ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รัก- ลืม -ร้าย หัวใจพ่ายเธอ

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12: เอาคืน!!!

    • อัปเดตล่าสุด 26 มิ.ย. 55



    HUNZ talk

    ร่างสูงโปร่งเซถลาเข้าไปในประตูคล้ายนกน้อยปีกหักด้วยน้ำมือของผม เศษแก้วพี่เกลื่อนกระจายเต็มพื้นนั้นจะทิ่มแทงเข้าไปในใจแกงส้มมากเท่าไหร่กัน.... ปีศาจร้ายในใจผมที่ชื่อว่า “ความเห็นแก่ตัว” มันร่ายมนตร์ให้ผมสร้างรอยแผลบาดลึกในใจของคนที่ผมรักอย่างเลือดเย็น หยดเลือดที่หยดตามแรงโน้มถ่วงเป็นทางทำให้ผมอยากจะฆ่าตัวเองให้ตายมันตรงนี้ให้สาสมกับสิ่งที่ทำลงไป

    “แกงส้ม...พี่ขอโทษ พี่เสียใจ” เสียงแหบพร่านั้นไม่อาจจะทะลุข้ามประตูหนานั้นไปได้ ผมไม่อาจจะตะโกนออกไปเพราะมันคงทำให้หัวใจบอบช้ำที่ร้องไห้อีกฟากประตูนั้นรำคาญใจเสียเปล่าๆ แกงส้มคงไม่พร้อมที่จะรับฟังอะไร เพราะมันเป็นเพียงคำแก้ตัว ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะมาอ้างให้การกระทำที่โหดร้ายของผมมันดูดีขึ้นเลยสักอย่าง แต่พี่แค่อยากบอกว่า...พี่รักแกงส้มสุดหัวใจเท่านั้นเอง

    ผมเอาหูแนบที่บานประตู...เผื่ออาจจะได้ยินเสียงของแกงส้มบ้าง ผมนึกเจ็บใจตัวเองที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดแกงส้มมากมายแต่ผมก็เลือกที่จะทำลายโอกาสนั้นให้พังครืนตรงหน้าด้วยน้ำมือของตัวเอง เพราะความไม่มีสติแท้ๆ ที่ทำทุกอย่างให้เลวร้ายแบบนี้ คิดจะหันหลังกลับไปที่ห้องนอนตัวเอง แต่หากพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาแล้วแกงส้มหายไป...ผมจะอยู่ได้อย่างไร ผมตัดสินใจนั่งทอดกายยืดขายาวขวางประตูห้องของแกงส้มไว้ ต่อให้คืนนี้จะหนาวเหน็บเท่าไหร่ ผมก็จะไม่ลุกไปจากตรงนี้ ผู้ชายคนนี้ไม่พร้อมที่จะเสียแกงส้มไป ผมทำทุกอย่างเพื่อรั้งเวลาทุกวินาทีของเราให้ยาวนานขึ้น ผมจะนอนอยู่ตรงนี้เมื่อแกงส้มเปิดประตูออกมาผมจะขอเอ่ยคำว่าขอโทษก่อนที่แกงส้มจะเดินหนีผมไป... หลับฝันดีนะ พี่อยู่ตรงนี้ไม่ว่าแกงส้มจะต้องการหรือไม่....

     

    HUT talk

    มันเกิดอะไรขึ้นกับผม ทุกอย่างมันรวดเร็วและเลือนรางเหลือเกิน มันเจ็บใจตัวเองที่เสียทีให้กับเรื่องแบบนี้ ผมรู้ว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่ด้วยความเป็นลูกผู้ชายผมจะพูดออกไปได้อย่างไรว่าเป็นแผนร้ายของผู้หญิงที่กำลังคว้าเสื้อคลุมมาห่อหุ้มร่างและหันมายิ้มอย่างเป็นต่อ...

    “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะพี่ฮัท” อลิซแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวานพร้อมนั่งลงที่เตียงข้างๆผม

    “พี่จะรับผิดชอบทุกอย่าง” ผมหันไปมองหน้าสาวสวยด้วยสายตาเย็นเฉียบ ทุกอย่างมันเกิดจากร่างกายของผม มันเป็นความผิดของผมที่ไม่อาจต่อต้านฤทธิ์ยาที่กระตุ้นความต้องการนั้น อลิซหัวเราะราวกับกับว่าคำพูดของผมมันน่าขัน...

    “โธ่...เรื่องแบบนี้ไม่มีใครมาจริงจังแล้ว” อลิซก้มหน้ามาลูบไล้ใบหน้าผมอย่างยั่วยวน

    “มันเป็นความต้องการของร่างกายเรา อลิซไม่เอามันมาผูกมัดหัวใจใครหรอก อลิซรักพี่ฮัทและอยากให้พี่รักอลิซจริงๆไม่ใช่เพราะต้องการรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น” อลิซค่อยๆโน้มหน้ามาหาผม แต่ผมรีบพลิกตัวคว้าผ้าห่มมาพันร่างที่เปล่าเปลือยก่อนจะหยิบเสือผ้าเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่หันมามองร่างงามนั้นอีก ต่อให้ผู้หญิงคนนี้จะสวยงามมากว่านี้เป็นร้อยเป็นพันเท่า ผมก็ไม่อาจจะฝืนใจรักได้

    ผมเดินลงมาอย่างรีบเร่งไม่อยากอยู่ที่ตรงนี้อีกแล้ว ร่างบางที่ดูร้อนรนอยู่ข้างบันได้ตกใจเมื่อเห็นผม สมายล์ทำไมถึงทำกับพี่แบบนี้ ผมอยากจะจับตัวน้องสาวมาถามถึงความคิดที่ทำแบบนี้ลงไป

    “สมายล์” ผมร้องเรียกร่างเล็กนั้น ที่กำลังเดินหันหลังเพื่อหนีจากการเผชิญหน้า

    “ทำไมถึงทำแบบนี้” ผมตัดพ้อน้องสาวด้วยความคับแค้นใจจากเรื่องที่เกิดขึ้น สมายล์เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เลือกที่จะเดินหันหลังให้ผมไป ปล่อยให้ผมเคว้งคว้างอย่างมึนงง ผมเดินอย่างล่องลอยเพื่อขึ้นไปบนรถขับออกไป ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเฟรมผุดขึ้นมาให้หัวของผม เฟรม...พี่จะมองหน้าเต็มตาเราได้ยังไง ในเมื่อความผิดมันทำให้พี่รู้สึกผิดในหัวใจแบบนี้ ผมแค่อยากได้ยินเสียงนั้นสักครั้ง

    “ฮัลโหล...พี่ฮัท” น้ำเสียงสดใสทักทายตามสายมา

    “ทำอะไรอยู่” ผมถามคำถามที่ดูธรรมดาด้วยน้ำเสียงที่ข่มให้ราบเรียบเป็นปกติ

    “กำลังเคลียร์บัญชีอยู่ แต่ก็จะเสร็จแล้วแหละ โทรมาทำไมคิดถึงเค้าเหรอ???” ท้ายประโยคเฟรมลากเสียงยาวดูน่ารัก ผมเจ็บใจตัวเองยิ่งนัก ความรักของเรามันวุ่นวายไม่พออย่างไรกัน ทำไมต้องสร้างเรื่องให้มันยุ่งยากมากขึ้นด้วย แค่เพียงผมควบคุมตัวเองได้

    “พี่ฮัทมีอะไรรึเปล่า???” คงเป็นเพราะผมไม่ตอบคำถามก่อนหน้านี้ทำให้เฟรมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

    “พี่รักเฟรมนะ...ไม่ว่าจะยังไงพี่ก็รักเฟรมเพียงคนเดียว” ผมพูดออกไปถึงแม้มันจะไม่ตรงกับคำถามที่เฟรมถามแต่มันคือคำพูดที่หัวใจของผมดวงนี้อยากจะบอกให้หญิงสาวอันเป็นที่รักฟังมากที่สุด

    “พี่ฮัทไม่สบายรึเปล่าเนี่ย” เฟรมพูดน้ำเสียงแปลกใจกลั้วหัวเราะในลำคอ

    “พี่พูดจริงๆ” ผมยืนยันอีกครั้ง เฟรมนิ่งเงียบไปสักพัก

    “เฟรมก็เหมือนกันคะ รักพี่ฮัทมาก ชีวิตนี้เฟรมคงรักใครไม่ได้อีก พี่ฮัทเราสองคนสัญญานะว่าจะไม่ทิ้งกันหรือว่าทำให้อีกฝ่ายเสียใจ” เฟรมตอบกลับมาด้วยถ้อยคำอ่อนหวาน แต่มันช่างทรมานใจผมเหลือเกิน ถึงแม้ว่าอลิซจะไม่ถือเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อต่อรอง แต่ลางสังหรณ์ของผม...แน่ใจว่า เรื่องนี้จะต้องเป็นปัญหาของความรักระหว่างผมกับเฟรมไม่วันใดก็วันหนึ่ง.... ตอนนี้ผมได้แต่รับปากเฟรมไปทั้งที่รู้ว่าตัวเองพลาดพลั้งอย่างใหญ่หลวง มันเจ็บที่ต้องสัญญาในสิ่งที่เราทำไม่ได้ ผมไม่อยากทำให้เฟรมต้องผิดหวังในตัวผม ไม่อยากเป็นต้นเหตุความเสียใจ ผมควรจะก้าวไปทางไหนในทางอันแสนมืดมนนี้....

     

    การขยับตัวเพื่อตื่นขึ้นมาวันนี้มันช่างยากเย็นเหลือเกิน ผมไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้วต้องมาเห็นหน้าพี่ฮั่นเลย คนอะไรก็ไม่รู้อารมณ์ยังกะพายุ ผมก็คนนะ ทำไมต้องเอาตัวเองมาตัดสินว่าผมควรรู้อะไรไม่รู้อะไร ไม่ตอบก็ไม่ว่าจำเป็นต้องมาทำร้ายกันเหรอ??? คิดแล้วมันเคืองจริงๆ แผลที่แขนก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมาก แต่ที่มันกลัดหนองคือหัวใจ พี่ฮั่น...พี่ได้ฝากร่องรอยบาดแผลไว้ที่หัวใจผมแล้วพี่รู้ตัวรึเปล่า ผมทำทุกอย่างประวิงเวลาให้เชื่องช้า ไม่รู้จะต้องทำหน้ายังไง ผมโกรธพี่ฮั่นจริงๆนะ ไม่คิดว่าคนที่บอกว่ารักกันจะทำร้ายกันได้ลงคอ พี่ฮั่นถ้าพี่ทำร้ายผมได้ขนาดนี้ ผมเองก็จะทำให้รู้ว่าคนอย่างผมมีค่าควรที่รัก ถ้าคิดว่าได้หัวใจกันไปแล้วจะเหยียบย่ำกันยังไงก็ได้...พี่คิดผิด

    “เอ๊ยยยย!!!” ผมร้องออกมาเบาๆ เมื่อเปิดประตูแล้วเห็นร่างสูงนอนทอดตัวขวางประตูไว้ ดูจากความยับเยินแล้ว พี่ฮั่นคงนอนอยู่ตรงนี้ทั้งคืน...บ้ารึไง!!! ยุงเยอะแบบนี้มีหวังได้เป็นไข้เลือดออกตายกันพอดี คิดว่าทำเท่แบบนี้แล้วเราจะซึ้งใจละซิ ผมก้มมองแขนที่เป็นแผลจากแรงโทสะของคนๆนี้ ทำให้หัวใจของผมแข็งกร้าวขึ้นมา

    “มานอนทำไมตรงนี้” ผมพูดเสียงแข็งเพื่อเป็นการปลุกร่างสูงใหญ่ที่นอนหลับใหลอยู่ ร่างนั้นกระพริบเปลือกตาก่อนขยับร่างกายอย่างอ่อนแรง

    “แกงส้ม...พี่ขอโทษ” หลังจากจัดระเบียบสติของตัวเองพี่ฮั่นก็เงยหน้ามองผมพร้อมพูดคำแรกของวันออกมา ผมเองก็อยากจะให้อภัยเสียเลยมันตรงนี้ เพราะสงสารตนรักจับใจ แต่...อย่าให้เสียความตั้งใจแกงส้ม ผู้ชายคนนี้ต้องการบทเรียนครั้งใหญ่ เสียงดังจากห้วงความคิดแทรกขึ้นมา

    “ขอโทษเรื่องอะไร” ผมพูดเสียงสะบัดเอนตัวพิงกรอบประตูอย่างไม่ยี่หระต่อแววตาคู่นั้น

    “เรื่องที่พี่ทำให้แกงส้มเจ็บตัว พี่ขอโทษพี่ไม่ได้ตั้งใจ” พี่ฮั่นยันกายลุกขึ้นเพื่อให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับผม ผมเลือกที่จะก้มมองปลายเท้าตัวเองเพื่อหลบสายตาแรงกล้า

    “คนเราทำอะไรไป... ก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจมันสมควรแล้วเหรอ? สิ่งที่ทำลงไปมันล้างได้ง่ายๆเหมือนถ้วยจานที่มันเปรอะมันเปื้อนงั้นสิ พี่ฮั่นพี่ตีค่าความต้องการของตัวเองสูง และตีค่าความรู้สึกของคนอื่นต่ำไป โดยเฉพาะผมคนที่พี่เพิ่งบอกกันว่ารัก” คำพูดที่เจ็บแสบนั้นพรั่งพรูออกมาจากปากผมเพราะความคับแค้นใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดจะทำอะไรให้พี่ฮั่นต้องลำบากใจ แต่สิ่งที่เค้าทำกลับคืนมาสิ!!!

    “พี่รู้ว่าสิ่งที่พี่ทำลงไปมันเลวร้าย พี่ไม่ขอให้แกงส้มเห็นใจแต่พี่แค่ขอโอกาสแก้ตัวสักครั้ง ไม่ว่าแกงส้มจะด่าให้พี่เจ็บช้ำน้ำใจหรือตีพี่ทุบพี่ยังไงก็ได้ พี่แค่ขอให้แกงส้มบอกมา ทางไหนที่จะทำให้แกงส้มยกโทษให้พี่ พี่พร้อมทำให้ได้ทุกอย่าง” พี่ฮั่นอ้อนวอนอย่างน่าสงสารผ่านทางน้ำเสียง

    “คนที่คิดหาทางทำให้คนอื่นเจ็บช้ำได้ ทำไมจะคิดหาทางให้หายโกรธไม่ได้ละ” ผมโต้ไปอย่างก้าวร้าวก่อนเดินลงไปหาเจ้าบุญหลงนกน้อยที่ดูเหมือนจะกลายเป็นคนที่เข้าใจผมมากที่สุด เจ้าบุญหลงตอนนี้กลายเป็นนกหนุ่มน้อย ที่เพิ่งตีปีกหันบินในกรงอย่างแข็งขัน ลวดลายสีขาวบนลำตัวสีดำสนิททำให้รู้ว่าเจ้าบุญหลงคือนกกางเขน ผมนั่งลงที่ข้างๆกรงส่งแมลงให้เจ้าบุญหลงด้วยความเอ็นดู คงเพราะผมกับมันไม่ต่างกันเลยทำให้ผมรักมันแบบนี้ บุญหลงคือนกที่อยู่ในกำมือมนุษย์อย่างผม ส่วนผมคือมนุษย์ที่อยู่ในมือพี่ฮั่นอีกที แต่เราต่างกันตรงที่ว่า ผมจะไม่มีทางทำร้ายเจ้าบุญหลงในเจ็บช้ำใจเป็นอันขาด

    “อรุณสวัสดิ์แกงส้ม” เสียงดังทักทายมาแต่ไกลนั้นคือเสียงของคู่แฝดนั่นเอง

    “หายเมาค้างรึยังครับ” ผมถามแกมหยอกสองหนุ่มหน้าคมนั้น

    “ยังมึนๆอยู่นิดหน่อย แล้วแขนเป็นอะไร” พี่เอเหลือบมาเห็นแขนผมพอดี ผมเองก็ซ่อนมันไว้ไม่ทัน

    “แกงส้มไปโดนอะไรมา โหยยย...เป็นทางยาวเลยนะ” พี่บีเสริมขึ้นมาอย่างเป็นห่วง ผมได้แต่ส่งยิ้มเหยๆ กลับไปแทนคำตอบ ก่อนจะเลี่ยงเดินขึ้นมาบนบ้านแต่สองหนุ่มก็ไม่ละความพยายาม

    “ไปโดนอะไรมา บอกพี่มาทีสิ” พี่บีถามเสียงสูง คงเหลืออดกับท่าทางที่ดูลับลมคมในของผม

    “พี่ครับ ผมหิวข้าวท้องร้องจ๊อกๆเลย” ผมเลยแกล้งเฉไฉร้องบอกว่าหิวข้าว พี่เอกับพี่บีมองหน้าผมอย่างรู้ทัน

    “แกงส้ม” พี่เอเรียกชื่อผมเหมือนให้สัญญาณว่า ชั้นใกล้จะหมดความอดทนแล้วนะ

    “ผมหิวข้าว ผมหิวข้าว ผมหิวข้าว ผมหิวข้าว...” ผมตั้งหน้าตั้งตาท่องราวกับกับนกแก้วนกขุนทองเพื่อไม่ให้สองแฝดได้มีช่องซักไซ้ไล่เรียง

    “ไปหาอะไรไปให้น้องทานสิ” เสียงมีพลังที่ช่างแตกต่างกับคนที่ขอร้องให้ผมยกโทษให้เหลือเกิน

    “ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่อยากทานอาหารฝีมือพี่เอพี่บีวันนี้” ผมขัดคอขึ้นมา

    “อ้าว...แกงส้มจะทำเองเหรอ” พี่บีถามขึ้นมา แต่แอบมีรอยยิ้ม

    “ไม่ครับ... ผมเองก็จะไม่ทำเหมือนกัน ผมอยากรู้ว่าแล้วผมจะหายหิวได้ยังไง” ผมกันไปสบตาอย่างท้าทายกับพี่ฮั่น พี่ฮั่นมองหน้าผมขมวดคิ้วอย่างทุกข์ใจก่อนจะเดินอาดๆเพื่อที่จะเข้าไปในห้องครัวโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ผมเดินไปนั่งรอที่โต๊ะทานอาหารอย่างสะใจ

    “แกงส้มนี่มันเรื่องอะไรกัน” พี่บีเดินมาถามอย่างสับสน พี่เอก็เดินตามมาเพื่อรอฟังคำตอบ

    “ผมก็แค่อยากเอาคืนคนที่แสนเอาแต่ใจบ้าง ก็แค่นั้น” ผมตอบยิ้มๆ พี่เอกับพี่บีทำหน้าชอบกล

    “เฮ้ยยยยย!!! โครมมมมมมมม... ฉ่า.....” เสียงดังมาจากข้างในห้องครัว ให้ตายเหอะพี่ฮั่นพี่ทำอะไรเนี่ย พวกผมสามคนหันมองหน้ากันทำตาโตอย่างตกใจ

    “ไฟไหม้..............” เสียงพี่ฮั่นตะโกนเสียงดังโหวกเหวก พวกผมเลยวิ่งไปดูทันที สภาพที่เห็นคือพี่ฮั่นในชุดผ้ากันเปื้อนกำลังต่อสู้กับกระทะที่มีไฟลุกท่วมสูงหัว ในมือพี่ฮั่นมีเพียงตะหลิวกับฝาหม้อเป็นอาวุธ ผมรีบวิ่งไปปิดเตาจากนั้นไฟก็ค่อยๆดับลงโดยอัตโนมัติ ผมถึงได้ยินเสียงหัวเราะร่วนปานใจจะขาดของพี่น้องคู่น้องคู่แฝด เมื่อหันไปมองต้นเหตุของเรื่องปั่นป่วนผมก็แทบกลั้นหัวเราะไม่ไหว พี่ฮั่นที่อยู่ในสภาพมอมแมมเพราะเขม่าเกาะเต็มหน้า ผมที่ถูกจัดแต่งมาเป็นอย่างดีกลายเป็นหน้าม้าที่ส่งให้รูปหน้าขาวใสที่ดูร้ายกลายเป็นเด็กน้อยทันที ยิ่งในมือถือตะหลิวกับฝาหม้อแล้ว... ไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไม พี่เอและพี่บีถึงได้ขำกันหนักหน่วงขนาดนี้

    “ขำกันพอรึยัง” น้ำเสียงเยือกเย็นนั้นทำเอาสองหนุ่มหยุดหัวได้ชะงักทันที พี่ฮั่นทิ้งตะหลิวกับฝาหม้อลงพื้นเสียงดังก่อนถอดผ้ากันเปื้อนขว้างใส่หน้าสองหนุ่มนั้นอย่างหัวเสียแล้วเดินออกไปจากห้องครัว...

    หรือว่าผมจะแกล้งพี่ฮั่นแรงเกินไปนะ ผมมองตามร่างสูงนั้นที่เดินออกจากไป ผมต่างหากที่ควรจุต้องถูกง้อแล้วมันเรื่องอะไรกันที่ผมจะต้องไปตามคนเอาแต่ใจคนนั้น!!!  โธ่เว้ยยยยย...ยังไงก็ไม่สบายใจอยู่ดี ถ้าผมต้องรังแกพี่ฮั่นแบบนี้แล้วตัวเองต้องมากระวนกระวายใจมันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสนุกกับมันเลย มันจึงตัดสินสาวก้าวรีบวิ่งตามร่างนั้นทันที

     

    HUNZ talk

    ผมเจ็บใจจริงๆ ไม่ใช่เพราะแกงส้มหรือคู่แฝดนรกนั่นหรอกครับ มันเพราะตัวผมเองต่างหากที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่องอะไรเลย แค่ทำอาหารให้แกงส้ม ผมก็ไม่มีปัญญาแถมยังทำเรื่องวุ่นวายปั่นป่วนไปหมด ผมรีบคว้าจักรยานๆปั่นผ่านไร่ด้วยความเร็วไปยังจุดชมวิวดอกไม้สีเหลืองสบายตาคงช่วยให้อารมณ์ที่เกิดขึ้นในหัวใจลดลงไปได้บ้าง ผมแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่อง ไม่อยากทำอะไรผิดพลาดต่อหน้าคนที่ผมรักเลย ผมจอดจักรยานแล้วทรุดตัวเอย่างเหนื่อยอ่อนลงที่ใต้ต้นไม้ที่พบเจ้าบุญหลง ไม่นานนักที่จะได้มีเวลาคิดเรื่อยเปื่อย เสียงจักรยานที่ตามมาพร้อมๆร่างสูงบางดูเหนื่อยหอบจนใบหน้าของแกงส้มดูเป็นสีแดงระเรื่อๆ

    “พี่ฮั่น....” แกงส้มเดินก้าวเข้ามาหาผมเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเมื่อเช้ามากแต่ก็ไม่ใช่สำเนียงที่อ่อนหวานดังเช่นเคย ผมตวัดสายตาไปทางอื่น อย่าเพิ่งมาตอกย้ำอะไรกันตอนนี้เลยแกงส้ม

    “พี่ขออยู่คนเดียวได้มั้ย???...ถ้าจะกรุณา” ผมตอบเสียงเรียบ แต่ร่างบางนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม

    “ผมจะอยู่เงียบๆ เหมือนพี่อยู่คนเดียวเลย” แกงส้มตอบกลับมาอย่างน่ารัก ผมอดที่จะเหลือบไปมองใบหน้าไร้เดียงสานั้นไม่ได้ แกงส้มทอดสายตามองไกลใบหน้านั้นอมยิ้มน้อยๆ

    “มีความสุขเหรอ?” ผมถามออกไปและรู้ตัวว่าซ่อนหางเสียงที่ดูประชดประชันนั้นไว้ไม่มิด

    “มี” แกงส้มตอบกลับมาสั้นๆ แต่สายตานั้นก็ยังคงมองไกลไปยังจุดๆเดิม

    “มีความสุขเรื่องอะไร...เรื่องที่พี่ทำตัวเหมือนตัวตลกให้เราหัวเราะงั้นเหรอ?” ผมพูดออกไปเสียงแข็งแกงส้มเลิกคิ้วหันกลับมามองหน้าผม

    “มีความสุขที่ได้รู้ว่าอย่างน้อยๆ ก็มีคนหนึ่งคนที่ไม่ยอมให้ผมอดตายแม้ว่าเค้าคนนั้นจะทำอาหารไม่เป็น พี่ฮั่นว่าผมควรจะมีความสุขรึเปล่าละ” แกงส้มเอื้อนเอ่ยคำที่ดูจริงใจ ไม่มีหางเสียงอันอ่อนหวาน แต่หัวใจผมก็พองโต จนอดที่จะรวบร่างที่ทำให้เกิดอาการแบบนี้ไว้แนบอกไม่ได้

    “พี่ฮั่น...ผมแค่บอกว่าผมมีความสุข ไม่ได้บอกว่ายกโทษ......” ก่อนที่แกงส้มจะร้องโวยวายจบประโยค ผมก้มลงปิดปากนั้นด้วยรอยจูบที่หนักหน่วง แกงส้มเองก็ไม่ได้ขันขืนแต่อย่างใด ผมพลิกเอาตัวแกงส้มนอนบนพื้นที่เต็มไปด้วยหญ้าที่รองรับราวกับพรมราคาแพง ผมค่อยๆถอนริมฝีปากนั้นออกจากใบหน้าไร้เดียงสานั้น

    “แกงส้มพี่ขอโทษนะที่ทำให้แกงส้มต้องเสียใจ” ผมก้มลงกระซิบข้างๆหูแกงส้มอย่างแผ่วเบา

    “พี่ฮั่นอย่าทำร้ายผมอีกรู้มั้ย? ผมเจ็บนะ” แกงส้มพูดเสียงขาดหายคล้ายกำลังจะร้องไห้

    “พี่ขอโทษพี่จะไม่ทำให้แกงส้มต้องเจ็บอีกเด็ดขาด เจ็บที่แผลสินะไหนขอพี่ดูหน่อย” ผมคว้าแขนขึ้นมาแต่แกงส้มส่ายหน้าเบาๆ ผมขมวดคิ้วเพราะความสงสัย

    “ที่บอกว่าเจ็บไม่ใช่ที่แผล แต่เพราะแค่คิดว่าพี่ฮั่นเป็นคนทำร้ายผม หัวใจผมก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ให้ใครมาทรมานผมแค่ไหนก็ไม่เจ็บเท่าพี่ฮั่นผลักไสผมเบาๆเพียงครั้งเดียว” แกงส้มยกมือมาลูบไล้ใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน เหมือนคำขอร้องที่มากจากก้นบึ้งของหัวใจ สายตาที่เจ็บปวดนั้นทำให้ผมกอดกระชับแกงส้มไว้แน่นๆ

    “พี่ขอโทษนะ... พี่อาจจะเป็นคนไม่ดี ใจร้อน ใจร้าย แต่จากนี้ไปพี่ยอมตายถ้าต้องทำให้แกงส้มต้องเจ็บอีกครั้ง พี่เองก็ไม่อาจจะทนเห็นแววตาที่เฉยชาของแกงส้มได้ ถ้าไม่รักพี่อย่าปล่อยพี่ไว้เลย ฆ่าพี่ให้ตายดีกว่า” ผมจูบเบาที่ซอกคอของแกงส้มเพื่อถ่ายทอดความรักที่พรั่งพรูออกมาจากจิตใจ ผมไม่สนแล้วว่าแกงส้มจะอะไรได้หรือไม่ ผมขอสาบานต่อฟ้าดิน นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปผมจะมีหน้าที่รักและทำทุกอย่างให้แกงส้มมีความสุข ถึงแม้จะต้องแลกทั้งชีวิตของผมเพื่อรอยยิ้มเพียงครั้งขอแกงส้มก็ตาม....

     

    ปล. อัพเสร็จแล้วจ้า ระหว่างรอประกาศผลนี้ไรเตอร์จะปั่นให้ทุกคนอ่านให้ฉ่ำปอดกันเลยทีเดียว แต่ขอให้มีกำลังใจเล็กๆน้อยๆส่งกลับมาด้วยการเม้นการโหวตสักนิดสักหน่อยนะจ๊ะ ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×