คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 คำถามของหัวหน้า rev
ตอนที่ 1 คำถามของหัวหน้า
หมู่บ้านภูเขาเหล็ก
หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บริเวณที่ห่างออกมาจากปากแม่น้ำแดงมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ
50
กิโลเมตร
ตลอดเส้นทางจากปากแม่น้ำแดงมาถึงหมู่บ้านภูเขาเหล็กไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก
ต้องเดินข้ามภูเขาลูกเล็กๆ 2-3 ลูกถึงจะสามารถเดินทางมาถึง
เนื่องจากตอนนี้เวลาก็ผ่านมาได้หลายปี เส้นทางที่เคยลำบากก็สบายขึ้น มีถนนที่ตัดใหม่
แม้ว่าจะเป็นเพียงถนนคนเดินที่แค่ถางเอาต้นไม้ออกเท่านั้น แต่ก็ย่นระยะเวลาลงมากเพียงใช้เวลาไม่ถึง
2 วันก็สามารถมาถึงหมู่บ้านได้
ที่พวกทีมบุกเบิกเรียกว่าแม่น้ำแดงก็เพราะมันมีสีแดงสนิม
บางคนสันนิษฐานว่าเกิดจากพวกเหล็กออกไซด์ที่ไหลลงมาจากภูเขาเหล็ก
หมู่บ้านภูเขาเหล็กแห่งนี้ตั้งขึ้นพิงภูเขาเหล็ก ห่างจากหมู่บ้านระยะเดินไปประมาณ
2 ชม. ก็จะถึงภูเขาใหญ่ที่เต็มไปด้วยแร่เหล็ก
ถึงแม้จะไม่บริสุทธิ์เท่าไรแต่ก็สามารถนำมาใช้ในการสร้างเครื่องไม้เครื่องมือในช่วงการเริ่มต้นก่อตั้งอารยธรรมได้
หนึ่งในทีมจากคณะสำรวจนับร้อย ทีมหนึ่งได้ตัดสินใจที่จะลงหลักปักฐานที่นี้เป็นจุดแรกเพื่อสร้างอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ
ให้พร้อมสำหรับการสำรวจต่อไป ซึ่งถ้าทีมอื่นต้องการก็สามารถที่จะมาแลกเปลี่ยนสิ่งของกันได้หรือ
กระทั่งการสั่งทำสิ่งของตามความต้องการก็ได้เช่นกัน
หัวหน้าชัยวัตรหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญทางด้านการหลอมและการสร้างเครื่องมือโลหะเมื่อก่อนที่จะได้มาร่วมงานกับ
Seven
Kingdoms ก็ทำงานอยู่ในบริษัทเหล็กยักษ์ใหญ่ที่เกาหลีในส่วนการออกแบบสร้างเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ
เนื่องจากหัวหน้าชัยวัตรเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำได้ทั้งส่วนบู๊และบุ๋น
หัวหน้าชัยวัตรมีความเชี่ยวชาญในการสำรวจสายแร่โลหะ ตรวจคุณภาพสินแร่
จนถึงเริ่มการหลอมและ สร้างอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ในสมัยที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นนี้ความสามารถเช่นนี้เปรียบประดุจเทพในวงการโลหะทีเดียว
ประมาณ 5 ปีก่อน
หัวหน้าชัยวัตรได้ถูกเชิญเข้ามาร่วมงานกับ Seven Kingdoms ซึ่งทางบริษัทเหล็กต้นสังกัดก็เห็นดีเห็นงามส่งเขามาทำโครงการที่ประหลาดที่สุด
นอนทำงาน! มีงานแบบนี้ที่ไหนในโลกตอนแรกหัวหน้าก็สงสัย
แต่พอได้นอนก็เข้าใจว่านี้คือเครื่องจำลองโลกเสมือนจริง Seven Kingdoms ที่คนรุ่นเก่าเช่นเขาไม่เคยแม้แต่คิดจะใช้
ขณะที่บริษัทผู้เป็นเจ้าของเจ้าโลกเสมือน Seven Kingdoms นี้เองก็ยินดีที่จะจ่ายให้หัวหน้าเท่ากับเงินเดือนอีกต่อนึง
พูดง่ายๆ คือหัวหน้าชัยวัตรนอนทำงานแต่ได้เงิน 2 เท่า! ใครจะไม่เอากันเล่า! แต่เงื่อนไขที่ดีเกินไปก็ทำให้หัวหน้าสงสัยขึ้นมา
ภารกิจของหัวหน้าไม่มีอะไรมากเพียงแค่ออกสำรวจหาแหล่งแร่และสร้างเครื่องไม้เครื่องมือโลหะ
แต่เงื่อนไขข้อเดียวคือต้องผลิตให้ได้คุณภาพอย่างน้อย 3 ใน 10 ของในโลกปัจจุบันหรือคือโลกภายนอกก็พอ
นอกจากนี้ยังสามารถเอาทีมไปได้อีกเท่าไรก็ได้แต่มีข้อแม้คือไม่มีเครื่องมือให้แม้แต่ชิ้นเดียวต้องไปลุยหาหรือสร้างเอาดาบหน้าเองแบบมนุษย์หินนั่นแหละแต่อย่างน้อยก็มีเสื้อผ้าให้
1 ชุด ซึ่งหัวหน้าก็แอบดีใจเล็กน้อย
จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ผ่านมาได้ 15 ปีแล้ว ในโลกแห่งนี้ โลกของ Seven Kingdoms ซึ่งก็นับได้ประมาณได้ 3 ปีในโลกข้างนอก หัวหน้าเองก็ได้ค้นพบหลายอย่างซึ่งทำให้เขาสงสัยเช่นทำไม
สิ่งมีชีวิตหลายอย่างอยู่มาทั้งชีวิตไม่เคยเจอดันมาเจอที่นี้
บ้างก็น่ารักบ้างก็น่ากลัวและต้นไม้ที่นี้ก็ดูสูงใหญ่กว่าปกติไปบ้าง
อาจจะเป็นเพราะไม่มีคนมาตัดรึเปล่านะ และก็ยังมีอีก
ในโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตหลากหลายพันธุ์ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่จะเรียกว่าสิ่งมีชีวิตก็ไม่ถูกซะทีเดียว
ที่นี้มันโลกเสมือนไม่ใช่หรือ
แต่ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับหัวหน้าชัยวัตรผู้เชี่ยวชาญแห่งโลหะทั้งปวงคือ
มีแร่บางชนิดที่หัวหน้าไม่เคยเจอในโลกข้างนอก! ซึ่งเขาแน่ใจมากเนื่องจากเป็นงานสายตรงของเขาว่าแร่บางชนิดถ้าไม่ใช่เป็นแร่ที่หายากมากๆ
จนขนาดคนอย่างเขาที่เคยไปทำงานมาทั่วทุกมุมโลกตะลุยไปไม่รู้กี่ภูเขาไม่เคยเห็นละก็
ก็ต้องไม่มีอยู่จริง! แต่ทางผู้สร้างโลกนี้มั่วมันขึ้นมาเอง
ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่เพราะ ถ้ามั่วขึ้นมาเรื่องของคุณสมบัติมันจะสมจริงขนาดนี้ได้อย่างไรแต่ช่างมันเถอะ
ยังไงเขาก็จ่ายเงินเราถามมากไปก็ไม่ดี
เนื่องจากเวลาในนี้มันนานก็ข้างนอกหัวหน้าจึงได้มีโอกาสทดลองเอาแร่ใหม่หลายชนิดมาทำโน่นทำนี้
บางก็ดีบ้างแย่บ้างคละเคล้าปะปนกันไป เกิดเป็นความสนุกสมใจของผู้เชี่ยวชาญผู้ใฝ่รู้อย่างหัวหน้าชัยวัตรประการหนึ่ง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยที่สุดและคิดว่ามีหลายคนที่สงสัยไม่จากจากเขานั่นก็มีอยู่
2 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือ คำว่า Seven Kingdoms นั้นแปลตรงๆ ว่า 7 อาณาจักร
หมายความว่าอย่างไรหรือพวกเขาเหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต้องไปสร้างเมืองให้ครบ 7 เมือง หรือมี 7 เผ่าสัตว์ประหลาดหรือว่าอะไรกันแน่ เพราะโดยทั่วไป
ชื่อของอะไรซักอย่างก็จะมีความหมายของมัน
หัวหน้าเคยเลียบเคียงถามผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาก่อนแต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบที่คลายความสงสัยได้เลย
ส่วนใหญ่จะเดาเอาเองทั้งนั้น ในขณะที่ในผู้บริหารระดับสูงที่น่าจะรู้ หัวหน้าก็ไม่กล้าเข้าไปถามสุดท้ายก็ทิ้งให้คาใจไว้อย่างนั้นเพราะบางครั้งเรื่องบางเรื่องเมื่อถึงเวลาก็จะรู้ได้เอง
แต่เรื่องที่ 2 ที่หัวหน้าเคยสงสัยมาก่อนก็ได้คำตอบแล้วเมื่อไม่กี่วันแต่เป็นคำตอบที่รู้สึกไม่สมเหตุสมผลที่สุด
คำถามคือ Seven
Kingdoms ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออะไรและให้พวกเรา
(ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ) เข้ามาทำอะไรที่นี่กันแน่
คำตอบที่ได้เมื่อไม่กี่วันนี้คือ
จะทำเป็นเกมส์ออนไลน์เสมือนจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก (เนื่องจากกว้านซื้อเจ้าอื่นไปหมด) ซึ่งตอนแรกที่หัวหน้าได้ยินมาหัวเราะฟันผุแทบร่วง
แต่พอได้รับการยืนยันก็ตกใจแทบทำตัวไม่ถูก
แค่สัปดาห์แรกหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการก็มีคนเข้ามาร่วมเล่นเกมส์นี้
เรียกว่าในฐานะประชาชนของอาณาจักรต่างๆ ซึ่งพวกเขาเหล่าผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้บุกเบิกกว่าสิบล้านคน
ถ้าจะเอาสถิติจริงก็ต้องบอกว่าประมาณ 9.85 ล้านคนจากทั่วโลก ซึ่งตัวหัวหน้าชัยวัตรก็ไม่ค่อยเข้าใจทางคณะบริหารบริษัทนี้เท่าไรนักที่เอางบประมาณมากขนาดนี้มาทำเกมส์ที่ยิ่งใหญ่ (ประชด) ไปเพื่ออะไร ซึ่งนั่นยิ่งทำให้หัวหน้าสงสัยแต่ก็เก็บเอาไว้ในใจเพราะพวกผู้บริหารเป็นคนจ่ายเงินจ้างมานี่นาและก็ไม่ใช่ถูกๆ
เพราะปกติเงินเดือนของหัวหน้าอยู่ที่หกหลักกลางๆ แต่พอมาที่นี้เรียกว่าเฉียดๆ เจ็ดหลักเลยทีเดียว
ในใจของหัวหน้ากะว่าจะทำงานที่นี้อีกซัก 2-3 ปีแล้วก็คงจะเกษียณไป
อยู่บ้านทำนาละ จริงๆ ที่นี้ในโลกของ Seven Kingdoms หัวหน้าก็ทำนาเพื่อเลี้ยงปากท้องของสมาชิกในหมู่บ้านภูเขาเหล็กเหมือนกันนะ
ปลูกข้าวไร่ที่เม็ดอวบๆ อยู่ตามไหล่ภูเขาเหล็ก เสียดายที่ไม่ใช่โลกข้างนอกเท่านั้นเอง
แต่เกมส์มีส่วนที่แปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่งคือ
บริษัทจำกัดจำนวนผู้เข้าเกมส์ ซึ่งไม่เคยมีใครที่ไหนเขาจะทำกันเพราะต่างต้องการให้เกมส์คนเล่นเยอะๆ
โดยประกาศว่าหลังจากสัปดาห์แรกเป็นต้นไป สมาชิกใหม่ที่จะเข้าเกมส์ได้นั้น
จำกัดวันละเท่าไรนั้นขึ้นกับจำนวนประชากรเพื่อให้เกิดความสมจริงยิ่งขึ้นของแต่ละสถานที่
ซึ่งพูดง่ายๆคือ ตั้งแต่วันที่ 8 จะมีคนเข้าเกมส์ใหม่ได้เพียงวันละ
35,000
คนต่อวันจากทั่วโลกเท่านั้น
ซึ่งแยกไปตามแต่ละชุมชน
ส่วนคนที่เสียชีวิตภายในเกมส์
ก็ต้องต่อคิวเพื่อเข้าเกมส์ใหม่ไม่ใช่ตายปุ๊บเกิดปั๊บ ซึ่งในความเป็นจริงระบบซับซ้อนกว่านี้มากแต่หัวหน้าก็รู้มาไม่มากและก็ไม่ได้สนใจเท่าไรนัก
แม้ว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้จะครอบคลุมมาถึงเหล่ากลุ่มบุกเบิกด้วย
สำหรับว่ามันเป็นเกมส์ยังไงหัวหน้าชัยวัตรก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไรแต่ดูไปดูมา
พวกลูกมือทั้งหลายที่หอบกันมากว่า 50 ชีวิตนี้ก็ดูสนุกสนานกันยกใหญ่
แม้ว่า
15 ปีที่ผ่านมาอาจจะเงียบเหงาไปหน่อยสำหรับเหลาวัยรุ่นจอมคึกคะนองพวกนี้
แต่สำหรับรุ่นใหญ่อย่างหัวหน้าชัยวัตรอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนมาอยู่สงบๆ แต่พอทางคณะผู้บริหาร
Seven
Kingdoms ประกาศว่าจะเปิดบริการเกมส์อย่างเต็มตัวเท่านั้น
พวกเด็กๆ พวกนี้ก็ตื่นเต้นกันเหลือเกิน
กลุ่มบุกเบิกก็ถือได้ว่าเป็นผู้เล่นครึ่งนึงมีอิสระสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนหรือลาหยุดงานได้
เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของเกมส์ได้ถ้า ไม่ขัดกับงานที่ได้มอบหมายมาก่อน
ส่วนรายได้จากการขายสินค้าหรือแลกเปลี่ยนสามารถนำไปแลกเป็นโบนัสกับบริษัทได้ ความพิเศษนี้ทำให้พวกนักบุกเบิกวันสะรุ่นทั้งหลายนี้คึกคักรีบไปหาแร่มาตีของขายกันยกใหญ่
“หัวหน้า! เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกผมจะไปเอาเหล็กมาเพิ่มนะ” ชายหนุ่มท่าทางคล่องแคล่ว
อายุประมาณ 25
ปี ชื่อเอกพุ่งพรวดเข้ามาในบ้านพักที่ดูเหมือนกระท่อมเล็กๆ
ของหัวหน้าชัยวัตรเล่นเอา หัวหน้าชัยวัตรที่กำลังเหม่อลอยแทบสำลักน้ำชาที่กำลังดื่มอยู่
“จะเข้ามาก็เคาะก่อนสิวะ! ถ้าเกิดข้าสำลักน้ำชาตายไปจะทำยังไง” หัวหน้าชียวัตรตะโกนอย่างหัวเสีย
“แฮะๆ ขอโทษฮับ เอิ่ม หัวหน้าพรุ่งนี้ผมขอยืมล่อ
5 ตัวนะ” เอกเอามือลูบท้ายทอยหัวเราะเขินๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะเข้าสู่ประเด็นสำคัญ
“ไปกี่คน เอาไปทำไมเยอะแยะ”
“ไปกันสี่ห้าคนครับผม”
“แล้วจะไปกันกี่วัน เตรียมของรึยัง
ช่วงนี้เป็นฤดูฝนนะ ระวังลื่นโคลนตกไปตายที่ไหนละกว่าจะกลับเกิดมาอีกทีไม่ใช่ง่ายๆ
เหมือนตอนทดสอบระบบแล้วนะ แล้วก็อย่าลืม!.....ขุดเอาตะไคร้ไปกันยุงด้วย ช่วงนี้ยุงเยอะ”
“คร้าบบบบบผม …….จะไปกันแปปเดียวก็กลับมาแล้ว หัวหน้าเป็นห่วงคนอื่นเป็นด้วยนะเนี้ย
เค้าเขินจังเลย” เอกพูดจบก็รีบพุ่งออกไปก่อนที่จะโดนอะไรเขกหัว
“ฮืมม.....เฮ้อ เดี๋ยวนี้พวกนี้มันแสบกันเหลือเกิน” หัวหน้าคำรามเบาๆ ถึงหัวหน้าชัยวัตร
จะหน้าตาเหมือนหมีใหญ่ยักษ์ สูงกว่า 180 เซ็นติเมตร ไว้หนวดไว้เคราจนดูรกรุงรังแต่จริงๆ ก็เป็นคนใจดี
โดยเฉพาะกับพวกเด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามาเรียนรู้งาน จนบางครั้งมันก็ลามปาม
แต่เค้าก็ไม่ถือสาอะไร หัวหน้าชัยวัตรนึกถึงเรื่องมากมายพลางยกชาขึ้นมาจิบตามความเคยชิน
ช่วงนี้ต้องดูแลพวกพืชผลที่ปลูกไว้ตามไหล่เขาไม่งั้นจะได้กินแต่เนื้อสัตว์จืดๆกับผักป่า
ช่วงปีแรกๆ ไม่มีเมล็ดพวกพืชผักต้องไปหาตามของป่ากินกัน
แต่โชคดีที่หลายปีก่อนมีพวกเอกไปเจอพวกข้าวไร่จึงเด็ดมาเพาะๆ อยู่ 2-3 แปลงในที่สุดก็มีข้าวกิน
ถึงรู้ว่าที่จริงข้าวนั้นอร่อยจนน้ำตาแทบไหล ถึงจะจืดไปบ้าง แข็งไปบ้าง
ไหม้ไปบ้างเพราะในกลุ่มผู้ชายพวกนี้มีแต่พวกหุงข้าวไม่ได้เรื่อง แต่ถึงไม่เป็นแต่ก็ยังอร่อย
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทุกปีที่หมู่บ้านก็มีข้าวกิน
แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ข้าวยังไม่ออกรวงแต่ว่ามีผลไม้หลายชนิดที่เริ่มจะออกดอกออกผล
หัวหน้ากะว่าพรุ่งนี้จะส่งคนไปขอซื้อเกลือกับน้ำตาลจากที่เมืองท่าบริเวณ
ปากแม่น้ำแดง ช่วงนี้คนเริ่มมาอยู่ที่หมู่บ้านเยอะขึ้น
ถ้าไม่รู้จักถนอมอาหารเก็บไว้ปีนี้ท่าทางจะลำบากหน้าดู
หัวหน้าคิดเสร็จสับก็เดินออกมาจากกระท่อมเล็กๆของตัวเอง
เสียงดังทักทายหัวหน้าอันเป็นที่เคารพของทุกคน
พวกกลุ่มของเอกหยิบสัมภาระขึ้นล่อตัวหนึ่ง ด้านข้างยังมีล่ออีก 4 ตัว ที่เอกตั้งใจจะเอาไว้สำหรับขนสินแร่ที่จะขุดได้รอบนี้
ก่อนนี้เนื่องจากที่หมู่บ้านมีคนไม่มากจึงไม่สามารถแบ่งคนจำนวนหนึ่งไปเพื่อขุดถลุงสินแร่แบบเหมืองจริงๆ
ทำได้เพียงยกไปยกกลับแต่ช่วงนี้คนเริ่มมาอยู่เยอะขึ้น
จึงสามารถแบ่งคนไปขุดแร่คราวละหลายๆ คนแบบนี้ได้
เสียงพูดคุยหัวเราะ หยอกล้อกันตามภาษาวัยรุ่น ที่ไม่รู้ว่าเด็กรึเปล่ามาจากหนุ่มๆที่กำลังแซวหยอกล้อกับพวกสาวๆ
ทำให้บรรยากาศในหมู่บ้านแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
หัวหน้าย้อนคิดไปถึงอดีต
ชื่อหมู่บ้านนี้เป็นหัวหน้าชัยวัตรเป็นคนตั้งเอง หมู่บ้านภูเขาเหล็กก็ตามชื่อคือ หมู่บ้านที่หลังอิงอยู่ภูเขาเหล็ก
ตอนแรกเริ่มมีคนอยู่ที่นี้ประมาณ 50 คนเท่านั้น
กิจกรรมต่างๆ ยากลำบากไหนจะหาอาหารและน้ำดื่มน้ำใช้ ไหนจะอยู่เวรยามป้องกันสัตว์ร้าย
ไหนจะก่อสร้างบ้านที่อยู่อาศัย
แค่นี้ก็คนแทบไม่พอยังต้องทำหน้าที่การสำรวจและผลิตอุปกรณ์จากแร่โลหะไปส่งให้กับกลุ่มทีมสำรวจอื่นๆ
อย่างเร่งด่วน แต่ในที่สุดทุกอย่างก็เริ่มลงตัว ตอนนี้หมู่บ้านเล็กๆ นี้ที่เหมือนมีหัวหน้าชัยวัตรเป็นผู้ใหญ่บ้านเริ่มจะขยับขยายเป็น
500
คน
มีการตั้งร้านค้าสำหรับคนผ่านไปมา มีการจัดขบวนไปซื้อของ มีการแบ่งคนไปตัดถนน
ทำไร่ทำนา ทอผ้าเครื่องนุ่งห่ม รวมถึงร้านตีเหล็กที่มีชื่อเสียงอีกละ
หัวหน้าคิดไปคิดมาอย่างภาคภูมิใจ
ความคิดเห็น