คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13: คิดว่าชอบ
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องรับรองส่วนตัวของพี่ต้น เหงื่อที่ซึมบนฝ่ามือจนเปียกแม้อุณหภูมิจะเย็นกว่ายี่สิบหน้าองศา ผมมองไปยังกระจกใสที่เห็นบรรยากาศมุมสูงของกรุงเทพในยามบ่าย สื่อให้เห็นว่าคนๆนี้มีอิทธิพลและอำนาจต่อรองในบริษัทใหญ่ยักษ์พอตัว เสียงเปิดประตูทำเอาผมสะดุ้งน้อยๆแต่ก็ยังรักษาอาการได้ดี
“นึกว่าใคร...ที่แท้ก็เด็กไอ่ฮั่นเพื่อนรักนี่เอง ว่าไงมันมีอะไรฝากมาเหรอ???” เสียงทุ้มหล่อแต่คำที่พ่นออกมาแต่ละคำมันช่างน่ารังเกียจ แต่ผมก็ได้แต่ตีหน้านิ่งไม่แสดงความรังเกียจนั้น
“ผมมาของผมเอง”
“อ่อ...คงเปลี่ยนใจสินะ บอกแล้วว่าอยู่ร้านเค้กโง่ๆนั่นมันไม่ทำให้ชีวิตใครดีหรอก มันก็ดักดานเหมือนเจ้าของร้านนั่นแหละ” พี่ต้นเหยียดริมฝีปากยิ้มเยาะ ผมกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว
“เปล่า....ผมแค่มีเรื่องอยากถาม เรื่องระหว่างคุณกับพี่ฮั่น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!!!” ผมถามออกไปตรงๆ ทำให้รอยยิ้มเหยียดหายไปจากหน้าพี่ต้น สีหน้านั้นคล้ายครุ่นคิด
“ทำไมนายไม่ถามเจ้านายของนาย หรือว่าตอนนี้เป็นมากกว่านั้นแล้ว” คำพูดของพี่ต้นทำเอาผมหน้าชา
“คุณพูดบ้าอะไร...ผมกับพี่ฮั่นเรา---”
“ชั้นมองออก แววตาที่แกสองคนมองกันมันไม่ได้เป็นแค่เจ้านายกับลูกน้อง นี่คงอยากรู้อดีตของไอ่ฮั่นว่ามันเคยเป็นยังไงละสิ... ไม่นึกว่าหน้าตาอ่อนๆจะขี้สงสัยเหมือนกันนะเนี่ย” ร่างสูงพอๆกับพี่ฮั่นไม่พูดเปล่า... เอาแขนโอบไหล่ผมอย่างไร้มารยาท ผมรีบสะบัดตัวออกจากวงแขนนั้นทันที พี่ต้นหัวเราะอย่างสะใจ
“ชั้นกับไอ่ฮั่นมีอดีตยังไง นายอยากรู้จริงๆเหรอ???...มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร”
“มาทำงานกับชั้นสิ...แล้วนายจะรู้ทุกอย่างที่นายต้องการ” พี่ต้นยื่นข้อเสนอ
“ถ้าคุณไม่บอกผมก็ขอตัว” ผมคว้ากระเป๋าที่สาวอยู่บนโต๊ะกาแฟ แต่ร่างผมก็ถูกพี่ต้นผลักจนล้มไปที่โซฟาหรูหราตัวยาว พี่ต้นโผตัวเข้ามาใกล้จนใจหาย
“ชั้นยื่นข้อเสนอในนายคิด...ไม่จำกัดเวลา คนอย่างไอ่ฮั่นไม่ว่าจะตอนนี้หรือหกปีก่อนมันก็ไม่มีทางได้ดีกว่าชั้น นายเองก็น่าจะลองทบทวนใหม่นะ บอกตรงๆชั้นก็สนใจนายไม่น้อย” จมูกโด่งนั้นกดมาที่แก้มของผมอย่างแรง มันช่างแตกต่างกันกับพี่ฮั่นเหลือเกินการกระทำของพี่ต้นมันช่างทำให้ผมขยะแขยงและรังเกียจ มันรีบผลักพี่ต้นออกจากตัวแล้วตั้งตัวตรงมองหน้าพี่ต้น ผมโกรธจนตัวสั่นเทาแต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าไม่สะทกสะท้าน
“ชั้นชอบใช้ของร่วมกับมันมาก ยิ่งแย่งมันมาได้มันยิ่งสะใจ และสิ่งต่อไปที่ชั้นจะแย่งจากมันมาก็คือ...นาย!!!” พี่ต้นพูดด้วยเสียงเรียบที่แฝงไปด้วยความเคียดแค้นจนเต็มเปี่ยม
“ผมขอบอกคุณไว้ตรงนี้ ไม่ว่าคุณจะแย่งอะไรจากพี่ฮั่นมากเท่าไหร่ แต่สิ่งเดียวที่คุณจะแย่งจากพี่ฮั่นไม่ได้ก็คือผมคนนี้นี่แหละ!!!”
“ไอ่บ้าเอ๊ยยยยย!!!” ผมสบถคนเดียวในรถ มือถูที่ร่องแก้มจนแดงเถือก คนอะไรนิสัยแย่สิ้นดี ไม่น่าเข้าไปหาไอ่พี่ต้นคนเดียวเลย ดูมันทำสิทั้งที่มีเมียแล้วแท้ๆ ยังมาหน้าด้านพูดจาแบบนี้กับผมอีก แต่ที่ทำให้ผมกลุ้มยิ่งกว่าคือ...แล้วผมจะหาความจริงได้อย่างไรกัน คุณแพรวคงคิดว่าผมเป็นพวกสิบแปดมงกุฎไปหลอกเค้า ส่วนไอ่พี่ต้นก็เห็นผมเป็นเครื่องมือไว้ทำร้ายจิตใจพี่ฮั่น อุตส่าห์ไปเจอกับพี่แฝดจนได้เข้าไปหาพี่ต้นแล้วเชียว เอ๊ะ!!!.... พี่แฝด เรามีเบอร์พี่แฝดนี่หว่า สองคนนี่คงรู้เรื่องเมื่อหกปีก่อนไม่มากก็น้อย แกงส้ม...ไม่น่าโง่คิดได้ช้าแบบนี้เลย!!! ว่าแล้วผมก็รีบยกมือถือมากดหาพี่แฝดสองคนทันที
หลังจากที่รับฟังเรื่องราวที่พรั่งพรูออกมาจากพี่เอและพี่บีแล้ว บอกตรงๆ ผมอยากชกหน้าตัวเองสักหนึ่งฉาก...ทำไมทำกับพี่ฮั่นแบบนั้นนะแกงส้ม ความสงสารเข้ามาเกาะกุมหัวใจ คนหนึ่งคนทนเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้อย่างไรกัน สูญเสียความฝันด้วยมือของคนรักและเพื่อนรัก... แล้วผมยังไปทำท่าทางปฏิเสธพี่ฮั่นเพราะคิดว่าเค้าเป็นคนไม่ดีอีก แกงส้ม...แกนี่มีตาหามีแววไม่จริงๆ ผมควรทำอย่างไรดี ขอโทษเหรอ??? ไม่ได้เราจะให้พี่ฮั่นรู้ว่าเราแอบสืบเรื่องราวต่างๆในอดีตของเค้าไม่ได้
“พี่ดีใจจริงๆนะที่แกงส้มเป็นห่วงพี่ฮั่นแบบนี้” พี่บีเอ่ยขึ้น ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“แต่ผมขอร้องนะ พวกพี่อย่าบอกพี่ฮั่นว่าผมรู้เรื่องราวพวกนี้ ไม่งั้นพี่ฮั่นโกรธผมแย่เลย ตอนนี้เค้ายิ่งไม่ค่อยคุยกับผมอยู่” ผมขอร้อง สองแฝดรูปหล่อพยักหน้ารับปากแม้จะมีความสงสัยในแววตาก็ตาม
“เออ...แล้วเรื่อง ที่เกิดกับคุณแพรวพวกพี่รู้รึเปล่าครับ”
“รู้สิ...ตอนนั้นหลังจากที่พี่ฮั่นบินหนีไปที่สิงคโปร์ไม่นาน ครอบครัวของแพรวก็ประสบอุบัติเหตุตายยกครัว ไอ่พี่ต้นก็รับแพรวมาอยู่ด้วยแต่ตอนนั้นก็ได้ยินข่าวว่าท้องแล้วนะ น่าจะเป็นช่วงที่เกิดเรื่องนั่นแหละ...แพรวก็หายไปจากวงการนางแบบเลย แต่ไอ่พี่ต้นก็ไม่ได้ยกแพรวออกหน้าออกตาสักเท่าไหร่ ก็ประมาณว่าดูแลเลี้ยงลูกไปแต่ไม่พาออกงาน พอหลังๆไอ่พี่ต้นก็งาบเด็กเอาะๆเป็นว่าเล่น นี่แหละน้าที่เค้าเรียกว่ากรรมตามสนอง” พี่เอเล่าจนเห็นภาพ ผมนึกถึงใบหน้าสวยสง่าที่มีริ้วรอยแห่งความทุกข์อย่างเด่นชัด... ผมเลยคิดว่าเธอคงนึกโทษตัวเองในวันเก่าที่ทำกับ “อดีต” คนรักแบบนั้น
“แล้วเรื่องลูกสาวของเค้าละครับ” ผมเอ่ยถามตรงประเด็นแต่สองแฝดกลับพร้อมกันส่ายหน้า
“คนๆนี้ ไม่เอาเรื่องที่บ้านมาพูดหรอก ต่อให้เรื่องราวจะใหญ่โตแค่ไหนก็เหอะ” เมื่อคำตอบนั้นออกมาจากปากพี่เอ ผมก็รู้ได้ทันทีว่า “ข้อมูล” จากสองหนุ่มหล่อที่ผมต้องการไม่มีอีกแล้ว มันเป็นความหนักหนาของผมแล้วละครับว่าตอนนี้ผมจะสืบหาความจริงได้อย่างไร ในเมื่อคุณแพรวท้องในช่วงที่คบทั้งสองคนนั้นพอดี ทุกอย่างมันเป็นไปได้ทั้งนั้น... แต่เรื่องหนึ่งที่ผมแน่ใจ ผม...ไม่ โอ๊ยยยยย!!! จะพูดยังไงดีละ ผมยังมีโอกาสที่จะกลับไปทวงถามเรื่องวันนั้นอีกรึเปล่านะ ผมอยากบอกพี่จริงๆ ว่า หัวใจผมมันก็มีพี่เหมือนกันนะ...พี่ฮั่น
DOME talk
เสียงถอนหายใจครั้งที่ร้อยแปดของเพื่อนรักมันชักทำให้ผมเริ่มจะรำคาญ ผมเงยหน้าจากประมวลกฎหมายอาญาเล่มโตที่เป็นภารกิจในการสอบหันไปมองเพื่อนรักที่นับวันมันห่อเหี่ยวลงไปทุกที
“ไอ่แคน...แกเป็นอะไรวะ ก่อนถอนหายใจจนจะหมดธนาคารอยู่แล้วเนี่ย” ผมหันไปให้ความความสนใจ
“ชั้นเบื่อตัวเองวะ...ทำไมถึงขี้ขลาดแบบนี้ รู้มั้ย??? ว่าทุกวันนี้ชั้นไม่อยากไปที่ร้านเลย ชั้นเจ็บที่สต๊อปยัดดเยียดชั้นให้คนอื่น” ไอ่แคนพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ผมจะลุกจากโต๊ะหนังสือมานั่งข้างร่างคล้ำเนียนที่นอนหมดอาลัย
“เออ เข้าใจ---แต่อย่างน้อยแกก็ได้ใกล้ชิดกับสต๊อปนี่หว่า” ผมพยายามปลอบไอ่แคนด้วยเหตุผลเดิม
“ใกล้ชิดแต่ก็ถูกผลักไสไปหาเจ้าแกงมันอยู่ดี ไอ่เราก็กลัวน้องมันจะรู้ตัวอยู่---”
“ชั้นคิดแผนออกแล้ว...” ผมยิ้มอย่างมีชัย เรื่องแบบนี้มันไม่พ้นมือผมหรอกครับ แหมๆๆ...อย่างไอ่แคนซื่อๆแบบนี้ ขืนปล่อยให้จีบสาวอีกมีหวังได้ลงเอยกับแกงส้มกันพอดี เรื่องนี้โดมจัดให้!!!
วันนี้ผมลงทุนมาหายัยสต๊อปที่ร้านตอนเช้า เพื่อเพื่อนรักมันต้องลงทุนกันหน่อยแต่ผมต้องขอไปเบิกค่าแกซี่กับมัน อ้าวววว!!! ผมไม่ได้งกนะ แต่เรื่องหัวใจของใครคนนั้นก็ต้องเป็นคนจ่ายสิครับ
“พี่โดม...โหยยยยมาแต่เช้าเชียว” เสียงใสของสต๊อปทักทาย ส่วนพี่ฮั่นได้แค่เงยหน้ามองผมแล้วยิ้มน้อยๆให้ ช่วงนี้พี่ฮั่นดูอารมณ์ไม่ค่อยดี จะว่าเข้าสู่วัยทองรึก็ไม่น่าใช่...คนหนุ่มอารมณ์แปรปรวนส่วนมากมันจะเป็นความรักซะมากกว่า แต่อย่างพี่ฮั่นเนี่ยนะจะอกหัก ถ้าพี่ฮั่นอกหักช้ำรัก คนอย่างผมไม่แย่เหรอครับเนี่ยยยย????
“พี่มีเรื่องจะเสนอ...พี่ว่าเราไปคุยกัน----ไม่ต้องละพี่ฮั่นไปหลังร้านแล้ว” ผมกำลังจะชวนน้องสาวคนสวยออกไปนอกร้านแต่เมื่อเห็นร่างสูงสง่าเดินไปทางหลังร้านจึงเปลี่ยนใจ
“มีอะไรเหรอพี่โดม ท่าทางมีลับลมคมในเชียว” สต๊อปหันมาถามด้วยความสงสัย
“พี่ว่าไอ่แผนชงๆที่เราทำอยู่เนี่ยมันไม่เวิร์คเลยนะ แกงส้มมันไม่สนใจอะไรไอ่แคนเลย” ผมเริ่มต้นตามแผน
“สต๊อปก็ว่ายังงั้นแหละ ดูไปดูไปก็สงสารพี่แคน” สต๊อปพูดพร้อมทอดสายตาไปหน้าร้าน
“พี่เลยคิดว่าเราสองคนต้องเริ่มต้นกลยุทธ์ใหม่”
“ยังไงคะ???”
“เราต้องใช้แผนกระตุ้นเจ้าแกงมัน...ให้สต๊อปแกล้งอี๋อ๋อกับไอ่แคน ถ้าเจ้าแกงมันรู้ตัวรู้ใจก้อาจจะเกิดอะไรดีๆก็ได้” ขนาดผมยังคิดว่าตัวเองมันเจ้าเล่ห์จริงๆ แผนซ้อนแผนหลายชั้นเหลือเกิน ทั้งหมดก็แค่เปิดโอกาสให้ไอ่แคนได้ใกล้ชิดกับสต๊อปเพื่อทำคะแนนบ้าง ไอ่แคนชั้นช่วยแกได้เท่านี้จริงๆนะเว้ย!!!
“พี่โดมคิดได้ไงเนี่ย---พี่เนี่ยอัจฉริยะจริงๆ” สต๊อปร้องอย่างนับถือ ผมแอบเป่าปากโล่งอกที่สาวเจ้าก็เห็นด้วยกับแผนนี้เหมือนกัน
“พรุ่งนี้สต๊อปจะจัดการตามแผนให้เนียนเลยคอยดู!!!” สต๊อปพูดอย่างมุ่งมั่น
HUNZ talk
สต๊อปออกจากร้านไปเพราะพรุ่งนี้มีสอบผมเลยต้องเฝ้าร้านคนเดียวโดยปล่อยให้น้องสาวเตรียมตัวสอบอย่างเต็มที่ ส่วนแกงส้มหลังจากหายไปทั้งวัน ปกติรายนั้นจะมาเข้ากะก่อนเวลาแต่วันนี้แกงส้มมาแปลก สิบนาทีผ่านไปแล้วร่างสูงโปร่งนั้นก็ยังไม่มาสักที เมื่อวานก็ลาไปทั้งวันเลยนะ ไม่รู้ว่ามีธุระอะไรเยอะแยะนัก... หรือว่าจะโกรธที่วันก่อนเราไม่ยอมคุยด้วย ในขณะที่ความคิดของผมเริ่มจะฟุ้งซ่านรถสีขาวมุกคุ้นตาก็เลี้ยวเข้ามา ร่างสูงโปร่งมาพร้อมเป้สะพายคู่ใจ ผมรีบหันไปคว้าเอาผ้ามาเช็ดถูโต๊ะปั้นหน้านิ่งไม่สนใจ รอสักพักแกงส้มก็มาพร้อมชุดฟอร์มของร้าน แกงส้มมองหน้าผมพร้อมส่งรอยยิ้มที่ละลายใจผมเอาง่ายๆ ผมรีบก้มหน้าหลบสายตาพิฆาตนั้นทันที ก็บอกแล้วว่าจะตัดใจๆ มาทำแบบนี้กับผมได้นะ
“พี่ฮั่น มาครับผมช่วย” แกงส้มพราดเข้ามาคว้าผ้าในมือผม มือของแกงส้มสัมผัสกับมือผมเข้าจังๆ แต่ใบหน้าไร้เดียงสานั้นกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แกงส้ม...นายกำลังเล่นกับอะไรอยู่รู้ตัวบ้างมั้ย!!!
“งั้นก็ทำเถอะ พี่ไปเช็คของหลังร้านก่อน” ผมรีบดึงตัวออกมาให้ห่าง นี่ผมกำลังเป็นฝ่ายถอยหนีหรือนี่??? ตั้งแต่เกิดมา ผมก็เป็น “ผู้ล่า” มาตลอด ไม่ว่าเหยื่อจะดื้อ จะรั้น จะเอาแต่ใจหรือเล่นตัวแค่ไหน ผมก็ไม่เคยจะหวั่น แต่นี่...แกงส้ม นายถึงขั้นปราดเข้ามาประชิดตัวแบบนี้เลยเหรอ คนเค้ายิ่งห้ามใจลำบาก น้ำตานายวันนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ชั้นต้องทำแบบนี้ แล้ววันนี้เป็นอะไร อยู่ๆก็มาทำในผมเสียกระบวนการควบคุมหัวใจซะอย่างนั้น ถ้าพี่หมดความอดทนเมื่อไหร่อยากรู้นักว่าจะทำหน้ายังไง!!!
“พี่ฮั่น...” เสียงแกงส้มที่เรียกมันชวนให้ผมสั่นใจ ทำไมต้องทำเสียงออดอ้อนแบบนั้นห๊ะ!!!
“มีอะไร” ผมทำเสียงเรียบเพื่อกลบเกลื่อนความสั่นไหวที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในหัวใจ
“ผมว่าดอกไม้มันเริ่มเฉาแล้ว เราเปลี่ยนใหม่กันเถอะ” แค่เรื่องเปลี่ยนดอกไม่มันไม่จะเป็นต้องทำเสียงอ้อนซะน่ารักแบบนั้นเลยนะ... ผมพยักหน้าตอบรับ พอได้คำตอบแกงส้มก็หันไปทำงานด้วยความร่าเริงมีความสุขแบบที่ผมไม่เห็นมาหลายวัน เค้าเป็นอะไรของเค้านะ...
ผมเป่าปากด้วยความโล่งใจเมื่อลูกค้าโต๊ะสุดท้ายออกไปจนลับตา ไม่ใช่เพราะงานหนักที่ทำให้ผมหนักใจหรอกครับ เพราะสงครามต่างหาก วันนี้แกงส้มมาแปลกเหมือนกำลังจะเอาคืนผม.... วันนี้เจ้าหนุ่มหน้าอ่อนมากระแซะ ถามนู่นนี่ กระตือรือร้นช่วยผมทำงานเป็นพิเศษ ถึงแม้ความใกล้ชิดจะทำเอาใบหน้าแกงส้มมีสีแดงระเรื่อบ้าง แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการกระทำที่รังแกหัวใจผมนี่สักที ผมเข้าไปเปลี่ยนเสื้อโดยหลบตาใสที่จ้องมองเหมือนพยายามจะกระโดดเข้ามาคุยด้วยทุกวินาที นี่...ถ้ารู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น เจ้าเสือฮั่นกำลังจะพลาดท่าลูกกวางตาหวานคนนี้!!! แต่ความยากลำบากของผมมันคงมีภาคต่อเมื่อเดินออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วพบว่าฝนฟ้าที่เคยแค่สลัวๆกลับมืดครึ้มสายตาตกกระหน่ำจนแทบไม่เห็นบรรยากาศภายนอกร้าน อยู่กันสองคนฝนตกหนัก...ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงจะขย้ำแกงส้มจนไม่เหลือชิ้นดี แต่ตอนนี้ผมกำลังถือศีลอดงดหื่น...ฟ้าดูท่าจะไม่เป็นใจ!!!
“แกงส้มร่มอยู่นั่นกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่เก็บร้านเอง” ผมพยายามตัดตัวเชื้อไฟให้ออกห่างแต่กลับได้รับการส่ายหน้าปฏิเสธเบาๆ
“ผมอยู่ช่วยพี่ดีกว่า” แกงส้มพูดออกมาง่ายๆ แต่รู้มั้ย???...ว่าหัวใจของผมพองโตไม่น้อย ถึงอย่างไรผมก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าการที่อยู่ใกล้ร่างสูงบางไร้เดียงสานี้มันช่างทำให้ผมเปี่ยมสุข
“แกงส้ม...คิดจะทำอะไร” เมื่อสูดหายใจแล้วถามออกไปตรงๆ แกงส้มมองหน้าผมนิ่งก่อนจะหลุบตาต่ำ ใบหน้าเรียวนั้นดีสีแดงแต้มอยู่ส่งให้ดูไร้เดียงสาขึ้นมาอีกเท่าตัว
“เปล่าสักหน่อย”
“คิดว่าพี่ดูไม่ออกเหรอ??? ถ้าจะทำแบบนี้แล้ววันนั้นร้องไห้ทำไม พี่เสียใจรู้มั้ย??? ที่ทำให้แกงส้มต้องร้องไห้ พี่พยายามแล้วที่จะไม่เอื้อมมือไป... แค่ทำใจให้อยู่ใกล้แต่ต้องทำตัวเหินห่างมันก็เหมือนมีมีดมากรีดแทงพี่อยู่แล้ว แต่อยู่สิที่ทำ...ต้องการอะไรจากพี่” ผมพูดด้วยน้ำเสียงขอร้องขอความเห็นใจ
“ผมแค่อยากอยู่ข้างๆพี่ ผมรู้ว่าพี่เหนื่อยมากตลอด วันนั้นผมแค่ไม่มั่นใจใน---อะไรหลายๆอย่าง แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าการทำร้ายพี่มันก็เหมือนการทำร้ายหัวใจตัวเอง” แกงส้มรีบอธิบาย มันช่างเป็นคำพูดที่สวยงาม ถ้าผมอยากให้ใครสักคนอยู่เคียงข้าง ก็คงเป็นคนๆนี้ที่มาเป็นอันดับแรกที่ผุดขึ้นมาในห้วงของความคิด ผมมีสิทธิที่จะคิดเข้าข้างตัวเองใช่มั้ย???....ว่าแกงส้มเองก็มีความรู้สึกดีๆให้ผมเช่นเดียวกัน
“ผมคิดว่าผมชอบพี่เข้าแล้ว....” นี่เรื่องจริงหรือว่าความฝัน....เมื่อกี้ผมได้ยินคำว่า “ชอบ” งั้นเหรอ???
“พูดว่าอะไรนะ...เมื่อกี้แกงส้มพูดอะไรนะ” ผมเดินก้าวเข้าไปหาร่างนั้นก่อนที่โผรัดไว้แนบอก สัมผัสอบอุ่นบอกผมว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แกงส้มคือความจริง...คำนั้นคือความจริงเช่นกัน
“ผมชอบพี่... คือแบบว่า---แค่คิดว่า เวลาใกล้พี่แล้วหัวใจมันสั่นๆ แล้ว....” ผมไม่อาจจะให้ปากนั้นขยับได้อีก ผมใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าเรียวใสอย่างรักใคร่แล้วค่อยบรรจงจูบเพื่อตอบรับความรู้สึกของตัวเองที่เก็บกดไว้อย่างทรมาน ครั้งนี้แกงส้มโอนอ่อนผ่อนตามผมทุกท่วงท่าสัมผัส รสจูบของแกงส้มช่างหอมหวานนักมือแขนของร่างโปร่งนั้นโอบรัดรอบตัวผมเช่นเดียวกัน ผมดันร่างนั้นไปติดกับผนังก่อนจะถอนใบหน้าทั้งที่เสียดายรสอันหวานชื่น
“อย่าล้อเล่นพี่นะรู้มั้ย???... ตอนนี้พี่กินเราได้ทั้งตัวเลยนะ” ผมกระซิบเบาข้างใบหูที่แดงเถือกแล้วงับที่ใบหูนั้น ค่อยลากริมฝีปากมาจรดที่ที่ลำคอขาวนวลกลิ่นกายหอมกรุ่นเป็นตัวเร่งเร้าอารมณ์รักเป็นอย่างดี ผมพรมจูบไปทั่วเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แกงส้มที่ระทวยอ่อนอยู่ในอ้อมอกส่งเสียงออกมาเบาๆ ผมกดร่างของตัวเองในแนบชิดกับร่างนั้น ยกตัวมาใช้มือเชยคางประจบจูบที่ริมฝีปากเย้ายวนด้วยบทรักแรกที่เร้าร้อนมากขึ้น เมื่ออีกข้างปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตนั้นอย่างเบามือ เมื่อปลดได้สามเม็ดผมโน้มตัวลงฝากรอยรักรอยแรกที่ตรงอกด้านซ้ายเพื่อตีตราจองร่างนี้ไว้เป็นของผมเพียงคนเดียว
“หัวใจแกงส้มเป็นของใครไม่ได้แล้วนะนอกจากพี่คนเดียว” ผมเคลื่อนตัวใช้หน้าผากจรดกับหน้าผากของแกงส้ม หลังจากได้รอยจูบบนอกขาวที่น่ามอง แกงส้มค่อยๆลืมตาหวานมาสบตาผม ร่างนั้นหายใจแรงใบหน้าเต็มไปด้วยสีแดงที่เกิดจากอารมณ์รักที่พลุ่งพล่าน
“คนขี้โกง...ฉวยโอกาส” แกงส้มต่อว่าผมด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ผมกดริมฝีปากไปที่ร่องแก้มนวลใสอย่างแสนรัก
“ความจริงโอกาสมันพาเราให้ไปไกลกว่านี้นะ...แต่ไม่เห็นใครโวยวายสักคำได้แต่-----” แกงส้มรีบยกมือมาปิดปากผมทันทีด้วยความเขินอาย ผมรู้ว่าหากบทรักนี้ดำเนินต่อไป สิ่งที่ผมได้มันคงมากกว่ารอยจูบรอยแรกบนร่างกายของแกงส้ม แต่ผมเลือกที่รอวันฟูมฟักให้ความรักมันเติบโตไปอย่างช้าๆ แกงส้มยังไร้เดียงสานักในด้านของความรักผมอยากให้แกงส้มค่อยเรียนรู้ไปอย่างช้าๆ หากผมฉวยโอกาสความอ่อนไหวและความต้องการทางความรักที่ร้อนแรงของแกงส้มตอนนี้... มันอาจจะกลายเป็นรอยด่างในชีวิตที่ขาวสะอาดนี้ที่แกงส้มจะนึกเสียใจก็เป็นได้
“ขอบคุณนะ” ผมเอ่ยคำขอบคุณ แกงส้มเบิกตาเอียงคออย่างน่ารัก
“ขอบคุณผมเรื่องอะไร”
“ขอบคุณที่บอกความในใจกับพี่ ขอบคุณที่ทำให้พี่มีความสุข....” ผมเอ่ยพร้อมกับประคองกอดร่างนั้นอย่างรักใคร่
“จากนี้ไป...ผมจะยืนอยู่เคียงข้างพี่ ในวันที่พี่โดดเดี่ยวแค่หันมามองผมก็จะอยู่ข้างๆคอยส่งยิ้มให้ จะกี่ร้อยกี่พันปัญหาขอแค่เราเข้าใจกัน...มันต้องผ่านไปได้” คำพูดของแกงส้มทำให้ผมนึกถึงวันนั้น...ที่สต๊อปพาผมไปดูดวง.... หรือว่าแกงส้มจะเป็นคนที่ฟ้าส่งมาให้ผมจริงๆใ แกงส้มกระชับอ้อมกอดนั้นอย่างอบอุ่นที่ทำให้ผมสัมผัสถึงความรักที่บริสุทธิ์กลิ่นกายหอมนั้นทำให้หัวใจที่อ้างว้าง ใช่...ถึงแม้ผมจะเข้มแข็งแต่ความอ้างว้างก็มายึดพื้นที่ในหัวใจอยู่บ่อยครั้ง นับตั้งแต่แกงส้มเข้ามาทุกครั้งที่เหนื่อยล้า แค่นึกถึงใบหน้าเหวี่ยงๆก็ทำให้เผลอหัวเราะออกมาได้ แกงส้มคือของขวัญสำหรับคนที่พ่ายแพ้มาตลอดชีวิตให้มีกำลังใจที่จะเปิดรับความรู้สึกที่เรียกว่า “รัก” อีกครั้ง
ปล. ช่วงนี้อัพช้าหน่อยนะจ๊ะ อารมณ์ไรเตอร์ไม่ค่อยอยู่ตัวสักเท่าไหร่นัก แต่งไม่ค่อยบรรเจิดรู้สึกมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่อยากอัพแล้ว (แอบเกรียนเล็กน้อย) 5555 ยังไงก็เม้นเป็นกำลังใจให้กันนะจ๊ะ รักรีดเดอร์ทุกคนจ้า^^
ความคิดเห็น