ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักละมุน คุณพ่อน้องผี

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro: โชคชะตา

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 55


                   

     “ร้านฮันนี่ เค้ก สวัสดีครับ” ผมส่งเสียงทักทายลูกค้าด้วยความสดใส ซึ่งลูกค้าที่ร้านส่วนใหญ่จะเป็นสาวๆ กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งน้องสาวสุดที่รักของผมให้เครดิตว่าเป็นเพราะหน้าตาและมุขเสี่ยวๆของผมล้วนๆ ทำให้ช่วงวันหยุดและตอนเย็นที่ร้านเต็มจะไม่มีโต๊ะว่าง

    “พี่ฮั่นเก็บเงินโต๊ะสอง” สต๊อป...น้องสาวคนสวยร้องบอกผมในขณะที่เธอชงกาแฟมือเป็นระวิง ผมเดินออกจากบาร์ไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    “ทั้งหมดสี่ร้อยแปดสิบครับ” ผมวางบิลให้ลูกค้าคนสวยทั้งสามคนพร้อมรอยยิ้มที่เป็นไม้ตายของผม

    “อร่อยมากเลยนะคะ เจ้าของร้านก็หล่อ” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมา ผมเองชินกับการแทะโลมแล้วครับ

    “สรุปว่าชอบสินค้าหรือว่าชอบเจ้าของร้านกันครับ พอดีว่าพร้อมบริการทั้งสองอย่างเลยครับ” ผมหยอกเย้ากลับ ทำเอาสาวๆหัวเราะคิกคักชอบใจ

    “ว่าเค้กร้านนี้หวานแล้วนะ ปากเจ้าของร้านหวานกว่าอีก แบบนี้มาบ่อยๆ เจ้าของรานคงไม่ว่าอะไรนะคะ” สาวสวยอีกคนก็หยอดกลับมาพร้อมด้วยแววตาหวายหยดย้อย

    “ฮันนี่เค้ก...ยินดีต้อนรับทุกคนครับ”

     

    **************************************************

     

    หลังจากปิดร้านเรียบร้อย ผมกับยัยสต๊อปก็นั่งหมดแรงข้างกัน เพราะวันนี้เป็นหนึ่งวันที่ลูกค้าเข้ามาที่ร้านมากเป็นพิเศษ ซึ่งพนักงานก็มีเพียงสองคน ก็คือผมกับน้องสาว ผมเอี้ยวตัวหันไปมองเค้กที่วันนีแทบจะหมดเกลี้ยง คืนนี้ผมต้องทำเค้กให้พอที่จะขายวันพรุ่งนี้อีก คาดว่าวันนี้ผมคงไม่ได้นอนเป็นแน่แท้

    “พี่ฮั่น...สต๊อปจะขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ ถ้าไม่ฮั่นไม่จ้างคนมาเพิ่มนะสต๊อปจะไปผ่าตัดเพิ่มแขนมาอีกสักสี่ข้าง อย่างกไปเลยน่า...ตอนนี้การเงินของร้านจ้างเด็กทำงานพาร์ทไทม์ได้สบายๆอยู่แล้ว เอามาช่วยช่วงเย็นและวันหยุดก็ได้” สต๊อปพูดกับผมด้วยความเหลืออด ผมเองก็เห็นใจน้องสาวไม่ใช่น้อยแต่ที่ไม่ยอมจ้างใครสักทีเพราะผมเป็นห่วงร้าน ไม่รู้ว่าคนที่จะมาทำงานที่ร้านจะตั้งใจทำงาน สาวๆ เอ้ยยยย!!! ลูกค้าจะชอบรึเปล่า และที่สำคัญผมเองจะไว้ใจคนนอกได้แค่ไหนกัน ร้านนี้เปรียบเหมือนชีวิตของผม ถ้าผมต้องสูญเสียที่นี่ไปชีวิตของผมก็คงหมดแล้วซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง

    “จ้างก็ได้ แต่ในช่วงแรกพี่ขอเป็นคนประเมินก่อนนะว่าจะผ่านรึเปล่า” ผมยื่นขอเสนอ สต๊อปพยักหน้ารับข้อเสนอด้วยความกระตือรือร้น

    “แต่ขอเป็นผู้ชายนะ เพราะอยากได้อารมณ์แบบเดียวกับ coffee prince อะไรประมาณนี้แค่คิดก็อยากจะกรี๊ดแล้ว นะพี่ฮั่นนะ” สต๊อปเกาะแขนผมอ้อนเต็มสูบ ผมก็พยักหน้าอย่างจำได้ ถึงตัวเองอยากจะได้เป็นสาวๆ ก็เหอะ แต่ถ้าพูดถึงธุรกิจของร้านแล้วต้องยอมรับว่าความคิดของน้องสาวตัวดีดูจะรุ่งโรจน์กว่า

    “โอเคๆ แต่ห้ามไปกิ๊กกับเด็กใหม่นะ เสียการปกครองหมด” ผมรีบดักคอ ยัยสต๊อปเบือนหน้าหนีเพราะผมรู้ทันความคิด ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจำใจ       

    “เออ...พี่ฮั่นพรุ่งนี้เช้าสต๊อปจองคิวดูดวงของพ่อหมอไว้ คนนี้นะเค้าบอกว่าแม่นยังกะตาเห็นเชียว ไปด้วยกันนะ”  สต๊อปเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างรวดเร็วเอาซะผมเปลี่ยนอารมณ์ตามไม่ทัน

    “อีกแล้วเหรอ­­­...เมื่อไหร่จะเลิกงมงายแบบนี้สักที ไม่ไปหรอกเสียเวลาทำมาหากินหมด” ผมรีบปัดพร้อมการบ่น ไม่รู้ว่ายัยสต๊อปไปงมงายเรื่องแบบนี้มาได้ยังไงกัน ทั้งที่ตัวเองออกจะเป็นเด็กรุ่นใหม่ทันสมัยขนาดนี้

    “แล้วพี่ฮั่นไม่กลัวว่าพ่อหมอเค้าจะเป็นคนโรคจิตที่ล่อลวงเด็กสาวไปทำมิดีมิร้ายหรอกเหรอ­­­” สต๊อปพูดขึ้นมาลอยๆ

    “งั้นก็ไม่ต้องไปก็สิ้นเรื่อง” ผมก็หาทางแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดเพื่อเป็นทางออกให้กับน้องสาวคนสวย

    “จองมาสองเดือนจะไม่ไปง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกัน...ไม่ได้!!!” สต๊อปโวยวายขึ้นมาทันทีที่ผมบอกว่าไม่ต้องไป

    “คือยังไงพี่ก็ต้องไปว่างั้นเหอะ” ผมสรุปบทสนทนา สต๊อปก็เข้ามาซบที่ไหล่อย่างออดอ้อน

    “ถ้ารักน้องห่วงน้องก็ต้องไปนะ” ดูลีลาการอ้อนเจ้าหล่อนสิครับ  แบบนี้ผมจะปล่อยให้น้องสาวไปคนเดียวได้ยังไงกัน ถึงจะไม่ชอบไอ่เรื่องพรรค์นี้สักเท่าไหร่นักก็ตามทีเหอะ!!!

    บ้านที่สต๊อปพาผมมาดูนั้น....มันช่างแตกต่างจากภาพที่ผมมโนไว้เหลือเกิน ตอนแรกผมนึกว่าเป็นสำนักร่างทรงมีกลิ่นธูปลอยฟุ้งฉุนจมูก มีพวกมาลัยหลากหลายสี คนจะต้องแน่นเต็มไปด้วยความงมงายหากแต่กลายเป็นบ้านหลังเล็กกะทัดรัด ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ กลิ่นดอกไม้ไทยหอมโชยทำให้สมองโล่งอย่างบอกไม่ถูก และที่สำคัญไม่มีคนมานั่งคอยหรือรำแก้บนแก้ล่างแต่อย่างใด เมื่อสต๊อปเดินเข้าไปก็พบชายวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐาน ใส่แว่นดูมีการศึกษาไม่น้อย ยิ้มรับอย่างเป็นมิตร

    “นัดไว้วันนี้ใช่มั้ยหนู” น้ำเสียงดูมีเมตตาแบบนี้ ผมว่าผมหลงกลน้องสาวซะแล้วแหละครับ

    “ใช่ค่ะ สองคนที่นัดไว้” สต๊อปตอบเสียงแจ่มใส สองคน...ผมหันไปรอบๆไม่มีใครสักคน

    “สองคนที่สต๊อปพูดถึง รวมพี่รึเปล่า” ผมไปกระซิบข้างหูน้องสาวเบาๆ สต๊อปหันมายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ซึ่งทำให้ผมรู้คำตอบโดยที่ไม่ต้องรอเจ้าตัวพูดออกมา หมอดูเดินนำผมสองคนไปที่เฉลียงหลังบ้านที่ร่มรื่น

    “ใครเริ่มก่อน” หลังจากนั่งลงที่โต๊ะรับแขก ลุงหมอดูก็หยิบไพ่บอซีขึ้นมาพร้อมเลิกคิ้วถาม

    “พี่ชายหนูก่อนเลยคะ” สต๊อปชิงจังหวะตอบก่อน แล้วหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ผม ทำเอาลุงหมอดูหัวเราะเบาๆ

    “สับไพ่ตามอายุ” ลุงหมอดูส่งไพ่ทั้งหมดมาให้ผม ผมเองก็ทุลักทุเลในการสับไพ่กองโต พอสับเสร็จหมอดูก็คลี่ไพ่ในผมแลกเจ็ดใบ ผมเองก็เลือกส่งๆไปให้ครบ พอเปิดออกมาได้หกใบ ลุงหมอดูมองผมลอกแว่นเหมือนกำลังสแกนเข้าไปในใจผม

    “มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมจึงตัดสินใจถามออกไป สต๊อปมองไพ่ผมแล้วยกมือปิดปากอย่างตกใจ

    “ดูจากไพ่หกใบแล้วนะ ยังเหลืออีกใบเป็นความหวังสุดท้าย” คุณลุงหมอดูก้มมองอย่างคิดหนัก

    “ใบแรกบอกว่าเจ้าชะตาเป็นคนที่เกิดมาต้องเหนื่อย มีปมในชีวิต ทุกอย่างกว่าจะได้มาสายตัวแทบขาด ศัตรูมักมีอำนาจเหนือกว่า ใบที่สอง...ในอนาคตจะมีเรื่องวุ่นวาย เรื่องราวเก่าๆจะกลับมาทำหลอกหลอน ใบที่สาม....ความเจริญในหน้าที่การงานจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้องแลกกับความวุ่นวายอย่างหนักในชีวิต ใบที่สี่...ความผิดหวังช้ำใจจ่ออยู่หน้าประตู ถ้ายังคอยวิ่งหนีอย่างที่ทำมาก็ไม่มีวันหลุดพ้นจากความไม่สบายใจ ใบที่ห้า....อุปสรรคขวางหน้า ยากที่จะผ่านพ้นเพียงลำพัง ใบที่หก....จะมีเรื่องราวเร้นลับเข้ามาในชีวิตอย่างคาดไม่ถึง และอาจจะทำให้เสียของรักได้” หมอดูอธิบายแต่ละไพ่ออกมา

    “แล้วต้องแก้ยังไงคะ” สต๊อปถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ

    “ถ้าขนาดนี้นะ พี่ว่าพี่ฆ่าตัวตายดีกว่า” ผมพูดเย้ยหยันอย่างท้าทาย ลุงหมอดูยิ้มออกมาอย่างไม่ถือสาก่อนจะพลิกไพ่ใบสุดท้าย

    “ใบสุดท้าย.....บอกว่า ชายร่างสูงบาง ผิวขาว จะเข้ามาเปลี่ยนทุกอย่างจากร้ายให้กลายเป็นดี ความสุขความสมหวังที่เคยขาดหายจะถูกเติมเต็มอย่างเหลือเชื่อ”  ลุงหมอดูยิ้มให้ผมอย่างใจดี

    “แล้วอีกนานมั้ยคะ กว่าคนๆนี้ที่ว่าจะเข้ามา” สต๊อปถามอย่างตื่นเต้น

    “ไม่นานเกินรอ บางทีอาจจะเข้ามาแบบที่ไม่ทันตั้งตัวก็ได้” ลุงหมอดูตอบอย่างฉะฉาน

    “ถ้ามีคนแบบนี้เข้ามานะสต๊อปจะให้เค้าอยู่ใกล้พี่ฮั่นตลอดเลย” สต๊อปหันมาพูดกับผม

    “ถ้ามีคนแบบนี้นะ พี่จะตะเพิดไปไกลๆเลย” ผมก็เลยตอบน้องสาวเพราะหมั่นไส้ในความศรัทธาที่มีต่อกระดาษเพียงไม่กี่แผ่นเหลือเกิน

    “ เรื่องแบบนี้ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับลุงแล้วทุกอย่างโชคชะตาได้กำหนดไว้ แล้วลุงเชื่อว่าสักวันคุณจะต้องเชื่อมั่นในสิ่งๆ นั้น” รอให้โลกแตกก่อนดีกว่าที่จะให้ผมเชื่อเรื่องบ้าๆ แบบนี้ ไพ่แค่ไม่กี่ใบจะมารู้อนาคตของคนเราเป็นร้อยเป็นพันคนได้ยังไงกัน ผมไม่เคยรอโชคชะตา ไม่เคยง้อวาสนา คนเราถ้าไม่ทำก็คงไม่มีวันสำเร็จ สิ่งที่ผมเป็นวันนี้เพราะน้ำพักน้ำแรงของผมทั้งนั้น เรื่องอะไรที่ผมจะต้องไปเชื่อคนแปลกหน้ากับคำพูดเพียงไม่กี่คำนั่นด้วย!!!!

     

    ปล. เอาลงก่อนนะคะ เดี๋ยวเคลียร์อีกครั้งเสร็จจะทยอยลงเรื่อยๆนะจ๊ะ ความจริงใจมันลอยมาหาเรื่องนี้แล้วด้วยแหละ 55555  เรื่องนี้ nc  มีน้อยและไม่หนักเท่าเรื่องก่อนๆ แต่ความกวน ความเกรียนจะมีตลอดเรื่องจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×