คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เนื้อหา ตอนที่ 1: คำตอบจากห้องวิทยาศาสตร์ (1)
คำตอบจากห้องวิทยาศาสตร์
ตอนที่ 1
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติภาพแห่งประเทศไทย
ลึกลงไปด้านหลังของหมู่อาคาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มแสดงความเคารพผู้มาถึง เขารูดบัตรผ่านประตูให้แก่บุรุษในชุดสูทสีน้ำเงินทั้งสองผ่านเข้าไป ประตูกระจกหนาสไลด์ตัวกลับโดยอัตโนมัติเมื่อทั้งสองคนเดินผ่านไปเรียบร้อย เสียงพื้นรองเท้าโลหะกระทบพื้นตามจังหวะก้าวเบาๆ เสียงนั้นสะท้อนไปมาทางเดินที่ทอดยาวไปยังประตูที่เห็นอยู่ไกลๆ ผนังทุกด้านทำด้วยวัสดุสีเงินวาวแปลกตา เมื่อถึงประตูชายผู้หนึ่งสอดฝ่ามือเข้าไปในช่องลึกขนาดเล็กด้านข้าง วางมือบนกระจกแก้วสีดำ
“วืบ... วืบ... วืบ” แสงเลเซอร์สำหรับสแกนลายฝ่ามือวิ่งกลับไปกลับมา ก่อนส่งสัญญาณตอบรับ
ประตูเลื่อนเปิดออก ชายทั้งสองเดินเข้าไปในนั้น ลักษณะของห้องนั้นไม่ต่างกับลิฟท์ทั่วไป ไฟแสดงชั้นแจ้งว่าตอนนี้ลิฟท์อยู่ที่ชั้นหนึ่ง แผงหน้าจอแสดงชั้นแบบสัมผัสมีชั้น B ชั้น 2B และชั้น 3B ให้เลือก แต่เมื่อชายคนเดิมสอดบัตรประจำตัวเข้าไปตรงช่องเสียบเล็กๆ ใต้แผงนั้น แผงตัวเลือกชั้นกลับปรากฏตัวเลือกเพิ่มขึ้น
สัญญาณตอบรับดังขึ้น แผงหน้าจอเปลี่ยนแปลงไป ปรากฏหมายเลขชั้น 4B ถึง 6B เพิ่มขึ้นมา
“ชั้น 5B” ชายคนที่สอดบัตรกดปุ่มที่เพิ่มขึ้น จากนั้นลิฟท์ก็เคลื่อนตัวลงไปข้างล่าง
เจ้าหน้าที่ในชุดสูทที่เป็นคนสอดบัตรมีสีหน้าเคร่งขรึมไม่ค่อยผ่อนคลาย ส่วนผู้ที่มาด้วยดูตื่นเต้นและประหม่าเล็กน้อย
“ไม่คิดว่าที่เมืองไทยจะมีอะไรแบบนี้สินะ” คนที่เคร่งขรึมกว่าเอ่ย มือทั้งสองข้างล้วงหยุกหยิกอยู่ในกระเป๋ากางเกง สัมผัสโลหะบางอย่างในนั้นส่งเสียงที่เกิดจากการกระทบกันเบาๆ
“ค..ครับ” คนที่มาด้วยตอบ
ชายหนุ่มที่ประหม่าผู้นี้ดูแล้วอายุน้อยกว่าอีกฝ่ายเป็นสิบปี แต่ก็มีรูปร่างสูงใหญ่แบบเด็กวัยรุ่นสมัยใหม่ ผิวขาวสะอาดสะอ้าน ใบหน้าตี๋ๆ ด้วยเชื้อสายจีนทำให้เขาดูมีเสน่ห์ชวนมอง แต่แววตาที่ถูกบังไว้ด้วยแว่นสายตากรอบหนาก็ไม่อาจจะซุกซ่อนอาการประหลาดใจได้
เขาชื่อ “คณาณิณท์ เวทางค์โรจน์” ว่าที่เจ้าหน้าที่ใหม่ของหน่วยปฏิบัติการที่เจ็ด แผนกวิทยาศาสตร์พลังงาน(พิเศษ) โดยการกำกับดูแลร่วมของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงกลาโหม
.......... ..........
แผนกวิทยาศาสตร์พลังงาน(พิเศษ) เป็นแผนกพิเศษตามชื่อ แผนกนี้ถูกก่อตั้งขึ้นมาโดยไม่มีการเปิดเผยเป็นทางการ จะเรียกว่าเป็นแผนกลับก็คงไม่ผิดอะไร ดังนั้นหน่วยปฏิบัติการพิเศษก็ไม่แตกต่างจากหน่วยงานลับที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้
“อย่างกับแผนกลับเลยนะครับ” คณาณิณท์เอ่ยลอยๆ
“แผนกลับ? อย่าเรียกอะไรเชยๆ อย่างนั้นสิ ที่นี่เราเรียกตัวเองว่าองค์กรคลาสพเซอร์[1]” ฝ่ายนั้นเถียงอย่างภาคภูมิใจ
“คลาสเซอร์?” ชายหนุ่มทวนชื่อ
“ไม่ใช่คลาสเซอร์! คลาสพเซอร์ มันต้องมีเสียงพีด้วย พี-เพอะเบาๆ ก่อนเซอร์!” ฝ่ายนั้นเน้นเสียง
“คลาสสสพึเซอร์” คณาณิณท์ลองใหม่แต่ก็ยังเพี้ยนอยู่ดี จนอีกฝ่ายส่ายหน้า
“คลาสพเซอร์เว้ย ไม่ใช่ คลาส-พึ-เซอร์” ฝ่ายนั้นบ่น
“ฟังยังกับองค์กรซอกเก้อร์[2]ในไอ้มดแดงยังไงยังงั้นเลยนะครับ” ชายหนุ่มพึมพำ
“แต่เราคือองค์กรลับฝ่ายดี” ผู้ยืนอยู่ข้างๆ เค้นเสียงเข้ม
....................
ประตูลิฟท์เปิดที่ชั้น 5B เผยให้เห็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่แบ่งซอยเป็นคอกเล็กๆ ประมาณสิบคอกด้วยชั้นพาร์ทิชั่นโลหะสีเงิน บุผิวด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม ดูโดยรวมเหมือนออฟฟิศในสำนักงานใหญ่ๆ พาร์ทิชั่นที่กั้นไว้นั้นแบ่งส่วนการทำงานเป็นสามส่วน เว้นช่วงตรงกลางด้วยทางเดินกว้างราวสองเมตรตลอดแนว ฟากหนึ่งของห้องเป็นจอมอนิเตอร์ยาวและสูงชนเพดานห้อง ในจอนั้นแบ่งซอยเป็นจอเล็กๆ ราวสามสิบช่องแต่ตอนนี้ปิดสนิทเกินกว่าครึ่ง คณาณิณท์เหลือบมองดูบนจอภาพเห็นการเคลื่อนไหวเหมือนกล้องนี้ถ่ายทอดภาพจากมุมต่างๆ ของกรุงเทพฯ และอาจจะจังหวัดอื่นๆ ด้วย
คณาณิณท์มองไปรอบห้อง สังเกตดูทุกสิ่งทุกอย่างตามนิสัยช่างสำรวจ
ในห้องมีคนอยู่ราวๆ สามสิบคน ส่วนใหญ่แต่ละคนยังทำงานของตัวเองบนจอคอมพิวเตอร์อย่างบางตรงหน้า จอนั้นเหมือนฝังเข้าไปกับผิวพาร์ทิชั่น แต่ละคนดูจะสนใจแต่เรื่องตัวเองจนไม่ได้ใส่ใจว่าเขาเข้ามาในห้อง ไกลออกไปหน่อยมีเจ้าหน้าที่ผู้ชายเป็นฝรั่งผมทองสองคนในชุดสูทสีเดียวกันกับที่เขาใส่อยู่กำลังสนทนากับเจ้าหน้าที่หญิงในชุดคล้ายกัน เจ้าหน้าที่หญฺงนั้นเป็นนิโกรผิวสี แล้วก็มีอีกสี่หรือห้าคนที่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่คนไทยทั้งชายและหญิงที่กำลังล้อมวงที่โต๊ะยาวตัวหนึ่ง ส่วนที่นั่งอยู่เขาเห็นแต่ศีรษะแค่เหลื่อมๆ ขอบคอกกั้นเลยดูไม่ออกว่าผู้ชายหรือผู้หญิง แต่คิดว่าส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนเอเชีย
“เจ้าหน้าที่จอห์น!” คนพาคณาณิณท์มาเรียกเจ้าหน้าที่ฝรั่งหนึ่งในสามคนที่ยืนอยู่ใกล้ทางเดินที่ทั้งสองกำลังเดินผ่าน
“ขอตัวมาทางนี้หน่อย” เขาพูดต่อโดยไม่หยุดเดิน
“โอเค หัวหน้าแมน ไปเดี๋ยวนี้เลย” คนผู้นั้นตอบชัดถ้อยชัดคำด้วยภาษาไทย
แท้จริงผู้ชายที่พาคณานินท์มาชื่อ พนาพงษ์ สุทธา ตามปรากฏบนป้ายชื่อที่หน้าอก ชายผู้นี้มีชื่อเล่นว่าแมน อายุน่าจะสามสิบปลายๆ ไม่เกินสี่สิบปี มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการหนึ่งของหน่วยงานนี้ หน้าตาท่าทางบ่งบอกความเป็นนายทหารอยู่ในตัว ท่าทางองอาจและกล้าหาญ
ส่วนผู้ที่เดินตามมามีบุคลิกท่าทางเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง เหมือนในหนังสือการ์ตูนที่คณาณิณท์เคยอ่านสมัยเด็กๆ คือสวมแว่นตาหนาจนดูเผินๆ เหมือนมันขดเป็นลาย สวมชุดกราวด์ตัวใหญ่คลุมตัวจนเกือบจะลากพื้น ผมเผ้ายุ่งเหยิงแบบคนไม่ดูแลตัวเองเท่าไหร่
เจ้าหน้าที่พนาพงษ์พาคณาณิณท์เข้าไปยังห้องหนึ่งซึ่งแยกอยู่ลึกเข้าไปด้านหลังสุดของโถง เจ้าหน้าที่จอห์นกำลังเดินตามมา ป้ายหน้าห้องบอกชื่อ พนาพันธ์ สุทธา ตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกวิทยาศาสตร์พลังงาน(พิเศษ)
....................
ชายผู้นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานแต่เพียงผู้เดียวในห้องเงยหน้าขึ้นเมื่อทั้งสองเปิดประตูเข้าไป ใบหน้าคล้ายคลึงกับเจ้าหน้าที่พนาพงษ์ ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้คงเป็นฝาแฝดกับคนข้างๆ เขาร้อยเปอร์เซ็นต์ ต่างกันที่คนนั่งอยู่ตรงหน้าออกจากแต่งกายเรียบร้อย หวีผมเรียบแปล้ กลิ่นน้ำหอมฟุ้ง ท่าทางเจ้าสำอางและรักงานสังคมชนิดเป็นหน้ามือกับหลังมือเมื่อเทียบกับเจ้าหน้าที่พนาพงษ์
“อ้าว... มากันแล้วเหรอ?” ผอ.พนาพันธ์เอ่ย
“มาถึงเรียบร้อยแล้วครับท่านผอ.” เจ้าหน้าที่พนาพงษ์ตอบพร้อมวันทยหัตถ์
“นายจะตะเบ๊ะทำไมวะแมน? แล้วบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียก ผอ. เรียกเจ้าหน้าที่มินทร์หรือพี่มินทร์แบบอยู่บ้านก็ได้” คนนั่งอยู่บนอย่างเสียอารมณ์
“เรียกแบบนั้นไม่ได้ครับท่าน มันสนิทสนมเกินไป ไม่สมควร” เจ้าหน้าที่แมนเถียง
“แกอย่าบ้านักเลย แค่แต่งไอ้ชุดเนี้ยบๆ นี่ก็เบื่อจะตายแล้ว แกไม่ต้องมาเป็นงานเป็นการในหน่วยให้รำคาญเพิ่มเลย” คนเป็นพี่ฉุนใส่
“เอ่อ...” คณาณิณท์กระแอ้มเสียง
“โอ๊ะ... โทษที ท่าน ผอ. นี่เจ้าหน้าที่คณาณิณท์ ฝ่ายปฏิบัติการคนใหม่”
ผู้อำนวยการแผนกวิทยาศาสตร์พลังงาน(พิเศษ)หยุดเถียงกับน้องชาย หันมามองดูเขาแว่บหนึ่ง
“โอเคๆ เจ้าหน้าที่คณาณิณท์สินะ เดี๋ยวรอแป๊บหนึ่งแล้วกัน รอเจ้าหน้าที่จอห์นมาก่อน”
คณาณิณท์ยืนก้มหน้านิ่ง เขาไม่กล้าสำรวจไปรอบห้องเกรงจะเสียมารยาท
ราวครึ่งนาที เจ้าหน้าที่จอห์นก็เข้ามาอยู่ในห้อง แต่ชายหนุ่มผู้เป็นเด็กใหม่ไม่ทันสังเกตว่าเปิดประตูเข้ามาตอนไหน เพราะเหมือนกับชายฝรั่งคนนี้จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ชนิดที่เขาเพิ่งรู้สึกเห็นด้วยหางตาเสียมากกว่า เจ้าหน้าที่จอห์นเป็นฝรั่งร่างเล็ก สูงไม่เกินร้อยแปดสิบเซนติเมตร มีผมสีบลอนด์ภายใต้หมวกแก็ปสีน้ำเงิน สวมชุดกราวด์ยาวตามระเบียบแผนก มีแขนกลเล็กๆ
เดี๋ยวนะ... แขนกล?
คณาณิณท์สังเกตเห็นว่าแขนของเจ้าหน้าที่จอห์นทั้งสองข้างเป็นแขนกลเทียม แขนคู่นั้นหุ้มด้วยวัสดุคล้ายผิวหนังแต่รู้สึกได้ว่าไม่ใช่
“จอห์น!!! ผมบอกหลายครั้งแล้วว่าห้ามทำแบบนี้ภายในสำนักงาน” พนาพงษ์ขึ้นเสียงดัง อารมณ์ขุ่นเคือง คนถูกดุทำหน้าจ๋อยๆ
“แมน ไม่เอาน่า เรื่องแค่นี้เอง” คนนั้นอยู่ในห้องปราม
“เจ้าหน้าที่คณาณิณท์ นี่เจ้าหน้าที่จอห์น แมทเธอร์ หัวหน้างานดูแลระบบเชื่อมประสาน” ชายผู้เป็นผู้อำนวยการแผนกแนะนำ
“ยินดีที่ได้รู้จัก” เสียงเข้มของเจ้าหน้าที่จอห์นแสดงความเป็นมิตร เขายื่นแขนกลออกมาข้างหน้า
คณาณิณท์รู้สึกพิลึกพิลั่นที่ได้จับมือกับแขนกลเทียมเป็นครั้งแรก อีกฝ่ายไม่ได้ออกแรงบีบแต่เหมือนเป็นลักษณะดูดเข้ากับฝ่ามือเขามากกว่า จากนั้นก็เขย่าขึ้นลงเบาๆ
“ค...ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เขากล่าวอย่างเงอะงะ
เจ้าหน้าที่จอห์นยิ้ม
“เอ่อ เจ้าหน้าที่คณาณิณท์ เธอชื่อเล่นอะไรนะ?” ผู้เป็น ผอ.ถาม
“เจมส์ครับ” คณาณิณท์ตอบ
“โอเคเจ้าหน้าที่เจมส์ เดี๋ยวผมกับเจ้าหน้าที่แมนจะต้องเข้าประชุมกับสำนักงานศูนย์ตึกไทยฯ เดี๋ยวผมให้เจ้าหน้าที่จอห์นอธิบายงานของเรากับเธอแล้วกัน”
“ครับ” ทั้งสองกล่าวพร้อมกัน ด้วยความที่ทั้งหัวหน้าแมนและเจ้าหน้าที่จอห์นต่างก็แสดงวันทยหัตถ์ คณาณิณท์เลยทำตาม
“พวกนายจะตะเบ๊ะกันทำไม?” ผู้นั่งอยู่ขึ้นเสียงสูงด้วยความหงุดหงิด บ่งบอกชัดว่าเขาเกลียดการถูกแสดงความเคารพเช่นนี้
“ไปๆๆๆ ไปให้พ้นหน้าก่อน ผมล่ะหงุดหงิดกับพวกเรื่องบ้าๆ นี่สิ้นดี” พนาพันธ์ไล่ หัวหน้าพนาพงษ์ยังคงมีสีหน้าขึงขังเคร่งเครียด ส่วนเจ้าหน้าที่จอห์นสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนคณาณิณท์มีอาการงงๆ เพราะวางตัวไม่ถูก
....................
เมื่อออกมาพ้นประตูห้อง เจ้าหน้าที่แมนบอกตำแหน่งโต๊ะทำงานของชายหนุ่มก่อนขอตัวไปทำงานในส่วนของ ชายหนุ่มพยักหน้ารับว่าเข้าใจในคำอธิบายแล้ว
“เจ้าหน้าที่เจมส์ เดี๋ยวคุณฟังรายงานคร่าวๆ เกี่ยวกับแผนกเราที่โต๊ะคุณก่อนนะ” เจ้าหน้าที่จอห์นที่ยืนข้างๆ บอก
“แล้วเดี๋ยวอีกสิบนาทีเจอกันที่ห้องเชื่อมประสาน” ชายร่างผอมผู้มีแขนกลบอก
“ห้องเชื่อมประสาน... ตรงไหน?” ชายหนุ่มถาม พลางจับแว่นเข้าที่
“ห้องกระจกด้านนู้น เดี๋ยวผมยกมือบอก” เจ้าหน้าที่จอห์นพยักเพยิดหน้าตอบ
คณาณิณท์มองตาม คาดว่าเป็นห้องกระจกที่มีกระจกบานใหญ่และหนาด้านข้างโถงที่ด้านในบุด้วยผนังสีดำเข้มนั่นแน่ๆ ตรงที่มีเจ้าหน้าที่จอห์นยืนยกมืออยู่นั่นไง
เดี๋ยวสิ...ก็เจ้าหน้าที่จอห์นอยู่ตรงนี้?
คณาณิณท์คิดว่าน่าจะเป็นแฝดพี่หรือแฝดน้องของเจ้าหน้าที่จอห์นที่อยู่ในห้องนั้น พอคิดว่าจะหันไปถามคนยืนข้างๆ เจ้าหน้าที่ฝรั่งเพื่อนร่วมงานใหม่ก็ไม่อยู่เสียแล้ว
หายไปอีกแล้ว มาเร็วไปเร็วจริงๆ เจ้าหน้าที่จอห์นคนนี้—คณาณิณท์ประหลาดใจ
เขาสลัดความประหลาดใจทิ้ง ก่อนเดินตรงไปยังตำแหน่งโต๊ะทำงานของเขา
มันเป็นคอกขนาดกว้างสองเมตรยาวราวสองเมตรครึ่ง มีโต๊ะทำงานผิวโลหะบุผิวโต๊ะด้วยฟอร์ไมก้าลายไม้ บนโต๊ะมีจอแบบสัมผัสติดอยู่ ตรงหน้ามีจอมอนิเตอร์ขนาด 24 นิ้วแนบติดเป็นชิ้นเดียวกับผนัง ข้างๆ โต๊ะมีตู้เอกสารแบบดึงสามชั้นสูงเสมอโต๊ะ ใกล้หน้าจอมีหูฟังบลูทูธวางอยู่ เขานั่งลงแล้วหยิบขึ้นมาเสียบเข้าหู มองดูบนจอเห็นมีช่องเล็กๆ สำหรับเสียบบัตรจึงนึกได้ว่าระบบที่นี่คงทำงานด้วยการใช้บัตรประจำตัวเป็นกุญแจ
คณาณิณท์ดึงบัตรประจำตัวให้สายคล้องยืดยาวออกและเสียบมันลงไปในช่องนั้น
บนผนัง ปุ่มบนจอมอนิเตอร์สว่างขึ้นมีปุ่มเปิด ปิด และสแตนด์บาย ชายหนุ่มก็เปิดให้เครื่องเริ่มต้นทำงาน เครื่องติดตั้งระบบเพิ่งสิบวินาที มันทำการอ่านข้อมูลบนบัตร แจ้งแสดงข้อความยืนยันเจ้าของบัตรกับข้อมูลระบบ ก่อนเริ่มต้นวิดีโอนำเสนอเรื่องราวของแผนกวิทยาศาสตร์พลังงาน(พิเศษ)
#################### ####################
[1]Clasp (คลาสพ) {clasped,clasping,clasps} n. เข็มขัด,กลัด,ขอเกี่ยว,กระดุม,ที่หนีบ,การโอดกอด,การจับมือกัน,การประสานกัน,วงแขน,การพันกันแน่น vt. กลัด,กลัดกระดุม,กอด,กำหนีบ,ยึดติด
[2] องค์กรช็อคเกอร์ องค์กรชั่วร้ายที่มีสาขาทั่วโลก (ปรากฏในภาพยนตร์สำหรับเด็กเรื่อง Mask Rider หรือขบวนการไอ้มดแดง) เรียกตัวเองว่า ช็อคเกอร์ มีความต้องการจะครอบครองโลกโดยทำการดัดแปลงมนุษย์ที่ฉลาดและมีความ สามารถทางกีฬามา ทำการผ่าตัด เป็นมนุษย์ไฟฟ้า ที่มีพละกำลังมหาศาลเพื่อทำงานภายการควบคุมโดยการ ผ่าตัดสมองเพื่อความสามารถที่จะสั่งการได้ตามต้องการ แม้แต่การสั่งให้ไปตาย โดยแผนการเริ่มต้นไปที่การยึดครองญี่ปุ่น
ความคิดเห็น