ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    noritzfic. :: Sweet Home

    ลำดับตอนที่ #2 : Sweet Home : One

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 56


     

    SWEET HOME

    Ch. One

     

     

     

     

     

    วันเวลาที่ผ่านพ้นไปทำให้อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลา จากอาการตื่นเต้นจนเนื้อสั่นว่า พี่ชาย ที่มาเปิดประตูต้อนรับจะทำอะไรให้เกิดความประทับใจบ้างไหม แต่ทว่าฝันนั้นพังทลายลงไปในทันที เพราะพี่ชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปีกลับต้อนรับในสภาพ ...

     

     

     

    เสื้อกล้ามผ้าบางสีขาวกับกางเกงฟุตบอลขาสั้น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ไหนจะใบหน้าโทรมๆ อีก เห็นแล้วทุเรศในลูกตาชะมัด!!! พังหมด ความประทับใจเมื่อแรกพบไม่มีแล้วล่ะ เรืองฤทธิ์

     

     

     

    “....” ไม่มีคำพูดจากร่างสูง มีเพียงแต่สายตาแปลกๆที่จ้องตั้งแต่หัวจรดเท้าของอีกคน

     

    “ขอโทษนะครับ ที่นี่ใช่บ้านน้าน้อยหรือเปล่าครับ” ร่างบางเอ่ยถาม

     

    “ไม่ใช่...”

     

     

     

    อ้าว 68/6 ก็ตรงตามที่แม่เขียนให้นี่หว่า แล้วไหงไม่ใช่ล่ะหรือว่าเราหลงเอง หมู่บ้านก็หมู่บ้านวิลัยพานิชตรงตามที่บอกเป๊ะ เอ่อ .. คนหล่อชักจะงงแล้วนะ

     

     

     

    “นี่เป็นบ้านของฉัน ไม่ใช่บ้านของแม่ฉัน แล้วนี่แต่งตัวอะไรดูสภาพอากาศบ้างหรือเปล่า” ร่างสูงเปิดประตูรั้วก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน

     

    “อ่ะ.. เอ่อ...”

     

    “จะไม่ตามเข้ามาก็ตามใจนะ อืม แล้วที่นี่ไม่มีสวัสดิการอะไรบริการหรอกนะอยากได้อะไรทำเอง ไม่มีใครมาทำให้หรอก” โตโน่หันกลับมาพูดก่อนจะเดินหายเข้าบ้านไป

     

     

     

    ร่างบางยืนนิ่งสนิทอยู่หน้าประตูรั้ว ริมฝีปากสีชมพูกัดเม้มเข้าหากัน อารมณ์โทสะยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้น ไหนจะเหนื่อยจากการเดินทางข้ามทวีปแล้วยังต้องลงจากแท็กซี่ตั้งไกลเดินตามหาหมู่บ้านนี่อีก ( ลงผิดหมู่บ้านก็เลยต้องจำใจเดินหาเอา ) แล้วยังต้องผิดหวังกับคนที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี ถ้ารู้ว่าจะร้ายใส่ขนาดนี้คงไม่ถ่อสังขารบินข้ามทวีปกลับมาเรียนที่นี่หรอก

     

     

     

    “นี่ใจคอจะยืนตากแดดอยู่แบบนี้ใช่มั้ย เรืองฤทธิ์” โตโน่โผล่หน้าออกมาตรงขอบหน้าต่าง

     

    “รู้แล้ว!!” เรืองฤทธิ์ตวาดกลับเสียงดัง

     

     

     

    ร่างบางลากกระเป๋าใบโตเดินเข้าบ้านด้วยความเหนื่อยล้าอย่างสุดแสนบวกกับอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นอยู่ เรืองฤทธิ์ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหน้าโทรทัศน์จอใหญ่ก่อนจะเอนตัวลาดไปกับโซฟา

     

     

     

    “เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บให้เรียบร้อย แล้วเรามีเรื่องจะต้องคุยกัน”

     

     

     

    ดวงตากลมที่หลับพริ้มอยู่ค่อยปรือตาขึ้นมาเมื่อถูกขัดจังหวะการพักผ่อน หากดวงตากลมโตของร่างบางกลับต้องจดจ้องกับสายตาคมของพี่ชายที่โน้มตัวก้มหน้าลงมา ราวกับถูกสาปร่างกายนิ่งสนิทไม่ไหวติง ประสาทรับรู้ทุกอย่างหยุดทำงานไปชั่วขณะ จะมีเพียงแต่เสียงหัวใจดวงน้อยๆที่กำลังเร่งจัวหวะเร็วขึ้นและเสียงดังขึ้น

     

     

     

    “ริท ริท!! เป็นอะไร” โตโน่โบกมือปัดไปมาเพื่อสำรวจว่าน้องชายยังมีสติอยู่หรือเปล่า

     

    “เอ่อ .. ขอตัวไปจัดการธุระก่อนนะ เดี๋ยวผมลงมา” ร่างบางเด้งตัวจากโซฟาตัวยาวตรงไปหยิบกระเป๋าแล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านโดยไม่รีรอ

     

    “ห้องอยู่ฝั่งตรงข้ามกับราวบันไดนะ” โตโน่ได้แต่ตะโกนตามริทขึ้นไป

     

    “ไม่รู้จะรีบอะไรกันนักกันหนา แต่ช่างเหอะไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย” โตโน่บ่นพึมพำอยู่ครู่เดียวก็กลับไปนั่งดูโทรทัศน์ต่อ

     

     

     

    เรืองฤทธิ์ปิดประตูล็อคห้องเรียบร้อยก่อนจะหยุดยืนอยู่หน้ากระจกของโต๊ะเครื่องแป้ง ใบหน้าขาวเนียนกำลังขึ้นเลือดฝาดบนแก้มใส สองมือเลื่อนสัมผัสผิวแก้มตัวเองที่กำลังรู้สึกร้อนวูบวาบ ไอ้อาการแบบนี้มันคืออะไร ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยจะเป็น แล้วไอ้หัวใจนี่ก็จะสูบฉีดเลือดอะไรนักหนา ไม่รู้ว่าไอ้พี่บ้าจะได้ยินเหมือนกับที่เราได้ยินหรือเปล่า น่าอายชะมัดเลย

     

     

     

    เสื้อผ้าที่คลุมร่างกายค่อยๆถูกถอดออกทีละชิ้นจนเหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวบางและกางเกงบอกเซอร์ขาสั้น จะว่าก็ว่าเถอะที่ไอ้พี่มันพูดก็ถูกแต่งตัวไม่ดูสภาพดินฟ้าอากาศเองนั่นแหละ ก่อนขึ้นเครื่องอยู่อังกฤษนี่หนาวซะแทบจะติดลบแต่พอเครื่องลงจอดถึงไทยแค่นั้นแหละเปลี่ยนไปเหมือนฟ้ากับเหว แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องจำใจใส่โค๊ทตัวหนาคลุมไว้ตลอดทางที่มานั้นแหละ

     

     

     

    เสื้อผ้าในกระเป๋าถูกจัดเข้าตู้เสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบ ข้าวของต่างๆถูกจัดแจงวางให้ดูเหมาะกับสภาพของห้องนอนสี่เหลี่ยมห้องนี้ หยาดเหงื่อไหลทั่วร่างกายเพราะด้วยสภาพอากาศของเมืองไทยที่ร้อนต่างกับทีอังกฤษ เสื้อกล้ามตัวบางลู่ติดกับลำตัวเผยให้เห็นส่วนเว้า ส่วนโค้งของร่างกายอย่างเห็นได้ชัด

     

     

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก~

     

     

    “ริท เปิดประตูหน่อยดิ๊ เอาผ้าห่มมาให้” เสียงพี่ชายดังอยู่ด้านนอกประตู

     

    หึ! ก็รู้ว่าจะมาทำไมไม่เตรียมให้มันเรียบร้อยก่อนวะ ไอ้พี่บ้า!!’

     

     

     

    เรืองฤทธิ์เดินเอื่อยๆ มายังหน้าประตูไม้ก่อนจะเปิดให้คนเป็นพี่ได้เข้ามาสำรวจความเรียบร้อยในห้องและเอาผ้าห่มผืนหนามาให้

     

     

     

    “จัดของเสร็จแล้วหรอ” โตโน่วางผ้าห่มลงบนเตียงนุ่มก่อนจะหันหน้าไปหาริทที่ยืนอยู่ไม่ห่าง

     

    “ก็ใกล้แล้วล่ะครับ เหลือจัดแจงห้องใหม่อีกนิดหน่อยก็เสร็จแล้วล่ะครับ” ริทหันกลับมาตอบ

     

     

     

    หากแต่ว่าเสียงของริทแทบจะไม่ได้เข้าหูของโตโน่ สายตาคมจดจ้องไปยังร่างบางแทบไม่กระพริบตา ด้วยเหงื่อที่ไหลจนชุ่มกับเสื้อกล้ามตัวบางของน้องชายตัวเล็กที่ลู่ติดกับลำตัวเผยให้เห็นผิวกายขาวนวลพร้อมกับสัดส่วนต่างๆของร่างกาย

     

     

    เฮือก!!

     

     

    “เอ่อ ... รีบๆจัดห้องให้เสร็จแล้วรีบๆลงไปข้างล่าง บ่ายพี่มีธุระต้องคุยให้จบก่อน แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วยล่ะ”

     

    “อ่า .... ครับๆ”

     

     

     

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว 15 นาทีต่อมาร่างบางเดินลงมาถึงห้องรับแขกก่อนจะหย่อนก้นลงบนโซฟาเดี่ยวตัวเล็กนุ่มพลางมองหาพี่ชาย ..

     

     

     

    “ริทลงมาแล้วใช่มั้ย”

     

    “ครับ พี่โน่อยู่ไหน?”

     

     

     

    ร่างสูงเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมถาดรองจานอะไรสักอย่างจากห้องครัว ร่างเล็กเตรียมจะลุกขึ้นช่วยแต่ถูกร้องห้ามไว้ซะก่อน

     

     

     

    “นั่งอยู่ตรงนั่นแหละ เดี๋ยวพี่ยกไปให้กิน”

     

    “อะไรน่ะ พี่โน่”

     

    “ปังเย็น!

     

    “อะไรคือปังเย็น ดูแล้วมันก็แค่โกโก้ปั่นที่มีขนมปังราดนมโปะหน้าแค่นั้นเอง” เรืองฤทธิ์พูดตามที่เห็น

     

     

    เอิ่ม ... อุตส่าห์ลงมือทำให้กินแล้วมันจะมีอารมณ์ร่วมจะได้มั้ยเนี่ย!! … เฮ่ย อารมณ์ร่วมนี่คือฟิลลิ่งนะอย่าคิดไปไกล

     

     

    “เออ ก็เรียกว่าปังเย็น จะกินหรือไม่กิน เห็นร้อนๆเลยทำให้กิน”

     

    “อ๊ะ ขอบคุณครับ” ริทรับแก้วปังเย็นที่โตโน่ว่าพร้อมกล่าวขอบคุณ

     

     

     

    ไม่น่าเชื่อ หนังหน้ากุ๊ยๆอย่างพี่โน่จะทำอะไรเทือกนี้เป็นด้วย แต่เอาเถอะทำให้กินแล้วก็กินหน่อยก็แล้วกัน จะได้ไม่เสียน้ำใจคนทำถึงว่ามันจะหวานแปลกๆไปหน่อยก็เถอะ

     

     

     

    “เอาล่ะๆ มาคุยกันหน่อย”

     

    “เรื่องอะไรล่ะครับ”

     

    “เรื่องที่แกจะย้ายมาอยู่กับฉันนี่แหละ!เกรียนไม่เคยลดละจริงๆไอ้เด็กแสบ

     

    “อ๋อ ก็ว่ามาดิ” นิสัยกุ๊ยๆตั้งแต่เด็กจนโตนี่ไม่เคยจะเปลี่ยนเลยนะคุณพี่ชาย

     

    “คิดไงเลือกเรียนที่นี่” โตโน่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

     

    “ก็สอบติดที่นี่ แล้วจะให้ไปเรียนที่ไหน”

     

     

    นั่น!! พูดดีด้วยไม่ได้ต้องแว้งกลับมากวนอวัยวะเบื้องล่างตลอด อดทนไว้โตโน่ อดทนไว้อย่าเพิ่งลงมือฆ่าใครตายตอนนี้ ใจเย็น~

     

     

    “ฮึ่ม!!

     

    “ก็ริทสอบติดที่นี่ ริทก็เลยต้องเรียนที่นี่พี่โน่ก็น่าจะเข้าใจแต่ก็ยังถามคำถามที่เหมือนไม่ได้คิดไตร่ตรองด้วยสมอง ถ้าริทเป็นพี่โน่ริทจะถามคำถามที่มันมีสาระมากกว่านี้นะ”

     

     

    ช๊อค!! ไอ้เตี้ยนี่กำลังด่าผมว่าผมโง่อยู่ใช่หรือเปล่าครับ มันจะมากไปหน่อยมั้ยไอ้เด็กแสบ คนอย่างโตก็มีความอดทนเหมือนกันนะ คอยดูนะหมดความอดทนเมื่อไหร่จะตีให้ก้นลายเลย

     

     

    “แล้วคำถามที่มีสาระที่แกว่า ฉันควรจะต้องถามแกยังไงล่ะ” เมื่อตั้งสติได้โตโน่ก็ถามย้อนกลับทันที

     

    “ก็อย่างเช่น ไปอยู่ไหนมาตลอดเวลาที่หายไป สบายดีหรือเปล่า หรือไม่ก็ถามว่ามีแฟนหรือยังอะไรแบบนี้น่ะ”

     

     

    เอิ่ม ... แต่ละคำถามที่มันคิด ไม่ได้อยู่ในเนื้อสมองผมเลยสักนิด

     

     

    “งั้นก็เล่าๆมาเรื่องเกี่ยวกับช่วงที่หายไป”

     

    “ก็หลังจาก ...”

     

     

     

    เรืองฤทธิ์เริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเองตลอดระยะเวลาที่หายไป ส่วนภาคินก็นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อรับฟังทุกข้อมูลที่น้องชายเล่าให้ฟังพร้อมกับวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาว่ามันน่าเชื่อถือหรือเปล่า

     

     

     

    “เรื่องมันก็เป็นแบบนี่แหละ”

     

    “ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอุตส่าห์ย้ายไปถึงอังกฤษทำไมไม่เรียนต่อที่นู่นเลย จะกลับมาเรียนที่ไทยทำไม ครอบครัวก็อยู่ที่นั่นกันหมด จะมาให้เป็นภาระคนอื่นทำไม” เพราะความเคยชินเลยเผลอพูดออกไป

     

    “ริทก็คิดว่าแบบนั้นแหละ แต่จะให้ทำยังไง ลองถ้าเป็นพี่โน .. เวลาพี่โน่คิดถึงใครสักคน แล้วคนนั้นก็สำคัญกับเรามากๆ แต่ว่าพี่โน่กลับไม่มีโอกาสเจอหรือแม้แต่ได้ยินเสียงก็ทำไม่ได้ เป็นพี่โน่ พี่โน่จะทำยังไง เพราะแบบนี้ริทก็เลยตัดสินใจย้ายกลับมาเรียนที่ไทย แต่ตอนนี้ริทคิดว่า ..... ริทคงต้องย้ายกลับอังกฤษแล้วล่ะมั้ง”

     

     

    ควรจะดีใจไม่ใช่หรือไงวะโตโน่!! ทั้งๆที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรซักอย่างไอ้เด็กแสบนี่ก็จะหนีกลับแล้วแท้ๆ แต่ทำไมกลับรู้สึกผิดแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก แล้วที่มันบอกใครสักคนนี่คือใคร คนแบบนี้มีเพื่อนด้วยหรอ ... ?

     

     

    “ริทว่าพรุ่งนี้จะโทรคุยกับแม่ คิดว่าคงไม่เกิน 1 สัปดาห์ ช่วงเวลานี้ริทก็รบกวนหน่อยก็แล้วกันนะครับ” แก้วปังเย็นถูกวางลงบนโต๊ะทั้งๆที่เหลือเกินครึ่งแก้วก่อนที่ร่างบางจะลุกพรวดเดินกลับขึ้นไปชั้นบน

     

     

     

    ร่างสูงนั่งนิ่งเงียบจ้องไปที่แก้วปังเย็น ที่ริทพูดมาเมื่อกี๊ทำให้เขานึกถึงอะไรบางอย่าง บางอย่างที่เขาลืมในอดีต

     

     

     

    “โธ่โว้ย! นึกยังไงก็นึกไม่ออก” โตโน่สบถออกมาก่อนจะลุกออกจากบ้านไปทำธุระที่ว่า

     

     

     

    ทั้งๆที่ยังคุยกันไม่รู้เรื่องแท้ๆ เวลาก็ผ่านไปตั้งนานแล้วไอ้นิสัยขี้น้อยใจแบบนี้เมื่อไหร่จะหายไปสักที ขี้เกียจต้องมาตามง้อแล้วนะ ... ส่วนไอ้เรื่องที่ฟังมามันก็น่าเห็นใจอยู่หรอก ไม่ได้เป็นคนใจไม้ไส้ระกำอะไรขนาดนั้น เพียงแต่มันก็ต้องมีข้อตกลงกันบ้าง เฮ้อ~! แล้วค่อยหาโอกาสคุยก็ได้มั้ง

     

     

     

     

     

    ดวงตากลมโตค่อยปรือตาขึ้นจดจ้องไปยังเพดานพลางคิดอะไรต่างๆนานา ก่อนจะพริ้มหลับลงอีกครั้ง น้ำตาใสไหลลงอาบแก้มทับคราบเดิมตั้งแต่ช่วงก่อนเที่ยง ความรู้สึกอึดอัดตรงอกที่จะพูดอะไรก็พูดไม่ออกมันทรมานเกินไป ดวงตาอาบฉ่ำไปด้วยน้ำตาหยิบยกโทรศัพท์หรูขึ้นมาสัมผัสเพื่อดูเวลา 6โมงเย็น!!

     

     

     

    ลำตัวบางค่อยๆยันกายให้ลุกจากเตียงนุ่ม นี่เขาเผลอหลับไปนานขนาดนี้เลยหรอ ... ขาเรียวสวยหย่อนลงบนพื้นกระเบื้องเย็นก่อนจะก้าวขาเปิดประตูเดินลงไปยังชั้นล่างกลับพบแต่ความว่างเปล่า

     

     

     

    สงสัยจะเบื่อขี้หน้าเราจริงๆ ป่านนี้คงไปอยู่ที่อื่นแล้วล่ะ

     

    ถ้าเกิดไม่มีเราอยู่ด้วยสักคน พี่โน่เองคงมีความสุข

     

    แบบนี้เราก็ควรจะกลับไปในที่ ที่เราควรจะอยู่ใช่มั้ย

     

    ..

     

    “ทำไมบ้านมืดแบบนี้เนี่ย เอ่อ .. ริท พี่..”

     

     

     

    ร่างบางหันหลังกลับไปที่บันไดก่อนจะก้าวขาย่างขึ้นบันได ...

     

     

    ฟรึ่บ!!

     

     

    ถุงกับข้าวในมือโตโนล่วงลงบนพื้นไม้ปาเก้มันขลับ เพราะมือหนาเลื่อนไปคว้าแขนเรียวบางของอีกคนไว้ก่อนจะดึงร่างบางเข้าหาตัว

     

     

     

    ใบหน้าหวานซบเข้ายังอกแกร่งของพี่ชาย ดวงตากลมสั่นระริกเรียกน้ำตาอีกครั้ง สองแขนเรียววางทาบอกพี่ชายก่อนจะทุบประท้วงเบาๆ

     

     

     

    “เป็นอะไร มีอะไรก็คุยกันสิ” เสียงทุ้มของพี่ชายเอ่ยอย่างแผ่วเบา

     

    “ฮึกๆ ไอ้พี่บ้า ฮึก”

     

    “เฮ้อ ถ้ายังร้องไห้แบบนี้แล้วจะคุยกันรู้เรื่องมั้ย ไหนเล่ามาสิว่างอนอะไรครับ”

     

     

     

    โตโน่ดึงตัวริทออกจากอ้อมกอด ก่อนจะก้มตัวลงโน้มใบหน้าลงระดับเดียวกับน้องชายขี้แยพลางส่งสายตาเชิงถามซ้ำอีกรอบ

     

     

     

    “รู้แล้วๆ พี่ขอโทษนะ ตอนกลางวันพี่ปากเสียไปหน่อย อย่าถือสาเลยนะ ก็มันชินปากแต่สัญญานะว่าจะไม่มีครั้งต่อไป” โตโน่พูดพลางลูบผมน้องชายอย่างเอ็นดู

     

    “ฮึกๆ ฮื่อ~” หากทว่าเด็กขี้แยก็ยังไม่หยุดร้องไห้

     

    “หยุดร้องเถอะนะ เห็นแบบนี้แล้วพี่ยิ่งรู้สึกแย่นะ” โตโน่เริ่มทำอะไรไม่ถูกเพราะยิ่งพูดริทกลับยิ่งร้อง

     

    “ฮึก พี่โน่ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ริทมันก็แค่ตัวภาระ ที่คอยแต่จะสร้างปัญหาให้พี่โน่ใช่มั้ยล่ะ ไม่เป็นไรหรอก อีกไม่กี่วันริทก็กลับอังกฤษแล้ว พี่โนจะได้สบายใจ อึกๆ ฮื่อ~

     

    “ริทไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ อยู่ด้วยกันที่นี่แหละ ฮึ่ม!!” โตโน่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

     

    “ฮึกๆ พี่โน่พูดว่าอะไรนะ”

     

    “ไม่ต้องไปไหนแล้ว อยู่กับพี่นี่แหละ เข้าใจนะแล้วก็หยุดร้องไห้ ไปล้างหน้าล้างตาได้แล้ว เดี๋ยวออกไปกินข้าวข้างนอกกัน กับข้าวที่พี่ซื้อมามันคงกินไม่ได้แล้วล่ะ ไปๆๆ”

     

     

    เฮ้อ~ สุดท้ายก็ต้องยอมเหมือนเดิม .... ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ทั้งๆที่จะไม่หวั่นไหว จะไม่ใจอ่อน แต่พอเห็นแค่น้ำตาของไอ้เตี้ยที่ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็กๆ หัวใจที่ว่าจะแข็งราวหินผากลับต้องอ่อนลงเหมือนดินน้ำมันใกล้เปลวไฟ เพราะเห็นเป็นน้องหรอกนะถึงยอมขนาดนี้!!!

     

     

     


    สวัสดีครับ J

    รอนานมั้ยสำหรับตอนที่ 1 #ขอโทษจริงๆครับ งานเยอะมาก

    เนื้อเรื่องตอนแรกอาจจะยังไม่ค่อยมีอะไรบ้าง ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ

    ไม่อยากย่อรวมเนื้อเรื่องลง รายละเอียดเยอะ

    ส่วนเรื่องบุคลิกของตัวละคร ต้องติดตามดูครับ ไม่ขอพูดอะไรมาก #เดี๋ยวหาว่าสปอยล์

    ส่วนเรื่องช่องไฟของแต่ละประโยค ผมจะพยายามปรับปรุงไปเรื่อยๆให้ถูกใจผู้อ่านทุกคนนะครับ

    ถ้าสังเกตกันดีๆ ตอนนี้มีปมโผล่มาแล้ว 1 ปม #ไม่ขอบอกว่าตรงไหน ลุ้นเอานะครับ

    สุดท้ายนี้ .. ติชมได้นะครับ น้อมรับทุกคำติชม อยากให้เพิ่มอะไร เสริมตรงไหนบอกได้ครับ

    เจอกันตอนหน้า ขอบคุณครับ

     

     

    With love

    ESC-zNix

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×