ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักละมุน คุณพ่อน้องผี

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9: คำว่ารัก...จากปากแกงส้ม

    • อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 55



    STOP talk

    คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของการออกค่าย หลังจากที่ตอนเย็นมีเหตุการณ์ผีเข้าแสนระทึก แต่ลุงผู้ใหญ่ก็พาพ่อปู่ประจำหมู่บ้านมาขอขมาจนผู้หญิงที่ถูกผีเข้าหายเป็นปกติ และทุกคนก็ยังคงยืนยันว่ากิจกรรมตอนกลางคืนยังคงมีอยู่ และตอนนี้ชั้นก็นั่งอยู่รอบกองไฟโดยมีพี่โดมและพี่แคนดูแลไม่ห่าง

    “และแล้วเวลานี้ก็ถึงเวลาทดสอบความกล้าแล้วนะคะ.... ขอให้ผู้ที่สนใจจะเล่นออกมาโดยการจับคู่นะคะ” พี่ปีสี่ในชมรม รับหน้าที่พิธีกรของงาน ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่รอคอย

    “พี่โดมมมม... เป็นคู่สต๊อปหน่อยนะ นะนะ” ชั้นหันไปอ้อนพี่โดม

    “ไม่เอาหรอก...พี่อาบน้ำแล้วนะ นู้นๆ ไปชวนไอ่แคนเลยไป” พี่โดมบุ้ยปากไปทางพี่แคนที่นั่งมองพี่พิธีกรที่พูดคุยให้หลายๆคู่ร่วมเล่นเกมส์ ชั้นชั่งใจดูเพราะเกรงใจพี่แคนที่สะบักสะบอมมาก่อนหน้านี้

    “ถามดูสิ เผื่อมันจะอยากเล่น” พี่โดมสะกิดบอกชั้นเหมือนรู้ว่าชั้นกำลังคิดอะไร ชั้นจึงตัดสินใจสะกิดพี่แคน ใบหน้าหวานแต่เข้มหันหน้ามาพร้อมเลิกคิ้วตั้งใจว่าชั้นกำลังจะพูดอะไร

    “พี่แคนจะเป็นคู่สต๊อปได้มั้ย???” ชั้นเอ่ยถามออกไป พี่แคนเบิกตากว้าง

    “สต๊อปว่าอะไรนะ” พี่แคนพูดเสียงดังอย่างตื่นเต้นดีใจเหมือนถูกรางวัลที่หนึ่งอย่างงั้นแหละ

    “เป็นคู่เล่นเกมส์กับสต๊อปได้มั้ยคะ???” ชั้นถามซ้ำ พี่แคนทำหน้าเหรอหรา

    “อ่อ... คู่เล่นเกมส์ ดะ..ได้สิ” พี่แคนทำหน้าเหมือนผิดหวังอะไรสักอย่าง หรือว่าพี่เค้ารอเกมส์อื่นนะ!!! ชั้นคว้ามือพี่แคนลุกขึ้นทันที

    “อ้าว....คู่นี้เป็นคู่กิตติมศักดิ์ เพราะเป็นประธานของชมรมเราเอง ปรบมือ!!!!” พิธีกรสาวสวยผายมือมาทางพี่แคน ที่ส่งยิ้มให้ชั้นอย่างเคอะเขิน เพราะบรรดารุ่นน้องพากันเป่าปากแซวกันเสียเกรียวกราว

     

    CAN talk

    “สำหรับกติกานะ เราได้วางรหัสลับที่มีตัวอักษรอยู่สี่ตัว ตามแนวของชายหาด โดยที่ทุกคู่จะเดินอ้อมไปทางด้านซ้ายของเกาะ แล้วจะกลับมาทางด้านขวาของเกาะ ขอให้คนเค้าแข่งขันดูธงเป็นตัวนำทางนะคะ ห้ามออกจากเส้นทางตามธง เราจะมีไฟฉายและก็พลุสีแดงที่เอาไว้จุดยามฉุกเฉิน เราจะจับสลากว่าทีมไหนจะไปก่อน...” หลังจากนั้นก็ปรากฏว่าผมกับสต๊อปก็ได้ไปเป็นคู่สุดท้าย  ผมเป็นคนถือไฟฉายส่องทางเมื่อเดินไปจนลับตาคนที่ค่าย ก็ลังเลว่าจะเอื้อมมือไปคว้าข้อมือบางๆนั้นมาดีหรือไม่ แต่ยังไม่ทันจะได้คำตอบสต๊อปก็เกาะแขนผมดึงตัวเข้ามาเบียดพอประมาณพองาม ให้ตายเหอะ...ดีนะที่มืดไม่งั้นสาวเจ้าคงเห็นว่าหน้าผมเปลี่ยนเป็นสีลูกตำลึงสุกเลยทีเดียว

    “วังเวงจังเลยเนาะ” สต๊อปพูดด้วยเสียงหวาดๆ ส่ายหน้าไปมาอย่างระแวง

    “แหม...แล้วก็อยากเล่น มาแล้วก็กลัว” ผมแกล้งกระเซ้าร่างบาง สต๊อปตีแขนผมเบาๆ

    “ก็อยากเล่นนี่คะ..พี่แคนไม่ชอบเหรอ???” สต๊อปพูดกึ่งงอนกึ่งอ้อนได้น่ารัก

    “ชอบสิ...” ครับ...ชอบ ไม่ได้ชอบที่ต้องมาเดินดุ่มๆกลางคืนมืดๆหรอกนะครับ ชอบที่ได้มาอยู่เคียงข้างและได้เป็นที่พักพิงของสาวน้อยร่างบางหน้าคมนี้ ซึ่งอาจจะโอกาสเป็นครั้งเดียวในชีวิตก็ได้

    “พี่แคน..เราจะเริ่มหารหัสจากที่ไหนดี มันจะซ่อนตรงไหนนะ” สต๊อปซึ่งไม่เข้าใจความรู่สึกที่ผมมียังคงตั้งหน้าตั้งตามองหารหัสตามกติกาของเกมส์  ผมได้แต่ส่ายหน้าเบาๆกับความไร้น้ำยาของตัวเอง ก็อีแค่ทำให้ผู้หญิงเค้ารู้ว่าเราชอบเค้ามันยากอะไรนักหนา...แค่นี้ก็ทำไม่ได้!!!

    “พี่แคนไปดูทางโขดหินนะ เดี๋ยวสต๊อปจะเดินไปดูที่พุ่มไม้เอง” สต๊อปออกความเห็น ผมยื่นไฟฉายให้สต๊อปเพราะคงจะปลอดภัยกว่า แล้วก็ล้วงโทรศัพท์มาเพื่อเป็นแสงนำทาง

    “พี่แคนระวังเปลือกหอยด้วยนะ” สต๊อปกำชับผม ก่อนที่จะหันหลังเดินตัวปลิวไปทางพุ่มไม้ ผมเดินไปทางโขดหินโสโครก ก้มๆ เงยๆ อยู่นานเพื่อหารหัสแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ที่นี่ ผมเดินอาดๆไปทางแสงไฟฉายที่ดูเหมือนร่างบางนั้นจะหารหัสอย่างไม่ลดละ

    “กรี๊ดดดดดดดดด โอ๊ยยยย พี่แคน...ช่วยด้วย” เสียงสต๊อปดังมาจากทางนั้น ผมรีบวิ่งสุดชีวิต เห็นสต๊อปนั่งกุมข้อเท้าอยู่บนพื้นใบหน้าฉายแววตระหนกอย่างเห็นได้ชัดแม้อยู่ในที่มืด

    “งู...งูกัดสต๊อปค่ะ” สต๊อปบอกผมด้วยเสียงหวาดกลัว ถึงจะตกใจแต่ผมก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็วผมรีบยัดมือถือในมือลงไปที่กระเป๋ากางเกง และถอดป้ายชื่อที่อยู่บนคอเพื่อใช้เชือกมารัดเหนือแผลที่ถูกงูกัด ร่างของสต๊อปสั่งเทาด้วยความกลัวทำให้ผมพยายามใช้วิชาลูกเสือและรด. เพื่อทำให้การช่วยเหลือครั้งนี้เป็นไปได้ดีที่สุดเท่าที่คนอย่างผมจะทำได้ หลังจากรัดเชือกเรียบร้อยแล้ว ผมจะช้อนตัวสต๊อปขึ้น แต่ร่างนั้นขยับหนี

    “สต๊อปเดินเองได้...” สต๊อปแย้งเบาๆ

    “ถ้ามันเป็นงูพิษยิ่งจะทำให้พิษมันไปตามเส้นเลือดเร็วขึ้น อย่าเพิ่งมาโชว์แมนตอนนี้” ผมสั่งสต๊อปเสียงเฉียบ แล้วจึงช้อนแขนไปที่บ่า และเข่าเพื่ออุ้มร่างบางนั้นขึ้นมา สต๊อปเองก็กอดคอผมโดยไม่รอให้บอก ผมรีบพาร่างบางนั้นวิ่งไปทางแค้มป์ทันที

    “เฮ้ย...เกิดอะไรขึ้น” ไอ่โดมวิ่งมาหาผมทันทีที่เห็นผมอุ้มสต๊อปมา

    “งูกัด...ไอ่โดมรีบไปบ้านผู้ใหญ่ขอให้ไปส่งที่โรงพยาบาลนะ” ผมสั่งเพื่อนรักทันที ไอ่โดมพยักหน้าแล้วออกวิ่งไปที่ทางบ้านผู้ใหญ่ทันที สายตาทุกคนดูตกใจไม่น้อย..แต่ผมไม่มีเวลาอธิบาย ยิ่งอยู่ใต้แสงไฟสว่างจ้า ใบหน้าของสต๊อปดูซีดเผือดและมีเหงื่อซึมน้อยๆอยู่บนหน้าผากนั้น รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่มาจอดเทียบ ผมอุ้มสต๊อปขึ้นหลังรถทันที โดมมีผู้ใหญ่กับไอ่โดมนั่งอยู่หน้ารถ เมื่อผมนั่งเรียบร้อยแล้วรถก็ออกวิ่งโดยเร็ว ทั้งที่ผมไม่ชอบนั่งรถที่ขับด้วยความเร็วมากกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่คราวนี้เหยียบสองร้อยผมก็ไม่บ่น เมื่อร่างที่อยู่ในวงแขนยังไม่ปลอดภัยเช่นนี้

    “ขอบคุณพี่แคนมากนะคะ” สต๊อปพูดออกมาพร้อมส่งรอยยิ้มที่ดูอ่อนล้ามา

    “พี่ไม่รับ...ตราบใดที่สต๊อปยังไม่ปลอดภัยพี่จะไม่รับคำขอบคุณอะไรทั้งนั้น” ผมก้มบอกร่างนั้นอย่างเคร่งเครียดช่างตรงกันข้ามกับรอยยิ้มของคนเจ็บเสียเหลือเกิน

    “--- แล้วเป็นยังไงบ้าง” ผมลดความดุดันในน้ำเสียง ก่อนจะถามร่างบางนั้นด้วยความห่วงใย

    “มันปวดที่แผล แล้วก็ร้อนๆหนาวๆวูบวาบแปลกๆ” สต๊อปตอบออกมา ผมถือวิสาสะยื่นมือไปเช็ดเหงื่อเม็ดโตที่มองเห็นได้จากไฟกิ่งข้างทางก่อนที่จะถอดเสื้อคลุมมาห่มให้ร่างของคนเจ็บ...อยากจะดึงร่างนั้นมากอดไว้แนบกาย แต่ก็พอรู้ว่าสิทธิ์ของตัวเองสิ้นสุดอยู่แค่ไหน....

     

    ผมหอบกล่องเค้กที่เป็น “ของผม” และเค้กที่เป็นของบัลเล่ต์เข้ามาในห้องอย่างอารมณ์ดี แต่ก็แทบจะตกใจตายเมื่อเห็นร่างเล็กนั่งอยู่บนตู้เสื้อผ้า ผมชี้หน้าเป็นคำสั่งที่รู้ได้เองว่า “ลงมา!!!” บัลเล่ต์ที่สะสมพลังบุญมาสองวันเต็มก็หายตัวแวบมาปรากฏตรงหน้าผมในเสี้ยววินาที

    “เค้ก.....เย้ๆๆๆๆ” บัลเล่ต์ยื่นหน้ามามองของในมือผมก่อนจะร้องดีใจกระโดดไปมาร่าเริง วันพระนี่น่า...ให้เค้าหน่อยละกัน

    “ใช่แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่แกงเอาชีสเค้กทำบุญให้นะ” ผมยกกล่องชีสเค้กประกอบ แต่บัลเล่ต์กลับขมวดคิ้วเป็นรูปโบว์

    “แต่บัลเล่ต์อยากกินไอ่สีส้มๆ” บัลเล่ต์ชี้มาทางเค้กของผม ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้เป็นคนหวงของอะไรแบบนั้นหรอกนะ... แต่... พี่ฮั่นเค้าทำให้ผมเชียวนะ ผมอึกอักที่จะตอบเจ้าผีน้อยหน้าใส

    “ฮั่นแน่!!!.... มันต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆเลย พี่แกงถึงได้จะเก็บไว้กินคนเดียว” บัลเล่ต์ทำหน้าทะเล้น (เรื่องนี้หล่อนได้พ่อฮั่นมาเต็มๆ) ยื่นหน้ามาใกล้ย่นจมูก หรี่ตาอย่างจับพิรุธ

    “เปล๊า!!!” ผมรีบเฉไฉเดินเอาเค้กไปเก็บที่ตู้เย็น

    “ทำไมพี่แกงต้องทำเสียงสูง บอกมานะว่าทำไมพี่แกงถึงหวงไอ่สีส้มๆนั่นจังเลย” ไม่จบครับ...เจ้าหล่อนเดินตามผมต้อยๆ

    “เอ๊ะ!!! หรือว่าพ่อฮั่นทำเค้กนี้ให้พี่แกง....” ผีน้อยชี้หน้าผมเหมือนผมไปทำผิดอะไรมาแล้วโดนจับได้ยังไงยังงั้น แถมยังเดาแม่นอย่างหนัก

    “พี่แกงเห็นว่าเค้กนี้พี่แกงกินไปแล้วต่างหาก เอาของกินแล้วไปถวายพระมันไม่ดี เดี๋ยวพี่แกงบาป เค้กอะไรนั่นไม่ได้สำคัญขนาดนั้นสักหน่อย” ผมแถหาทางรอดที่ดูสมเหตุสมผล

    “แล้วพ่อฮั่นทำเค้กให้พี่แกงรึเปล่าละ” บัลเล่ต์ถามกัดไม่ปล่อย ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยพยักหน้ารับ

    “ยอมบอกดีๆก็จบไปแล้ว... ความจริงบัลเล่ต์รู้แล้วแหละว่าพ่อฮั่นทำเค้กให้พี่แกง เพราะคุณตาเจ้าที่บอกทางโทรจิต” พอบัลเล่ต์พูดออกมาเท่านั้นแหละครับ บรรลัยคราวนี้... ทำไมตอนนั้นผมไม่เห็นว่าท่านเจ้าที่อยู่แถวนั้นนะ ถ้าท่านเจ้าที่เห็นตอนให้เค้ก ถ้าอย่างนั้นตอนนั้นจะไปเหลืออะไร ตายๆๆๆ...แกงส้มนายจะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหนเนี่ย??? ท่านเจ้าที่เองก็เหอะ ไม่มีจรรยาบรรณเลย เอาเรื่องแบบนี้มาเม้าท์ให้เด็กฟังได้ยังไง...

    “ละ...ละ..แล้ว ท่านเจ้าที่เล่าอะไรให้ฟังอีกมั้ย???” ผมลองโยนหินถามดีกว่าแม่ผีน้อยตัวดีจะขุดเอาเรื่องนี้ออกมาแซว เผื่อยังไงอาจจะแก้ตัวทัน

    “ไม่แล้วละคะ...ท่านเจ้าที่บอกแค่นี้” บัลเล่ต์ตอบผมเสียงใส ผมเป่าปากอย่างโล่งอก จึงเดินไปเปิดทีวี... แต่พระเจ้า!!! เปิดปุ๊บก็มีฉากที่พระนางกำลังบรรจงจูบกัน ภาพเมื่อเช้าก็ผุดเข้ามาภายในความคิดเหนือการควบคุม หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง

    “พี่แกงหน้าแดงทำไมเนี่ย???” บัลเล่ต์ถามผม ทำให้หลุดออกมาจากห้วงแห่งความคิดนั้น

    “เรื่องของผู้ใหญ่!!!...เอ๊า ดูการ์ตูนไปพี่แกงไปอาบน้ำก่อน” ผมหันไปเหวี่ยงเล็กๆกับความช่างอยากรู้เกินเด็ก เรื่องนี้ต้องโทษท่านเจ้าที่เลยเนี่ย!!!

    “อะไรๆก็เรื่องของผู้ใหญ่ คุณตาเจ้าที่ก็หัวเราะคิกคักบอกว่าอีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เล่าให้ฟังไม่ได้ แล้วยังจะมีพี่แกงอีกคนอีก บัลเล่ต์ละเบื่อผู้ใหญ่จริงๆ” บัลเล่ต์บ่นยาวก่อนจะหายตัวเข้าไปในตุ๊กตาน้องหมี โดยที่ไม่รู้ว่าทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้ผมต้องนอนไม่หลับ ท่านเจ้าที่ต้องเห็นแน่ๆเลยถึงได้พูดแบบนั้น ผมควรจะลางานสักสามปีดีมั้ย???...จะได้ไม่ต้องพบหน้าท่านเจ้าที่ผู้กุมความลับของรสจูบแบบเจ้านายกับลูกน้อง!!!

     

    HUNZ talk

    ผมทิ้งตัวลงโซฟาอย่างอ่อนล้าร่างกาย แต่หัวใจกลับกระชุ่มกระชวยบอกไม่ถูก แกงส้ม...เป็นคนที่ทำให้หัวใจผมเกิดปรากกฎการณ์ประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...มันคือสิ่งที่เรียกว่า “ไม่อาจห้ามใจ” ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าจะไม่ดึงคนๆนี้เข้ามาในชีวิต จะพยายามทำหัวใจให้คิดแค่เจ้านายกับลูกน้อง แต่ทุกๆครั้งที่ได้เคียงใกล้ ทุกอย่างในส่วนนั้นมันดับวูบ เหลือเพียงความคิดถึง อยากแนบชิด อยากประคองใบหน้าเรียวยาวนั้นเพื่อประพรมจูบให้เอมใจ ผมผ่านสิ่งที่เรียกว่า “รัก” “ชอบ” และคุ้ยเคยกับคำว่า “ใคร่” มามากมาย เรียนรู้ที่จะ หลบ หลีก หรือถอย และทำตามความต้องการของเหตุผลได้ทุกครั้ง แต่กับคนๆนี้มันช่างยากเย็นเหลือเกิน ไม่ว่า จะ หลบ หลีก หรือถอยห่างเพียงใด แต่ทุกๆ ครั้งผมก็วกกลับมาตรงที่เดิม หนำซ้ำความรู้สึกที่มีมันกลับเข้มข้นและรุนแรงมากขึ้นทุกวัน...

    ณ วินาทีที่แกงส้มหลับพริ้มเพื่อรับริมฝีปากของผม ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้ครอบครองสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ถึงแม้ยังไม่ได้ลิ้มรสหวานอย่างลึกซึ้ง... แค่เพียงภายนอกริมฝีปากนั้นที่หอมหวาน ชวนให้หลงใหล หากมีโอกาสอีก ผมคงไม่อาจะฉุดรั้งตัวเองอย่างแน่นอน ผม...คงตกหลุมรักหนุ่มหน้าเหวี่ยงเข้าแล้วซะละมั้ง... ฮั่นเอ๊ยยยย!!! .... อย่าเพิ่งไปคิดอะไรไปมากกว่านั้นเลย ค่อยๆมองกันไป ยิ่งเราคาดหวังในตัวเค้ามากเท่าไหร่มันอาจจะทำให้อีกฝ่ายอึดอัดก็เป็นได้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไกของหัวใจดีกว่า... อย่าบุ่มบ่ามหักเอาเค้ามาเป็นของเราเพราะความใจร้อนเลย สงสัยต้องไปหัดนั่งสมาธิแล้ว...

    ถึงแม้จะอาบน้ำแล้วความกระวนกระวายก็ยังคงวนเวียนอยู่ภายในอก อยากรู้ว่าตอนนี้เด็กบ้าจะเป็นยังไงบ้างนะ จะนอนรึยัง... กินเค้กของเราหมดมั้ย??? หรือว่าตอนนี้คิดถึงจูบของเราบ้างรึเปล่านะ... ขืนปล่อยให้จิตใจวุ่นวายแบบนี้ มีหวังนอนไม่หลับแน่ๆ นี่เพราะห่วงสุขภาพหรอก ชั้นถึงต้องจำใจโทรหา... ผมหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายไปยังเบอร์โทรที่เพิ่งได้มาสดๆพร้อมกับที่อยู่หอพัก

    “ฮัลโหล” เสียงทุ้มหวานรับโทรศัพท์เสียงเรียบๆ

    “แกงส้ม--- นี่ชั้นเองนะ” ผมข่มเสียงให้เรียบตามอีกฝ่าย แกงส้มนิ่งไปอึดใจใหญ่

    “มีอะไร...นี่ห้าทุ่มกว่าแล้วนะ ไม่ใช่เวลางาน” เหมือนแกงส้มจะย้ายตัวเองจากอีกที่ไปอีกที่และเสียงพูดก็เบาลงอย่างเห็นได้ชัด... นี่นายอยู่กับใครเนี่ย???

    “ก็จะโทรมาถามว่ากินเค้กหมดรึยัง----นายอยู่กับใครเนี่ย??? ทำไมต้องทำเสียงกระซิบกระซาบด้วย” ว่าจะไม่ถามแล้วเชียว...แต่ปากมันก็หลุดไปเองแถมยังแอบเหวี่ยงที่ปลายประโยคอีกต่างหาก

    “อยู่คนเดียว...กลัวคนข้างห้องตื่น” ไอ่เด็กบ้า!!!... มีที่ไหนคุยโทรศัพท์เฉยๆแล้วกลัวข้างห้องตื่น นายเห็นชั้นเป็นไก่อ่อนรึไงห๊ะ!!! พูดแล้วโมโหๆ ทำไมต้องทำลับๆล่อด้วย หรือว่ามีคนอยู่ห้องอีกคน

    “นายพาใครมานอนด้วย...” ผมถามเสียงเย็น แกงส้มพ่นลมหายใจจนผมได้ยินลอดออกมาจากโทรศัพท์

    “ไม่มีคร้าบบบบ... อยู่คนเดียวเนี่ย มาดูมั้ย???” แกงส้มทำเสียงขุ่น อาจเป็นเพราะผมเซ้าซี้เกินไป

    “นายกล้าพิสูจน์ป่ะหล่ะ” ผมส่งคำท้าออกไป แกงส้มเงียบไป

    “เออ...ถ้ามันจะทำให้พี่ฮั่นสบายใจ ว่ามา...” แกงส้มตอบรับอย่างหมดทาง ผมยิ้มดีใจ ไหนๆก็ไหนๆ ขอยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหน่อยนะ

    “นายบอกว่า “รัก” ชั้นสิ” ผมเน้นคำสำคัญ เอามันขัดดอกไปก่อนละกัน..คงอีกนานกว่าจะได้ยินคำนี้จากปากหรืออาจจะไม่มีวันเลยด้วยซ้ำ

    “ห๊ะ!!! ....จะบ้ารึไง คำอื่นมีเป็นล้านไม่เอา ทำไมต้องเป็นคำนี้” แกงส้มโวยวายตามแบบฉบับ

    “ก็เผื่อนายจะซ่อนแฟนนายไว้ในห้อง...หรือว่าจะรับสารภาพตอนนี้ก็ยังทัน” ผมปรับเสียงให้ทะเล้นเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่มี

    “รักพี่มากๆโว้ย” แกงส้มพูดเสียงดังขึ้น แม้มันจะเป็นการถูกบังคับแต่คำพูดนั้นก็ทำเอาผมหันไปยิ้มกับผ้าม่านได้ แกงส้ม...นายมันทั้งน่ารักและหลอกง่ายจริงๆ แต่ชั้นขอเป็นคนเดียวที่หลอกนายแบบนี้นะเพราะชั้นแน่ใจว่าคนอย่างชั้น คนอย่างไอ่ฮั่น...จะไม่มีวันจะทำให้นายเสียใจเสียน้ำตาเป็นอันขาด

    “หลับฝันดีนะ...แกงส้ม”


    ปล. วันนี้ขายความเจ้าเล่ห์ของพี่ฮั่นล้วนๆ คนที่เรียกร้องฉากหวานๆ ตอนนี้มีมากไม่ได้เพราะเดี๋ยวแกงจะตื่นตกใจไปก่อน 5555  ปล่อยให้พี่ฮั่นได้แทะโลมเล็กๆน้อยๆ   อีตัวน้องรักอีตัวพี่ถึงจุดเมื่อไหร่เดี๋ยวไรเตอร์จัดให้มากกว่าตอนที่แล้วแน่ๆ รอกันน้าาาาาาาา
             เม้นคนละนิด จิตไรต์แจ่มใสนะจ๊ะ ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×