ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักหลังไมค์ หัวใจฉ่ำ

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 55


                       ผมตื่นนอนมาสักพักแล้วหล่ะ แต่ไม่อยากลุกเลย วันๆ ทำแต่งานๆๆ แล็วก็งาน ให้ตายเหอะ คนอย่างผมเนี่ยเกิดมาโชคร้ายที่สุด เวลาส่วนตัวหายไป เสื้อผ้าผมเผ้าทุกอย่างของผมก็ต้องเหมาะและดูดี คำว่า “ชอบ” อย่าได้หวังว่าจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผม ครับ....มันเป็นเวรเป็นกรรมของผมจริงๆ เวลาทั้งหมดของผมมันหายไป นับตั้งแต่ผมมีสถานะใหม่ทางสังคมว่า “ไอดอล”  เฮ้อออ!!!!!  ได้เวลาเผชิญโลกแห่งความจริงมองมือถือที่สั่นจนโต๊ะผมแทบจะสึก

                    “สวัสดีครับพี่เอกกี้” ผมรับโทรศัพท์ผู้จัดการส่วนตัว ที่โทรมาเป็นครั้งที่สามร้อยในรอบสองชั่วโมง

                    “น้องแกงส้มมมม ทำไมเพิ่งรับสายพี่คะเนี่ย” เสียงร้อนรนของพี่เอกกี้ดังมาตามสายที่ผมคุ้นเคย

                    “แหะๆๆๆ ผมเพิ่งตื่นพี่แต่เดี๋ยวผมรีบออกไปเลย” วันนี้ผมมีนัดประชุมเรื่องคอนเสิร์ตใหญ่ของค่ายที่ผมต้องไปร่วมกับสามเกลอสามเกรียนของวงการเพลง ผมรู้ว่าคร่าวๆ แค่นี้แหละครับ ยังไม่มีรายละเอียด

                    “คุณน้องขา คือคุณพี่จะบอกว่าเค้าเลื่อนประชุมเป็นหกโมงเย็นคะ คุณน้องไม่ต้องรีบใดๆทั้งนั้น” พี่เอกกี้ตอบกลับมา ทำเอาผมอึ้ง ให้ตายเหอะ!!! เลื่อนประชุมจากเก้าโมงเช้าเป็นหกโมงเย็น

                    “พี่เอกกี้ทำไมเพิ่งมาบอกผมตอนนี้เล่า พี่รู้มั้ยนานทีผมถึงจะว่างแบบนี้กับเค้าบ้าง แล้วแทนที่ผมจะได้นอนหกชั่วโมงตามหลักสุขอนามัย ผมตื่นมาแล้วนะครับพี่” โวยวายซะหน่อย ก็ผมมันเป็นคนนอนยาก ตื่นแล้วไม่จะล้มตัวนอนอีกไม่ได้แล้ว ผมเสียโอกาสการนอนเนี่ย มันเรื่องใหญ่นะครับ อย่างนี้มันต้องเหวี่ยง!!!!  

    “หึหึ แล้วที่พี่โทรไปเพื่อที่จะบอกคุณน้องเป็นล้านสาย ความผิดของคุณพี่เหรอคะ” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของพี่เอกกี้เอาผมเสียวสันหลังวาบ เออ...ผมก็ลืมไป หลังจากวางสายไปแล้ว ไหนๆ ก็ตื่นขึ้นมาแล้วออกไปหาเพื่อนรักดีกว่า


                   ผมขับรถมาที่หน้าบ้านเพื่อนรัก สต๊อป เป็นเพื่อนผมตั้งแต่มัธยมต้น เพิ่งมาเรียนคนละที่ตอนเข้ามหาลัยนี่แหละครับ ผมกดแตรเรียก ร่างบางของสต๊อปก็โผล่ออกมาเปิดประตูให้ผมขับรถเข้าไป

    “ไงจ๊ะคนดัง เริ่มว่างงานแล้วเหรอ” ทันทีที่เห็นผม คำทักทายนี่มันน่าตบหัวทิ่ม

    “เหอะๆๆ ขอให้ว่างทีเถอะ ขี้เกียจแล้วเนี่ย” ผมก็ตอบไปอย่างหัวเสีย ยัยสต๊อปแบะปากอย่างหมั่นไส้ผม ก่อนที่ผมจะกอดคอเพื่อนรักเข้าไปในบ้าน

    “น้องสาวเธอไม่อยู่เหรอ” ผมถามหาน้องสาวตัวป่วนของสต๊อป ไม่ได้พูดเล่นนะ...ยัยเนี่ยป่วยเกินเด็กจริง สารพัดจะหาอะไรให้ผมและพี่สาวปวดหัวทุกที

    “พี่แกงงงงงงงง” เสียงใสดังลั่นมาจากข้างบน สต๊อปหันมาส่งสายตาแทนคำตอบ สมายล์ น้องสาวสต๊อปเป็นดาราวัยรุ่นชื่อเกือบดัง 5555 คำว่าเกือบดังของผมที่ชอบแซวบ่อยๆ ทำให้สมายล์คิดวิธีการที่จะดังขึ้นตลอดเวลา แต่ละวิธีของหล่อนทำให้ยัยสต๊อปแทบจะเอาหัวโขกฝาบ้านตาย

    “พี่แกง วันนี้ไม่มีงานรึไง” สมายล์ทักผมทันทีที่วิ่งลงมาจากชั้นสอง

    “ไม่มี แล้วเราหละไม่มีงานเหรอ” ผมถามกลับยัยซุปตาร์กลับไปบ้าง

    “ถ่ายเสร็จแล้ว ยังไม่ได้เปิดกล้องเรื่องใหม่ด้วย กลัวกระแสตกจัง” เห็นมั้ยครับผมบอกแล้วว่ายัยนี่ชอบห่วงกระแสอะไรก็ไม่รู้บ้าบอ ทั้งทีเอาจริงๆ เหอะ ดาราในวัยเดียวเค้าหายออกไปทีละคนสองคน แต่สมายล์มีงานอยู่ตลอด แต่ถ้าจะให้เทียบกับผมมันก็ไม่ได้ ที่งานผมเยอะเพราะผมโตแล้วนิ เลยมีเวลาว่างจากการเรียนมากกว่า

    “พี่บอกแล้วไง ว่าชื่อเสียงย่อมมีวันเสื่อมถอย ความดีเท่านั้นที่คงทน” เอาแล้ว แม่ชีเริ่มเทศน์แล้วไง

    “คร้า แล้วพี่แกงรู้ตัวเปล่า ตอนนี้มีข่าวพี่อีกแล้วนะ” ยัยสมายล์พูดพร้อมเดินเอาหนังสือพิมพ์มายื่นให้ผม

    “มันก็มีอยู่ทุกวัน ข่าวเบี้ยวงาน ข่าววีนนักข่าว ข่าวเกาเหลาเพื่อนร่วมงาน พี่เหมามาทุกข่าว เออ ยังไม่มีข่าวทำผู้หญิงท้อง” ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ข่าวแย่ๆ ออกมาตลอด บางทีมันก็เหนื่อย นักข่าวก็มาถามอะไรไม่เข้าหู ผมเลยต้องเหวี่ยง เพื่อนร่วมงานบางทีทำอะไรชักช้า ผมเลยต้องเหวี่ยง

    “พี่จะมีข่าวทำผู้หญิงท้องไปได้ยังไง......พี่มีแต่ข่าวเป็นเกย์” หลังจากพูดจบยัยสมายล์กับยัยสต๊อปก็ขำกันใหญ่ ผมรีบเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ดู ไอ่บ้า!!! ผมไม่มีแฟนก็หาว่าเป็นเกย์เหรอเนี่ยยยย โอ๊ยยยยย.....

    “พี่แกง สมายล์คิดวิธีแก้ข่าวได้นะ” หลังจากขำอย่างหนักหน่วง ยัยสต๊อปหันมามองน้องสาวอย่างงงๆ จะมาไม้ไหนเนี่ยสมายล์

    “พี่แกงก็เปิดตัวหนูว่าเป็นแฟนพี่ไง จบทุกข่าว ฟันธง!!!  พี่ได้แก้ข่าว หนูได้กระแส วินวิน” ผมไม่รู้ตัวหรอกว่าคิดยังไง แต่พอรู้สึกตัวอีกทีหมอนอิงก็ลอยไปโดนหน้าต้นเสียงใสๆ อย่างจังเบอร์ ขณะที่สต๊อปนั่งกุมขมับปวดเศียรเวียนเกล้ากับน้องสาวตัวเอง


    หลังจากออกมาจากบ้านสต๊อปแล้ว ผมก็ตรงมาที่ตึกที่ต้องประชุมก่อนเวลาตั้งสองชั่วโมง ผมเปิดประตูเข้าไปเดินแบบไม่มองอะไรทั้งนั้น เพราะไม่อยากให้ใครเห็นก็ผมไม่อยากทักคน อยากขึ้นไปที่ห้องประชุมแล้วนั่งอยู่เฉยๆ ฟังเพลงไปเรื่อยๆ แต่ลืมไปว่าไอ่ความไม่มองไม่ดูทางเนี่ย อาจจะทำให้....

    “พลั่ก!!!” เสียงร่างกายผมประสานงากับร่างสูงล้ำตรงมุมพอดี ผมลงไปกองกับพื้น แต่คู่กรณีผมยังยืนมั่นคง อายครับ!!! คนมองกันเต็มเลย ผมเลยรีบลุกขึ้นมาประจันหน้ากับคนที่เดินชนผม ใบหน้าที่ขาวใสเว่อร์ใต้หมวกมีรอยยิ้มสมเพชผมที่มุมปาก ปรี๊ดครับปรี๊ด อย่างนี้มันต้องเหวี่ยง!!!

    “เดินยังไง มาชนคนได้ ยังมีหน้ามายิ้มอีกนะ ขอโทษเป็นมั้ย” ผมโวยวาย แต่...พ่อคุณทำหน้าเรียบเฉยก้มเก็บของกระจายเต็มพื้นซึ่งเดิมทีอยู่ในลังขนาดใหญ่ สงสัยลังจะบังตาเลยเดินมาชนผมเนี่ย

    “นี่ นาย....” ผมเรียกร้องความสนใจจากร่างสูงนั้น แต่...ไอ่บ้านั่นเมินผมครับ!!!

    “นาย....ขอโทษชั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ เฮ้ยยยยย หูหนวกไงเนี่ย” ผมโวยวายจนไอ่บ้านั่นเงยหน้ามามองผม

    “เราเดินชนกัน เราผิดทั้งสองฝ่าย ทำไมต้องขอโทษ นายเป็นใคร เทวดาเหรอ ถึงต้องให้คนอื่นเค้าขอโทษทั้งที่ตัวนายก็ผิด” คำพูดเรียบๆ แต่ทำเอาผมจี๊ดขึ้นสมอง คนมองเยอะแยะ อายมากกกกกกกกกกก

    “ชั้นแกงส้ม ไอดอลที่ดังที่สุด กับนาย ชื่ออะไรก็ไม่รู้ ที่เป็นเด็กยกของ แค่นี้พอให้ชั้นเป็นเทวดาได้รึยัง อย่าให้เจออีกนะ ชั้นจะหาทางไล่นายออกข้อหาขวางหูขวางตาชั้น” ผมประกาศกร้าวอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะหันไปมองทุกคนที่มองผม ทุกคนหลบสายตาแล้วเดินจากไปเงียบกันหมด เหลือแต่ผมกับไอ่บ้านั่น ที่เก็บของลงลังเสร็จแล้ว ก่อนที่จะเดินเลยผมไป เจ็บใจครับ... ไอ่ล้ำ!!! อย่าให้ได้เจอนายอีกนะ

     

    ปล. เรื่องนี้เพิ่งคิดพล๊อตเรื่องได้ ลง Intro ไว้ก่อน จะมาอัพอีกทีหลังเรื่องก่อนหน้านี้จบนะจ๊ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×