คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12: สืบ!!!
HUNZ talk
ไม่มีคำพูดใดๆบรรยายความรู้สึกของผมได้มากกว่า คำว่า “หมดเรี่ยวแรง” ทั้งที่คิดว่าแกงส้มมีใจให้แล้วแท้ๆ แต่ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้ แกงส้ม...นายไม่คิดอะไรกับชั้นจริงๆเหรอ??? ผมนั่งลงตรงทางขึ้นบ้านอย่างหมดหวัง... หรือว่าผมมองทุกอย่างผิดตั้งแต่ต้น สีหน้าแดงผ่าวเพราะความเขินอาย แววตาหวั่นไหวทุกครั้งที่ผมได้จับต้องสัมผัส หรือทุกอย่างๆนั้น...มันคือสิ่งที่ผมคิดและจินตนาการไปเอง แต่สิ่งที่ผมเองรู้สึกได้ชัดคือ ความเสียใจของแกงส้มกับสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งผมเองไม่อาจจะรับรู้ได้ว่าต้นเหตุของความเสียใจจนแกงส้มต้องหลั่งน้ำตาออกมานั้นมันคือเหตุผลประเภทไหน... ถ้ามันจะทำให้แกงส้มสบายใจ ต่อไปนี้ผมจะอยู่ห่างๆร่างสูงโปร่งนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ถึงแม้มันจะทำให้หัวใจตัวเองต้องทรมานก็ตามที ...ก็ยังดีที่ได้รู้ว่าความรักระหว่างเรามันไม่อาจจะเกิดขึ้น ดีกว่าปล่อยให้ผมต้องถลำดำลึกลงไปในห้วงแห่งความรักที่เป็นไปไม่ได้ในหัวใจของแกงส้ม
ผมจอดจักรยานไว้ที่ลานจอดรถ ผมหายใจออกมายาวเพื่อตั้งสติเพราะวันนี้แกงส้มเข้ากะเช้าและและกะเย็น ยัยสต๊อปเองก็มีเรียนจนถึงเที่ยง สรุปว่าเช้านี้ผมต้องอยู่กับแกงส้มสองคนตลอดเช้าที่ปกติแล้วลูกค้าแสนจะน้อยนิดหรือนี่...มันเป็นการทดลองที่หนักหนาสำหรับผมเหลือเกิน พอผมออกเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว รถสีขาวมุกก็เลี้ยวเข้ามา ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงยืนรอเพื่อกวนประสาทร่างสูงรับวันใหม่ แต่วันนี้ผมรีบเดินสาวก้าวยาวเพื่อไปเปิดประตูร้านด้านหลังโดยไม่หันไปมองเจ้าของรถ...
“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มหวานดังขึ้นขณะผมกำลังวางส่วนผสมเพื่อทำคัพเค้กที่ต้องทำวันต่อวัน
“อื้ม...ทานอะไรมารึยัง???” ผมถามด้วยคำถามตามารยาทของไทยโดยไม่หันไปมองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“เรียบร้อยแล้วครับ...แล้วพี่ฮั่นละ” ทำไมชื่อของผมที่ได้ยินทุกวี่วันถึงฟังเพราะนักเมื่ออกจากปากของคนๆนี้
“ปกติพี่กาแฟแก้วเดียวก็อยู่แล้ว” ผมพยายามปรับเสียงให้ราบเรียบ ภาพน้ำตาของแกงส้มเมื่อวานมันช่างเป็นตัวที่ทำให้หัวใจที่เคยเกเรหมดสิ้นฤทธิ์... ผมจะไม่มีทางแตะเนื้อต้องตัวร่างสูงโปร่งนี้อีกเป็นอันขาด ดูเหมือนความพยายามห้ามใจของผมมันคงไปคล้ายความเย็นชา ร่างสูงนั้นมองหน้าผมเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับเดินเข้าไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อเฉยๆ ผมมองตามร่างสูงนั้นด้วยความโหยหา มันคงไม่มีอีกแล้วที่ชั้นจะได้สัมผัสพวงแก้มนวลใสไร้เดียงสาของนาย....แกงส้ม
ผมพยายามที่จะทำตัวให้เหินห่างกับแกงส้มด้วยความทรมานใจ... ทุกครั้งที่แกงส้มเดินเข้ามาคุยผมก็ได้แต่เพียงตอบรับสองสามคำก่อนหาเรื่องเดินเลี่ยงออกมา จนแกงส้มคงอ่อนใจและเลิกพยายามไป คงคิดว่าผมไร้เหตุผลสินะ แต่นายจะรู้มั้ย???...ว่านายเป็นคนทำให้ชั้นควบคุมตัวเองไม่ได้ หากอยู่ใกล้กับนายมากไปกว่านี้ ชั้นอาจจะเผลอทำอะไรอย่างที่เคยๆ อะไรที่เคยทำให้นายเสียน้ำตา บางทีการเหินห่างในครั้งนี้มันอาจจะเป็นการดับไฟร้อนแห้งความปรารถนาที่ชั้นมีต่อนายก็เป็นได้ โกรธชั้นก็ได้นะ...ถ้ามันจะทำให้นายพอใจ
“มาแล้วค่า....ดูสิแกงส้มใครมาด้วย” เสียงใสของน้องสาวที่ริทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักทักทายลั่นร้าน
“พี่แคนไง...แหมเปิดซะใหญ่เชียว นึกว่าบี้เดอะสตาร์” แกงส้มที่ดูขุ่นเคืองมาตลอดเช้าเพราะการกระทำของผม ยิ้มออกมาได้เมื่อสองร่างชายหญิงเปิดประตูเข้ามา พร้อมหยอกล้อย่างน่ารัก
“พี่แคนซื้อขนมมาฝาก” สต๊อปเริ่มชงให้ทันที ผมรู้สึกแปลบๆที่หัวอย่างบอกไม่ถูก นี่ผมต้องทนดูอะไรแบบนี้จริงๆเหรอ ทั้งที่หัวใจผมก็รู้สึกกับแกงส้มไม่น้อยไปกว่าใคร... นี่แหละ คือ...บทลงโทษของคนแพ้!!!
“ผมทำงานที่ร้านขนมดันซื้อขนมมาฝากอีก...พี่บ้ารึเปล่า” แกงส้มพูดโดยไร้เดียงสา ผมหันไปมองสีหน้าแคนหวังว่าจะเห็นรอยยิ้มเจื่อนแต่กลับไม่มี แคนทำหน้าตาธรรมดาราวกับไม่รู้สึกอะไรกับคำประชดของแกงส้ม ผมละ...นับถือความหนักแน่นของคนๆนี้จริงๆ
“เออ...ลืมนึกไป” แคนทำหน้าเหรอหราได้จริงใจ สิ่งเดียวที่ผมไม่มี...ก็คงรอยยิ้มจริงใจแบบนี้!!!
“แกงส้ม...เดี๋ยววันนี้พี่แคนจะมารับแกงส้ม ใช่มั้ยพี่แคน...” ยัยสต๊อปก็ชงเหมือนกลัวแกงส้มจะไม่รู้ตัว เอาซะไม่เนียนเลยนะ... ผมไม่อาจจะทนฟังได้จึงเดินหลบไปหลังร้าน นี่ผมทำอะไรไม่ได้จริงๆเหรอ ความรู้สึกหน่วงแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมันจะเป็นอีกนานเท่าไหร่กัน รอยยิ้มของแกงส้มใกล้เพียงสายตมมองเห็น แต่ผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมองเลยด้วยซ้ำ ริมฝีปากบางน่ารักที่ผมเคยสัมผัสอย่างดูดดื่ม..ยิ่งเห็นมันทำให้มันยิ่งร้อนรนในหัวใจ
“ไอ่พี่ฮั่นบ้า!!! ไหนว่าเป็นเหมือนเดิมไงห๊ะ แล้วนี่อะไร...เดินหนีอยู่นั่นแหละ อุตส่าห์พูดด้วยแล้วนะ ยังทำเมินอีก อ๊ากกกกก....” ผมร้องลั่นเมื่อเดินเข้าไปในครัว....ซึ่งว่างเปล่า เพราะเจ้าของร้านทั้งสองกลับไปแล้ว ผมนะก็พยายามทำตัวเหมือนเดิมแล้วทำไมพี่ฮั่นต้องมาเย็นชากับผมด้วย
“น้อยใจละสิ!!!” เสียงกระซิบข้างหูทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว
“ท่านเจ้าที่ มาดีๆหน่อยได้มั้ย คนยิ่งโมโหๆอยู่” ผมหันไปเห็นชายชราแล้วอดเหวี่ยงไม่ได้
“ทำไมต้องมาลงที่เราด้วย...ก็ตัวเองไม่ใช่เหรอที่ไปหักห้ามเค้าแบบนั้น” ท่านเจ้าพูด ผมหันขวับทำตาขวาง
“ก็...ก็ผมไม่แน่ใจ คือเรื่องมันซับซ้อน รุงรังพันตู เรื่องบัลเล่ต์เองก็ไม่ไปถึงไหนเลย เค้าเป็นคนแบบไหนผมก็ยังไม่รู้ ถ้าเค้าเป็นชู้กับแม่ของบัลเล่ต์มาจริงๆ ผมไม่แย่เหรอ???” ผมระบายยืดยาว
“สรุปว่า ชอบเค้า!!!” ท่านเจ้าที่ทำเอาผมแทบทรุด
“บ้า....ไม่ได้พูดซักคำ” ผมรีบแก้ตัว ท่านเจ้าที่ส่ายหน้าเอือมระอา
“มนุษย์ปากแข็ง....แล้วจะมาโวยวายทำไมถ้าไม่ได้ชอบ แล้วเมื่อวานใครร้องไห้แทบเป็นแทบตายแล้วยังถามเราว่า....” ผมยกไหว้ท่วมหัวเพื่อไม่ให้ท่านเจ้าที่ตอกย้ำเรื่องเมื่อวาน
“แล้วผมควรจะทำยังไง” ผมถอนหายใจก่อนเอ่ยออกมาอย่างอ่อนแรง
“ทำทุกอย่างให้กระจ่าง ฟ้ากำหนดทุกอย่างมาให้เจ้าเป็นคนทำเรื่องนี้ให้จบลง” ผมได้แต่เลิกคิ้วมองท่านเจ้าที่ด้วยความข้องใจ ให้ตายเหอะ...ทำไมต้องเป็นผมด้วยนะ ที่ต้องมาเหนื่อยทั้งกาย หวั่นไหวทั้งใจแบบนี้ ยิ่งคิดยิ่งโมโหเมื่อใบหน้าเจ้านายรูปหล่อลอยเข้ามาในความคิด... เมื่อวานจะปล้ำเราแท้ๆ ไอ่เราก็อุตส่าห์จะไม่โกรธ แล้วยังมาทำปั้นปึงกับเราอีก เล่นตัวมากๆ ผมจะไม่คุยด้วยแล้วนะ!!!
ความจริงมันก็เป็นอย่างท่านเจ้าที่ว่า ชีวิตผมมันคงไม่ปกติสุขแน่ๆหากเรื่องราวของบัลเล่ต์มันยังคลุมเครืออยู่แบบนี้ ต่อไปนี้ผมเองก็เริ่มสืบเรื่องราวทั้งหมดอย่างจริงจังสักที ถ้าผมจะรักใครบางคนก็ขอให้ผมรักอย่างสบายใจเถอะนะ...มันไม่อยากอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากพี่ฮั่นเป็นคนที่กล้าทำลายครอบครัวคนอื่นจริงๆละก็ เค้าก็ไม่ใช่คนที่ผมควรจะฝากหัวใจ!!!
“พี่แกงทำไมต้องทำหน้าจริงจัง” เสียงผีน้อยดังขึ้นทำลายกระบวนการคิดทั้งหมด
“บัลเล่ต์...ทำไมไม่กลับไปหาคุณแม่ของบัลเล่ต์บ้าง” ถ้าจะเริ่มก็คงต้องเริ่มที่คุณแพรว ยิ่งผมสามารถติดต่อกับวิญญาณของลูกสาวเค้าได้ มันไม่ใช่เรื่องยากที่ผู้เป็นแม่ซึ่งสูญเสียลูกสาวจะเปิดใจกับผม
“บัลเล่ต์กลับบ้านไม่ถูก...” เสียงใสดูสลดลงไป ผมเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ไปสะกิดแผลที่หัวใจดวงน้อย
“แล้วบัลเล่ต์มาที่นี่ได้ยังไง...” ผมถามด้วยความสงสัย
“ก็บัลเล่ต์ได้ยินคุณแม่ว่าพ่อฮั่นเป็นพ่อแล้วยังหยิบรูปพ่อฮั่นมาร้องไห้ บัลเล่ต์ก็เลยแอบขโมยรูปพ่อฮั่นมาหนึ่งใบ แล้วหนูออม เพื่อนของบัลเล่ต์ก็บอกว่าพ่อฮั่นอยู่ที่ร้านเค้กนี่ บัลเล่ต์ขอให้คุณแม่มาส่งที่บ้านหนูออม แล้วบัลเล่ต์ก็แอบออกมาเอง แล้ว....รถก็ชน” เมื่อฟังผมก็อดสงสารเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้ เรื่องราวของตัวเองซับซ้อนยิ่งนัก แต่กลับมองโลกในแง่ดี มีความสดใสตลอดเวลา...ไม่น่าต้องมาด่วนจากไปเลยจริงๆ
“พี่แกงรู้แล้วว่าจะพาบัลเล่ต์ไปหาคุณแม่ยังไง” อยู่ๆความคิดดีๆก็เกิดขึ้น
ผมขับรถไปที่อนุบาลลูกหมีที่บัลเล่ต์เคยเรียน เพราะถ้าจากโรงเรียนแล้วบัลเล่ต์รู้เส้นทางกลับบ้าน ผมจึงรีบค้นหาแผนที่แล้วออกมาในเช้าวันนี้ทันที บัลเล่ต์บอกทางได้อย่างคล่องแคล่ว จนผมเลี้ยวเข้าไปในย่านหรูที่ราคาประเมินที่ดินเป็นหลักล้านต่อไม่กี่ตารางวา อย่างว่าแหละพี่ต้นดังออกขนาดนั้นไอ่เรื่องรวยผมไม่สงสัยอยู่แล้ว
“นั่นไงบ้านของบัลเล่ต์” ผีน้อยดูเหมือนจะตื่นเต้นมาก ผมเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย บางทีเรื่องทุกๆอย่างอาจคลี่คลายภายในวันนี้ก็ได้ แล้วผมก็จะได้รู้สักทีว่าควรจะทำอย่างไรกับหัวใจตัวเอง....
ผมกดกริ่งหน้าบ้านหลังงาม ที่ไม่ใหญ่โอ่โถงเหมือนบ้านคุณหญิงคุณนายในละคร แต่กลับดูเรียบหรูอย่างลงตัว และก็รอไม่นานก็มีเด็กสาววิ่งมาเปิดประตูให้
“คนนี้คือพี่แมว พี่เลี้ยงของบัลเล่ต์เอง” บัลลต์สดใสเมื่อได้กลับมาสู่อ้อมอกบ้านของตัวเอง
“มาหาใครคะ” อาจเป็นเพราะผมไม่คุ้นตา พี่เลี้ยงของผีน้อยจึงหรี่ตามองอย่างระแวดระวังดูเหมือนนอกจากจะเป็นพี่เลี้ยงแล้ว สาวคนนี้คงเปรียบเหมือนมือขวาของคนที่บ้านนี้เลยทีเดียว
“ผมมาหาคุณแพรวครับ” ผมมองหน้าเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและเปิดเผย ซึ่งทำให้ “พี่แมว” ผายมือเพื่อเชื้อเชิญผมเข้าสู้ด้านใน ผมเดินเข้าไปในบ้านก็พบหญิงสาววัยยี่สิบกลางๆ ที่สวยสง่าในชุดสีเทาเรียบเก๋ มวยผมที่รวบตึงอย่างดีทำให้ใบหน้าเฉี่ยวนั้นดูเฉียบคม
“คุณแม่...”บัลเล่ต์ร้องเสียงดังที่มีแต่ผมได้ยินเพียงคนเดียวเท่านั้น ก่อนจะโผไปร่างสวยนั้นด้วยความคิดถึง
“คุณคนนี้มาพบคุณแพรวค่ะ” พี่ลี้ยงสาวเกิ่นนำ ตาคู่คมหรี่ลงหากแต่ดูมีมารยาท
“เอ่อ...คุณ”
“แกงส้มครับ” ผมบอกชื่อตัวเองพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาชุดหรู
“คุณมีธุระอะไรกับดิชั้น...” คำพูดทิ้งท้ายประโยคบอกบ่งถึงความฉะฉานในการเจรจา ผมไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชายที่หน้าตาดีทั้งสองจะมาดร้ายกันเพราะผู้หญิงที่ทรงเสน่ห์คนนี้
“คือเรื่องที่ลูกสาวคุณเสียชีวิต...ผมหมายถึงบัลเล่ต์ ผมสามารถมองเห็นเธอได้ครับ” ผมเริ่มต้นอย่างไม่อ้อมค้อม ใบหน้าสวยนั้นกลับบึ้งตึงทันที
“คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ???”
“ก็บัลเล่ต์ครับ พาผมมาที่นี่แล้วบอกว่าเป็นบ้านของเค้า... หลังจากที่เค้าตาย-----”
“กรุณาออกไปจากบ้านหลังนี้” เสียงนั้นดูสุภาพหากแต่ซ่อนความเกี้ยวกราดเอาไว้ไม่อยู่
“คือผมพูดความจริงนะครับ วิญญาณลูกสาวคุณอยู่ที่นี่ นั่งข้างๆคุณ” ผมชี้มือไปทางบัลเล่ต์ที่ดูเหมือนจะแปลกใจกับทีท่าของมารดาตัวเองยิ่งนัก
“คุณใจร้ายมากที่กล้าเล่นกับความรู้สึกของคนเป็นแม่แบบนี้ นี่คะ...เงิน แล้วอย่าได้มาที่นี่อีก ไม่อย่างนั้นดิชั้นคงต้องแจ้งตำรวจ” เงินใบละพันจำนวนไม่น้อยถูกโยนลงบนโต๊ะ... ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่า ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ผู้หญิงคนนี้ไม่เชื่อผมเลยแม้แต่น้อย ผมได้แต่เดินคอตกออกจากบ้านหลังงามโดยมีผีน้อยเดินตามมาต้อยๆ
“คุณแม่ไม่เชื่อพี่แกง...” น้ำเสียงนั้นไม่ได้บ่งบอกถึงความเสียใจ แต่เป็นการปลอบใจต่างหาก
“พี่แกงโอเค ชินแล้วแหละ...แต่บัลเล่ต์ไม่เสียใจนะ” ผมถามอีกฝ่ายอย่างเกรงใจ
“เมื่อตะกี้คุณแม่แสดงออกว่ารักบัลเล่ต์ แค่นี้บัลเล่ต์ก็โอเคแล้ว” รอยยิ้มเป็นเครื่องยืนยันคำพูดผีน้อยได้เป็นอย่างดี แต่...ผมจะทำอย่างไนต่อไปในเมื่อทางออกทางนี้ได้ถูกปิดทางลงเสียแล้ว
ในที่สุดผมก็ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการตัดสินใจ... ผมต้องไปหาพี่ต้นเพื่อที่จะได้รู้ทุกๆอย่าง แต่การไปหาพี่ต้นนั้นผมไม่อาจจะพาผีน้อยไปเห็นพฤติกรรมของผู้เป็นพ่อที่คาดว่าจะไม่น่ามองนักเมื่อเห็นหน้าของผม ครั้งนั้นผมปกป้องพี่ฮั่นสุดชีวิต มันไม่เหตุผลใดๆที่คนอย่างผมจะได้รับการต้อนรับเฉกเช่นมิตรในถิ่นของผู้ชายคนนั้น การมาที่ตึกนี้เป็นความฝันของผม แต่มันไม่ใช่วันนี้... ผมเดินอย่างระมัดระวังเพื่อเข้าไปในลิฟต์ตัวหนึ่งที่มีสองหนุ่มหล่อหน้าตาเหมือนกันราวกับฝาแฝด.... เค้าคงเป็นแฝดกันนั้นแหละ!!!
“แกว่างานนี้ทำไมไอ่พี่ต้นเรียกใช้เราว่ะ” หนุ่มทางด้านซ้ายเอ่ยขึ้นมา พอผมได้ยินชื่อพี่ต้นเท่านั้นหูผึ่งทันที
“ลูกค้าขอมามากกว่า...นี่มันคงแค้นมากที่เราทำตัวเป็นหนามยอกอกมันแบบนี้” ชายฝั่งขวาตอบ
“คนอย่างมันนี่นะ...ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ดิบได้ดีขนาดนี้”
“ที่มันทำกับพี่ฮั่น เมื่อไหร่เวรกรรมจะตามสนองมันสักที”
“เดี๋ยวก่อนนะครับ!!!” ผมโพล่งออกไปทันทีที่ได้ยินชื่อ “พี่ฮั่น” ทำเอาสองหนุ่มหันมามองหน้าผมด้วยความตกใจ
“เมื่อกี้พี่สองคนพูดถึงพี่ฮั่นเหรอครับ” ผมถามอย่างช้าๆด้วยความระทึก หนุ่มทางด้านซ้ายกดลิฟต์ให้ลงก่อนที่จะประตูลิฟต์จะเปิด เห็นได้ชัดว่าต้องการจะคุยกับผมมากกว่าที่จะอยากถึงที่หมาย
“ทำไม...น้องมีอะไรกับพี่ฮั่น”
“คือผม....เป็นลูกจ้างในร้านของพี่ฮั่น ไม่รู้ว่าฮั่นเดียวกันรึเปล่า???”
“ไม่หรอกไอ่เอ...พี่ฮั่นเค้าไปอยู่ที่สิงคโปร์ตั้งแต่เกิดเรื่องแล้วนะ ถ้าพี่เค้ากลับมาต้องบอกเราสิ”
“ไอ่บีแกนี่มันโง่จริงๆ...ตั้งแต่เกิดเรื่องพี่ฮั่นไม่ติดต่อเรามาเลยต่างหาก”
“คือพี่ฮั่นของผม ชื่อจริงชื่ออิสริยะ มีน้องสาวชื่อสต๊อป--” ไม่ทันที่จะได้พูดมากกว่านี้ ร่างของผมก็ถูกคว้าไปเขย่าโดยคนที่ชื่อเอ ราวกับเรื่องที่ผมเพิ่งบอกไปเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิต
“จริงเหรอ???....พี่ฮั่นอยู่ที่ไหน”
“บอกก็ได้ครับ แต่แลกกับการที่พวกพี่พาผมเข้าไปหาพี่ต้นนะครับ” ผมต้องการเพียงโอกาสที่เข้าไปพูดคุยกับพี่ต้น...เพื่อปลดแอกความรู้สึกที่มันค้างคาอยู่แบบนี้สักที หากพี่ฮั่นเคยทำอะไรที่ผมไม่สามารถทำใจยอมรับมันได้ ผมก็จะรีบๆทำทุกอย่างให้พี่ฮั่นได้รับรู้ถึงการมีตัวตนของบัลเล่ต์ลูกสาวที่ได้...ตายไปแล้ว จากนั้นผมก็จะไปจากตรงนี้ทันที ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้ตัวเองหวั่นไหวไปกับความรู้สึกกับคนที่ไม่มีสามัญสำนึกทำลายครอบครัวคนอื่นอย่างเลือดเย็นเป็นอันขาด แต่ถ้าทุกอย่างมัน...ดีกว่านั้น ผมคง...ไม่รู้สิ เรียกว่า “เปิดใจ” กับพี่รึเปล่านะ ผมได้ยินนะคำว่า “รัก” ที่มันยังมาไม่หมด หากพี่จะพูดมันอีกครั้ง ...ผมจะรับฟังมันอย่างมีความสุขสักที
ปล. เม้นคนละนิด เพื่อสุขภาพจิตของไรท์ 5555
ใครที่คิดถึงฝาแฝดจอมป่วนเค้าใกล้จะมาแล้วววววว... ส่วนพี่ฮั่นน้องแกง จากนี้จะต้องเจออะไรขวางอยู่ข้างหน้า ก็ช่วยกันติดตามกันหน่อยนะจ๊ะ ^^
ความคิดเห็น