คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 16: วันหยุดยาว (1)
พรุ่งนี้เป็นวันนัดของผมกับพี่ฮั่นแต่ปัญหาคือ...บัลเล่ต์ ผมจะหลบบัลเล่ต์ไปหาพี่ฮั่นยังไง หรือว่าถึงเวลารับสารภาพแล้วว่าผมกันพ่อฮั่นรักกัน นี่มันซีรี่ส์เกาหลีชัดๆ ผมมองผีน้อยที่เพลินกับการ์ตูนในจอทีวีอย่างหนักใจ เสียงเคาะประตูขัดจังหวะความคิด ผมลุกไปเปิดประตูปรากฏว่าเป็นพี่แคนแต่สีหน้าเศร้าหมองนั้นมันช่างไม่คุ้นตาเอาซะเลย
“ว่างรึเปล่า???” พี่แคนนั่งลงที่เตียง ทำให้บัลเล่ต์กระโดดลงอย่างรวดเร็วเพราะพี่แคนเกือบนั่งทับเธอ
“ว่างแต่....” ผมหันไปมองบัลเล่ต์ที่ไม่อยากให้เด็กน้อยรับรู้เรื่องราวของผู้ใหญ่มากนัก กลัวจะแก่แดดไปกว่านี้ แค่ท่านเจ้าที่คนเดียวก็ทำเอาบัลเล่ต์แทบเสียเด็ก
“บัลเล่ต์ขอลี้ภัยไปอยู่กับหลวงตาที่วัดละกันนะ พี่แกงอยากไปรับเมื่อไหร่จะบอกคุณตาเจ้าที่เรียกบัลเล่ต์ก็แล้วกันนะ” เฮ้ยยยย!!! นี่คิดมาตั้งนาน พี่แคนเคาะประตูห้องเท่านั้น...โลกเปลี่ยนเลยครับ
“ได้ๆ สักสองสามวันนะ” ผมหันไปบอกบัลเล่ต์พี่แคนตาเหลือกมองหน้าผมอย่างตกใจแล้วผีน้อยก็หายวับไปทันที อย่างน้อยๆ ผมก็จัดการเรื่องใหญ่เสร็จไปหนึ่งเรื่อง เหลือแต่ร่างโทรมๆที่อยู่ตรงหน้าที่ดูแล้วเรื่องคงใหญ่ไม่น้อยเช่นกัน
“แกงส้ม...คุยกับใครอ่ะ” ถึงแม้จะมีความกังวลใจแต่พี่แคนก็ดูหวาดๆ
“เรื่องมันยาวมาก...เอาเรื่องพี่ก่อนเหอะมีอะไรรึเปล่า???” ผมหันมาเข้าเรื่องถึงสาเหตุหน้าหมองๆของพี่แคน พี่แคนมองตรงไปด้านหน้าสายตาว่างเปล่า
“สต๊อปรู้เรื่องหมดแล้ว” พี่แคนพึมพำออกมาเบาๆ ตอนแรกผมเกือบหลุดปากไปว่า “ดีแล้วไง” แต่ยังดีที่ฉุกคิดได้ว่า ถ้าดีแล้วพี่แคนจะมานั่งเหี่ยวแบบนี้เหรอ???
“แล้วรายนั้นเค้าว่ายังไงล่ะพี่”
“ตรงแก้มเน้นๆ” พี่แคนจิ้มไปที่แก้มตัวเอง
“หอมเหรอ???” ผมร้องเบิกตากว้าง แบบนี้เค้าเรียกว่าโคตรจะดีเลยนะพี่!!!
“ฝ่ามือฟาดลงมาเต็มๆ แล้วยังไล่พี่อีกต่างหาก พี่เจ็บ---” พี่แคนพูดด้วยน้ำเสียงหมดหวัง ผมได้แต่วางมือลงบ่าเพื่อปลอบใจแม้รู้ว่ามันคงไม่ได้ช่วยให้พี่แคนรู้สึกดีขึ้นมานัก
“แล้วพี่โดมว่ายังไง รู้เรื่องรึยัง???”
“ไอ่โดมกำลังไปเคลียร์ให้ ไปตั้งนานแล้ว...พี่อยู่ห้องคนเดียวก็ฟุ้งซ่านก็เลยเดินมาหาแกงนี่แหละ” พี่แคนทิ้งตัวล้มนอนบนเตียงผม ไม่กี่อึดใจเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมเดินไปเปิดก็เห็นพี่โมในสีหน้าที่เคร่งเครียด พี่แคนเมื่อเห็นพี่โดมก็กระเด้งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ไอ่แคน...นึกว่าแกโดดน้ำไปแล้ว ไปที่ห้องก็ไม่เจอ” พี่โดมต่อว่าต่อขานเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง
“โทษๆ แล้วสต๊อปว่าไงบ้าง????” พี่แคนรีบถามถึงผลจากการไปเจรจา พี่โดมหันมามองหน้าผมก่อนส่ายหน้าเบาๆ
“สต๊อปกำลังอารมณ์ร้อน---แกก็อย่าเพิ่งไปเซ้าซี้เค้าเลย” พี่โดมพี่ด้วยสำเนียงอ่อน แต่กระนั้นผมก็รู้ว่าสต๊อปคงโกรธพี่แค้นไม่น้อย แต่แค่รู้ว่าชอบตัวเองทำไมต้องโกรธขนาดนั้นด้วยนะ ผมไม่เข้าใจจริงๆ ผู้หญิงนี่เข้าใจยากเนาะ!!!
“ชั้นควรทำยังไง---พี่ควรทำยังไง” พี่แคนถามพี่โดมและผมอย่างหมดอาลัย
“วินาทีนี้ไม่ต้องทำอะไร...แกลองไปถามตัวเองว่าจะสู้ต่อรึเปล่า ไปคุยกับตัวเองให้รู้เรื่องก่อนว่าจะเอายังไง แล้วชั้นจะช่วยแกเอง” พี่โดม...ถึงแม้จะชอบกัดจิกแต่พอถึงเวลาแบบนี้ก็แปลงกายเป็นเพื่อนผู้แสนอบอุ่นได้อย่างเหลือเชื่อ
“ให้เวลาสต๊อปเค้าหน่อยอย่างน้อยๆก็รอเค้ากลับมาจากเยี่ยมแม่ที่สิงคโปร์ สต๊อปไปสามวัน...หลังจากนั้นถ้าพี่จะสู้ต่อผมเองก็จะช่วยพี่สุดกำลังเหมือนกัน” มีเพียงกำลังใจเท่านั้นที่ผมจะช่วยพี่ชายคนนี้ได้
ผมจอดรถที่หน้าบ้านหลังเล็กกะทัดรัดที่พอเหมาะกับครอบครัวเล็กๆ พี่ฮั่นเปิดประตูบ้านออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ลากกระเป๋าใบใหญ่ของน้องสาวมาด้วย ผมลงจากรถไปช่วยเปิดกระโปรงหลังให้พี่ฮั่นเอากระเป๋าใบโตใส่ลงไป พี่ฮั่นแอบเนียนคว้ามือผมไว้
“ปล่อย...เดี๋ยวสต๊อปออกมาเห็น” ผมปรามเบาๆแต่ก็ไม่ดึงมืออกจากการเกาะกุมนั้น
“อย่าใจร้ายกับพี่นักเลย กี่ชั่วโมงแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน” พี่ฮั่นทำหน้ายู่เสียงอ้อน ผมเลยผลักไหล่กว้างนั้นเบาๆด้วยความหมั่นไส้ และยังไม่ทันได้พูดอะไรเราสองคนก็ต้องทำหน้าเฉยขยับตัวยืนห่างกันทันทีเมื่อร่างบางนั้นพ้นประตูออกมา ผมเห็นสต๊อปที่ดูอิดโรยก็อดนึกสงสารและสงสัยไม่ได้ ทำไมถึงดูเสียอกเสียใจมากกว่าจะโกรธนะ หรือว่า......ผมว่างานนี้พี่แคนของผมมีลุ้นแน่ๆ ก็จริงใช่มั้ยครับ... คนเราถ้าไม่แคร์ก็คงไม่เสียใจ และดูเจ้าสาวก็อาการหนักไม่ใช่น้อย งานนี้มีเฮแน่ๆแต่อาจจะเหนื่อยหน่อยเท่านั้นเอง!!!
“ไม่ได้นอนรึไง...ตาโหลเป็นหมีแพนด้าเชียว” พี่ฮั่นทักน้องสาวที่ดูอ่อนล้าแต่เช้าตรู่
“รีบไปเหอะ” สต๊อปตอบกลับมาสั้นๆแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะด้านหลัง ผมยื่นกุญแจรถให้พี่ฮั่นก่อนจะอ้อมไปนั่งข้างคนขับ
“สต๊อป...เธอ----”
“ช่างเถอะแกง เราไม่อยากคุยอะไร” สต๊อปพูดตัดบทพร้อมหลับตาลง พี่ฮั่นที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาคงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของน้องสาว คนอะไรซื่อบื้อชะมัด!!! บรรยากาศในรถก็ตกอยู่ในสภาวะเงียบงัน มีเพียงเสียงฮัมเพลงไม่ทุกข์ร้อนของพี่ฮั่นเท่านั้น เมื่อถึงสนามบินสต๊อปขัยบตัวลงรถทันที
“ไม่ต้องเข้าไปส่งหรอก ขับรถกลับไปเลย ไปแค่สามวันเอง” สต๊อปบอกพี่ชายเสียงเรียบ ทำให้พี่ฮั่นหรี่ตามองน้องสาวอย่างสงสัย แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา มองร่างบางที่ดูไม่สดชื่นเข้าไปในตัวอาคารอย่างข้องใจ
“ยัยสต๊อปเหมือนคนอกหักเลย...พี่พลาดอะไรไปรึเปล่าเนี่ย???” พี่ฮั่นพูดพึมพำกับผม ผมเลือกที่จะเงียบฟังมากกว่าที่จะออกความเห็น ปล่อยให้พี่ชายครุ่นคิดเรื่องน้องสาวไปเองคนเดียว
“แกงส้ม---” อยู่ๆพี่ฮั่นก็เรียกผม ผมเลิกคิ้วสูงบอกเป็นนัยๆว่าฟังอยู่
“พี่บอกรึยังว่าไม่ต้องเอาชุดนอนมาหลายชุด” พี่ฮั่นบอกผมเสียงเรียบด้วยประโยคแปลกๆ
“ไม่ได้บอกนะครับ----ทำไมเหรอ???” ผมถามกลับ
“พี่คิดว่าแกงส้มคงไม่ได้ใช้” คำพูดทะลึ่งของคนหน้าทะเล้นมันทำเอาผมแทบบ้า
“คิดลามกอะไรของพี่เนี่ย???----ผมไม่ค้างกับพี่แล้ว!!! หื่นชะมัด นี่ขนาดยังไม่ถึงบ้านนะความคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” ผมโวยวายชุดใหญ่ แต่ร่างสูงที่ขับกลับหัวเราะร่า
“โวยวายไปเหอะ เคยดูมั้ย??? จำเลยรัก สวรรค์เบี่ยงอ่ะ อารมณ์นั้นแหละ” พี่ฮั่นพูดทีเล่นทีจริงแต่ทำเอาขนลุกซู่ จะซัดแรงไปที่แขนสักหน่อยพี่ฮั่นก็ขับรถอยู่พาลจะเกิดโศกนาฏกรรมง่ายๆ เลยได้แต่ชี้หน้าขู่แต่ก็ไม่ได้ทำให้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นสะทกสะท้าน นี่มันคิดผิดรึเปล่าเนี่ยที่มาค้างกับพี่ฮั่นแบบนี้!!!
HUNZ talk
จะว่าโรคจิตก็ได้นะที่ผมชอบให้แกงส้มเง้างอนแบบนี้ มันเหมือนเพิ่มจังหวะรักให้น่าหลงใหล นึกถึงหน้าไร้เดียงสาตีหน้าขรึมมันทำให้ผมอยากจะดึงร่างนั้นมาบดขยี้ริมฝีปากซะตอนนี้เลย คนอะไรโกรธได้น่ารักน่าหยิก และผมก็รู้ว่าแกงส้มเป็นคนที่ในภาวะปกติจะมีการยับยั้งชั่งใจได้สูง แต่ถ้าถูกกระทำรุนแรงจนแกงส้มตกอยู่อารมณ์ที่อ่อนไหวหรือหวาดกลัว เมื่อผมปลอบประโลมด้วยถ้อยคำหวานหูก็จะนำไปสู่บทรักที่ร้อนแรงขึ้นทวีคูณ
“ถึงแล้ว....” เมื่อนำรถเข้าไปจอดไว้ที่บ้าน ก็หันมาบอกร่างสูงที่กอดอกเม้มปากนั่งนิ่งเงียบ
“แกงส้ม...เอาแบบนี้ใช่มั้ย???” ในเมื่อไม่มีการตอบสนองกับคำพูดผมจึงเดินอ้อมไปเปิดประตูให้ แกงส้มก็ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตีหน้ามึน ผมคว้าข้อมือแกงส้มแต่ร่างนั้นก็ขืน หันมาทำตาวาวใส่
“ดื้อเหรอ???---งั้นพี่อุ้มนะ” ว่าแล้วผมก็ช้อนตัวแกงส้มขึ้นมา แถมยังเอาจมูกไปชนแก้มใสนั้น แกงส้มขยับตัวอย่างตกใจ แต่ผมก็อุ้มแกงส้มขึ้นมาจนสำเร็จ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่กล้าขยับตัวแรงเพราะกลัวว่าจะหล่น
“พี่ฮั่นๆ ปล่อยๆๆ ผมยอมแล้ว คนอื่นเค้าจะมาเห็น---ปัดโธ่ ไม่อายรึไงห๊ะ” แกงส้มโวยวายแต่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง สีหน้าเป็นกังวลว่าจะมีคนมาเห็นว่าผมกำลังอุ้มเข้าตัวซะมากกว่าเรื่องที่งอนอยู่บนรถ
“ไม่อาย..... เด็กดื้อต้องสั่งสอนรู้มั้ย???” ผมค่อยๆปล่อยร่างนั้นให้ยืนลงบนขาตัวเองอย่างช้าๆ แต่ก็คว้าคอมากอดไว้แนบร่าง แกงส้มดิ้นขลุกขลัก ผมจึงกดริมฝีปากไปที่ร่องแก้มหวานนั้นอีกครั้ง แกงส้มยกมือมาลูบจุดที่เพิ่งถูกรุกราน ก่อนจะตวัดสายตามองผมอย่างเคืองใจ
“ผู้ใหญ่เผด็จการ!!!” สีหน้าเหวี่ยงวีน สายตาตวัดเฉี่ยวคมมันช่างน่าหมั่นเขี้ยวนัก ผมหอมแก้มซ้ำอีกทีแต่ครั้งนี้เนิ่นนานยิ่งกว่า จากที่ดิ้นรนเล็กน้อยแกงส้มก็นิ่งสนิท
“พี่ฮั่นนี่มันหน้าบ้านนะ” เสียงอ่อนหวานพร้อมใบหน้าเขินอาย ทำให้ผมอมยิ้มเล็กน้อย
“ถ้างั้นในบ้านก็ได้ใช่มั้ย???” ผมกระซิบเบาๆที่ข้างหู แกงส้มหลบตาก้มหน้าเอียงอายไม่ตอบ ผมมองใบหน้าขาวใสไร้เดียงสาด้วยความรักอย่างลึกสุดหัวใจ หลายต่อหลายครั้งที่ผมพยายามลองผูกเงื่อนชีวิตไว้กับคนหนึ่งคน ทุกครั้งผมจะเว้นช่องว่างเพื่อให้เราได้มีโอกาสหายใจ แต่กับแกงส้มมันไม่ใช่... มันเหมือนผมกลับไปเป็นเด็กหนุ่มแรกรุ่นที่โหยหากลิ่นกายคนรักตลอดเวลา ผมแค่อยากมีแกงส้มอยู่เคียงข้างไว้มองยามอ่อนล้าจากเรื่องราวทุกอย่าง แกงส้มเหมือนน้ำผึ้งที่แสนหวานนุ่ม และเป็นรสที่อยากลิ้มลองไปตลอดชีวิต
“ผมว่า...พี่ปล่อยผมก่อน ป้าข้างบ้านพี่เค้าชะเง้อมองคอยาวแล้ว” แกงส้มผละตัวออกจากอ้อมแขนผม ผมหันไปมองตามสายตาแกงส้ม ก็เห็นป้าขาเม้าท์สองคนข้างบ้านแอบมองหัวเราะคิกคัก
“แฟนผมครับ----น่ารักมั้ย???” ผมตะโกนข้ามรั้วต้นไม้ที่สูงเพียงเอว
“น่ารักจ้า เหมาะกันๆ รักกันนานๆนะ” ป้าเองก็ตะโกนกลับมา ผมมองหน้าแก้มที่อมยิ้มเอียงอาย
“เห็นมั้ย??? คราวนี้ก็ไม่ต้องอายแล้วเค้ารู้กันหมดแล้ว” ผมพูดแล้วจูงมือแกงส้มเข้าบ้านทันที
“ผมว่าเราออกไปหาอะไรกินข้างนอกเหอะ” แกงส้มที่ดูเหมือนจะกลัวสิ่งที่ผมจะทำ “ในบ้าน” รีบกระเด้งตัวถอยห่างผมแล้วแกล้งชวนผมออกไปข้างนอก
“ไม่หรอก---กินในบ้านสนุกกว่าเยอะ” ผมย่างก้าวเชื่องช้าแต่เป็นจังหวะ แกงส้มเบิกตากว้างถอยหนี
“พี่หมายความว่ายังไง...นี่มันกลางวันแสกๆนะ” แกงส้มร้องโวยวาย
“ของแบบนี้ไม่มีกลางวันกลางคืนหรอก อยากเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ ยิ่งคนอย่างพี่อยากเมื่อไหร่ก็ต้องทันที แกงส้มเองก็เคยเจอแล้วไม่ใช่เหรอ???” พูดจบผมกระโดดคว้าร่างสูงโปร่งแล้วทุ่มลงไปที่โซฟา แกงส้มที่จนปัญหาจะหนีหลับตาลงอย่างหวาดกลัว ผมค่อยโน้มตัวลงไปตามร่างนั้น
“ป๊อก!!!” ผมดีดหน้าผากใสๆนั้น แล้วหัวเราะร่า แกงส้มลืมตามองผมด้วยอาการงุนงง
“คิดอะไรอยู่อ๊า!!!---คิดลึกนะเรา พี่หมายถึงพี่หิวข้าวแล้ว ยิ่งเป็นโรคกระเพาะอยู่ด้วยหิวเมื่อไหร่ก็ต้องกินเมื่อนั้น ไปทำอาหารให้พี่กินได้แล้ว” ผมพูดพร้อมกลั้วหัวเราะ แกงส้มกัดริมฝีปากตัวเองอย่างเจ็บใจ
“บ้า!!! ไอ่พี่ฮั่นบ้า!!!----แล้วทำกินเองไม่ได้รึไง” แกงส้มวีนขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองพลาดท่าผม
“พี่อยากกินฝีมือแฟนพี่นี่....ทำให้พี่กินหน่อยนะที่รัก ถ้าไม่ทำพี่จะกินอย่างอื่นนะ ยิ่งน่ากินๆอยู่” ท้ายประโยคผมใช้สายตาลวนลามร่างสูงนั้นอย่างไม่ปิดบัง แกงส้มผลักผมออกห่างแล้วเดินไปทางห้องครัวทันที โดยมีผมเดินตามไปติดๆ
หลังจากมื้อหวานผ่านไป ผมนั่งมองร่างสูงโปร่งล้างจานด้วยความเพลินตา แกงส้มเช็ดมือหันมามองหน้าผมทำตาใสแป๋ว ผมไม่พูดจาอะไรแต่เลือกที่จะดึงมือร่างสูงบางนั้นมากุมเอาไว้ พร้อมแตะริมฝีปากไปที่มือนั้นเบาๆ มาเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าหวานนั้นมีสีสันเข้มขึ้นเพราะความเขินอาย
“รักเค้าอะดิ” ผมหันไปแซวแกงส้มทำให้ใบหน้านั้นเม้มปากเฉียบพร้อมสะบัดมือออก
“ผมเอาของขึ้นไปเก็บดีกว่า” แกงส้มเดินไปหาสัมภาระที่กองไว้ทันที ผมรีบสาวก้าวเดินตามไปแล้วยื้อยุดเอากระเป๋าเป้ใบโตมาสะพายพร้อมยิ้มกว้างเดินนำร่างสูงโปร่งขึ้นไปบนห้องตัวเอง
“ยินดีต้อนรับ” ผมหันไปพูดจาเสียงหวานกับแกงส้ม ที่ดูเหมือนกำลังสำรวจไปรอบๆด้วยสายตา
“พอนอนได้มั้ย???” ผมถามแกงหันมายิ้มแทนคำตอบแล้วแทรกตัวเข้าไปในห้องวางสัมภาระไว้กับพื้น ผมเดินไปโอบเอวนั้นจากด้านหลังพร้อมโยกตัวเบาๆ ริมฝีปากที่ซุกซนอดไม่ได้ที่จะไซร้ไปลำคอหอมกรุ่นนั้น แกงส้มเอียงคอเล็กน้อยพร้อมส่งเสียงในลำคอเบาๆ ผมลากริมฝีปากจากลำคอไปขบที่ติ่งหูนั้นอย่างอ่อนโยน
“หอมจัง....” ผมกระซิบข้างหูแกงส้มเบาๆด้วยน้ำเสียงหวาน แกงส้มยกมือมาไล้ลำคอผมถึงแม้ว่าแกงส้มจะทำไปตามความรู้สึกแต่มันช่างปลุกเร้าอารมณ์ร้อนของผมยิ่งนัก ผมดันร่างสูงบางนั้น ไปที่เตียงนอนสีขาวสะอาด กดบ่าร่างนั้นให้นั่งลงก่อนโน้มตัวมาแลกจูบด้วยความเร่าร้อน ในขณะที่มือปลดกระดุมเสื้อตัวเองจนหมดสิ้น ผมโถมกายลงทับร่างแกงส้มที่ช้อนตามองผมด้วยแววตาหวานเยิ้ม ผมถอดเสื้อตัวเองให้พ้นร่างก่อนขึ้นทับร่างนั้นอย่างโหยหา ผมซุกใบหน้าลงที่ซอกคอนั้นอย่างเร้าร้อน เสียงลมหายใจหอบถี่ของแกงส้มทำให้ผมรู้สึกย่ามใจยิ่งเร่งความต้องการ ผมแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเข้มด้วยริมฝีปากไปทีละเม็ด แกงส้มใช้มือประคองใบหน้าผม ผมลากตัวลงไปปลดกระดุมจนถึงเม็ดสุดท้าย ใช้มือเปิดเสื้อออกให้พ้นทาง ผมจูบพรมไปทั่วลำตัวที่ขาวนวลค่อยเลือนตัวขึ้นหากแต่ริมฝีปากก็ไม่ละจากร่างหวานหอมนั้น ผมขบที่ลำคอแกงส้มจนเป็นรอยแดงชัดเจน แล้วจัดการตัวเองให้เปลือยเปล่า แกงส้มเองก็มองด้วยสายตาที่โหยหาไม่ต่างกัน
“พี่...ทำผมเป็นรอย” แม้จะเป็นเหมือนการปรามแต่น้ำเสียงนั้นมันช่างเย้ายวนเสียเหลือเกิน ผมกดริมฝีปากลงที่เรียวปากนุ่นนั้นอย่างแผ่วเบา
“พี่ทำเครื่องหมายไว้ต่างหาก ว่าคนนี้ของพี่ แกงส้มเป็นของพี่...” นั่นคือความหมายที่ตรงตัว ผมจะไม่ยอมปล่อยมือจากร่างนี้อย่างทรมานเพราะการหักห้ามใจอีกแล้ว ความรักของผมมันมาไกลเกินกว่าจุดเลี้ยวกลับ มันเป็นความต้องการที่จะครอบครองทุกอย่างของร่างบางนี้ เราจะเป็นของกันและกัน ตาของสองเราประสานกันอย่างรู้ใจ ผมก้มไปรุกล้ำริมฝีปากหวานนั้นอีกครั้ง ลิ้นเรียวได้กวาดชิมรสหอมหวานราวน้ำผึ้งจากแกงส้มอย่างดูดดื่ม เสียงครวญในลำคอมันช่างปลุกเร้าได้อย่างดีเยี่ยม ผมดึงมือแกงส้มมาประสานเพื่อรวมเป็นหนึ่ง ส่วนอีกมือเอื้อมไปปลดปราการด่านสุดท้ายของแกงส้ม ร่างกายเบียดแน่นและลมหายใจหอบถี่ของร่างที่หลับตาพริ้มอยู่ด้านล่างมันทำให้ผมมีรอยยิ้มออกมาจางๆ
“แกงส้ม....แกงส้มเป็นของพี่แล้วจริงๆ”
ปล. รู้สึกว่านับวันฉากแบบนี้เริ่มเข้าใกล้ความเป็นอีโรติกเข้าไปทุกที กลับไปอ่านแล้วอายตัวเอง เขียนอะไรไปหว่า ถ้าไม่ชอบก็ขอโทษด้วยนะจ๊ะ ความสามารถเราได้แค่นี้จริงๆ ตอนนี้เป็นความหวานแค่น้ำจิ้ม อย่าลืมว่าฮั่นแกงเค้าเหลือเวลาอีกสองวัน (จะเอาอะไรมาแต่งเนี่ย???...จะหมดมุกแล้วนะไอ่ฉากแบบนี้) เม้นหน่อยเพื่อเป็นกำลังใจในการแต่งนะจ๊ะ ^^
ความคิดเห็น