ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พลานุภาพ

    ลำดับตอนที่ #5 : เนื้อหา ตอนที่ 1: คำตอบจากห้องวิทยาศาสตร์ (2)

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 56


    คำตอบจากห้องวิทยาศาสตร์

    ตอนที่ 2

    “สวัสดีเจ้าหน้าที่คณาณิณท์” เสียงทักจากระบบคอมพิวเตอร์ดังขึ้น ปรากฏลูกบอลกลมๆ บนหน้าจอหมุนไปหมุนมา

    “...” คณาณิณท์เงียบเพื่อรอว่าคอมพิวเตอร์จะว่าอะไรต่อ แต่ทุกอย่างยังคงเงียบอยู่ต่อไป

    “สวัสดีเจ้าหน้าที่คณาณิณท์” เสียงนั้นทักอีกเป็นครั้งที่สอง

    “...” เขายังคงเงียบเพราะไม่รู้จะทำอะไร แถมทุกอย่างบนจอก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรเช่นเคย

    “สวัสดีเจ้าหน้าที่คณาณิณท์” เสียงทักดังอีกรอบ

    “นายต้องทักตอบรับระบบเพื่อเริ่มการทำงานต่อไป” เสียงใสร้องบอกมาจากโต๊ะในล็อกทำงานข้างๆ พร้อมยื่นมือมาสะกิด

    คณาณิณท์เหลียวหน้าขึ้นมองก็เห็นเจ้าหน้าที่สาวสวยเท้าคางกับสองแขนบนขอบพาร์ทิชั่น

    “นายต้องทักทายตอบระบบ จากนั้นระบบจะจดบันทึกลักษณะเสียงของนายเพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบการสื่อสาร” เธออธิบายฉะฉาน

    “อ้อ... กดปุ่มสีแดงเล็กๆ บนบลูทูธด้วยนะ มันเป็นปุ่มเปิดปิดไมค์น่ะ” หญิงสาวเตือน

    คณาณิณท์ถอดหูฟังข้างซ้ายออกมาดู เขาเห็นปุ่มเล็กๆ สีต่างกันสี่สี มีสีขาว ฟ้า แดงและเหลือง ชายหนุ่มกดปุ่มสีแดงแล้วสวมกลับไปตามเดิม ก่อนนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กล่าวขอบคุณคนแนะนำ

    “ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มเอ่ย

    สาวสวยคนนั้นยิ้มพราย

    “ขอต้อนรับเข้าสู่ฝ่ายปฏิบัติการนะเจ้าหน้าที่คณาณิณท์” เธอว่าพร้อมกับยื่นมือข้ามพาร์ทิชั่นมา ชายหนุ่มยื่นมือมาจับตอบ

    “ขอบคุณครับ คุณ...”

    “สร้อยสุดา เจ้าหน้าที่สร้อยสุดาแผนกปฏิบัติการเช่นกัน” เธอแนะนำตัว

    “ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” เขาตอบ

    “เธอนี่หล่อดีนะ” หญิงสาวจู่โจม ชายหนุ่มเจอมุขนี้เข้าไปถึงกับวางตัวไม่ถูก ส่วนหญิงสาวหัวเราะร่วน

    คณาณิณท์รู้สึกว่ารอยยิ้มของหญิงสาวมีเสน่ห์เอาการ ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนๆ แต้มอายชาโดว์บางๆ กับแป้งเนื้อเนียน ลักยิ้มบุ๋มลึกทั้งสองข้างแก้มทำให้หญิงสาวดูเหมือนเด็กสาวมัธยมปลายหรือสาวมหาวิทยาลัยปีแรกๆ

    “ระวังโดนหลอกนะไอ้น้อง แม่นี่ชอบหลอกให้ผู้ชายตามใจ เอาเสน่ห์มาโปรยหว่านแล้วหาเรื่องกินข้าวฟรี ไม่ก็เอามาใช้เป็นคนขับรถส่วนตัว” เสียงแซวดังมาจากโต๊ะข้างหลัง

    เจ้าของเสียงเป็นชายร่างโปร่ง ผิวขาว ไว้หนวดเครารางๆ สวมแว่นตากรองแสงสีชายี่ห้อเรย์แบนด์กรอบสีเงินวาว นั่งเอกเขนกเอนตัวกับเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ เขาแนะนำตัวเองว่าเจ้าหน้าที่สุกฤษฎ์ จึงอาภาการุณ แผนกปฏิบัติการเช่นกัน

    “ไอ้ตี๋ ปากแกนี่มันวอนโดน” หญิงสาวหันไปทำเสียงดุใส่

    “อ้าวๆๆ ก็จริงนี่จ๊ะแม่ยอดขมองอิ่มของพี่” ชายผู้นั้นเอ่ยหยอกล้อ

    คณาณิณท์แนะนำตัวเองพร้อมยื่นมือมาเช็คแฮนด์ด้วย เขาพิจารณาการแต่งกายของทั้งสองที่ต่างจากเขาไม่น้อย ชุดเสื้อสูทแบบลำลองแขนยาวผ้าลินินชนิดซิปรูดผ่ากลางสีน้ำเงินเข้ม สวมทับเสื้อรัดรูปสีน้ำเงินครามที่อยู่ข้างใน กางเกงขายาวผ้าลินินสีเดียวกันกับชุดคาดเอวไว้ด้วยเข็มขัดหนังสือดำเป็นมัน รองเท้าของเจ้าหน้าที่สุกฤษฎ์เป็นท็อปบูทคล้ายอย่างทหาร ส่วนของหญิงสาวเขายังไม่เห็น ทั้งสองคนมีแผ่นโลหะสีเงินรูปห้าเหลี่ยมกว้างด้านละประมาณสองนิ้วแปะติดบนหน้าออกด้านซ้าย มีแถบโลหะบางๆ เชื่อมจากแผ่นโลหะพาดไปที่หัวไหล่  ส่วนที่ไหล่ทั้งสองข้างต่างมีเส้นแถบสีเป็นขีดๆ จำนวนสี่ขีดสีขาว ฟ้า แดงและเหลือง ชายหนุ่มเข้าใจว่าสีทั้งสี่สีนี้น่าจะมีความหมายบางอย่าง ทั้งคู่ต่างสวมถุงมือหนังสีดำเข้ม

    “นายอย่าไปฟังไอ้ตี๋ปากเสียนี่เลยนะ ผู้หญิงหน้าตาดีๆ ใครเขาจะมีนิสัยแบบนั้นกัน จริงไหม?” เจ้าหน้าที่สร้อยสุดาหาพวก

    “งั้นเสียใจด้วยนะครับ ผมคงรอดตัวครับ จนกรอบแล้วก็ครับรถไม่เป็นด้วย” ชายหนุ่มตอบหน้าตาเฉย

    สร้อยสุดาหน้าเสีย หล่อนสะบัดหน้าหนีจากวงสนทนา

    “สรุปว่าอ่อยผิดคนแล้วเจ๊” เจ้าหน้าที่สุกฤษฎ์ชะโงกหน้าไปแซวหญิงสาว

    “ชิ” ทำเสียงแค่นั้นหญิงสาวก็หันหลังใส่ทั้งคู่

    “เด็กใหม่ นายทำดีมาก!” สุกฤษฎ์บอกพร้อมยกนิ้วให้ คณาณิณท์ยิ้มแห้งๆ

    ....................

    เมื่อชายหนุ่มกลับมาฟังข้อมูลจากคอมพิวเตอร์อีกครั้ง

    “สวัสดีเจ้าหน้าที่คณาณิณท์” เสียงนั้นทัก

    “สวัสดี” เขาตอบเบาๆ หน้าจอเปลี่ยนแปลงไปเป็นปรากฏเป็นรูปลูกบอลกลมๆ ที่มีดวงตากลม คิ้วและปากที่ขยับตามอารมณ์ของคำสนทนา

    “นึกว่าจะไม่ตอบซะแล้วเจ้าหน้าที่คณาณิณท์” เสียงในคอมทัก

    “เอาล่ะ เจ้าหน้าที่คณาณิณท์ ก่อนเริ่มต้นข้อมูลมาเปลี่ยนวิธีแทนตัวกันก่อน ปกติเจ้าหน้าที่คณาณิณท์ใช้สรรพนามแทนตนเองและผู้สนทนาด้วยว่าอย่างไร โปรดตอบ” คณาณิณท์ฟังดูก็ชักรำคาญชื่อตัวเอง

    “เอ่อ ก็แบบกันเองๆ ฉันกับนาย ผมกับนาย หรือเรากับพวกนาย พวกเธอแบบนี้แหละ” เขาตอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ประมาณคำตอบครู่หนึ่ง

    “รับข้อมูล... ระบบประมวลผล... ข้อมูลเข้ากันกับระบบมาตรฐานเพื่อนระดับ F-2 งั้นตกลงแทนเจ้าหน้าที่คณาณิณท์ด้วยผม ด้วยฉัน แทนระบบคอมพิวเตอร์ด้วยนาย พวกนาย ระบบเริ่มจดจำ” ระบบเหมือนพึมพัมกับตัวเอง

    “ระบบแทนเจ้าหน้าที่คณาณิณท์ด้วยนาย เจ้าหน้าที่คณาณิณท์เท่ากับนาย”

    “ระบบแทนระบบคอมพิวเตอร์ด้วยดิเอ็กเตอร์ ระบบเท่ากับดิเอ็กเตอร์... ดิเอ็กเตอร์เริ่มจดจำ!!

    “อ้าว ทำไมนายเรียกตัวเองว่าดิเอ็กเตอร์ล่ะ?” คณาณิณท์ถาม

    “ก็ระบบชอบชื่อนี้น่ะสิ นายอย่าเรื่องมากน่า” ระบบโต้ตอบ แต่วิธีการสนทนาเปลี่ยนแปลงไป

    ช่างเถอะ—เจ้าหน้าที่หนุ่มเลิกคิดจะตอบโต้กับระบบตรงหน้า

    “งั้นเริ่มเลย ผมเสียเวลานานแล้ว” เขาเอ่ย

    “ได้เลย เดี๋ยวดิเอ็กเตอร์สรุปอย่างย่อแบบด่วนจี๋พิเศษใส่ไข่ให้ฟัง” ระบบร่ายคำพูด

    “แผนกวิทยาศาสตร์พลังงาน(พิเศษ) เรียกย่อว่าหน่วยคลาสพเซอร์ ภายใต้สัญลักษณ์พลังงานเชิงมิติทั้งสี่ เป็นหน่วยงานที่สามารถใช้รูปแบบพลังงานทั้งสามได้แก่ พลังงานแม่เหล็ก พลังงานไฟฟ้า พลังงานความร้อนและพลังงานโน้มถ่วง ในเชิงมีติทั้งสี่คือ ระยะทาง ความเร็ว ความเร่ง และเวลา โดยพลังงานทั้งสามจะถูกใช้ในเชิงมิติทั้งสี่ด้วยผลจากการทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ด้วยการนำพลังงานมาพัฒนารูปแบบของความสัมพันธ์ต่อกัน จนวิทยาศาสตร์สามารถควบคุมการเกิดพลังงานในเชิงโครงสร้างสี่มิติได้”

    “ตัวอย่างคือวัตถุทรงกลมที่เรียกว่าโลก โลกมีพลังงานโดยตัวเองหลายรูปแบบ แต่หลักๆ คือพลังงานโน้มถ่วงหรือพลังงานแรงดึงดูด พลังงานแม่เหล็กที่ห่อหุ้มโลกอยู่ พลังงานไฟฟ้าที่สะสมอยู่และเปลี่ยนแปลงและพลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาต่างๆ เมื่อพยายามโน้มนำพลังงานหรือเสริมพลังงานเข้าไปโดยใช้แกนแบบสี่มิติให้โลกเป็นจุดศูนย์กลาง ความเปลี่ยนแปลงเชิงพลังงานแต่ละตัวหรือหลายๆ ตัวพร้อมกันจะก่อให้เกิดปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงพลังงานสัมพัทธ์ เราเอาพลังงานเหล่านี้มาใช้งานโดยหลักวิทยาศาสตร์ทำให้สามารถย่อหรือขยายวัตถุได้ ควบคุมความร้อนความเย็นได้ กำหนดน้ำหนักและความหนาแน่นของมวลสารได้ และเคลื่อนย้ายข้ามช่องว่างเวลาได้”

    “เดี๋ยวนะ นายว่าพวกเราเดินทางข้ามช่องว่างเวลาได้งั้นเหรอ?” คณาณิณท์เร่งรีบถามด้วยความประหลาดใจ

    “ถูกต้อง” ดิเอ็กเตอร์ตอบ

    “แต่ไม่ต้องห่วง เราเดินทางข้ามช่องว่างเวลาในระนาบของระยะทาง ความเร็ว ความเร่งได้เท่านั้น เช่นเราเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งด้วยการกระโดดข้ามช่องว่างเวลา เหมือนเราหายตัวจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งในเวลาต่อเนื่องกันเท่านั้นแหละ แต่การเดินทางข้ามช่องว่างเวลาในระนาบเวลายังทำไม่ได้ นั่นหมายถึงเราไปอนาคตหรือย้อนเวลายังไม่ได้” ระบบอธิบาย

    “คล้ายๆ ประตูสารพัดสถานที่สินะ” เขาคราง

    “คล้ายๆ แต่เราไม่ได้เดินผ่านประตู เรากระโดดจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดที่ระบบคอมพิวเตอร์กำหนด”

    “โอเคๆ พอเข้าใจแล้ว แล้วไงต่อ” คณาณิณท์ถาม

    “เราใช้พลังงานเหล่านี้ในการปกป้อง รักษา และแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยผู้ไม่ประสงค์ดีต่อโลก ทั้งจากตัวมนุษย์ ที่ชั่วร้าย สิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย และอารยะธรรมต่างดาวที่ชั่วร้าย ทั้งหมดเพื่อรักษาความสันติสุขของมนุษยชาติ หากปราศจาก” ระบบตอบ

    “เดี๋ยว!!!!!!” อณาณิณท์ลากเสียงยาวเบรก

    “นายกำลังบอกว่าเราเป็นองค์กรลึกลับที่ช่วยคุ้มครองโลกเหมือนอย่างพวกบุรุษชุดดำ[1]อย่างในหนังน่ะเหรอ?”

    “ใช่ นั่นคือองค์กรหนึ่งที่อยู่ในความร่วมมือกันกับหน่วยงานของเรา แต่นายไม่ต้องไปเชื่อแบบในภาพยนตร์มากนักหรอก นั่นมันเติมสีสันจากความจริงไปนิดหน่อย” ดิเอ็กเตอร์พูด

    “นิดหน่อย?” คณาณิณท์ทำน้ำเสียงไม่เชื่อ

    “เอ่อ ... ที่จริงก็ค่อนข้างจะไม่ตรงแบบเอาการอยู่” ระบบอ้อมแอ้มตอบ

    “แล้วยังไงต่อดิเอ็กเตอร์?” เขาเปิดโอกาสให้ระบบได้ตอบ

    “โอ้ววววว ขอบคุณที่เรียกชื่อนะ นายนี่นิสัยดีจริงๆ” แทนที่จะเล่าต่อกลับแสดงอาการดีใจที่ถูกเรียกชื่อตามที่ตัวเอง  หมายถึงชื่อตามแบบที่ระบบต้องการ

    “แล้วไงต่อดิเอ็กเตอร์ ว่าไปสิ ผมจะต้องไปคุยกับเจ้าหน้าที่จอห์นต่อนะ” คณาณิณท์เร่งเร้า

    “หากปราศจากการดำเนินการของหน่วยงานเรา การคุกคามของบรรดาผู้ไม่ปรารถนาดีย่อมสัมฤทธิ์ผล เป็นต้นว่าปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมสูงขึ้น การล้มล้างระบบการปกครอง การทดลองที่เป็นอันตรายหรือปรากฏการณ์ที่อาจจะนำมาซึ่งหายนะ ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว น้ำท่วม ไฟไหม้ จนถึงการยึดครองของพวกชนเผ่าต่างดาว”

    “ฟังดูนิยายสิ้นดี” คณาณิณท์ดูถูก

    “แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง” ดิเอ็กเตอร์เถียง

    “ฮ่าๆๆๆ คุยกับนายนี่สนุกดีนะดิเอ็กเตอร์ แต่ตอนนี้ผมต้องขอตัวไปพบเจ้าหน้าที่จอห์นก่อนล่ะ” ชายหนุ่มบอก

    “แต่ที่เล่ามานี่เรื่องจริงนะ” ระบบยังพยายามแย้ง

    “ขอลองหน่อยแล้วกัน ไหนดูสิจะเป็นไง?” ชายหนุ่มทำทีลุกขึ้นจากที่นั่ง

    “ปิดระบบสนทนากับดิเอ็กเตอร์!” สิ้นคำสั่งของคณาณิณท์หน้าจอก็ปิดทันที

    ....................

    ก่อนลุกไปพบกับเจ้าหน้าที่จอห์น ชายหนุ่มจดข้อความบนกระดาษโน้ต แล้วเคาะผนังพาร์ทีชั่นฝั่งติดกับหญิงสาวเบาๆ

    สร้อยสุดารับไปอย่างงงๆ พอคลี่อ่านก็พบข้อความ

    “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ เรื่องขับรถคงไม่ไหว แต่เรื่องเลี้ยงข้าว ถ้ารอไหว ขอเงินเดือนออกก่อนนะครับคนสวย” คณาณิณท์เขียนในกระดาษอย่างนั้น

    “ตาบ้า ฟอร์มจัดนักนะ” สร้อยสุดาแอบนินทาเพื่อนร่วมงานใหม่เบาๆ แต่ก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆ

    ####################  ####################



    [1] องค์กรบุรุษชุดดำ (Men In Black)เป็นกลุ่มบุรุษในวัฒนธรรมร่วมสมัยของอเมริกันและตามทฤษฎีสมคบคิดเรื่องจานบิน ซึ่งสวมชุดสูทสีดำ และมักเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันมิให้ผู้ได้ประสบพบเจอจานบินหรือมนุษย์ต่างดาวแพร่งพรายเรื่องเหล่านั้นออกไป และบางทีก็เชื่อว่า บุรุษชุดดำนั้นเป็นมนุษย์ต่างดาวเสียเอง คำนี้ยังมักใช้หมายถึงสมาชิกอั้งยี่หรือสำนักราชการบ้านเมืองซึ่งเชื่อกันว่าทำหน้าที่ป้องกันมิให้ความลับบางประการแพร่หลายหรือเพื่อดำเนินกิจกรรมลึกลับบางอย่าง ในความหมายทั่วไป คำนี้ใช้หมายถึงบุคคลที่มีพฤติกรรมประหลาดหรือมีอิทธิพลและมักปรากฏตัวในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับจานบิน เป็นภาพยนตร์ที่ผลิตในปี 1996


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×