ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักใสๆ หัวใจแรกจิ้น

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1: จุดแรกจิ้น

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 56




    “ไปไหนมาแกงส้ม...หน้าตาตื่นเชียวลูก” พี่ม้าทักผมเมื่อเห็นว่าผมรีบสาวก้าวมาจากห้องน้ำ ไหงล่ะ...เจอคนบ้าอย่างนั้น ใครมันจะตีหน้านิ่งไหว

    “ไปห้องน้ำมาครับ” ผมตอบสั้นๆ ก่อนยกมือไหวพี่เอกกี้ผู้จัดการส่วนตัวของแกรนด์ที่ทำท่าทางกระสับกระส่าย เหลียวหน้าเหลียวหลังไม่หยุด

    “หวัดดีจ๊ะ---โอ๊ยยยยย...ไอ่ฮั่นมันหายหัวไปอีกแล้ว พี่ม้า---ผมนะจะบ้าตายกับมันจริงๆ ก่อเรื่องทุกวี่ทุกวัน รู้มั้ย???...ผมจะตายกับข่าวมันที่ขยันสร้าง บอสเริ่มสะกิดผมถี่แล้วนะ” พี่เอกกี้ดูเหมือนกำลังมีเรื่องกลุ้มใจกับนักร้องหนุ่มสุดฮอต ผมไม่แปลกใจหรอกที่พี่เอกกี้ต้องกลุ้มขนาดนี้---ไอ่นายหื่นคนนี้ ธรรมดาที่ไหน ที่ทำกับผมมันก็ไม่ใช่น้อย---คนอะไรทั้งหื่นทั้งบ้าบิ่น ยังมีหน้ามาขู่ผมอีกนะทั้งที่ตัวเองผิดเต็มๆ

    “รอสักพักนะ...เดี๋ยวก็คงต้องไปถ่ายรูปรวมแล้วแหละ” พี่ม้าหันมาพูดกับผม ผมพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ที่ผมทำตามความต้องการของพี่ม้าทุกอย่าง คงเป็นเพราะพี่ม้าเป็นคนหยิบยื่นเส้นทางที่ทำให้ความฝันของผมเป็นจริง และยังดูแลผมเป็นอย่างดีมาตลอด ดังนั้นอะไรที่ทำให้พี่ม้าสบายใจ...สิ่งนั้นผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องลำบากที่ผมจะทำ

    “เห็นเจ้าแกงแล้ว ผมอิจฉาพี่จริงๆ น่ารักว่านอนสอนง่าย---พี่ดูไอ่ฮั่นของผมสิ ยิ่งกว่าปลาไหลอีก เลื้อยไปเลื้อยมาจนทุกคนปวดหัว” พี่เอกกี้มองมาที่ผมแล้วถอนหายใจเฮือก

    “อย่าคิดมากน่า---อย่างน้อยฮั่นก็รับผิดชอบงานดีไม่ใช่เหรอ??? หนุ่มฮอตก็แบบนี้แหละจะให้มาว่านอนสอนง่ายเหมือนเจ้าแกงมันก็ไม่ใช่เรื่อง อย่าคิดมากไปหน่อยเลย แบบนี้เร้าใจดี” พี่ม้าพูดพร้อมชายตามองผ่านผมไป ผมจึงหันขวับมองตามสายตาของพี่ม้า ร่างสูงสง่าเดินตรงมาที่ผมอย่างสุขุม ผมขยับตัวเล็กน้อย ใบหน้านั้นคลี่ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ผมเลื่อนเก้าอี้มาใกล้พี่ม้านิดนึง ทำไมนะ...ผมถึงรู้สึกแปลกที่นายคนนี้มองมา มันเป็นความรู้สึกไม่ปลอดภัยเอาซะเลย นายคนนี้ความคิดไม่ดีกับผมแน่ๆ

    “มาแล้ว---พวกพี่กำลังพูดถึงพอดีเลย” เสียงเล็กผิดปกติของพี่ม้า ทำให้ผมคิดว่า....นี่คงเป็นอีกคนที่หลงความหล่อเหลาฉาบฉวยของนายคนนี้---แล้วเป็นแบบนี้ใครจะมาปกป้องเล่า สายตาคมนั้นมองมาที่ผมแสดงความเป็นต่ออย่างเห็นได้ชัด

    “พูดถึงนี่---เพราะความคิดถึงรึเปล่าครับ???” นายหื่นนั่นก้มหน้าเข้าใกล้พี่ม้าด้วยท่าทางกรุ่มกริ่ม โหยยยยย... นี่ขนาดเจ้าแม่อย่างพี่ม้านายคนนี้ยังทำซะระทดระทวย---ผมชักจะกลัวนายคนนี้อย่างจริงจังเข้าแล้วสิ

    “นี่เด็กพี่ม้าเหรอครับ---” ทั้งที่เพิ่งเจอกันแท้ๆ นายหื่นกลับชี้มาที่ผมพร้อมใบหน้าเหรอหราเหมือนคนที่เพิ่งเคยเห็นหน้ากันอย่างแนบเนียน นายนี่มัน...โอ๊ยยยยยย มีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอเนี่ย---สร้างภาพชะมัด นายเพิ่งข่มขืน---เฮ้ย!!! ไม่ใช่...ข่มขู่ชั้นไปแหมบๆนะ ความจำสั้นหรือความสำนึกไม่มีกันแน่!!!

    “ใช่จ๊ะ---พอใช้ได้มั้ย???” พี่ม้าเอียงคอทำน่ารัก พี่เอกกี้ถอนหายใจหนักหน่วงด้วยความกลุ้มใจ

    “น่ารักน่าเอ็นดูดีครับ” นายหื่นยื่นหน้ามาใกล้ผมอย่างรวดเร็วจนผมชักใบหน้าหนีแทบไม่ทัน นายจะกินจมูกชั้นรึไงห๊ะ!!! ผมตวัดสายตาที่(คิดว่า)ดุที่สุดชีวิตให้กับนักร้องรุ่นพี่ที่ไม่น่านับถือสักนิด แต่ไม่ได้ทำให้ใบหน้าหล่อนั้นสลดชักนิด กลับเลิกคิ้วกวนโมโหก่อนยืดตัวตรง

    “แกยื่นหน้าไปใกล้เจ้าแกงอะไรมาก น้องเค้าตกอกตกใจหมดแล้ว แกนี่มันจริงๆเลย” พี่เอกกี้ปราม แต่ร่างสูงนั้นยักไหล่แสดงออกถึงความดื้อรั้นเล็กๆ

    “แกง...แกงอะไรจ๊ะ” นายหื่นถามผมเสียงหวาน ...ไม่มีใครสังเกตถึงความอึดอัดของผมรึไง!!! ผมเบียนหน้าหนีไม่ตอบ แค่นี้ผมก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเบี้ยล่างนายคนนี้พอแล้ว---เพราะผมรู้สึกว่าเค้ากำลังสนุกกับการกวนประสาทผมเหลือเกิน!!!

    “ตอบพี่เค้าไปสิ...แกงส้ม น้องชื่อแกงส้ม” พี่ม้าแอบดุผมเบาๆ โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมเลยสักนิด แค่นายคนนี้กล้ามโตกว่า หุ่นล่ำกว่า หน้าเซ็กซี่กว่า...แค่นี้ พี่ม้าต้องเข้าข้างเค้ามากกว่าผมเลยเหรอ??? คิดแล้วโมโหๆ

     

    HUNZ talk

    เด็กหน้าจืดคนนี้ชื่อ “แกงส้ม” งั้นเหรอ??? ชื่อแปลกชะมัด ผมลอบมองใบหน้าใสที่ขบฟันข่มอารมณ์อย่างเต็มที่ ผมแกล้งกระเซ้าไปอย่างนั้นเอง เพราะเห็นท่าทางหวาดหวั่นตอนที่อยู่ในห้องน้ำแล้วมันน่ารักอย่างบอกไม่ถูก เห็นแบบนี้แล้วยิ่งอยากแกล้งเข้าไปใหญ่

    “แกงส้มเหรอครับ...ชื่อน่ากิ๊นน่ากิน” ผมกระเซ้าไปอีกครั้ง ใบหน้าขาวใสหันขวับมามองหน้าผมก่อนเม้มปากด้วยความเหลืออด

    “พูดจาน่าเกลียดจริงๆเลยนะไอ่ฮั่น...แล้วแกรนด์ไปไหนเนี่ย???” พี่เอกกี้ปรามผมก่อนจะเหลียวหน้าเหลียวหลังมองหาแกรนด์คู่ดูโอ้ของผม วันๆพี่เอกกี้ไม่ต้องทำอะไรหรอก คอยตามจับผมกับแกรนด์เข้ากระด้งแค่นั้นก็เหนื่อยแล้ว

    “เห็นไปนั่งกับเพื่อนๆเค้าที่มุมโน่น” ผมชี้ไปทางกลุ่มนักร้องที่แกรนด์สนิทสนมด้วย พี่เอกกี้มองตามเมื่อเห็นนักร้องสาวในสังกัด แววตาโล่งใจเป็นประกายขึ้นมา

    “แล้วเธอล่ะ...ไม่ไปนั่งกับสาวๆรึไงย่ะ” พี่เอกกี้ข่อนคอดผมอีกครั้ง...แต่ผมก็ไม่เคยสะทกสะท้านสักที ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พี่เอกกี้จะเลิกทำซะที ทำไปก็เปล่าประโยชน์ หนังหนาอย่างผมคำพูดแบบนี้ไม่สะเทือนหรอกครับ

    “ไม่หรอกครับ...ผมว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจมากกว่า” ท้ายประโยคผมลากเสียงหันหน้าไปทางหนุ่มน้องที่เพิ่งหยิบน้ำส้มมาดื่ม ทำเอาเจ้าตัวแทบสำลักก่อนจะหันมามองหน้าผมด้วยความตกใจ

    “แกอย่าได้ไปยุ่งกับน้องนะเว้ย...เดี๋ยวเสียผู้เสียคนอย่างแกไปอีกคน ” พี่เอกกี้รีบดักคอผมทันทีเหมือนรู้ว่าผมสนใจเด็กหน้าอ่อนคนนี้ไม่น้อย

    “โอ๊ย....พูดจาร้ายกาจ เค้าอยู่วงการเดียวกันต้องรู้จักสนิทสนมกันไว้บ้าง เจ้าแกงเองก็เป็นคนเพื่อนน้อย มีฮั่นเป็นเพื่อนเป็นพี่อีกคนก็ไม่เสียหายอะไรสักหน่อย” พี่ม้าเข้าข้างผมทันทีเช่นเดียวกัน แต่ท่าทางนักร้องหนุ่มในสังกัดจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดผู้จัดการนัก... ดูสิตวัดสายตาดุมาทางผมเชียว

    “ขอเชิญนักร้องในแสดงทุกท่านให้เกียรติถ่ายภาพร่วมกันบนเวทีด้วยค่ะ” เสียงพิธีกรในงานทำให้บทสนทนาหยุดไป แต่สายตาพี่เอกกี้มองผมอย่างรู้ทัน...ผมไม่เข้าใจทำไมต้องหวงเจ้าเด็กแกงส้มนี่นักด้วยนะ ยิ่งเห็นแบบนี้ผมยิ่งอยากลองของเข้าไปใหญ่

    “แกงส้มไปสิ...ฮั่นพาน้องไปหน่อย น้องยังใหม่อยู่ พี่ฝากด้วยนะ” พี่ม้าพลาดแล้วครับ!!! แกงส้มเบิกตากว้างเมื่อพี่ม้าฝากฝังไว้กับผม หวานแล้วทีนี้!!!

    “เชิญครับ” ผมผายมือออกไปเพื่อเชิญร่างสูงโปร่งที่เหลียวมองซ้ายขวาราวกับจะหาตัวช่วย แต่ไอ่น้องเอ๊ยยยย!!!... นาทีนี้ช่วยตัวเองไปก่อนละกันนะ พ่อลูกแกะตัวน้อยยยยย แกงส้มลุกยืดยาดเพราะคงไม่อยากไปกับผม ถามว่าผมสงสารใบหน้าอ่อนวัยนั่นมั้ย??? ครับ...ผมสงสาร แต่หากผมว่าผมสำนึกมั้ย???  ไม่ครับ...ไม่เลยสักนิด!!!

    “จะมาวุ่นวายอะไรกับผมหนักหนาเนี่ย” ในที่สุดแกงส้มก็เริ่มโวยวายเมื่อหลุดออกจากการปกครองของพี่ม้า ใบหน้านั้นเริ่มแสดงความไม่พอใจขึ้นมานิดๆ

    “ชั้นก็ต้องจับตาดูนายไว้สิ ชั้นไว้ใจนายได้ที่ไหน---ชั้นยิ่งฮอตๆอยู่” ผมตีหน้าตายบอกเหตุผลข้างๆคูๆ ไป แกงส้มหรี่ตามองผมด้วยความไม่ไว้ใจ ก่อนจะรีบสาวก้าวเดินหนีผมเข้าไปในฝูงนักร้องนักแสดงที่มากันเยอะแยะมากมาย

    “ฮั่น...ตรงนี้ค่ะ” เสียงแอนนี่ร้องเรียกผม แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแหวกฝูงชนตามหาหนุ่มน้อยที่ดูจะไม่ชอบขี้หน้าผม... แบบนี้สิ ค่อยสนุกหน่อย---คนที่วิ่งตามเราจะกลับมาง้อเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สำหรับคนที่วิ่งหนีเราทุกวินาทีมีค่าทั้งนั้น ผมไม่เคยเห็นใครวิ่งหนีผมด้วยความรังเกียจแบบนี้มาก่อน... “แกงส้ม” ชั้นอยากรู้จักนายให้มากขึ้นกว่านี้ แล้วนายเองจะต้องรู้จักชั้นมากกว่าเช่นกัน!!!

     

    ผมอาศัยจังหวะชุลมุนหนีจากการเกาะติดของนักร้องหน้าหื่นนั่น รู้ว่าผมไม่ชอบไม่อยากเข้าใกล้ก็ยังมายุ่งกับผมอีก โรคจิตรึเปล่าเนี่ย???  ถ้าไม่ใช่เพราะไว้หน้าพี่ม้านะ จ้างให้ผมก็ไม่เดินมาด้วยหรอก คนอะไรหาความดีในตัวไม่ได้สักอย่าง ทั้งกะล่อน ทั้งเจ้าชู้ ไหนจะเอาความกวนประสาท ความน่ารำคาญ แล้วยังจะหลงตัวเองอีกนะ เฮ้ออออ!!! แล้วทำไมคนเค้าถึงหลงใหลกันนักนะ วัยรุ่นไม่เข้าใจ!!!

    “แกงส้ม...มานี่เร็ว” เสียงใสเรียกผมดังลั่น พี่แกรนด์นี่เอง...ที่ยิ้มกว้างกวักมือหยอยๆเรียกผม

    “มาอยู่ข้างพี่เลย เดี๋ยวดังแล้วพี่จะไม่มีโอกาสถ่ายรูปด้วย” พี่แกรนด์กระเซ้าผม ผมหัวเราะกับคำหยอกเย้าด้วยความสบายใจ เพราะสลัดนายหื่นนั่นพ้นตัวได้สำเร็จ

    “นั่นสิ...” เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง ...มะ...ไม่ใช่เค้าใช่มั้ย??? ผมรีบหันหน้าไปมองตามเสียง นายหื่นนั่นยืนประกบข้างหลังผมจนแทบจะรวมร่างกันอยู่แล้ว โอ๊ยยยย.... ชาติที่แล้วผมไปทำอะไรนายคนนี่ ทำไมเกาะติดยิ่งกว่าเจ้ากรรมนายเวรซะอีก

    “หายไปไหนมาพี่ฮั่น... พี่เอกกี้ตามหาจนจะเป็นลมหลายรอบแล้วนะ” พี่แกรนด์ต่อว่านายหน้าหื่นทันที หึหึหึ...จะไปไหนได้ ก็หลบไปออเซาะสาวหน่ะสิ!!! คนแบบนี้จะหลบไปทำอะไรดีๆกับคนอื่นเค้าได้

    “พี่ไปทำความรู้จักกับน้องมา” แววตานั่นจ้องตรงมาที่ผม มันช่างแรงกล้าจนผมต้องเบือนหน้าหนี

    “น้องไหน” พี่แกรนด์ถามอย่างสงสัย ---ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เรา เราไม่ได้รู้จัก!!!

    “ก็น้องแกงส้มไง ดูสิเขินพี่ใหญ่” ไม่ได้เขินเว้ยยยยย!!! แถวบ้านชั้นเค้าเรียกว่ารังเกียจต่างหากเล่า!!!

    “อย่ามายุ่งกับเจ้าแกงเลยนะ” พี่แกรนด์ขู่ไว้สั้นๆ แล้วไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเพราะต้องฉีกยิ้มให้กับผู้สื่อข่าว ผมเองก็ต้องทำเช่นกัน ถึงบทสนทนาจะไม่มีต่อแต่ความลำบากของผมกลับทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อนายฮั่นจอมหื่นเบียดจนลมหายใจปะทะต้นคอผม ไม่แค่นั้นมือแข็งแรงกลับโอบที่เอวผมอย่างถือวิสาสะ

    “ทำอะไร!!!” ผมหันไปวีนเล็กๆกับใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มร่าให้กับนักข่าว ราวกับไม่ได้ทำอะไรผิดอยู่อย่างนั้น---ทั้งที่สิ่งที่ทำนั่นมันเข้าขั้น “คุกคามทางเพศ” แล้วนะเฟ้ยยยย!!!

    “ทำอะไรเหรอ???” นายนั่นยังมีหน้าตีหน้าเรียบเฉยใส่ เพราะรู้ว่าผมโวยวายไม่ได้

    “ก็มือนายหน่ะ”  เมื่อพูดจบเท่านั้นแหละ มือนั้นรั้งตัวผมไปชิดร่างสูงนั้นจนหัวใจผมจะวายเอา ผมพยายามเบี่ยงตัวให้หลุดจากการลวมลามโดยไม่ให้ใครสังเกต รอยยิ้มบนใบหน้าของนายหื่นคลี่ออกอย่างเริงร่า

    “คิดมากอะไรกันห๊ะ หรือว่าที่ชั้นทำมันให้นายหวั่นไหว” เสียงกระซิบข้างหูทำให้ความโกรธในตัวผมพุ่งปรี๊ด แต่...ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ---ผมทำอะไรไม่ได้เลย!!! หวั่นไหวกะผีอะไรล่ะ---นายนี่มัน...โอ๊ยยยยยยย...ผมจะบ้าตายให้ได้เหอะ!!!

    “ปล่อยนะ...” ผมพูดลอดฟัน ใบหน้าฝืนยิ้มแต่ความโกรธกับร้อนแรงในใจ

    “ไม่ปล่อย” น้ำเสียงกวนโมโหและพฤติกรรมลอยหน้าลอยตามันทำให้ผมตัดสินใจ กระทืบส้นเท้าลงบนเท้าของนายหื่นนั่นแรงๆ สิ่งที่นายทำมาทั้งวัน...ผมขอเอาคืนแค่นี้แหละ

    “โอ๊ย!!! ผมได้ยินเพียงเท่านั้นก็แทรกตัวฝ่าฝูงชนออกมาทันทีด้วยความโมโห ผมนึกบุญที่ผมเคยทำมาตลอดชีวิต สาธุ...อย่าได้เจอะอย่าได้เจอกันอีกเลย เพี้ยงงงงง!!!

     

    “คนเดียวเท่านั้นเลย สามารถเปลี่ยนโลกเดิมๆที่เคยซึม ที่เคยเซา เหงาอยู่ข้างใน ก็หายไป....แค่เธอ---” เสียงเพลงเรียกเข้าทำให้ผมต้องงัวเงียขึ้นมาเพื่อควานหามือถือที่วางอยู่ที่ไหนสักแห่งบนหัวเตียง

    “ฮัลโหลลลล” ผมกรอกเสียงตามสายด้วยความงัวเงีย

    “นี่ยังไม่ตื่นเหรอเนี่ย???” เสียงทุ้มทักทายแต่เช้าอย่างสนิทสนม ผมดูหน้าจอมือถือ—เบอร์ไม่คุ้นเลยนะ แล้วไอ่บ้านี่เป็นใคร??? ที่สำคัญ...ทำไมต้องโทรมาเช้าขนาดนี้ด้วยนะ!!!

    “ขอโทษนะครับ...โทรผิดรึเปล่าครับ???” ผมพยายามดันตัวขึ้นมาเพื่อให้เสียงอู้อี้น้อยที่สุด

    “นายชื่อแกงส้มป่ะหล่ะ---ถ้าใช่ก็ไม่ผิดหรอก”

    “แล้วคุณเป็นใคร???” ผมชักมีน้ำโหขึ้นมาอีกแล้วนะ... ทำไมช่วงนี้ผมต้องหงุดหงิดบ่อยๆด้วย เมื่อวานก็เพราะนายหื่นนั่น... หรือว่า...นายชักจะมากไปแล้ว นี่มันชีวิตส่วนตัวของผม

    “นาย...พี่ฮั่น พี่โทรมาทำไม” ผมพยายามเรียกนักร้องหนุ่มรุ่นพี่อย่างสุภาพทั้งที่ในใจอยากจะเรียกว่า “ไอ่หื่น” ด้วยซ้ำ!!!

    “ไปดูหน้าห้องสิ...ชั้นมีของมาฝาก” อะไรของเค้า ผมเองนะ...ทำตามอย่างว่าง่ายเดินไปที่หน้าประตูอย่างที่เค้าบอกโดยไม่ถามอะไรสักนิด ที่หน้าประตูห้องมีหนังสือพวกกอซซิบอยู่หลายเล่ม และกระดาษที่ดูเหมือนจะปรี๊นอะไรสักอย่างปึกใหญ่ อะไรของเค้าว่ะเนี่ย

    “ส่งอะไรมาเนี่ย---ฮัลโหล---ฮัลโหลลลล ไอ่บ้าเอ๊ยยยย!!!” ผมกลับไปกรอกสายใส่มือถือก็พบว่านายคนนั้นวางสายไปเรียบร้อยแล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรแต่เช้าเนี่ยห๊ะ!!! นานทีได้นอนตื่นสาย กลับมาเจอมารผจญจนได้นะ!!! แต่ไหนๆก็ไหนแล้ว ก็เลยลองกลับมาตั้งสติกับกองกระดาษที่เป็นของฝากของไอ่พี่ฮั่นจอมหื่นสักหน่อย ผมค่อยๆไล่อ่านไปตามตัวหนังสือ ความตกใจสุดขีดก็บังเกิดขึ้น...นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมหน้าผมกับนายหื่นนั่นถึงหราอยู่หน้าหนังสือพวกนั้น โอ๊ยยย...มุมกล้องก็ไม่ไหวนะ ท่าทางของผมกับนายคนนั้นเหมือนคนกำลังหยอกเอินกันน่ารักเชียว ซึ่งความจริงแล้วมันคือสถานการณ์ฉุกเฉินของผมเลยนะ!!! ที่สำคัญ...เสียงตอบรับจากอินเตอร์เนตกลับเป็นการสนับสนุน

    “น่ารักมาก.....เคมีเข้ากันสุดๆ”

    “อร๊ายยยยยย....ถูกใจสาววายอย่างแร๊งงงงงส์”

    “ถ้าจะน่ารักกันขนาดนี้ โอ๊ยยยยย...แค่เห็นก็ฟินแล้ว”

    “เหมือนเสือร้ายกับลูกกวางน้อยแสนน่ารัก....พี่ฮั่นกับน้องแกง”

    “ไม่ไหวๆ เลือดหมดตัว....ขอตั๋วไปฟินแลนด์หนึ่งเที่ยว กรี๊ดดดดดด///me เสียสติ”

    ฯลฯ

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!” นั่นคือปฏิกิริยาแรกที่ผมมีให้กับเรื่องนี้!!!

     

    ปล. ยังไงก็ฝากเรื่องใหม่นี้ด้วยนะจ๊ะ.... เม้นซักหน่อยเป็นกำลังให้ไรต์หน่อยนะ จะได้มีแรงแต่งทั้งสองเรื่องเลยเนาะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×