คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 14: ไม่ใช่ความลับ...แต่ยังบอกไม่ได้
ผมจอดรถที่ลานจอดรถใต้หอเรียบร้อย เหตุการณ์ในวันนี้ช่างเหมือนความฝัน อยู่ๆ ผมก็ได้คนรักมาอยู่เคียงใจ สายตาหวานกรุ่มกริ่มต่อจากนี้จะมองมาที่ผมเพียงคนเดียว แค่คิดความสุขก็ล้นหัวใจ ถึงแม้เรื่องราวทุกอย่างจะไม่กระจ่างชัด แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ...พี่ฮั่นไม่ใช่คนเลวแต่เป็นคนที่น่าสงสารที่สุด ผมเองก็แน่ใจว่าผมจะไม่มีทางทำร้ายพี่ฮั่นเป็นอันขาด ผมและพี่ฮั่นตกลงว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เพียงเราเท่านั้น เพราะมันกะทันหันแม้แต่เราสองคนยังแทบไม่เชื่อว่าอยู่ๆ เราจะกลายเป็นคนรักกันแบบนี้ ผมเองก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเมื่อทุกคนรับรู้ถึงสถานะความสัมพันธ์ของเรา
“ยิ้มคนเดียวอีกแล้ว....” เสียงใสๆ ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งสุดตัวจนต้องหันไปทำตาเขียวใส่ต้นเสียง
“อีกแล้วนะพี่แกงตกใจนะเนี่ย” ผมบ่นเบาๆ บัลเล่ต์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“พี่แกงขวัญอ่อนจริงๆเลยนะ เหมือนมีอะไรปิดบังเลย” บัลเล่ต์เนี่ยเป็นอะไรไม่รู้ จี้ตรงจุดตรงประเด็นตลอด ทำเอาผมที่มีแผลสะดุ้งเฮือก
“ไม่มี๊---แล้วหายไปไหนมาทั้งวันเนี่ย” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนบทสทนาจะพาผมความแตก
“ไม่รู้...ช่วงนี้บัลเล่ต์ชอบไปแวบอยู่ที่แปลกบ่อยๆ หรือว่าบัลเล่ต์ต้องไปที่ที่คนตายต้องไปแล้วเหรอ???” ปลายเสียงเศร้าสร้อยทำเอาผมหัวใจวูบหล่นไปกองอยู่ที่พื้น ไม่หรอก...ไม่จริง
“บัลเล่ต์....คือมันอาจจะเป็น----” ผมนึกคำปลอบโยนไม่ออกจริงๆ
“มันขาวไปหมดเลย มีหมอกขาวๆลอยเต็มไปหมด พี่แกว่าใช่สวรรค์รึเปล่า บัลเล่ต์เป็นเด็กดีใช่มั้ย??? คุณแม่เคยบอกว่าคนดีจะได้ไปอยู่สวรรค์” ดูเหมือนร่างเล็กจะทำใจได้ดีกว่าผม ความรู้สึกของผมเหมือนคนกำลังตกจากที่สูง ความรู้สึกผิดกลับเข้ามาครอบงำในใจ ถ้าเป็นอย่างที่บัลเล่ต์พูดจริงๆ.....ผมยังไม่ได้ทำอะไรเพื่อเด็กน้อยคนนี้อย่างเต็มที่เลย
“พี่แกงว่าบัลเล่ต์อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้เลยนะ...อยู่กับพี่แกงไปนานๆ ถ้าไม่มีบัลเล่ต์พี่แกงคงเหงามาก อย่าเพิ่งไปเลยนะ” ทั้งที่รู้ว่าบัลเล่ต์ไม่ใช่คนกำหนดเรื่องนี้แต่ผมก็หวังว่าฟ้าเบื้องบนคงจะเห็นใจบ้าง เด็กคนนี้อาภัพนักชอให้เธอได้รับความรักที่เด็กดีคนนี้ควรจะได้รับจากคนเป็นพ่อจริงๆ...อย่างน้อยๆ หากเธอต้องจากไปเธอจะควรได้รู้ว่าใครเป็นพ่อของเธอกันแน่
“แต่หลวงตาบอกบัลเล่ต์บางทีหนทางข้างหน้าอาจจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น อย่ากลัวกับสิ่งที่มันต้องเกิดเพราะยังไงสักวันมันต้องมาถึงอยู่ดี” คำพูดนี้ทำเอาผมใจหาย...ราวกับต้องเสียผีน้อยคนนี้ไปในเร็วๆวัน
HUNZ talk
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเท้าไม่ติดพื้น ตัวเบาๆลอยมีความสุขเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้จะเป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้รู้สึกไปเองเพียงคนเดียว แกงส้มเองก็มีใจให้ผม....เพียงแค่นึกถึงก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะเพลงรักที่แสนหวาน ผมกำลังตกหลุมรัก...
“พี่ฮั่น!!!” เสียงหวานของสต๊อปดังขึ้น ทำเอาวิมานในอากาศของผมหายวับไปทันที
“เรียกพี่เบาๆก็ได้ หูไม่ได้ตึง” ผมหันขวับไปหาต้นเสียงพร้อมดุเบาๆ แต่เจ้าตัวก็ยังคงหรี่ตามองผม
“ก็เห็นเดินเข้ามาแล้วยิ้มให้ประตู พี่ไหวรึเปล่าสต๊อปพาไปหาหมอมั้ย???” ถึงแม้คำถามนั้นจะมาพร้อมสีหน้าที่เป็นห่วงอย่างจริงใจ แต่มันทำเอาผมหัวเสียไม่น้อย... ก็มันอึดอัดนี่ครับ มีความสุขล้นใจก็บอกใครไม่ได้แถมยังมาโดนหาว่าบ้าว่าเพี้ยนอีกต่างหาก
“เออ..อย่ามายุ่งเรื่องพี่หน่อยเลย เริ่มทำตัวเหมือนแม่ขึ้นไปทุกวัน ยิ่งหน้าแก่ๆอยู่ด้วย” ผมเลยจัดการชุดใหญ่ ทำเอาน้องสาวตัวแสบหน้างอไปเลย
“แรงนะเนี่ย---คนเราป็นห่วงก็ยังมากระแนะกระแหนอีก ชิชะ!!!”
“โอ๋ๆๆๆ อย่างอนเลยนะดูสิตีนกาขึ้นเลย”
“พี่ฮั่น!!!----ยังไม่หยุดอีกนะ” เสียงของสต๊อปเริ่มดังกว่าเดิม ผมเลยยกมือเพื่อขอยุติสงครามเพราะกลัวว่าวันนี้แม่ครัวจะไม่ยอมทำอาหารเพราะงอนกับความปากมอมของผม
“แล้วเป็นอะไรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่---อารมณ์ดีเกินไปรึเปล่า” สต๊อปถามผม
“ก็คนมันมีความสุขนี่หว่า....” ผมตอบเมื่อนึกถึงสีหน้าแกงส้มตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ใบหน้าระเรื่อเปื้อนยิ้มน้อยด้วยความเขินอาย...โอ๊ย!!! แฟนผมน่ารัก....แกงส้มนายจะน่ารักไปไหนเนี่ย!!!
“แหมๆๆ---มีความสุขเรื่องอะไรคะ...คุณพี่ชาย” สต๊อปถามด้วยความหมั่นไส้
“ไม่บอก!!!” ความจริงก็อยากบอกจะแย่อยู่แล้ว แต่...ก็จริงอย่างที่แกงส้มว่าบอกไปเดี๋ยวทุกคนจะตกใจ ต้องค่อยบอกทีละนิด จะว่าไปเก็บแบบนี้มันก็เป็นการสร้างสีสันในความรักของผมไม่น้อย แอบสวีทกันอะไรแบบนี้ แค่คิดก็อยากให้ถึงเวลาที่เราเฝ้าร้านกันสองคน
“ไม่บอกก็ไม่ถาม...แต่สต๊อปมีเรื่องจะบอกพี่ไว้ก่อน ไม่งั้นพี่ต้องขวิดจนเสียเรื่องแน่ๆ” น้องผมใช้คำว่า “ขวิด” แทนอากัปกริยาของผม ความเคารพนับถืออยู่ที่ไหนกัน!!!
“ขวิดเหรอ???...แกเห็นพี่เป็นกวางเรนเดียร์รึไงห๊ะ!!!” ผมโวยวาย
“เอาน่า---อย่าคิดมาก คือเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า” สต๊อปตีขรึมทำท่าทางจริงจัง ทำเอาผมนั่งตัวตรงเพื่อรอฟังโดยปริยาย
“พี่รู้ใช่มั้ยว่าพี่แคนชอบแกงส้ม” สต๊อปเริ่มต้นประโยคที่ทำเอาผมเซ็ง ผมพยักหน้าหงึกหงักไม่พูดอะไรตอบ
“แต่แกงส้มก็ทำมึนไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น” ก็แหงอยู่แล้ว....เค้าสนใจแต่พี่ชายแกโว้ยยยย!!!
“แล้วทีนี้สต๊อปจะใช้แผนเรียกร้องความสนใจ โดยการที่สต๊อปแกล้งควงพี่แคนให้แกงส้มหึง”
“ไร้ประโยชน์” ผมพูดเบาๆ
“พูดอะไรของพี่ หมายความว่ายังไง ไอ่ที่ว่าไร้ประโยชน์” สต๊อปหันขวับมามองผมขมวดคิ้ว
“ก็..ที่แกไปวุ่นวายกับเรื่องของคนอื่นมันไร้ประโยชน์ บางทีแกงส้มเค้าอาจจะมีคนที่เค้ารักเค้าชอบอยู่แล้วก็ได้ พี่ว่าแกบอกพี่แคนของแกทำใจเหอะ” เมื่อพูดถึงแกงส้มผมก็อดอมยิ้มไม่ได้ แฟนผมครับ...แฟนผม
“หรือว่าพี่รู้ว่าแกงส้มชอบใคร พี่บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!!!” สต๊อปเริ่มคาดคั้น ผมเลิกคิ้วสูงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ได้แต่ตอบน้องสาวในใจว่าไอ่คนที่เราถามถึงก็พี่นี่แหละ!!!
CAN talk
“พี่โดม พี่แคน เปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะ” เสียงเคาะประตูมาพร้อมเสียงโวยวายของแกงส้ม ทำเอาผมกับไอ่โดมมองหน้ากัน ไฟไหม้หอรึเปล่าวะเนี่ย???
“เปิดแล้วๆ ทำตัวเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้!!!” ไอ่โดมลุกขึ้นไปเปิดประตูให้น้องรหัสผม
“พวกพี่เล่นอะไรกัน!!!” ประโยคของเจ้าแกงทำเอาผมไปไม่เป็น คือ... ผมกำลังทำงานส่ง ส่วนไอ่โดมที่อ่านหนังสืออยู่อีกมุมห้อง ตอนนี้ไม่มีใครว่างเล่นกับแกนะแกงส้ม!!!
“ไม่มีใครเล่นอะไร จะสอบแล้วเนี่ยต้องอ่านหนังสือ” ไอ่โดมเป็นคนตอบ
“ไม่ใช่!!! ผมหมายถึงเรื่องสต๊อปต่างหาก พวกพี่ทำอะไรกันทำไมสต๊อปถึงเข้าใจว่าพี่แคนชอบผม นี่ถึงขั้นวางแผนเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ” ผมเข้าใจแล้ว...เรื่องนี้นี่เอง ผมได้แต่ส่งยิ้เขินๆไปให้น้องรหัสที่กำลังวีนแตกอยู่กลางห้อง
“ไอ่โดมเลย แผนไอ่โดม” ผมรีบโยนกลองไปให้เพื่อนรัก ไอ่โดมตาตั้งตาเหลือกทันที
“หมาเลยกู---ไอ่แคนแกนี่มันเลวจริงๆ” ไอ่โดมชี้หน้าผม
“อย่ามาทำเนียนทะเลาะกัน ตอบผมมาสิ ทำยังไงทำไมเรื่องถึงมาลงเอยแบบนี้ได้” แกงส้มถามเสียงเบาลงแต่ความเหี้ยมในน้ำเสียงยังไม่เบาบางลงนัก
“ก็...สต๊อปเข้าใจผิดแบบนั้นอยู่แล้ว พี่ก็ไม่รู้จะยังไงก็เลยปล่อยเลยตามเลย” ผมพูดอย่างอ่อนใจ
“แล้วทำไมพี่ไม่บอกรักเค้าไปเลยละ...ลากผมเข้าไปเกี่ยวอีกคนเรื่องมันจะวุ่นวายไปอีกนะ ถ้าพี่ฮั่นรู้นะพวกพี่ไม่เหลือซากแน่ๆ” แกงส้มพ่นลมหายใจยาวก่อนนั่งลงพูดอย่างหมดแรง
“บอกรัก---นึกว่าบอกง่ายรึไงห๊ะ!!! พูดเหมือนตัวเองเคยทำอย่างนั้นแหละ”
“บ้า!!! บอกรักอะไร พวกพี่ก็พูดอะไรก็ไม่รู้” แกงส้มตอบออกมาพร้อมก้มหน้าก้มตาอายม้วน อะไรของมันฟร๊ะ!!!
“แต่ที่พี่สงสัยคือเราไปรู้มาจากไหนเนี่ย วันสองวันก่อนยังไม่เห็นจะระแคะระคายอะไร” ไอ่โดมถามขึ้นมา ใช่...เรื่องนี้ผมก็สงสัยเหมือนกัน
“พวกพี่จะมาคาดคั้นอะไรกับผมเล่า...ความผิดมันเป็นของพวกพี่นะ” แกงส้มโวยขึ้นมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันเหมือนการกลบเกลื่อนมากกว่า ไอ้น้องคนนี้มันต้องมีอะไรปิดบังอยู่แน่ๆ
“เออ...พี่ขอโทษ แต่แกก็ช่วยเนียนไปก่อนได้มั้ยละ พี่สัญญาถ้าพี่โอกาสเมื่อไหร่พี่จะเคลียร์เรื่องนี้ให้เร็วที่สุด” ผมเอ่ยปากขอร้อง แกงส้มทำสีหน้าลำบากใจ
“โธ่พี่...งั้นผมบอกสต๊อปให้เอามั้ย??? เรื่องมันจะได้รีบๆจบ ผมก็กลัวจะมีปัญหาเหมือนกัน” แกงส้มพูดอย่างกังวลใจ
“หลุดออกมาแล้ว....แกงส้มแกกลัวจะมีปัญหาอะไร แฟนก็ยังไม่มีสักหน่อยหรือว่ากำลังกิ๊กกั๊กกับใครอยู่ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!!!” ไอ่โดมโพล่งขึ้นมาทันที ผมเองก็หันไปใช้สายตาเพื่อเพิ่มแรงกดดันให้เจ้าแกงคายความจริงออกมา
“บ้าไปแล้ว...พวกพี่คิดอะไรกัน ผมไม่มีอะไรปิดบังซะหน่อย พี่บ้า!!!” ว่าแล้วแกงส้มก็เดิมดุ่มๆออกนอกห้องไป ไอ่โดมยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“แกยิ้มอะไรวะไอ่โดม” ผมถามออกไป
“ไอ่แกงมันมีความรักที่ปิดเป็นความลับอยู่ แล้วต้องเป็นคนใกล้ตัวนี่แหละไม่งั้นมันไม่กลัวมีปัญหาหรอก แต่มันติดอยู่อย่างนึง” ท้ายประโยคไอ่โดมยกมือมาลูบคางอย่างครุ่นคิด
“อะไรว่ะ”
“มีคนเดียวเท่านั้นที่ลงตัวว่าจะเป็นคนที่เจ้าแกงมันแคร์จนกลัวว่าเรื่องแกจะสร้างปัญหาให้มัน แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ คือมันลงตัวแต่เหลือเชื่อว่าจะเป็นคนๆนั้น” ไอ่โดมสาธยายยาวยืดก็ไม่อาจจะทำให้ผมตามความคิดของมันทัน...
“แกบอกมาสักทีเหอะว่าใคร” ผมถามอย่างอดรนทนไม่ไหว
“ชั้นคิดว่า...พี่ฮั่น”
“บ้าไปแล้วไอ่โดมมันจะเป็นไปได้ยังไงว่ะ”
“ของแบบนี้มันต้องดูไปยาวๆ แต่ถ้าใช่จริงๆละก็...วุ่นวายแน่ๆ” ผมเองก็คิดแบบนั้นถ้าแกงส้มกับพี่ฮั่นกิ๊กกันจริงๆ มันต้องวุ่นวายซ้อนวุ่นวายแน่ๆ แต่พี่ฮั่นกับแกงส้มนี่นะ เป็นไปไม่ได้!!!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะกำลังที่ไฟแดงระหว่างทางไปที่ร้าน เมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าทันที พี่ฮั่นโทรมาแต่เช้าเชียวนะ โชคดีที่วันนี้เป็นวันพระ...บัลเล่ต์ต้องไปจำศีลอยู่ที่วัด แล้ววันนี้ช่วงบ่ายสต๊อปก็ต้องไปเรียน มันช่างเป็นใจสำหรับข้าวใหม่ปลามันอย่างผมกับพี่ฮั่นจริงๆ
“ว่าไงครับ” ผมรับสายด้วยน้ำเสียงสดใส
“เมื่อไหร่จะมา คิดถึงแล้วนะ...” พี่ฮั่นทำเสียงอ่อน ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้ ตัวโตยังกะยักษ์ทำอ้อนเหมือนเด็กเล็กๆไปได้นะ
“จะถึงแล้ว...แล้วทำไมถึงหลบมาอ้อนได้ สต๊อปไม่ได้ยินเหรอ???” ผมถามออกไปอย่างกังวลเล็กๆ
“แอบมาคุยที่ลานจอดรถ หน้าศาลพระภูมิ...ไม่มีใครได้ยินหรอกจ๊ะที่รัก” ห๊ะ...ตรงนั้นแหละตัวดี โอ๊ยยยย!!! ท่านเจ้าที่ต้องแอบฟังอยู่แน่ๆ แล้วผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย
“เหอๆๆ” ผมหัวเราะอย่างไม่มีอะไรจะเสีย อย่างว่าแหละเรื่องเมื่อคืนรายนั้นก็คงแอบมองอยู่ตรงไหนสักซอกแหงๆ เจ้าที่อะไร...ไม่เคารพสิทธิส่วนบุคคลเอาซะเลย
“ไฟเขียวแล้วครับ...เจอกันที่ร้านนะ” ผมรีบวางสายแล้วออกรถไปที่ร้านทันที โลกมันช่างสดใสเหลือเกิน ไม่รู้เป็นเพราะอากาศแจ่มใสหรือว่าหัวใจที่หวานฉ่ำของผมกันแน่ แค่เพียงได้รู้ว่ามีใครสักคนรอคอยที่จะเห็นหน้ากันมันก็ทำให้หัวใจของผมพองโตอย่างประหลาด ความคิดถึงที่ไม่มีวันสิ้นสุดยิ่งได้เจอก็ยิ่งคิดถึง ถึงจะเหลือเชื่อแต่ก็เกิดขึ้นจริง เกิดขึ้นจริงๆในหัวใจของผม...
เมื่อเลี้ยวรถเข้าไปในร้านก็เห็นว่าพี่ฮั่นยืนยิ้มแป้นแล้น ผมมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นร่างท่านเจ้าที่ ไปไหนนะปกติต้องเยี่ยมหน้ามาทำให้ผมอายม้วนแล้วนี่...หรือว่าจะไปวัดกับบัลเล่ต์ ก็ดีเหมือนกันถ้าท่านเจ้าที่อยู่ผมคงทำหน้าไม่ถูก
“พี่ช่วยถือของนะ...ที่รัก” คำสุดท้ายทำเอาผมหน้าร้อนผ่าว สายตากรุ้มกริ่มที่ทอดมองมาทำให้ผมต้องหลบตา เมื่อไหร่จะชินก็แววตาคมนั้นสักทีนะ แต่ก็อดชกไปที่แขนเบาอย่างเขินอายไม่ได้ พี่ฮั่นแบกกระเป๋าเป้ใบโตของผมเดินนำไปอย่างกระฉับกระเฉง
“ทำไมพี่ฮั่นต้องถือกระเป๋าแกงส้มด้วย เดินไปรับกันเหรอ???” ผมยังไม่ทันจะก้าวเขาร้าน งานแรกก็เข้าซะแล้ว เมื่อสต๊อปเดินมาเอากระดาษชำระหลังร้าน พี่ฮั่นทำตาโตหันมามองหน้าผมอย่างตกใจ
“คือ...พี่กำลังแกล้งแกงส้มต่างหาก ขโมยกระเป๋าไง---ใช่มั้ย???” คำสุดท้ายพี่ฮั่นหันมามองผม
“ใช่ๆ..ใช่เลย เอามานี่นะ” ผมรีบคว้ากระเป๋าออกจากมือพี่ฮั่น สต๊อปมองหน้าผมกับพี่ฮั่นสลับกันก่อนจะส่ายหน้าแล้วเดินไปหน้าร้าน พี่ฮั่นใช้จังหวะที่ร่างบางของสต๊อปลับตาคว้าเอวผม กดจมูกโด่งได้รูปลงมาที่แก้มของผมก่อนจะผละตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“แก้ขัดได้สิบนาที” พี่ฮั่นพูดอย่างทะเล้นก่อนจะเดินตามน้องสาวไปทิ้งให้ผมยืนนิ่งอยู่คนเดียว ผมยกมือตัวเองมาไล้ที่นวลแก้มตัวเองเบาๆ พี่ฮั่นนะพี่ฮั่นถ้าสต๊อปเดินกลับเข้ามาจะทำยังไง...แต่แบบนี้ผมก็ว่ามันตื่นเต้นดีนะ ผมหัวเราะกับความคิดตัวเองแล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดพนักงานสีหวาน การทำงานในช่วงเช้ากำลังจะเป็นไปด้วยดี แต่เมื่อร่างสันทัดผิวคล้ำเนียนของพี่แคนปรากฏตัวขึ้น พ่อขมองอิ่มของผมก็เริ่มหน้างอทันที เมื่อคืนพี่ฮั่นโทรมาบอกผมเรื่องแผนล่อลวงให้ผมหึงของสต๊อปให้ผมระวังตัว ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะรู้ว่าถ้าขืนว่าแผนนี้มันเป็นแผนลวง ความจริงแล้วคนที่พี่แคนต้องการหัวใจคือน้องสาวของตัวเองละก็ พี่แคนจะเหลือซากไว้ทำศพรึเปล่าเรื่องนี้ผมไม่แน่ใจนัก....
“มาทำไม...ถามจริงๆเหอะไม่มีรงไม่มีเรียนรึไงห๊ะ” เริ่มต้นคำทักทายก็ทำเอาพี่แคนหน้าซีดแล้วมองมาที่ผมเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับทำให้พี่ฮั่นเข้าใจผิด
“คือ...ผม”
“พี่แคนมารับสต๊อปต่างหาก” สต๊อปออกรับแทนหรือว่าทำตามแผนผมก็ไม่แน่ใจนัก
“เหรอ???....แล้วไป นึกว่าจะมานั่งแช่มองนู่นมองนี่บอกตรงๆชั้นไม่ชอบ ของบางอย่างมันก็มีเจ้าของแล้วนะถึงเค้าจะยังไม่แขวนป้ายบอกก็เหอะ” พอพี่ฮั่นพูดจบ งานนี้ผมลุ้นระหว่าแผนลับๆของพี่แคนกับความสัมพันธ์ลับๆของผมกับพี่ฮั่นใครมันจะแตกก่อนกัน พี่ฮั่นจะหึงจนไม่ฉุกคิดเลยว่าคนอื่นเค้าจะสงสัยออกตัวล้อฟรีเชียวนะ
“เย็นนี้สต๊อปจะไปทานข้าวเย็นกับพี่แคนนะไม่กลับมาร้าน เราไปร้านบรรยากาศดีๆกันกว่าเนาะ” สต๊อปคงเริ่มทำตามแผน แล้วผมควรจะทำยังไงละ...
“จะไปไหนก็รีบไปเหอะ---ไปตอนนี้เลยไปไม่ต้องช่วยแล้วพี่กับแกงส้มเอาอยู่...” เป็นแบบนี้พี่แคนก็เหมือนถูกหวยนะสิครับ พี่ฮั่นหวงผมจนลืมหวงน้องสาวไปเสียสนิท แต่ไอ่คำว่า “เอาอยู่” เนี่ยมันสองแง่สองง่ามแปลกๆนะ พี่คิดจะทำอะไรผมรึเปล่าเนี่ย????
พอสต๊อปกับพี่แคนออกร้านไป ใบหน้าเคร่งขรึมก็ยิ้มกว้างขึ้นมาทันที ผมที่กำลังเตรียมเครื่องชงกาแฟอยู่ก็ถูกร่างสูงเข้ามากอดจากด้านหลังไว้แน่น เรียวปากร้อนผ่าวของพี่ฮั่นไซร้ที่ต้นคอผมอย่างถือสิทธิ์ ผมรีบเอาฝ่ามือดันหน้าผากร่างนั้นออกจากลำคอตัวเองแล้วหันหน้าไปมอง
“ทำอะไรของพี่...ร้านใกล้จะเปิดแล้วนะ ยังจะมา----” ผมไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนดี พี่ฮั่นหัวเราะออกมาเบาๆ
“เราปิดร้านกันมั้ย???” พี่ฮั่นพูด ทำเอาผมหัวเราะออกมา แต่พี่ฮั่นก็ไม่ปล่อยให้ร่างของผมได้เป็นอิสระนานนักพี่ฮั่นก็เข้ามาสวมกอดผมเบาๆ ผมเองก็ใจอ่อนยกแขนโอบรอบเองร่างนั้นไว้
“คิดถึงจริงๆนะ อยากอยู่แบบนี้นานๆจัง” สำเนียงหวานที่ผมได้ยินมันทำเอาผมหัวใจเต้นแรง
“ใหม่ๆก็แบบนี้ นานๆไปกลัวว่าจะเหม็นหน้าเรา” ผมพูดขัดคำหวานซะหน่อย พี่ฮั่นยกมือมาเชยคางผม สายตานั้นจริงจังกว่าทุกๆครั้ง ก่อนจะค่อยโน้มกายลงมาเพื่อประทับรสจูบหวานบนริมฝีปากของผมอย่างละมุนละไม ผมเองก็ตอบรับสัมผัสรักอย่างนิ่มนวล ปลายลิ้นเรียวนั้นดื่มด่ำกับรสชาติในริมฝีปากบางของผมอย่างกระหายหากแต่อ่อนหวานยิ่งนัก ฝ่ามืออีกข้างลูบไล้อย่างแผ่วเบาหากแต่ร้อนเร่าราวกับผิวหนังของผมไหม้ไปด้วยไฟร้อนแห่งอารมณ์รัก พี่ฮั่นค่อยๆถอนริมฝีปากแต่ใบหน้ายังคงอยู่ห่างผมไม่กี่นิ้ว สายตาหวานมองตรงมาที่ริมฝีปากผมราวกับกำลังทำใจเพื่อจะผละออกมา
“พี่รัก...แกงส้มก็รู้ อย่าพูดเหมือนพี่ไม่จริงใจเลยนะ หัวใจของพี่อยู่ตรงนี้เคียงข้างกับใจแกงส้มและมันจะจงรักต่อคนที่อยู่ตรงหน้าของพี่ไปตลอด” ผมรู้ว่าคำพูดมันเป็นเพียงลมปาก หากแต่คำพูดนี้ไม่ได้มีแค่ความหวานที่ชโลมอาบท่วมหัวใจ แต่ผมสัมผัสได้ถึงความจริงที่ซื่อสัตย์ในแต่ละพยางค์ของประโยคนั้น ผมแนบหน้าซบกับอกกว้างนั้นอย่างแสนรัก พี่ฮั่นกระชับกอดแน่นเหมือนกลัวว่าผมจะหายวับไปกับตา
“แกงส้ม...” พี่ฮั่นเรียกชื่อผม พร้อมโยกตัวเบาๆเพื่อให้ผมประจันหน้า ผมเอียงคอเพื่อรอฟัง
“วันหยุดยาวอาทิตย์หน้า สต๊อปจะไปหาแม่ที่สิงคโปร์---แกงส้มมาอยู่เป็นเพื่อนพี่ที่บ้านนะ” ทั้งแววตาที่เว้าวอนและน้ำเสียงที่โหยหามันทำให้ผมรู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกด หัวใจของผมก็ต้องการอยู่ใกล้ร่างสูงที่หอมกรุ่นนี้ไม่ต่างกัน ผมค่อยๆพยักหน้าตอบรับด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อไปด้วยความเขินอาย พี่ฮั่นคลี่ยิ้มกว้างอย่างอ่อนโยนแล้วค่อยโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆอีกครั้ง ผมหลับตาพริ้มรอรับริมฝีปากที่ร้อนผ่าวอีกครั้ง......
ปล. ขอโทษนะคะที่หายไปนาน... เกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคนิดหน่อย (ลืมจ่ายค่าโทรศัพท์555 แล้วมันดันตัดวันศุกร์ตอนเย็นกว่าจะไปจ่ายก็วันจันทร์ แถมต้องโทรไปทวงให้ปล่อยสัญญาณอีกต่างหาก กว่าจะได้อัพก็วันอังคาร) ยังไงก็อ่านให้สนุกนะคะ รู้นะว่ารอ “วันหยุดยาวอาทิตย์หน้า” กันอ่ะ!!! ^^
ความคิดเห็น