คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11: แกงเห็นผี (2)
STOP talk
“ขอบคุณพี่แคนมากนะคะ...ที่มาส่งถึงบ้าน สต๊อปติดหนี้พี่แคนหลายครั้งแล้ว” ชั้นเอ่ยคำขอบคุณก่อนพี่แคนจะกลับ พี่แคนส่งรอยยิ้มรับคำขอบคุณอย่างอบอุ่น
“เป็นไรหรอก มันเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้ว” ก็ยังคงความอบอุ่นแสนดีไว้เหมือนเดิมนะ ผู้ชายคนนี้...
“สต๊อปไม่ไปส่งนะคะคงเดินกลับเองลำบาก พี่แคนช่วยปิดประตูหน้าบ้านให้ด้วย” ชั้นจึงสั่งทุกอย่างพร้อมสรรพ พี่แคนมองหน้าชั้นก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ
“ที่พูดซึ้งๆ เนี่ย เพราะจะใช้พี่ใช่มั้ย????” พี่แคนพูดอย่างรู้ทัน
“ก็แหม...นิดนึง”
“ครับ เดี๋ยวพี่ปิดประตูให้ ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆนะ ทานยาด้วย” พี่แคนมองหน้าพร้อมกำชับ ชั้นพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม เอ๊ะยังไง!!!.... มันดูแปลกๆเนาะ ทำไมมันเหมือนคนเป็น “แฟน” ลากันยังไงก็ไม่รู้... แต่ถึงจะมีความคิดที่ทำให้เขินอายแต่ชั้นก็ยังโบกมือให้พี่แคนอย่างเริงร่า และมองตามร่างนั้นจนลับสายตา ถ้าเราไม่รู้ว่าพี่แคนชอบใคร..เราอาจจะ---บ้าน่าสต๊อป คิดอะไรไปเนี่ย???
เสียงกุกกักเป็นสัญญาณว่าพี่ชายสุดที่รักถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย ชั้นค่อยเดินกะเผลกไปหา พี่ฮั่นเลิกคิ้วมองชั้นด้วยความเป็นห่วงก่อนจะรีบโผตัวเข้ามาประคองให้มานั่งชุดโซฟารับแขก
“แล้วทำไมไม่พักผ่อน เดินไปมาอยู่ได้” พี่ฮั่นทำเสียงดุแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก
“งูกัดนิดเดียว ทำเหมือนโดนช้างเหยียบ” ชั้นแกล้งกระเซ้าพี่ฮั่นหันมาเอากำปั้นทุบหัวเบาๆ
“ปากดีนัก...แล้วกินอะไรรึยัง???” พี่ฮั่นคว้าคอชั้นไปพิงอย่างเอ็นดูก่อนจะเอ่ยปากถาม
“เรียบร้อยแล้ว ก่อนพี่แคนไปเค้าทำอาหารให้ทานก่อน” ชั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟัง
“แสดงว่านายคนนี้ใช้ได้นะเนี่ย” พี่ฮั่นซึ่งนานๆทีจะออกปากชมเพศเดียวกัน ชมพี่แคนอย่างจริงใจ
“ก็นั่นแหละ สต๊อปถึงจะช่วยเค้าให้สมหวังกับแกงส้ม” ชั้นบอกเสียงเรียบ แต่พี่ฮั่นกลับเบิกตากว้างตกใจจนเว่อร์ ทำหน้าซะเหมือนพี่แคนจะมาจีบตัวเองยังงั้นแหละ
“อะไรนะ... เราจะไปยุ่งกับเค้าทำไม” พี่ฮั่นพูดเสียงรัว ชั้นขมวดคิ้วมองหน้าพี่ชาย
“ก็เห็นเค้าเหมาะกันดี แกงส้มก็น่ารัก พี่แคนก็แสนดี” ชั้นอ้างเหตุผล แต่ดูแววตานั้นคงไม่ยอมรับ
“ซื่อกับบื้อหน่ะสิ เดินไปด้วยกันจะพากันตกท่อตายรึเปล่าไม่รู้” พี่ฮั่นพูดอย่างมีอารมณ์ นี่...เค้าเป็นอะไรเนี่ย??? หัดยุ่งเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“แล้วทำไมต้องโวยวายเสียงดังด้วยห๊ะ!!! ปกติไม่เห็นจะยุ่งเรื่องของคนอื่น” ชั้นบ่นพี่ชาย
“ก็...ก็...แกงส้มมันก็เด็กในร้าน พี่เป็นห่วงมัน” พี่ฮั่นเสียงดัง
“แล้วพี่แคนไม่ดีตรงไหน... เค้าซื่อก็ดีแล้ว จะให้แกงส้มคบกับพี่แบบนั้นเหรอ???” ชั้นเถียง
“แล้วถ้าแกงส้มจะคบกับพี่มันจะเป็นยังไง” พี่ฮั่นถามอย่างเหลืออด
“ก็...พี่ฮั่นเจ้าเล่ห์ ชอบใครก็ไม่นาน แล้วแกงส้มมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนจริงจังรักจริง แล้วมันจะเหมาะกันได้ยังไง คบไปแกงส้มก็มีแววเสียใจตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเลย” ชั้นใส่เป็นชุด แววตาพี่ฮั่นมีแววระริก หรือชั้นว่าพี่ชายของตัวเองมากไป...ชั้นจึงส่งสายตาเชิงขอโทษไป
“พี่ว่าเราขึ้นไปนอนเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่ง” เสียงเรียบนั้นมันทำให้รู้ว่าประโยคนั้นคงทำให้พี่ฮั่นคิดมาก
HUNZ talk
ผมทิ้งกระเป๋าใบกะทัดรัดคู่ใจลงบนเตียง ก่อนทิ้งตัวพิงผนังข้างๆอย่างอ่อนแรง วันนี้ผม “พลาด” อีกแล้ว ผมทำอะไรตามความรู้สึกตัวเองไปอย่างไม่น่าให้อภัย ยับยั้งชั่งใจ...สะกดไม่เป็นรึไงว่ะ!!! นี่ถ้ายัยสต๊อปและผองเพื่อนไม่มาขัดจังหวะคงไม่เปลื้องผ้าเจ้าเด็กหน้าใสนั้นไปแล้วเหรอ???... แกงส้มเองก็เหมือนกัน คิดอะไรอยู่นะ... ไม่ด่าทอต่อว่าอะไรสักคำ หรือว่ากลัวผมไล่ออก ป่านนี้ไม่คิดว่าผมเป็นเจ้านายหื่นกามไปแล้วรึไง..... ใบหน้าไร้เดียงสานั้นมันทำให้ผมเกินห้ามใจจริงๆ ความไร้เดียงสานั้นแหละที่ทำให้ผมอยากเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว แค่ลูกค้าจับมือ...แค่นั้นผมยังทำใจไม่ได้ แกงส้มจะรู้มั้ย???...ว่าผมหวงเค้าแค่ไหน แต่ก็นั่นแหละ ผมมีสิทธิ์อะไร??? ยิ่งคำพูดของน้องสาวคนสวยก็ทำเอาผมคิดหนัก หรือว่าผมจะเป็นตัวอันตรายกับแกงส้มจริงๆ นับตั้งแต่ผมถูกทำร้ายจากคนที่ผมรักสุดดวงใจ จากนั้นผมก็ไม่เคยคบใครได้นาน มันไม่ใช่เพราะอยากแก้แค้นผู้หญิงแต่อย่างใด ผมแยกแยะออกว่าคนเราไม่ได้เหมือนกันทั้งโลก มันคงเป็นเพราะผมรักคนยาก...แต่ง่ายกับความสัมพันธ์ทางร่างกาย เมื่อมาถึงจุดที่ผมเห็นว่าไม่อาจจูงมือคนๆนั้นก้าวข้ามสู่ประตูแห่งความจริงจัง ผมก็ไม่รีรอที่จะตัดสินใจตามความรู้สึกซึ่งบางครั้งก็ทำให้ใครต่อใครเสียน้ำตาอย่างมากมาย
แต่เมื่อลองทบทวนหัวใจตัวเองแล้วสำหรับคนๆนี้ “แกงส้ม” ผมรู้ดีว่าไม่ใช่ มันไม่เหมือนคนอื่นๆ แววตาอ่อนใสที่แฝงความฉลาดหลักแหลมมันทำให้หัวใจที่ด้านชากับความรักกลับมา “เต้นแรง” อีกครั้ง ริมฝีปากนั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากครอบครองหรือฝากบทรักแต่อย่างใด...แค่ผมอยากให้ร่างสูงโปร่งนั้นรับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่มันทะลักออกมาล้นใจเมื่อยามที่เราสบตาในห้วงความอ่อนไหว ผมเคยแต่แสดงความรัก “เกินจริง” กับคนที่ผ่านเข้ามาแต่แกงส้มเป็นแรกที่ผมรู้จักกับคำว่า “เก็บ” ความรู้สึกเอาไว้ข้างใน ดังนั้นผมคิดอย่างเข้าข้างตัวเองว่าไม่แปลกหรอก....หากเกิดเหตุการณ์ลุกลามเมื่อเราเข้าใกล้กันจนเคมีในหัวใจของผมมันปะทุดังเช่นวันนี้เป็นต้น ตามหลักการที่ว่า อะไรที่มันถูกกดเอาไว้มันยิ่งระเบิดออกรุนแรงเป็นธรรมดา
สรุปแล้วต่อให้ผมเองห้ามใจตัวเองยังไง สุดท้ายเมื่อมันมีโอกาสผมก็ทำ “ตามใจ” อยู่ทุกครั้ง....ป่วยการที่จะคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เผลอใจไปลวนลามแกง ผมว่ามันเป็นปัญหาของแกงส้มแล้วแหละ...ว่าจะรับมืออย่างไรกับการลวนลามเวลาผมไม่อาจห้ามใจ!!!
พอได้บทสรุป “แนวทางและนโยบายรับมือแกงส้มแห่งชาติ” ผมก็ยิ้มให้กับความฉลาดและแตกฉานของตัวเองที่คิดปัญหาที่แก้ไม่ตกได้สักที แกงส้ม...นายมีปัญหาใหญ่แล้วแหละ!!!
ผมตั้งสติก่อนออกไปทำงานอย่างยากลำบาก... รู้นะครับว่าสต๊อปไม่สบายแต่ก็หวังใจว่าคุณหล่อนจะมาอยู่ที่ร้าน ผมไม่กล้าอยู่กับพี่ฮั่นสองคนอีกแล้วจริงๆ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่เค้าทำอะไรผม...แต่มันอยู่ที่ทำไมผมถึงปล่อยให้เค้าทำแบบนั้นมากกว่า... ต่อไปนี้จะปล่อยให้หัวใจมีช่องว่างเพื่อความหวั่นไหวไม่ได้อีกแล้ว... เค้าเป็นพ่อบัลเล่ต์ ท่องไว้ๆ
“บัลเล่ต์วันนี้ไปร้านกับพี่แกงนะ ไปหาพ่อฮั่นของบัลเล่ต์ไง” ผมหันไปชวนที่พึ่งสุดท้ายที่จะช่วยทำให้ผมลดอาการเคลิ้มไปได้บ้าง อย่างน้อยก็คงนึกได้ว่าบัลเล่ต์เป็นเด็ก
“ไม่ได้ค่ะ บัลเล่ต์ไปไม่ได้คะ คุณตาเจ้าที่บอกว่าช่วงนี้เกิดภาวะฉุกเฉินบ่อย ห้ามผีเด็กที่อายุต่ำกว่าสิบแปดเข้าร้าน คุณตาบอกว่าพี่แกงรู้ดีนี่คะ” อ๊ากกกกกก!!! ท่านเจ้าที่เอาอีกแล้ว ทำไมต้องมาลงที่ผมด้วยนะ ผมเป็นคนเริ่มที่ไหนกัน เจ้าของร้านเลย...ไม่เกี่ยวกับผม และสุดท้ายผมก็ต้องออกไปทำงานโดยที่บัลเล่ต์ก็ปฏิบัติตามคุณตาเจ้าที่สั่งอย่างเคร่งครัด ทีกับผมนะ...เห็นรั้นตลอด!!!
หลังจากลงจากรถมองซ้ายมองขวาแล้ว ไม่เห็นรถของเจ้าของร้านเลยสักคัน ผมเดินดุ่มๆไปที่ศาลท่านเจ้าที่... ผมว่านะท่านต้องเคยเป็นหน่วยสอดแนมแน่ๆ
“ท่านเจ้าที่...ทำไมทำกับผมแบบนี้” ผมโอดครวญเสียงดัง ท่านเจ้าที่ปรากฏตัวต่อหน้าผม
“เราไปทำอะไรให้...” ท่านเจ้าที่ยังจะมาแกล้งทำไขสือ
“ก็เรื่องนั้นไง ทีตอนเกิดเรื่องท่านทำไมไม่มาห้ามผม...โผล่มาให้ตกใจก็ได้ แล้วยังจะห้ามบัลเล่ต์มาอีก เดี๋ยวมันก็เลยเถิดไปกันใหญ่” ผมบ่นยาวเหยียด
“เราเข้าใจวัยรุ่นมันร้อนแรงแบบนี้แหละ เราเองก็ชอบเห็นคนรักกัน แต่บัลเล่ต์มันยังเด็กเราเกรงว่าจะไม่เหมาะ” ท่านเจ้าที่ตอบกลับมาอย่างใจดี....เอ๊ยยยย!!! รักกันอะไรเล่า...
“ไม่ได้รักกันซะหน่อย นั่นมันพ่อบัลเล่ต์เชียวนะ!!!” ผมพูดเสียงดังอย่างเหลืออด แต่อยู่ๆท่านเจ้าที่ก็หายตัวแวบไปซะอย่างนั้น
“ท่านเจ้าที่ๆ ออกมาคุยกันก่อนสิ ออกมานะไม่งั้นผมจะ----”
“นายมายืนโวยวายอะไรตรงนี้” เสียงทุ้มนั้นทำเอาผมสะดุ้งเฮือก เมื่อหันกลับไปมองพี่ฮั่นก็ส่งสายตาข้องใจระดับสูงสุด ผมได้แต่แกล้งทำหน้าตายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ก็มาบนท่านเจ้าที่ให้วันนี้ลูกค้าให้ทิปเยอะๆ” ผมแถด้วยข้ออ้างสุดแสนจะน่ารัก
“เค้าบนกันเสียงดังแบบนี้เหรอ???...ชั้นก็นึกว่านายทะเลาะกับศาลเจ้าที่ซะอีก” อะไรจะเดาแม่นขนาดนั้นนะ ผมหัวเราะกลบเกลื่อน พี่ฮั่นมองหน้าผมไม่วางตาก่อนจะเดินเข้าไปในร้านด้วยอาการงงๆ ผมละเชื่อเค้าเลยเดินมาถามผมเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นแหละ อ่อ...คงทำแบบนี้กับคนอื่นจนชินสินะ!!!
การทำงานของผมกับพี่ฮั่นวันนี้เรียกได้ว่า “ต่างคนต่างทำงาน” ของจริง แทบไม่มีคำพูดใดๆนอกจาก “เก็บโต๊ะนั้นหน่อย” “นี่ออเดอร์” “ลูกค้าเช็คบิล” ทั้งที่ผมควรจะทำให้ผมหลุดพ้นจากความอึดอัดแต่ทำไมความไม่พอใจลึกๆถึงเหมือนถูกกวนให้ขุ่นอยู่ตลอดเวลา คือ...มันเป็นความรู้สึกเหมือนถูกชนแล้วหนี ก็จูบเราเมื่อวานแล้ววันนี้ก็ทำเฉยๆซะงั้น มันน่าคิดมั้ยล่ะ!!! ไอ่เราก็ไม่ได้เรียกร้องให้รับผิดชอบซะหน่อย แต่...เออ เมื่อวานเราเองที่เลือกที่จะไม่พูดนี่หว่า แต่แหม...มันก็น่าจะมีความรับผิดชอบกันบ้าง ผมทะเลาะกับตัวเองจนปวดหัวไม่ รู้สิ...แบบนี้รึเปล่านะที่เค้าเรียกกันว่า “สับสน” เพราะปกติผมเองก็ชัดเจนกับความรู้สึกตลอดรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แต่เรื่องนี้มันเกินกว่าที่เหตุผลของผมจะควบคุมได้จริงๆ
“แกงส้ม วันนี้ฝากนายปิดร้านด้วยนะ ชั้นจะกลับไปดูน้องหน่อย” พี่ฮั่นเอ่ยขึ้นมาหลังจากเก็บทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
“ได้ครับ...พี่ชายบอส” ผมแกล้งเรียกสรรพนามที่พี่ฮั่นไม่ชอบหวังว่าเค้าจะโวยวายอะไรบ้าง แต่ก็เปล่าประโยชน์ ร่างสูงนั้นเดินผ่านผมไปทางหลังครัวโดยไม่พูดอะไรอีก ซึ่งมันทำให้ผมแอบน้อยใจลึกๆ ผมผิดเหรอ???....ทำไมต้องทำตัวเฉยชากับเราแบบนี้ เรื่องทุกอย่างผมไม่ได้เป็นคนเริ่มมันสักหน่อย!!! ผมยืนรอสักพักให้พี่ฮั่นปั่นจักรยานให้พ้นร้านก่อนจะออกไปทั้งที่งานก็เสร็จแล้ว ผมปิดไฟใฟ้เรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากความมืดมีเพียงไฟกิ่งจากสองข้างทางเท่านั้นที่ส่องแสงให้ ผมเดินอาดๆไปที่จอดรถความสว่างเริ่มทำให้ผมเห็นทางมากขึ้น
“พลั่ก” เสียงของแข็งกระทบกันดังแน่น ผมลงไปทรุดที่พื้นด้วยการกระทบนั้น
“ไอ่แกง...ไอ่บ้า อยู่ดีไม่ว่าดีมาเสือกเรื่องของกู” ผมจำเสียงได้ครับ...นั่นมันเสียงของนายไฟ แต่ผมยังไม่ได้นึกอะไรต่อร่างผมก็กลิ้งหลุนๆเพราะแรงถีบอย่างแรงของร่างใหญ่นั้น เพื่อนรักของไอ่ไฟกระชากร่างผมขึ้นมาพร้อมล็อคเพื่อให้ผมเป็นเป้านิ่งให้นายไฟ
“มาทำชั้นทำไม” ผมร้องเสียงดัง สีหน้าโกรธแค้นของไฟนั้นแม้จะอยู่ในแสงสลัวก็ยังฉายให้เห็นชัด ผมยอมรับว่าความกลัวเริ่มเกาะกินเข้ามาในขั้วหัวใจ
“มึงคาบข่าวอะไรไปบอกจี๊ด...เรื่องของกูมึงมายุ่งแสดงว่ามึงไม่กลัวตาย” คำพูดหยาบคายนั้นคงไม่สาแก่ใจ มือใหญ่หยาบนั้นฟาดมาที่หน้าผมอย่างแรง ผมเข้าใจแล้ว...เพราะเรื่องผีเด็กคนนั้นถึงทำให้จี๊ดรู้ว่าไฟนอกใจเธอ ถึงแม้ไม่ผิดแต่ผมก็ยอมรับผลนั้นเสียแล้ว พี่ฮั่น...ผมกลัว
“ไฟ...ชั้นขอโทษ” ผมไร้หนทางเพราะเกิดมาเรื่องต่อยตีนั้นเป็นสิ่งที่ไกลตัวยิ่งนัก และยิ่งเป็นรองด้านจำนวนแล้ว ผมจะไปสู้สองคนที่เจนจัดเรื่องอันธพาลได้อย่างไรกัน!!!
“เลือดมึงเท่านั้นที่กูจะพอใจ” ว่าแล้วใบหน้าผมก็ถูกฟาดอย่างแรงกันอีกสองครั้ง ผมพยายามดิ้นหนีแต่ร่างที่จับผมไว้ก็แข็งแรงเหลือเกิน รสเค็มของเลือดที่กลบปากทำให้ผมรู้สึกกลัวขึ้นไปอีก
“บ้าไม่อยู่ส่วนบ้านะมึง...หาเรื่องให้กูต้องมาเอาเลือดหัวมึงออก แม่งง!!” ผมหลับตาปี๋เพราะรู้ว่าเป็นอีกครั้งที่ต้องเจ็บตัว...
“อั๊ก!!!....ไอ่เหี้ย!!!” เสียงทุ้มคุ้นตวาดขึ้นมา ผมลืมตาขึ้นมาเห็นร่างของไฟเซถลาคงเพราะกระเป๋าเป้ใบหนักของพี่ฮั่นเป็นแน่ พี่ฮั่นไม่ปล่อยให้ร่างสูงของไฟได้ตั้งหลัก...กระโดดถีบร่างนั้นอย่างแรงจนไปกองลงกับพื้น ไอ่คนที่จับผมผลักผมอย่างแรงเพื่อจะได้ไปช่วยเพื่อนโดยเข้าไปทำร้ายพี่ฮั่นจากด้านหลัง ผมจึงรวบรวมความกล้าในเสี้ยววินาทียันร่างนั้นให้เสียหลักพี่ฮั่นหันกลับมาเห็นจึงปล่อยหมัดสุดปลายแขนเข้าที่กึ่งปากกึ่งจมูกจนร่างนั้นลงไปกองพับข้างไม้ดัดต้นใหญ่
“พี่ฮั่นระวัง!!!” ผมร้องเตือนเมื่อเห็นร่างตะคุ่มของไฟในความมืดลุกขึ้นและจะเข้ามาทำร้ายพี่ฮั่นจากด้านหลัง พี่ฮั่นหันขวับกลับไฟอย่างรวดเร็วก่อนชิงจังหวะเตะร่างนั้นเข้าที่ชายโครง ไฟถลาล้มไปอีกครั้งพี่ฮั่นเข้าไปกระทืบซ้ำ ผมจึงวิ่งเข้าไปโอบเอวพี่ฮั่นที่กำลังโกรธรุนแรงราวกับพายุ
“ปล่อยพี่นะแกง...พี่จะเอามันให้ตายตรงนี้แหละ” พี่ฮั่นสะบัดผมออกไม่ยอมหยุด
“พี่ฮั่น เค้าเป็นเพื่อนผม...มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ” ผมพยายามอธิบายพร้อมดึงร่างนั้นออกมา ไฟมองหน้าพี่ฮั่นอย่างหวาดๆพร้อมคลานไปหาเพื่อนที่ตอนนี้มึนงงจากหมัดสุดแรงเกิดของพี่ฮั่น
“มึงสองตัวกลับไปเลยนะ...แล้วอย่าคิดจะมาทำอะไรแกงส้มอีก ถ้าแกงส้มต้องเจ็บตัวเพราะพวกมึง กูนี่แหละจะตามไปรับวิญญาณพวกมึงถึงบ้าน!!!” เสียงขู่พร้อมใบหน้าเอาจริงนั้นทำให้สองร่างประคองกันวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว เสียงสตาร์ทรถออกไปทำให้ผมโล่งใจ
“แกงส้ม...เป็นยังไงบ้าง นี่เลือดออกเลยเหรอ???” พี่ฮั่นวิ่งเข้ามาประคองหน้าผมด้วยความเป็นห่วง ความเป็นห่วงที่ผมสัมผัสได้แม้อยู่ท่ามกลางไฟสลัว
“ไม่เป็นไรครับ...แต่ขอไปบ้วนปากหน่อยนะครับ” ผมส่ายหน้าเบาๆพร้อมเดินผละออกมาจากร่างนั้นกลับไปที่ร่างร้าน พี่ฮั่นเดินตามมาติดๆราวกับกลัวว่าจะมีใครจะทำร้ายผมอีก พี่ฮั่นเอื้อมไปเปิดไฟห้องครัว ผมบ้วนปากที่อ่างในห้องน้ำแล้วเดินออกมา พี่ฮั่นมองผมด้วยสีหน้าเจ็บใจ
“พี่ไม่น่าปล่อยนายไว้คนเดียวเลย” พี่ฮั่นดูเหมือนจะแค้นเคืองตัวเองเสียมากกว่า
“ผมเป็นความผิดของผมเอง...” ผมพึงพำเบาๆโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะสบายใจ
“ไปทำอะไรให้เค้า...ถึงได้โดนดักซ้อมแบบนี้” พี่ฮั่นถามผมด้วยเสียงอ่อนโยนลง ผมเม้มปากนิ่งคิด...หรือว่านี่จะเป็นจังหวะที่ทำให้ผมได้เกริ่นเรื่องบางเรื่องออกไป
“มันคงเป็นเพราะความสามารถพิเศษของผมถึงทำให้เค้ารังเกียจแบบนั้น” ผมค่อยๆเริ่มเรื่อง...มันเป็นโอกาสที่ผมจะได้เปิดช่องบอกพี่ฮั่นเรื่องบัลเล่ต์ซะที ผมเองก็เก็บเรื่องคาราคาซังไว้คนเดียวมานานเต็มที
“ความสามารถพิเศษ” พี่ฮั่นทวนคำพูดผมเบาๆอย่างสงสัย
“คือผมมีสัมผัสที่รับความถี่ได้กว้างกว่าคนอื่นทำให้ผมเห็นอะไรที่คนอื่นไม่เห็น” ผมพูดเป็นนัยๆ
“แกงส้ม...บอกมาตรงๆเหอะ พี่ไม่ค่อยตั้งใจเรียนหนังสือพูดแบบนี้พี่ไม่เข้าใจหรอก”
“ผมเห็นสิ่งที่หลายๆคนเรียกว่า “ผี” ครับ” พอพูดจบพี่ฮั่นก็นิ่งไปก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะอย่างขบขัน ผมเริ่มรู้แล้ว...ว่าคนๆนี้คงไม่เชื่อผมง่ายๆเป็นแน่!!!
“เข้าใจหามุกมาเล่นนะ...แต่พี่ว่าเราไปโรงพยาบาลเหอะไปเช็คอะไรๆสักหน่อย” ถึงแม้จะเพิ่งหัวเราะออกมาแต่แววตาก็ส่องแสงความห่วงใยออกมาอย่างชัดเจนพร้อมกับคำพูด
“จริงๆนะ..ผมเห็นพวกเค้าจริงๆ เมื่อเช้าที่พี่เห็นผมก็กำลังคุยกับท่านเจ้าที่ แล้วที่สำคัญมีผีเด็กตนหนึ่งบอกว่าพี่-----” ประโยคนั้นถูกขัดขวางด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวอย่างรวดเร็วๆ มือแข็งแรงนั้นประคองท้ายทอยกึ่งบังคับให้อยู่ในองศาที่เหมาะสมกับการรับรสจูบนั้น พี่ฮั่นถอนใบหน้าจากริมฝีปากผมแต่หน้าผากของสองเรายังจรดกันอย่างมีความหมายลึกซึ้ง สายตาของผมไม่อาจจะเบือนหนีจากแววตาคมหวานที่ส่งออกมาจากดวงตาคู่นั้น ความรู้สึกที่ผมพยายามหลีกหนีมันทะลักออกมาอย่างท่วมท้น ไม่ใช่แค่พี่ฮั่นที่ต้องการสัมผัสอันเร้าร้อน... มือที่เกาะเกี่ยวที่รอบคอบร่างสูงนั้นเป็นหลักฐานอย่างดี จมูกของพี่ฮั่นคลอดเคลียอยู่ที่พวงแก้มของผมลากไปตามใบหูก่อนจะก้มซบจรดลงที่ซอกคออย่างมีชั้นเชิง ความสะท้านจู่โจมหัวใจผมพ่นลมหายใจหนักหน่วงออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ลมหายใจร้อนผ่าวของร่างสูงนั้นทำให้ผมแทบหลอมละลายอยู่ในวงแขน พี่ฮั่นดันผมไปติดกับโต๊ะทำเค้กที่ตั้งอยู่กลางห้องแต่จมูกและริมฝีปากยังไม่ละจากซอกคอของผมและนั่นยิ่งทำให้ผมสั่นสะท้านไปทั้งตัว พี่ฮั่นเคลื่อนใบหน้าจากซอกคอ แววตาที่ช้อนมองผมนั้นช่างโหยหาและอ้อนวอนจนหัวใจผมแทบจะละลายลงตรงหน้า ริมฝีปากเย้ายวนนั้นค่อยบรรจงจูบที่ปลายคางแม้อาจจะไม่ใช่จุดวาบหวามหากแต่คนนี้ก็ทำให้ผมจิตใจสั่นระรัวได้อย่างเหลือเชื่อ มือแข็งแรงทั้งสองนั้นเลื่อนลงมาอย่างช้า ความร้อนจากมือเรียวนั้นทำให้ผมร้อนวูบราวข้างลากผ่านร่างอย่างยั่วเย้าจนถึงเอวของผม และร่างนั้นก็ออกแรงยกผมขึ้นนั่งบนโต๊ะทำเค้กนั้น ร่างของผมอยู่สูงกว่าพี่ฮั่นที่แทรกตัวเอามาเล็กน้อย พี่ฮั่นโลมเลียซอกคอผมอย่างกระหายร่างทั้งสองแนบกระชับเข้าหากันจนแนบแน่น ผมหลับตายึดเอารอบคอนั้นเป็นที่มั่นที่รอรับสัมผัสอันเร้าร้อน ร่างกายของผมราวกับล่องลอยอยู่ในอากาศโดยมีเพียงร่างสูงนั้นคลอเคลีย ทุกอย่างในหัวกลายเป็นสีขาวสว่าง เสียงแห่งอารมณ์รักออกมาจากลำคอผมโดยไม่ตั้งใจและเหมือนจะทำให้พี่ฮั่นยิ่งเร่งจังหวะเร้าอารมณ์ มือที่เกาะกุมเรื่องร่างของผมค่อยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีชมพูของผมทีละเม็ดอย่างช่ำชอง-----
“ปล่อยผมเถอะครับ” ความหวาดกลัวและสับสนอยู่ๆก็พังทลายอารมณ์รักจนทำให้ผมปัดมือนั้นและดันตัวให้ออกห่างจากพี่ฮั่น น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างช้าๆ พี่ฮั่นเบิกตากว้างมองผมก่อนค่อยเคลื่อนตัวเข้ามา
“แกงส้ม...พี่ไม่ได้รังแกเราเพราะแค่อยากแกล้ง ที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะพี่รัก---”
“พอแล้ว ผมไม่อยากฟัง!!!” ผมตะคอกใส่ร่างนั้นที่กำลังพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน ผมติดกระดุมอย่างเจ็บใจ...ไม่น่าปล่อยให้มาถึงขั้นนี้เลย... เค้าเป็นพ่อของบัลเล่ต์ และอาจจะเป็นคนที่ทำร้ายครอบครัวของคนอื่น มันจะทำให้ผมแน่ใจอะไรในตัวคนๆนี้ได้ ทุกอย่างมันไม่น่าจะมาถึงขั้นนี้!!! ผมปาดน้ำตาแล้วค่อยเอาตัวเองลงจากโต๊ะก่อนที่นั่งลงพิงที่โต๊ะนั้นอย่างหมดแรง
“เข้าใจแล้ว....” พี่ฮั่นพึมพำออกมาเบาๆ พี่ไม่เข้าใจอะไรหรอก...ไม่เลยสักอย่าง
“ไม่ต้องกลัว นี่มันโต๊ะทำเค้ก...อะไรที่ไม่เกี่ยวกับการทำเค้กพี่จะกวาดทิ้งมันให้หมดรวมทั้งเรื่องวันนี้ด้วย พรุ่งนี้เราก็กลับมาเป็นอย่างเดิมนะ” พี่ฮั่นพูดออกมาอย่างยากลำบาก หน้าได้สัดส่วนนั้นเงยหน้าเชิดราวกับกำลังควบคุมไม่ให้น้ำใสๆนั้นหลุดออกจากตาคมคู่นั้นได้ อย่าทำเหมือนพี่เจ็บปวดแบบนั้นเลย...
“ไปเถอะ..พี่จะไปส่งที่รถ” พี่ฮั่นยกกระเป๋าเป้ทั้งสองอันเดินนำผมไป ผมลุกขึ้นปิดไฟแล้วเดินตามพี่ฮั่นไปเงียบๆในความมืด พี่ฮั่นส่งกระเป๋าเป้ในผมก่อนจะเดินสาวก้าวยาวไปที่จักรยานแล้วปั่นออกไปทันที ผมสุดจะกลั้นแล้ว...เสียงร้องไห้โฮนั้นมันทำให้ผมรู้แล้วว่าผมคิดอะไรกับพี่ฮั่น... ผมรักเค้า!!! ได้ยินมั้ย...ผมรักพี่
“แกงส้ม...” เสียงชายแก่ดังขึ้น ผมเงยหน้ามองท่านเจ้าที่จ้องมองผมด้วยความสงสารจับใจ
“ท่านเจ้าที่...นี่หรือเปล่าที่เรียกว่ารัก” ผมถามออกมาทั้งที่ยังสะอื้นไห้ ท่านเจ้าที่ส่งรอยยิ้มปลอบโยนพร้อมพยักหน้าแทนคำตอบ ผมเจ็บที่อกแปลบๆราวหัวใจจะหยุดเต้นเสียให้ได้
“ทำไม...ทำไมความรักมันเจ็บแบบนี้”
ปล. คือทางเราจัดทำ nc ได้เพียงเท่านี้จริงๆ หากมากกว่านี้เกรงว่าจะได้ย้ายไปเขียนพวกปลุกใจเสือป่า5555 ที่ไรเตอร์บอกว่าเขียนยากเพราะมันต้องเขียนมาในมุมนุ้งแกงที่แสนไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องรู้ราวเท่าไหร่และมีความคิดหลายมิติไง ถ้าเป็นอิพี่หมีละก็แปบเดียวมันสื่ออกมาง่ายกว่า คือแค่ใส่ความหื่นลงไปก็จบ5555... เชื่อมั้ย??? แค่เลิฟซีนเท่านั้นนะเขียนเกือบสองชั่วโมง อันนี้ถ้าไม่ถูกใจก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
ปล.อีกที เห็นใจแก่อาการปวดหลังของไรเตอร์ เม้นเป็นกำลังใจหน่อยนะจ๊ะ 5555
ความคิดเห็น