ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขนมจีบ4ชิ้นกับชีวิตอนาถของสองเรา(Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 ซวยมากกว่านี้่ก็ผมชุบแป้งทอดแล้วล่ะครับ!!!

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 60


    เฮ้อออ.............

    สวัสดีครับผมลิเนลล์ ผมว่าบางทีการมาโรงเรียนมันก็น่าเบื่อสำหรับผมพอควร โดยเฉพาะกับวิชาที่มีอาจารย์ผู้สอนเหมือนนางผีเสื้อสมุทรใจยักษ์ในวรรณคดีไทยที่ออกมาอาละวาด...

    ......

    “นายลิศวงศ์ อมรไพศาล ออกมาเดี๋ยวนี้!!!”

    อ่าาา... นั่นไง มาอาละวาดยั้นในห้องน้ำเลย นี่สงสัยติดเครื่องอัดเสียงไว้ด้วยสิเนี่ย ลงทุนกันจริงจริ๊งงงงงงง

    “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายอยู่ในนี้นะ ฉันดูกล้องวงจรปิดหมดแล้ว! ออกมา!” เสียงนั้นขมขู่ ไม่ต้องสงสัยกันหรอกครับ ผมกับอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์คนนี้เป็นศัตรูกันมาตั้งแต่ผมเข้าเรียนแล้วล่ะ เหมือนอาจารย์แกจะเริ่มไม่ชอบขี้หน้าผมตั้งแต่ผมไปปล่อยลมยางรถแกตอนอยู่ ม.1 ความจริงผมก็ไม่ได้ตั้งใจอะนะ คือผมตั้งใจจะปล่อยลมยางไอ้หัวขโมยที่ขับรถหนีชาวบ้านในตลาดข้างๆโรงเรียน แต่มันพลาดไปเพราะผมนึกว่ารถไอ้หัวขโมยมันเป็นรถอาจารย์แกเพราะมันอยู่ข้างกันแล้วแกมาเห็นพอดี บวกกับคนไม่ชอบแกเยอะ แกก็เลยคิดไปเลยว่าผมตั้งใจปล่อยลมแกแล้วก็ไล่ล่าผมมาตั้งแต่นั้นล่ะ พอผมจะโดดเรียนก็เลยลำบากแบบนี้ไง!

    อ้ากกกก!!! ทำยังไงดีผมตายแน่เลยงานนี้ม่องเท่งแน่ๆ!

    ผมแค่ขี้เกียจ... ใช่! แค่ขี้เกียจเรียนวิชาชวนปวดหัวนั่น ไม่อยากเจอคุณป้าหน้าเลือดที่ยัดตัวเลขและสมการมากมายใส่หัวสมองของนักโทษ...อุ๊ป! นักเรียนอย่างเอาเป็นเอาตายทั้งที่ต่างประเทศเขาก็บอกอยู่ปาวๆว่าถ้าเรียนมากๆสมองเด็กจะบวม!(?) ให้แบบทดสอบสมอง (แกไม่ให้เรียกว่าการบ้านอะ เชื่อป่ะ!) กับนักเรียนได้ทุกวัน โดยที่ผมไม่เข้าเข้าใจว่าแกไปขนมันมาจากไหนมากมายเต็มไปหมด ทั้งสมการเอย โจทย์ปัญหาเอย และอะไรอีกนับไม่ถ้วนโดยที่เด็กนักเรียนบางคนหรือหลายคนพากันร้องโอดครวญจวนจะขาดใจ...เพราะอะไรน่ะเหรอ?

    เพราะแกให้แบบทดสอบบ้านั่นมาไม่เคยต่ำกว่า 50 ข้อเลยน่ะสิ!!! ไม่แปลกใจเลยถ้าจะมีนักเรียนเกือบทั้งห้องที่พากันดองงานอาจารย์แกจนจะอร่อยกว่าปลาร้าอยู่แล้ว! ส่วนไอ้พวกที่ทำส่งได้ทุกวันน่ะ มันไม่ใช่คน!!!

    แล้วลองคิดดูสิเด็กนักเรียนไม่ได้เรียนแค่วันละวิชานะ และทั้งๆที่เด็กๆในชั้นเรียนก็เคยบอกแกลดแบบทดสอบลงมาสักหน่อย แต่แกกลับมองกลับมาด้วยสายตาจิกๆจนนักเรียนจะพรุนแล้วพูดว่า

    “ฉันสอนพวกเธอแค่วันละชั่วโมงเดียวเองนะ! แบบทดสอบแค่นี้น้อยไปด้วยซ้ำ!!!”

    โอ้! ชีวิตบัดซบของเด็กนักเรียนโดยแท้...

    แต่ที่แน่ๆตอนนี้... ผมต้องเอาตัวรอดก่อนที่ยักษ์จะพังประตูเข้ามา

    ทำยังไงดีๆๆๆๆๆ! อ้อ ...หึหึ ติดเครื่องบันทึกเสียงไว้ใช่ไหม

    ปู๊̃̃̃̃̃̃̃̃ดดด̃̃̃̃̃̃̃̃̃̃̃.... ป๊าดดดด...แปร๊ดๆ แบร๊ดดดด...

    คึคึ เงียบเลยล่ะสิ ฮ่าๆ

    ก็นะสมจริงน่ะก็ต้องราดน้ำหรือไม่ก็ชักโครกด้วยไม่ใช่รึไงจะได้สมจริง เรื่องแบบนี้ผมถนัด ผมน่ะดีกรีนักเลียนเสียงตอนอนุบาลเลยนะไม่อยากจะอวด ฮ่าฮ่า แต่ในเมื่ออยู่ในห้องน้ำแล้วก็กดของจริงเลยละกัน

    แต่...

    ครื้ด... วู้บ...
    ทำไม...

    ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขี้ในชักโครกที่โดนกดอย่างงี้ล่ะ?

    !!!

    ....................................

    ........


            หลังจากที่ยืนมึนงงไปเกือบจะล้านชั่วโมงได้ ไม่สิ เหมือนเขาจะนั่งมากกว่าลิเนลล์ก็เหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัว ตอนนี้เขานั่งอยู่ในห้องที่มีลักษณะคล้ายๆห้องเก็บเครื่องเทศของร้านร้านหนึ่ง กลิ่นของมันฉุนจนลอยเข้าจมูก มีกระสอบหนึ่งข้างๆลิเนลล์เต็มไปด้วยใบไม้แห้งกรอบกลิ่นหอมที่เขาไม่รู้จักชื่อของมัน และบนคานข้างห้องก็มีกระเทียมห้อยเต็มไปหมด

    แน่นอนคำถามแรกที่แวบเข้ามาคือ แม่งที่ไหนวะ!

    เท่าที่ลิเนลล์จำได้คือก่อนหน้านี้เขาหนีอาจารย์ผีเสื้อสมุทรเข้าไปแอบหลบในห้องน้ำ แล้วก็กดชักโครก...แล้วก็กล้ายเป็นขี้...

    ไม่ใช่สิ! จะบ้ารึไง ใครมันจะไปเปลี่ยนสปีชี่ส์เร็วขนาดนั้น เขาว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆ แต่แค่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาแค่รู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปใน เอ่อ ชักโครก แล้วก็มาโผล่อยู่ในห้องนี้ แถมตัวก็ไม่มีกลิ่นห้องน้ำติดมาด้วย

    หรือกลิ่นเครื่องเทศกลบหมดวะ...

    ไม่ว่ายังไงก็ตาม คำถามที่ว่าลิเนลล์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงและที่นี่ที่ไหนก็พุ่งแรงแซงสามแยกขึ้นมาก่อนทุกอย่าง เขาจึงลุกเดินสำรวจไปรอบๆก่อนจะพบว่าที่นี่มันเหมือนจะเป็นห้องใต้ดิน และมีส่วนหนึ่งบนหลังคาที่มีประตูสำหรับเปิดและมีบันไดขึ้น แต่พอเขาเปิดขึ้นไปก็ต้องเจอกับผู้หญิงร่างอวบๆที่มองมาทางลิเนลล์อย่างตกใจ ตาสีฟ้าแบบไม่ใช่คนไทยชัวร์ๆเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมาข้างนอก แล้วเจ้าหล่อนก็อ้าปากขึ้นก่อนจะแหกปากออกมาด้วยเสียงที่ดังแสบแก้วหูมากว่า

    “ขโม๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!” แล้วเจ๊แกก็กระโดดไปคว้าไม้กวาดมาเตรียมจะจัดการขโมยอย่างลิเนลล์ทันที!

    “เฮ้ยย! ไม่ใช่นะป้า! ผมไม่ใช่ขโมย! หยุดตีก่อนเซ่!”ลิเนลล์แหกปากโต้ทันทีก่อนจะกระโดดซิกแซกหลบป้าแกอย่างยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่นัก แต่คิดไปคิดมา ถ้าเขาเป็นเจ้าของร้านแล้วมีไอ้เด็กผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้ใจโผล่มาก็คงนึกว่าเป็นขโมยเหมือนกัน แต่เฮ้ย ป้าเล่นเอาไม้กวาดมาไล่ตีขนาดนี้เลยเรอะ! เขาไม่ใช่แมลงสาปนะเฮ้ย แค่เป็นเด็กวัยกำลังหน้าตาดี(?)แค่นั้นเอง! หรือป้าแกจะอิจฉาความหล่อเขากันนะ...

    จะบ้าเรอะ! ป้าแกเป็นผู้หญิง!!!

    คิดอย่างนั้นเขาก็วิ่งสุดชีวิต ใครจะไปยอมให้จับ เขายังไม่เข้าใจอะไรเลยเนี่ย! ป้านี่ก็วิ่งโคตรเร็ว สงสัยว่าที่บ้านจะเคยเป็นนักวิ่งทีมชาติ แถมคนรอบตัวก็เริ่มหันมามองเหมือนอยากจะเข้ามาร่วมด้วยแล้ว

    “ช่วยด้วยจ้า! ไอ้ขโมยนั่นมันจะขโมยเครื่องเทศฉัน!” ป้าคนนั้นตะโกนมาตลอดทาง ไม่เข้าใจว่ากล่องเสียงแกมันทำขึ้นจากอะไร เสียงแหลมขนาดนั้นเส้นเสียงไม่แตกโคตรอัศจรรย์

    “ผมไม่ได้ขโมยนะป้า! ผมยังไม่ได้เอาอะไรมาเลย!”ลิเนลล์แหกปากกลับไป แต่นั่นเหมือนกับว่าจะเป็นการจุดชนวนให้ป้าแกโมโหยิ่งขึ้น

    “กรี๊ดด!!! แกเรียกฉันว่าป้าเหรอ! หยาบคาย! ไอ้หัวขโมยไม่มีหัวนอนปลายเท้า! ไอ้เด็กไม่มีสัมมาคารวะ! ทุกโค้นนนมาช่วยกันจับขโมยหน่อยเร็ว!!!” ป้าแกรีบตะโกนเรียกพรรคพวก ลิเนลล์เร่งฝีเท้าขึ้นอีกหวังวิ่งให้ทัน ไม่เข้าใจทำไมต้องมาโดนยัยป้าที่ไหนไม่รู้มาวิ่งไล่ล่าตั้งแต่เช้าทั้งที่ตอนนี้เขาควรแอบนอนอยู่ที่ไหนสักแห่งในโรงเรียนหรือไม่ก็กำลังเที่ยวอย่างสำราญใจที่ไหนสักแห่งในประเทศไทย

    แต่แล้วอยู่ๆเขาก็รู้สึกเหมือนโดนใครสักคนดึงวูบเข้าไปในซอยอะไรสักอย่างมืดๆ ร่างแข็งแรงที่น่าจะเป็นผู้ชายจับแขนลิเนลล์ลากถูลู่ถูกังไปในตรอกเล็กๆ ใบหน้าหล่อเหลา (แน่นอนว่าน้อยกว่าผม//ลิเนลล์) แบบตัวร้ายกระทบแสงน้อยนิดในตรอกดูมีแววแห่งความตื่นเต้นบางอย่างก่อนจะหยุดที่ใกล้ๆกับสุดตรอก แล้วหันมามองหน้าเขาที่ยังอึนๆอยู่

    “ไงน้องใหม่ เพิ่งจะเริ่มฝึกขโมยล่ะสิถึงได้ดูอ่อนหัดอย่างนี้ ไม่คิดจะขอบคุณหน่อยรึไงที่ฉันอุตส่าห์ช่วยนายจากยัยป้ามหาภัยนั่นน่ะ” เขาพูดถามลิเนลล์ซึ่งสตั้นไปประมาณสองวิก่อนจะเรียบเรียงเรื่องราวได้

    “ขอบคุณ แต่ผมไม่ใช่ขโมยนะ!” ลิเนลล์พยายามรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่บุคคลแปลกหน้าเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ดูก็รู้ว่าไม่เชื่อ

    “งั้นเหรอ? ไม่ต้องมาโกหกหรอกน่า ฉันก็เป็นขโมยเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวฉันจับส่งให้ทหารหรอก มานี่สิ เดี๋ยวฉันพาไปที่กบดานฉัน ที่นี่ยังไม่ปลอดภัย” เขาบอกแล้วลากลิเนลล์เดินเลี้ยวไปอีกทาง ย้ำว่าลาก! จะรีบก็รู้ว่ากลัวพวกชาวบ้านเจอ แต่จำเป็นต้องลากเขาปลิวขนาดนี้ไหมล่ะ ทำไมขายาวจังวะ! เข้าใจไหมว่าวัยรุ่นวิ่งตามไม่ทัน!

    “ผมไม่ใช่ขโมยจริงๆนะเว้ยยยย!!!” ลิเนลล์ยังคงพยายามแหกปากกรอกหูไอ้ผู้ชายตรงหน้าให้รับรู้ความจริงสักที แต่เขาก็แค่ยักไหล่

    “อ่า....ฮะ” เขาบอก แล้วเดินต่อไปอย่างเร็ว ปล่อยให้ลิเนลล์ได้แต่ฮึดฮัดอยู่คนเดียว

    เออ! เชิญเล้ย! อยากคิดยังไงกันก็เชิญเลยครับ!!!

    เดินไปได้สักพักชายแปลกหน้าก็หยุดเดินแล้วหันมามองหน้าลิเนลล์

    “คืองี้นะเด็กใหม่ ชาวบ้านแถวนี้ส่วนมากจะเรียกเราว่าคนแคระทั้ง 7 แต่ก็นั่นแหละ พวกเขาก็แค่อุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อหาทางที่จะด่าพวกเราเวลาไปขโมยของแล้วพวกนั้นจับไม่ได้ก็แค่นั้น ความจริงพวกเราก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรอะนะ” เขาบอกพร้อมขยับยิ้มที่ทำลิเนลล์รู้สึกไม่ไว้ใจ มันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประหลาดที่เขาแยกไม่ออก แต่ก็นั่นล่ะ เขาอาจจะคิดไปเองก็ได้
            “ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่นา หวัดดีฉันชื่อไมแทส” จู่ๆเขาก็แนะนำตัว

    “อ่า ผมลิเนลล์” ลิเนลล์ตอบแบบมึนๆ

    “อ่าวเฮ้ย คนมา!!!”เสียงหนึ่งแหกปากขึ้นอย่างเว่อวังทันทีที่ไมแทสและลิเนลล์ก้าวขาเข้าไปยังบริเวณตรอกข้างถนนเนเซอร์ เจ้าของเสียงกระโดดเหยงๆเล่นใหญ่ชนิดที่ทำเอาไมแทสแทบขากระตุก รู้สึกอยากเข้าไปสกายคิกเพื่อนตนอยู่ไม่น้อย

    “พระบิดาท่านเหรอครับไอ้คุณเกรเทล ไม่เคยเห็นคนเหรอไอ้สลัดผัก!”ไมแทสแหกปากตอบ 

    คนที่ชื่อเกรเทลหัวเราะร่วน เขามีผมสีดำสนิทและหน้าตาที่จัดได้ว่าเป็นตัวปัญหา และเหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทของไมแทส

    “ว่าแต่นั่นใครล่ะ” เกรเทลถามขึ้นเมื่อเห็นลิเนลล์ยืนอยู่ข้างๆไมแทส แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ เสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน...

    “จาแหกปากกันทำไมมมมมมม ผมง่วงนาาาาาา...คร่อก...” เสียงงัวเงียดังขึ้นมาจากซอกมุมของตรอก เจ้าของผมสีเทานอนเป็นของเหลวอยู่ข้างกำแพง สภาพของเขาที่คอพับคออ่อนแทบจะมุดไปอยู่ในถังขยะอยู่แล้วทำเอาไมแทสทำหน้าอนาจใจกึ่งละเหี่ยใจ ส่วนลิเนลล์ก็ทำได้แค่มองภาพตรงหน้าตาปริบๆ แต่ราวกับว่าไมแทสอ่านใจได้ เขาจึงอธิบายขึ้น แต่ลิเนลล์คิดว่าหน้าเขาคงบอกชัดมากกว่า แม่เขามักจะบอกว่าเวลามีอะไรหน้าของเขามักจะแสดงออกมาชัดเจนกว่าคนอื่น และนั่นไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เพราะมันทำให้แม่รู้ทันเสมอเวลาลิเนลล์โกหก ซึ่งเขาก็โกหกบ่อยซะด้วย ความจริงก็ไม่เรียกโกหกหรอก แค่บอกไม่หมดมากกว่า แต่แม่ก็สามารถต้อนให้เขาพูดออกมาได้หมดอยู่ดี เป็นมนุษย์ที่มหัศจรรย์จริงๆ

    “จะถามว่าทำไมหมอนี่ถึงมีสภาพนี้งั้นเหรอ?” ไมแทสถาม “ไม่ต้องถามหรอก เพราะคำตอบคือไม่มี ไอ้กรีนเรสมันง่วงนอนตลอดเวลาจนน่าอนาจใจ ชนิดที่มันจะเข้าห้องน้ำทีนี่เป็นชั่วโมง สาเหตุน่าจะหลับไม่ใช่ท้องเสียหรืออะไรน่ะ” เขาหันมาอธิบายให้ลิเนลล์ฟัง

    นั่นยังมีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไงน่ะ!

    “ไอ้เรส! หัวเอ็งจะเข้าไปอยู่ในถังขยะอยู่แล้วโว้ย!” เกรเทลที่เพิ่งหันไปเห็นสภาพน่าอนาจของกรีนเรสถึงขั้นอกสั่นขวัญหาย ยังไม่ทันที่เขาจะเข้าไปช่วยก็มีคนอื่นตัดหน้าไปซะก่อน

    “เรส! เดี๋ยวตรูช่วย! ฝ่าเท้าชุบชีวิต! ย้ากกกก!!!” ร่างสูงของมนุษย์ผู้หนึ่งที่ย้อมผมจนมันเป็นสีชมพูสะดุดตา(แปลกประหลาด)ลอยมาจากแห่งใดก็ไม่ทราบได้ แต่ด้วยท่วงท่าในตำนาน(?)ก็ทำเอากรีนเรสรอดชีวิตจากถังขยะไปได้อย่างหวุดหวิด

    “อั่ก!” แต่ไปนอนกระอั่กเลือดอีกฝั่งเพราะฝ่าเท้ามหัศจรรย์แทน... ตอนแรกลิเนลล์ก็คิดว่าเขาจะตื่นมาโวยวาย แต่ไม่อ่ะ กรีนเรสยังคงนอนต่อไปอย่างมีความสุขทั้งที่บนริมฝีปากพ่นเลือดออกมาเล็กน้อยลิเนลล์สงสัยมากกว่าเดิมว่าตกลงเขารอดชีวิตมาจนโตขนาดนี้ได้ยังไง

    “คือ เขาจะไม่ตายใช่ไหม?” ลิเนลล์เอ่ยถาม

    ไมแทสมองภาพตรงหน้า ยืนไว้อาลัยให้กรีนเรสอย่างเศร้าสร้อยนานถึง 1 วินาที

    “แล้วคนอื่นยังไม่มาเหรอวะเกร” ไมแทสหันไปถามคนที่ชื่อเกรเทลหลังจากยืนไว้อาลัยให้กรีนเรสอยู่นานสองนาน(?)

    “ยังอะ เห็นว่าไอ้เทมกำลังมาแต่ถ้าเป็นมันกว่าจะมาถึงคงอีกซักชั่วโมงครึ่งตามวิถีไอดอลของมัน”เกรเทลว่า

            “ไอ้เทมเพสมันมีไอดอลเป็นสล็อตน่ะ มันบอกว่าหลงใหลในวิถีชีวิตเรียบง่ายของสัตว์ตัวนี้ แต่มันน่าจะช่วยอะไรนายได้เยอะ”ไมแทสหันมากระซิบบอกลิเนลล์

            “เนเซอร์น่าจะแต่งตัวอยู่รอยาวไปสามชั่วโมง ส่วนยัยแทรนซินคงกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่แหละช่างยัยนั่นเหอะ” เกรเทลอธิบายชื่อสมาชิกในกลุ่มต่อพร้อมทำหน้านึก อธิบายเสร็จก็ยกนิ้วขึ้นแคะขี้มูกตามวิถี ที่ทำเอาลิเนลล์นึกเสียดาย หน้าตาก็ออกจะดีไม่น่าซกมก(?) แต่ก็นั่นแหละ จะเอาอะไรกับขโมย

    ไมแทสพยักหน้าเป็นการบอกว่ารับรู้ เขาเดินไปหากรีนเรสที่บัดนี้กรนสบายใจเฉิบ ไม่ได้รู้ตัวซักนิดว่าเพื่อนคนหนึ่งกำลังทำอะไรกับตัวเขาอยู่ แต่แน่นอนว่าลิเนลล์มองภาพนั้นมาสักพักแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง

    “ไอ้ลี! เอ็งเอาดินสอยัดจมูกไอ้เรสทำไม!!!”ไมแทสแหกปากอย่างตื่นตระหนกใส่เด็กหนุ่มเจ้าของผมสีชมพูที่กำลังเอาดินสอมากมายยัดใส่จมูกบุคคลขี้เซาอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดลิเนลล์มองหน้าเขา พยายามเดาชื่อและก็พบว่าเขาน่าจะชื่อลีจากที่ไมแทสเรียก

    “ก็ฉันอยากรู้ว่ารูจมูกคนมันจะรับดินสอไปได้มากที่สุดกี่แท่งน่ะสิ คนปกติเขาไม่ค่อยทำกันใช่ไหมล่ะ ฉันก็เลยลองทำดูไง” ลีว่า ทำหน้าตื่นเต้น แต่ไมแทสยกนิ้วขึ้นกดหว่างคิ้วอย่างเครียดๆ

    “ไอ่สลัด! วิญญาณนักแหกกฎมาเข้าสิงอะไรตอนนี้! มึงดูดีๆจมูกไอ้เรสจะระเบิดอยู่ละ” ไมแทสว่าเข้าให้เมื่อเห็นว่าเพื่อนยังไม่ทำหน้าท่าทางอะไรที่บอกว่าสำนึกผิด แถมยังไม่ได้เอาดินสออกจากจมูกของกรีนเรสอีกต่างหาก

    เกรเทลทำหน้าผวา ดึงดินสอสิบกว่าแท่งออกจากจมูกกรีนเรสอย่างสงสารเมื่อเห็นเจ้าตัวเริ่มนอนดิ้นไปมาอาจเพราะขาดอากาศหายใจลิเนลล์เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมาอยู่ในกลุ่มคนประหลาดพวกนี้ได้ยังไง

    “เอ็งจะฆ่าไอ้เรสรึไง!” เกรเทลว่าตาโต จังหวะพอดีกับที่มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น...

    ...

    ปุ้ด...

    ...........................................

    ..

    “ไอ้เฟรี้ยใครตดสารภาพ!!!” เกรเทลโวยวายขึ้นมาหลังจากทุกคนเงียบไปพักใหญ่ ปลุกบรรยากาศแห่งความวุ่นวายขึ้นมาทันใด

    “กลิ่นตุๆด้วยอะ” ลีทำหน้าแหย ลิเนลล์ยกนิ้วขึ้นบีบจมูก

    “แหะ” ไมแทสขยับยิ้มแหยๆ ลีทำหน้าเหมือนโลกกำลังถล่มทลาย และลิเนลล์รู้สึกเหมือนกับว่ากลิ่นมันอยู่ใกล้ๆตัวนี่เอง

    “ไอ้เฟรี้ยแทสสสส!!!เหม็นอะ  โหย เอ็งไปกินอะไรมาวะโคตรเน่าอะโอ้ยยยยจะอ้วกกก” ลีครวญครางไร้การเสแสร้ง มีภาพประกอบฉากเป็นเกรเทลปัดมือไปมาข้างหน้าเหมือนไล่แมลงวันกับลิเนลล์ที่ยังคงเอานิ้วบีบจมูกทำตาโต

    ไมแทสทำหน้าครุ่นคิด

    “เอ...เหมือนเมื่อเช้าแม่จะเอาขนมแปลกๆมาให้ลองกินนะ เห็นบอกว่าพี่ข้างบ้านลองทำ..กลิ่นฉุนอยู่  แต่รสชาติโอเคเลยล่ะ” ไมแทสอธิบาย แถมยังชูนิ้วโป้งยิ้มยิงฟันตบท้ายอีกต่างหาก

    “ยังจะมีหน้ามาบรรยาย!” เกรเทลแหกปาก ตบหัวไมแทสจนหน้าทิ่ม

    “ไอ่ฟาค(?)! ตบมาได้! หัวคนนะไม่ใช่เหล็กอลูมิเนียม! ถ้าตรูความจำเสื่อมตรูจะมาหักคอเอ็ง!” ไมแทสโวยวายน้ำตาคลอลูบหัวปรอยๆหน้าตาคล้ายลูกแมวน้ำเวอร์ชั่นคนบ้าหิวนม

            “ไม่เป็นไรเอ็งความจำเสื่อมแล้วจำไม่ได้” เกรเทลบอกหน้าตาย

    “อีกอย่างคือหัวเอ็งมันไม่ได้เป็นเหล็กอลูมิเนียม แต่มันคือตุ่มหนาสิบหกชั้นว่ะแทส” ลีเสริมมองไมแทสนั่งน้ำตาตกในเยาะๆ

    ...แค่เขาตดต้องทำกันขนาดนี้เลยเรอะ!!! กลิ่นก็ไม่น่าแรงอะไรมากมายนี่นา....ไมแทสลองดมกลิ่นรอบกายก่อนจะเบ้หน้า  ...เหม็นจริงไรจริงอย่างนี้ต้องเรียกไส้เน่า...

    “แฮ่ม! เอ่อ คือ พวกเราจะเข้าเรื่องได้ยังล่ะ” ลิเนลล์พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบที่เริ่มกระอั่กกระอ่วน คือเขามาขอความช่วยเหลือนะ! ไม่ใช่มาดูความบ้า!

    แล้วทำไมคนแคระทั้ง 7 ถึงได้เพี้ยนได้ขนาดนี้กัน! ถ้าสโนว์ไวน์มีในเรื่องนี้คงเส้นเลือดสมองแตกตายแน่ๆ!

    ในจังหวะนี้ลิเนลล์พร้อมจะแหกปากคำนี้แบบไม่อายเลยให้ตายเถอะ...

    ผมอยากกลับบ้าน!!!!



          


    (60%จ้าาาาาาาาาา) อย่าลืมกลับไปอ่านตอนที่แล้วด้วยน๊าาาาาาาาาาาา....

    เดี๋ยวนะ นี่จะพิมพ์ตัวใหญ่ทำไม?!!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×