คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 'Roses : Rose pollen ( Intro )
‘Rose : Rose pollen
“ครับม๊า พร้อมทุกอย่างแล้วครับ ไม่ลืมครับ ปลั๊กอะไรถอดหมดแล้ว เดี๋ยวขอตัวไปเรียนแล้วนะครับ วันแรกชาไม่อยากไปสาย สวัสดีครับ” นิ้วเรียวกดวางสายโทรศัพท์ก่อนจะหย่อนเจ้าโทร่า โทรศัพท์คู่ใจลงในกระเป๋ากางเกง
สิ้นสุด 3 ปีชีวิตมัธยมปลายในเมืองหลวง ตัวคนเดียว ไม่ผิดหรอกครับ ตัวคนเดียว ผม คชา นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์ บ้านเกิดอยู่ที่โคราชนู่นแหละครับ แต่ต้องเข้ากรุงมาเรียนต่อตั้งแต่ตอน ม.4 เพียงลำพัง ที่ตัดสินใจมาก็เพื่ออนาคตที่ดีกว่า ( อันที่จริงสอบชิงทุนได้ ประหยัดเงินไปเยอะ ) จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เป็นอันว่าผมเข้ากรุงตั้งแต่ชั้นม.4 จนตอนนี้ผมกำลังจะเริ่มใช้ชีวิตแบบนักศึกษาสักที
“เต้าหู้ กับ ปาโก๋ ชุดนึงครับป้า” ใบหน้าหวานใสยิ้มหวานหลังจากสั่งน้ำเต้าหู้
เป็นแบบนี้มาเกือบๆตลอดระยะเวลา 3 ปี ทุกเช้าตั้งแต่วันจันทร์ถึงอาทิตย์ก็จะรองท้องมื้อเช้ากับป้าน้อยนี่แหละครับ
“ได้แล้วจ้ะหนูคชา เปิดเรียนแล้วหรอจ้ะ”
“ขอบคุณครับป้า สวัสดีครับ” มือน้อยพ่วงด้วยถุงปาท่องโก๋ยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะเดินออกไปยังปากซอย ..
ใบหน้าหวานใสใต้กรอบแว่นสีขาวสะอาดทันสมัย ยกยิ้มหวานให้กับป้าน้อยทิ้งท้ายก่อนจะก้าวขาเดินต่อไปยังปากซอยรอรถเมล์ไปมหาวิทยาลัย
วันนี้เป็นวันเปิดภาคการศึกษาวันแรกของมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นควรไปเช้าหน่อยเพื่อซึมซับเอาบรรยากาศของมหาวิทยาลัยที่จะต้องศึกษาต่ออีก 4 ปี
แสงแดดอ่อนๆในยามเช้าสาดส่องลอดแนวใบ้ไม้ตกกระทบสู่พื้นถนน จะมีสักกี่คนในเมืองกรุงที่จะได้ซึมซับเอาบรรยากาศแบบนี้ เพราะอีกไม่กี่อึดใจก็จะเข้าสู่ชั่วโมงเร่งด่วน ที่เวลาเพียงเสี้ยววินาทีก็มีค่า
สองขาเรียวก้าวเดินผ่านสวนสาธารณะหน้าหมู่บ้าน ดวงตากลมโตกลอกตามองเข้าไปยังเก้าอี้ริมบึง ที่ประจำเวลาย่างกรายเข้ามาที่สวนสาธารณะแห่งนี้
“พี่คชา!” น้ำเสียงทะเล้นๆดังไล่มาจากด้านหลัง
“แฮ่ก แฮ่ก นี่กะจะไม่รอกันเลยหรือไงอะ”
“ก็นี่ไง ยืนรออยู่นี่ แจ็คนั้นแหละชักช้าเอง” ผมกลั้นยิ้มให้กับท่าทางของแจ็ค
คนที่กำลังหอบหายใจอยู่ข้างๆ ชื่อ “แจ็ค” เป็นน้องแถวบ้าน แถวๆละแวกบ้านผมก็ไม่ค่อยจะมีเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันสักเท่าไหร่หรอก จะมีก็แต่แจ็คนี่แหละ
“กะแล้วว่าต้องไม่ได้ซื้อเผื่อแจ็ค จริงๆนี่ก็กะจะไม่รอแจ็คหรอกใช่มั้ย รู้เหอะหน่า” น้ำเสียงปนอาการน้อยใจของคนข้างๆมันไม่ได้เหมาะกับหน้าตาสักเท่าไหร่
“อะๆ พี่ขอโทษๆ แล้วนี่จะไปกันได้หรือยัง เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทันนะ”
“โหพี่คชา แจ็คอยู่ม.6แล้วนะ แบบอันที่จริงไม่ต้องไปเรียนก็ได้อ่านหนังสือรอสอบแอดอยู่บ้านก็ได้ครูไม่ว่าหรอก” มันพูดพลางหยิบปาท่องโก๋ในถุงของผมเข้าปาก
“ถ้ามันทำได้จริงๆ เขาจะมีม.6ไว้ทำซากอะไรเล่า แล้วนี่แต่งตัวก็ไม่เรียบร้อย ชอบโชว์หรือไงกระดุมตรงนี้ก็ไม่ติด”
ร่างเล็กที่ความสูงที่ดูเหมือนจะน้อยกว่าน้องชายข้างบ้านถอยหยุดตรงหน้าของน้องชายหน้าคม สองมือเรียวเลื่อนติดกระดุมเม็ดเล็กที่อยู่บริเวณหน้าอกให้เรียบร้อยก่อนจะบ่นให้น้องชายกับความไม่เรียบร้อย
“เอ่อ ... ขอบคุณครับ” ใบหน้าทะเล้นกลับถูกเจือด้วยความประหม่าเมื่อพี่ชายข้างบ้านเข้าใกล้ประชิดติดตัว
ป้ายรถเมล์หน้าปากซอย เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่รอคอยรถสายต่างๆที่จะนำพาไปสู่จุดมุ่งหมายของแต่ละคนรวมทั้งผม แต่ไม่ใช่เจ้าแจ็คนะเพราะว่าโรงเรียนที่แจ็คเรียน ( อันที่จริงก็โรงเรียนเก่าผมนี่แหละ ) เดินข้ามถนนไปก็ถึงแล้ว แต่มันกลับยืนยันจะรอส่งผมขึ้นรถก่อนถึงจะข้ามเข้าโรงเรียนไป
“แจ็ค เข้าโรงเรียนได้แล้วมั้ง นี่มันใกล้จะแปดโมงแล้วนะเดี๋ยวไม่ทันนะ”
“โห นี่ก็ไล่จังเลย โรงเรียนอยู่ตรงหน้าเนี่ยข้ามถนนไปก็ถึงแล้ว แจ็ครอส่งพี่คชาขึ้นรถก่อนดีกว่า”
“เฮ้อ ก็ตามใจแล้วกันแต่ถ้าเข้าโรงเรียนสายอย่ามาโทษพี่ก็แล้วกันนะ อ๊ะ! รถมานู่นแล้ว” ผมดีดตัวเองจากม้านั่งพัก ขึ้นไปยืนริมฟุตบาทรวมกับคนอื่นๆที่จะโดยสารสายนี้
“เอ่อ ... พี่คชา”
“หืม?”
“อะให้” แจ็คหยิบกล่องของขวัญกล่องเล็กให้ก่อนจะดันตัวผมให้ขึ้นรถ
“เดี๋ยวๆ นี่อะไร”
“เอาไว้เปิดดูที่มหาลัยนะพี่ ชอบไม่ชอบยังไงก็ไลน์มาบอกด้วยนะ แจ็คไปเรียนแล้ว บายครับ” พูดจบแจ็คก็วิ่งขึ้นสะพานลอยข้ามฝั่งไป
ก็หวังเล็กๆว่าพี่คชาจะชอบนะ สักนิดก็ยังดี ...
คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัย xxx
ลานกว้างใต้ตึกคณะนิเทศในยามเช้า พอจะมีนักศึกษาให้เป็นปะปลาย ไม่มากเท่าวันปฐมนิเทศ ( มันก็แน่นอนอยู่แล้ว) โต๊ะไม้ขนาดปานกลางนั่งได้ประมาณ 4 คน ตัวนั้นรู้สึกผมจะถูกชะตากับมันเสียเหลือเกิน คงไม่ผิดใช่มั้ยถ้าคิดอยากได้โต๊ะตัวนั้นเป็นโต๊ะนั่งพักโต๊ะประจำ
ร่างกายไวกว่าความคิด ยังไม่ทันจะคิดจบผมก็ทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะตัวนี้เรียบร้อยแล้ว อ่า .. เกือบลืมบอกไปผมเรียนคณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์นะครับ ถ้าถามเหตุผลว่าทำไม ... เดี๋ยวคุณก็รู้เองนั่นแหละครับ
“คชา” เสียงนุ่มสุขุมร้องเรียกชื่อผมจากด้านหน้าตึก
“มาช้านะมาร์ช”
“พอดีตื่นสายนิดหน่อย กินอะไรมาหรือยัง”
“ก็ปาโก๋กะเต้าหู้รองท้องมาแล้วล่ะ แล้ว?”
“ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย”
“งั้นไปหาอะไรกินกันก่อนปะล่ะ อีก 20 นาทีถึงจะได้เวลาเรียน”
“ก็ดีนะ”
คนข้างๆ ผมคนนี้ชื่อมาร์ช เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ผมย้ายเข้ามากรุงเทพ เราก็สนิทกันนะครับคุยกันได้ทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องหัวใจ ความลับของผมปิดไม่ค่อยอยู่หรอกครับกับมาร์ชน่ะ เขามักจะนำหน้าผมไปก้าวนึงตลอด สุดท้ายก็ต้องจำใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มาร์ชฟัง ...
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวติดคอตายลำบากคชาอีก” อดไม่ได้ที่จะเหน็บเพื่อนที่กำลังรีบยัดแซนวิชเข้าปากอย่างเร่งรีบ
“อึก ก็เดี๋ยวไม่ทันคาบแรกไง”
“เอาเถอะๆ อะนี่น้ำเดี๋ยวติดคอตาย” ผมยื่นแก้วน้ำอีกแก้วที่เพิ่งซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยให้มาร์ช
“ชาว่าเรา... อุบ!!”
ตุบ .....
พลั่ก ...
“คชา!”
แว่นตากรอบสีขาวสะอาดถูกเพื่อนสนิทหยิบเก็บจากพื้นถนนส่งให้กับร่างเล็กที่ล้มลงนั่งอยู่บนพื้น คชาขึ้นชื่อเรื่องซุ่มซ่ามติดอันดับโลกอยู่แล้ว เหตุการณ์แบบนี้เพื่อนอย่างมาร์ชเห็นจนชินตาซะแล้ว แต่ครั้งนี้มันอาจจะไม่เหมือนทุกครั้งก็ได้ เพราะคู่กรณีคนนี้นี่แหละ ...
“ขอบใจนะมาร์ช อ๊ะ!” ความเจ็บที่ข้อเท้าทำเอาร่างเล็กทรุดลงไปกองกับพื้นอีกรอบ
“คชา!!” มาร์ชรีบทรุดตัวลงพยุงเพื่อนอีกคน
“สงสัยข้อเท้าจะแพลง ลุกไหวมั้ยคชา”
หากแต่แขนขาวๆของคู่กรณีกลับเป็นฝ่ายอุ้มร่างเล็กของอีกคนขึ้นมาเหมือนกับไม่รู้สึกโกรธที่คชาเดินชนซะเต็มแรงบวกกับน้ำหวานในแก้วอีกใบที่ราดลงบนเสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาดของตน
“อ๊ะ! ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมยังเดิน..... ไหว...” เสียงใสๆร้องขึ้นจะประท้วงแต่กลับเป็นว่าถูกกลืนไปกับลมหายใจเฮือกใหญ่ก็ในเมื่อคู่กรณีของคชา นั้นเป็นคนที่คชารู้จักดีเป็นที่สุด
แก้มขาวนวลถูกแต่งแต้มด้วยสีเลือดจางๆ หัวใจดวงน้อยแทบจะหยุดเต้นเสียให้ได้ จังหวะการหายใจเข้าออกที่เริ่มแปรปรวนเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยนับพันตัว กำลังกางปีกบินไปมาอยู่ในท้อง เมื่อดวงตากลมโตสบตากับดวงตาคมบนใบหน้าขาวหล่อราวกับพระเอกแวมไพรส์ในหนังสือวรรณกรรมยอดนิยม
“พี่เต๋า!”
ความคิดเห็น