจให้อภัยได้จริงๆ

     

    ตอนนี้เหมือนผมกำลังเป็นเขตชายแดนเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้เลยครับ เมื่อต้องมานั่งตรงกลางระหว่างพี่โตโน่กับพี่ริทแบบนี้ ผลจากคืนวันนั้นพี่ริทก็เมินเฉยกับพี่โตโน่อย่างเห็นได้ชัด แม้แต่พี่โตโน่เองก็รู้สึกได้ด้วยตัวเองซึ่งผมถือว่าเป็นการมีวิวัฒนาการไปในทางที่ดีมาก คนอะไรมีการรับรู้ในความรู้สึกต่ำที่สุดเลยตั้งแต่ผมรู้จักมนุษย์โลกมา นอกจากผมจะต้องสอนการมัดใจพี่ริทแล้วผมยังเปิดคอร์สพิเศษการสังเกตสีหน้าอย่างเข้มข้น ก็กว่าผมจะอธิบายให้พี่โตโน่เข้าใจว่าเกิดอะไรในวันนั้นก็เล่นเอาซะผมเหนื่อยเลย

    “พวกคุณๆ ทั้งหลายหิวรึยัง” เสียงพี่ม้าที่อยู่ ณ ตำแหน่งข้างคนขับหันมาถามพวกผม

    “ริท...หิวมั้ย” พี่โตโน่ถามพี่ริทด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ผมแอบยกนิ้วให้

    “ไม่หิว ทำไมพี่ไม่ถามแกงส้มละ” พี่ริทตอบโดยไม่มองหน้าพี่โตโน่เลย เอาแล้วไง...เข้าผมเต็มๆ

    “พี่เค้าจะถามผมทำไม พี่ริทพูดแปลกๆ ใช่มั้ยพี่โตโน่” ผมพูดแก้โดยหันไปพยักเพยิดกับพี่โตโน่

    “ก็ช่วงนี้เห็นเป็นห่วงเป็นใยกันเป็นพิเศษ” พี่ริทพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยหากแต่ทำไมมันช่างดูประชดประชันเสียเหลือเกิน

    “ห่วงอะไรกัน...ไม่ห่วง” พี่โตโน่ปฎิเสธเสียงสูง พี่ริทหันมามองหน้าพี่โตโน่เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เลือกที่จะไม่พูดมันออกมา

    “เมื่อไหร่ชั้นจะได้คำตอบ...ชั้นถามว่าหิวหรือไม่ ชั้นไม่ได้อยากรู้เรื่องห่วงมั้ยหรือไม่ห่วงใดๆ ทั้งสิ้น” เสียงพี่ม้าดังขึ้นทำลายบทสนทนาที่ไม่ไปไหนมาไหนของพวกผมสามคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง

    “หิวครับ!!!” เสียงทั้งสามดังขึ้นพร้อมกันเพื่อเอาใจเจ้าของร้านอย่างพร้อมเพรียง

    ผม พี่ริท และพี่โตโน่อยู่ในห้องพักพนักงานของรีสอร์ต  ประเด็นคือมันเป็นมีเตียงสองเตียงครับ!!! เป็นไงเป็นกันกันครับ ถ้าสองคนนี้ลงเอยกัน ปัญหาบนหัวผมก็จะหายไปหนึ่ง

    “โอ๊ยยยย!!!” ผมร้องขึ้นมาในขณะที่ทุกคนกำลังเก็บของ

    “แกงส้มเป็นอะไร” พี่ริทลุกขึ้นมาหาผมอย่างเป็นห่วงทันที

    “ผมปวดหลังมากเลยครับพี่ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร” ผมแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต

    “แปบนะ เหมือนพี่จะมียาอยู่ในกระเป๋า” พี่ริทลุกไปค้นกระเป๋าทันที ผมรีบส่งสัญญาณให้พี่โตโน่ พี่โตโน่ทำหน้าเหรอหราก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์กับแผนของผม พี่ริทถือยามาซองนึงพร้อมน้ำ

    “กินซะ ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ ปกติพี่ไม่เห็นเราปวดหลังเลยนี่น่า” พี่ริทคุยกับผมอย่างร้อนใจ

    “สงสัยนั่งรถมานานเลยปวดหลัง แบบนี้ต้องพักผ่อนดีๆ นอนเบียดใครไม่ได้เลยนะแกงส้ม” พี่โตโน่รีบแสดงความเป็นห่วงอยากออกนอกหน้านอกตา พี่ริทนิ่งไปสักพัก

    “งั้นก็ช่วยไม่ได้สินะ” พี่ริทพูดอย่างจำใจ พี่โตดน่ยิ้มแป้นทันที

    ..... และแล้วทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างใจคิดเมื่อพี่โตโน่ต้องมานั่งหน้างอกอดหมอนบนพื้นที่ว่างระหว่างเตียง สุดท้ายพี่ชายสุดที่รักของผมก็ต้องระหกระเหินมานอนพื้นแข็งๆเพียงลำพัง ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างใจคิดจริงๆ พี่โตโน่ผมขอโทษ!!!

    “รู้ฉันรู้ ว่ามันผิด กับความคิด ที่มันมากเกินตัวที่มี เธออยู่สูง ดังดวงดาว คนธรรมดา อย่างฉันก็ทําได้แค่มอง แต่เธอรู้ไหม ว่าทุกครั้งที่เราได้อยู่ใกล้ชิดกันมันทำให้ใจฉันสั่น แต่ก็ไม่รู้จะพูดคำนั้นได้อย่างไร” เสียงร้องของพี่โตโน่ที่แว่วหวานกินใจเป็นเพลงสุดท้ายของโชซ์ครั้งนี้ ผมหันไปเห็นพี่ริทออกมาจากห้องครัวมามองดูคนร้องเพลงนี้ เมื่อไหร่สองคนนี้จะเผยความในใจต่อกันสักทีนะผมลุ้นจนหัวใจจะวายแล้วเนี่ย!!!..... ผมพักเสียงหลังจากร้องติดกันมาหลายเพลงจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ชายสุดหล่อที่ทำหน้าที่จนจบงาน ผมเดินเลี่ยงบรรดาแขกที่มาร่วมงานเพื่อกลับเข้าไปในงานหลังจากเดินเข้าห้องน้ำด้านหลัง แต่ทางนั้นผ่านสระว่ายน้ำซึ่งผมเองว่ายน้ำไม่เป็นจึงเดินอ้อมลัดเลาะให้ไกลจากสระมากที่สุด และมือถือผมก็ดังขึ้นมา พี่ฮัท คือคนที่โทรเข้ามา

    “หวัดดีครับพี่ฮัท” ผมรับสายเสียงด้วยเสียงแจ่มใส เพื่อบอกเป็นนัยๆว่าสบายนะครับ

    “แกงส้ม...เห็นรีโมททีวีมั้ย???” พี่ฮัทถามผม ผมพยายามเรียกความทรงจำ

    “อยู่แถวห้องครัวรึเปล่าก่อนผมออกมาเหมือนจะเผลอหยิบไปด้วยนะ” ผมตอบเสียงอ่อยๆ

    “ตลอดเลยนะ ไอ่นิสัยถือรีโมทเดินไปเดินมาเนี่ย” พี่ฮัทแอบบ่นนิดหน่อย

    “ผมขอโทษน้า...เดี๋ยวซื้อของไปฝาก อย่างอนนะ นะ นะ” ผมรีบอ้อนกลบเกลื่อนความผิด พี่ฮัทหัวเราะกับความฉอเลาะของผม เพราะอยู่ที่บ้านผมก็อ้อนพ่อกับแม่แบบนี้เป็นประจำ  ผมกำลังจะเก็บโทรศัพท์ แต่มีมือลึกลับคว้าไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นใบหน้าที่ไม่อยากจะเจอที่สุดอีกแล้ว!!!

    “เอามานะ” ผมพยายามจะคว้ามือถือที่อยู่ในมือนายเจ้าพ่อหน้าใสในเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมออกให้เห็นเนินอกแข็งแรงนั่นด้วยความโมโห แต่ก็เหมือนทำให้นายฮั่นสนุกสนานมากกว่าที่ได้แกล้งผมแบบนี้

    “ทำไมกลัวไม่ได้คุยกับแฟนรึไง....” นายฮั่นยื่นหน้ามาใกล้พูดด้วยน้ำเสียงน่าหมั่นไส้

    “มันเรื่องของชั้น   เอามานะ” ผมพยายามจะแย่งคืนแต่ด้วยความว่องไวที่เหลือเชื่อของนายฮั่นทำให้ผมไม่อาจจะแย่งของคืนมาได้ นี่นายไปเรียนนินจามารึไงนะถึงมือไวขนาดนี้!!!

    “ชั้นขอแก้แค้นเมื่อวันก่อนที่นายทำของชั้นเสียหาย” นายฮั่นพูดเสร็จก็ขว้างมือถือผมตกลงไปในสระว่ายน้ำ ผมจะวิ่งตามก็เปล่าประโยชน์

    “เลือกเอาละกันนะว่าจะไปงมเอาหรือจะซื้อใหม่....ยังไงก็ไปเอาเงินที่ผับด้วยตัวเองนะ นายก็รู้นิว่าอยู่ที่ไหนชั้นจะให้สองเท่าของค่าซ่อมหรือค่าเครื่องถ้านายจะเอาเครื่องใหม่” นายฮั่นพูดอย่างภูมิใจในชัยชนะ เหยียดยิ้มอย่างดูแคลนก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในงาน

    “ไอ่บ้าเอ๊ยยยย!!!” ผมตะโกนไล่หลังแต่ก็ไม่ทำให้นายฮั่นหันกลับมามอง มันจะมากเกินไปแล้วนะ...ชั้นไม่เคยไปหาเรื่องนายก่อนเลย วันนี้ตายเป็นตาย ความอดทนสำหรับนายมันหมดแล้ว ถ้าชั้นยอมนายวันนี้อย่ามาเรียกชั้นมาแกงส้มอีกเลย!!!

     

    HUNZ talk

    ผมชอบท่าทางเวลาเจ้าเด็กแกงส้มโมโหจริง ทั้งสีหน้าที่ดูวีนเหวี่ยง ทั้งคำพูดที่ตอกกลับอย่างมีลูกเล่นถึงพริกถึงขิง ผมถือว่าคนนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่ทำให้ผมอารมณ์ดีทุกครั้งที่ได้เจอหน้าจริงๆ ผมจะทำให้เด็กคนนั้นมาสยบแทบเท้าผมให้ได้ เมื่อไหร่ที่เด็กแกงส้มนี้อ้อนวอนขอร้องผม เมื่อนั้นผมถึงจะหยุด!!!  ผมอดหัวเราะกับความบังเอิญไม่ได้เพราะวันนี้ลูกค้าขาประจำของผมเปิดรีสอร์ตใหม่ ตัวผมเองก็อยากจะมาพักผ่อน เลยถือโอกาสนี้มาเที่ยวที่นี่ แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือของเล่นชิ้นโปรดก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน ผมเห็นตั้งแต่เด็กคนนั้นร้องเพลงในงาน จนเดินออกมาเข้าห้องน้ำ ผมจึงแอบเดินตามโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว เมื่อนึกถึงสีหน้าของแกงส้มที่เห็นผมขว้างมือถือลงน้ำแล้วมันสะใจจริงๆ ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะสูดเอาอากาศชายทะเลที่มีกลิ่นเกลือเจือปนนิดๆ ทำให้รู้สึกโล่งสบายปอด  ผมถอดรองเท้าเดินสัมผัสพื้นทรายของชายหาดด้วยเท้าอันเปลือยเปล่า

    “พี่ฮั่นครับ เกิดเรื่องแล้วครับ” ไอ่เอร้องเรียกผมดังลั่น ก่อนจะยื่นมือถือให้ผม

    “เกิดเรื่องอะไร” ผมถามพร้อมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

    “ไอ่นัทถูกคนผับนั้นทำร้ายครับ” ไอ่เอตอบคร่าวๆ ผมตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

    “เอ แกรีบกลับไปเลยนะ ชั้นจะตามไปวันนี้ถ้าทำได้ อย่างช้าที่สุดก็พรุ่งนี้เช้า” ผมรีบสั่งไอ่เอ ไอ่เอวิ่งออกไปทันที ผมรีบยกมือถือมาแนบหู

    “ไอ่บี ทางนั้นเป็นยังบ้าง” ผมทิ้งให้ไอ่บีเฝ้าที่ผับ ไม่นึกเลยว่าผมไม่อยู่เพียงวันเดียวจะเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้

    “ทุกคนโกรธมากครับ ผมพยายามไม่ให้ทุกคนออกไปแก้แค้น” ไอ่บีตอบอย่างรวดเร็ว

    “แกสั่งทุกคนเลยนะว่าชั้นห้ามไม่ให้ทำอะไรจนกว่าชั้นจะกลับไป แล้ว....” ไม่ทันที่ผมจะได้สั่งการทุกอย่างให้เรียบร้อย มือถือผมก็ถูกกระชากออกจากมือ และคนที่ทำไม่ใช่ใคร...แกงส้ม!!!

    “เอาคืนมานะถ้าไม่อยากตาย” ผมกัดฟันขู่ แกงส้มยิ้มอย่างท้าทายก่อนขว้างมือถือผมลงทะเล

    “จะลองดีใช่มั้ย??? ชั้นจะทำให้นายรู้ว่าคนอย่างชั้นไม่ควรจะมาลองดีแบบนี้” ผมคว้าตัวแกงส้มได้แล้วลากลงทะเลที่ลึกที่ระดับเอว แกงส้มดิ้นขัดขืนแต่มันไม่ได้สร้างความลำบากให้ผมแม้แต่น้อย

    “ปล่อยนะ...จะทำอะไรชั้น” แกงส้มโวยวาย ผมจับหัวเด็กบ้าคนนี้กดลงไปในน้ำ

    “จำไว้!!! ชั้นไม่ใช่เพื่อนเล่นนาย” ผมบอกเมื่อปล่อยมือออกจากหัวเด็กบ้าให้เป็นอิสระ

    “อย่านะ!!!” น้ำเสียงสั่นเครือนั้นทำให้ผมยิ่งได้ใจ ผมจับหัวแกงส้มกดลงไปในน้ำอีกครั้ง แกงส้มดิ้นขลุกขลักอยู่ในน้ำ ครั้งนี้นานกว่าครั้งแรกกว่าผมจะปล่อยมือ แกงส้มร้องไห้อย่างหนัก ยกมือขึ้นไหว้ผม

    “ปล่อยผมนะ อย่าทำผมเลย ผมกลัวแล้ว” แกงส้มหลับตาร้องไห้อย่างที่ผมไม่คิดว่าเด็กอวดดีคนนี้จะทำแบบนี้ได้ ร่างกายที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำนั้นดูแทบจะทรงตัวไว้ไม่อยู่ผมต้องประคองไว้ แกงส้มยังยกมือไหว้ผมร้องไห้อย่างสติแตก ผมคว้าร่างนั้นมากอดด้วยความตกใจ

    “เป็นอะไรไป ชั้นขอโทษ” ผมกอดร่างนั้นสั่นเทาด้วยความกลัวไว้แนบอก ผมเพิ่งควบคุมตัวเองได้ ถึงมันจะเกิดเพราะความโมโหแต่ผมก็ทำรุนแรงไปจริงๆ เสียงลุยน้ำจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง

    “พลั่ก!!!” เสียงหมัดของมือกีต้าร์ของแกงส้มซัดเข้าใบหน้าผมกึ่งปากกึ่งจมูกทันทีที่หันไป ผมเซไปสองก้าว

    “แกทำอะไรแกงส้ม...ถ้าแกงส้มเป็นอะไรไปชั้นฆ่าแกแน่” นักเลงหนุ่มขู่ผมก่อนคว้าร่างแกงส้มแบกไปบนหลัง ผมปาดเลือดที่มุมปากด้วยแขนเสื้อ มองไปที่ร่างของคนสองคนที่ออกห่างผมไป ที่ชายหาดมีหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักมองดูด้วยความเป็นห่วง ผมไม่ได้โกรธชายคนนั้นเลยผมรู้ว่าผมผิดจริงๆ ผมใจนักเลงพอที่จะไม่เอาเรื่องนี้มาเป็นความแค้น แต่ที่ผมกังวลคือ แกงส้ม....นายเป็นอะไรกันแน่!!! ผมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกผิด....ซึ่งมันทำให้ผมรู้ว่าความจริงแล้วใจผมไม่ได้เกลียดหรือแค้นเคืองเด็กหนุ่มหน้าหวานร่างบางนั้นอย่างที่ผมเข้าใจมาตลอด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมรู้ว่า  ผมเป็นห่วงเด็กคนนี้ แกงส้ม...ชั้นขอโทษจริงๆ

    ปล. ฝากเม้นและติชมได้นะจ๊ะ เม้นน้อยๆเพื่อพลังแห่งการเขียนอันยิ่งใหญ่ที่มอบให้แก่ไรเตอร์นะจ๊ะ ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×