ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : วงกตมังกร
ที่นี้มีโลกแห่งหนึ่ง โลกที่ยังไม่เคยมีเวทมนตร์ปรากฏขึ้นมาก่อน มีมนุษย์อาศัยราวกับโลกในยุคกลาง มีอัศวินผู้รักษาซึ่งเกียรติยิ่งชีวา มีนักรบผู้ทำสงครามอาบเลือดต่างน้ำ มีสัตว์อสูรที่ดุร้ายชุกชุม มีเมืองใหญ่วิจิตรอันเป็นศูนย์กลางการปกครองของเมืองเล็กหลายสิบแห่ง มีหมู่บ้านขนาดเล็กที่ผู้คนยังแบ่งปันพืชพันธ์ุธัญญาหารแก่กันด้วยมิตรไมตรี
และที่นั่น ... มีนักล่าที่เฝ้าฝันที่จะตามหาสมบัติที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาบนโลกใบนี้
อาณาจักรหนานหลง
อาณาจักรหนานหลงตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของผืนปฐพีขนาดใหญ่ที่เรียกว่าทวีป เหล่าผู้อยู่อาศัยบนดินแดนนี้เรียกทวีปที่ตนอยู่ว่า ทวีปดราตันเนีย
แม้อาณาจักรหนานหลงจะเป็นเพียงอาณาจักรขนาดกลางที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรโดดเด่นนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงาม ภูมิประเทศติดทะเลของที่นี้เป็นที่นิยมของเหล่าขุนนางและคหบดีผู้มั่งคั่งจากอาณาจักรต่างๆ ที่มักจะเดินทางมาเพื่อผ่อนคลายประจำฤดูร้อน
อาณาจักรที่แสนสงบสุขซึ่งรายได้หลักมาจากภาษีคนเข้าเมืองผู้เดินทางมาท่องเที่ยวกำลังค่อยๆเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน และเหตุการณ์เล็กๆ เรื่องหนึ่งกับส่งผลกระทบต่อชะตากรรมของอาณาจักรหนานหลงดังคำที่ว่าเพียงผีเสื้อขยับปีกกลับทำให้เกิดพายุ
สาเหตุนั้นมาจากวงกตมังกรที่ตั้งอยู่กึ่งกลางของอาณาจักรหนานหลงนั่นเอง วงกตมังกรมีขนาดใหญ่มโหฬารมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 600 กิโลเมตร กินพื้นที่กว่า 280,000 ตารางกิโลเมตร หรือเกือบหนึ่งในสามของอาณาจักรหนานหลง
ว่ากันว่าภายใต้พื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลมีสมบัติที่ล้ำค่าเกินกว่าการประเมินค่าใดๆ หลับใหลอยู่ แต่กระนั้นการที่จะเป็นผู้ครอบครองได้นั่นต้องประกอบด้วยความกล้าหาญและฝีมืออันแก่กล้า วงกตมังกรนอกจากจะเป็นสถานที่หลับใหลไว้ด้วยสมบัติอันที่จะทำให้ผู้พบเห็นต้องรู้สึกโลภโมโทสันด้วยความปรารถนาจนแทบกระอักเลือด มันยังมีอันตรายอันน่าสะพรึ่งเนื่องจากวงกตมังกรเป็นรังของเหล่าสัตว์อสูรที่ร้ายกาจมากมาย ยิ่งล่วงลึกเข้าไปมากเท่าไร สัตว์อสูรก็จะยิ่งร้ายกาจมากเท่านั้น!
วงกตมังกรถูกแบ่งออกเป็นชั้นนอกและชั้นใน โดยแบ่งตามระดับของความอันตรายจากจุดศูนย์กลางของวงกตมังกรที่ในเทือกเขาเฟยหลงซานอันเป็นเทือกเขาที่ใหญ่ที่สุดของอาณาจักรหนานหลง
สำหรับพื้นที่ช้ั้นในคือระยะจากจุดศูนย์กลางถึงระยะรัศมีหนึ่งร้อยกิโลเมตรนั้นคือเขตชั้นในของวงกตมังกร ( ชั้นใน : รัศมี 0 - 100 km )
ถัดจากหนึ่งร้อยกิโลเมตรขึ้นไปถือเป็นเขตชั้นนอก ระยะหนึ่งร้อยถึงหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลเมตรจากจุดศูนย์กลางถือเป็นเขตชั้นนอกระดับที่ 4 ( ชั้นนอกระดับ 4: 100-150 km) ระยะร้อยห้าสิบกิโลเมตรถึวสองร้อยถือเป็นเขตชั้นนอกระดับที่ 3 ( ชั้นนอกระดับ 3: 150-200 km) ระยะสองร้อยกิโลเมตรถึงสองร้อยห้าสิบกิโลเมตรถือเป็นเขตชั้นนอกระดับที่ 2 ( ชั้นนอกระดับ 2: 200-250 km) และจากระยะสองร้อยห้าสิบกิโลเมตรถึงสามร้อยกิโลเมตรถือเป็นเขตชั้นนอกระดับที่ 1 ( ชั้นนอกระดับ 1: 250-300 km) ถัดออกจากระยะสามร้อยกิโลเมตรไปจนถึงเมืองหน้าด่านชั้นนอกสุดของอาณาจักรหนานหลงเรียกว่าเขตแดนกันชน ( กันชน : 300 km - เมืองชั้นนอก)
ปริศนาต้นกำเนิดของวงกตมังกรเป็นปริศนาตลอดกาลของอาณาจักรหนานหลง แต่ผู้ใดสนใจกันเล่า?
เหตุการณ์เล็กๆ ที่ว่าคือ มีโจรน้อยคนหนึ่งที่กำลังหลบหนีการไล่ล่า หนีเช้าไปในเขตแดนของสัตว์อสูรที่ใหญ่ที่สุดของอาณาจักรหนานหลงนั่นคือวงกตมังกร อันถือว่าเป็นแดนแห่งความตายในสมัยนั้น ขณะนั้นทุกคนถือว่าโจรน้อยคนนี้ที่หนีเข้าไปในวงกตมังกรถือว่าเป็นโจรน้อยที่ตายแล้วไม่มีใครสนใจเขาอีก แต่หารู้ไม่นอกจากเขาจะไม่ตาย เขายังมีชีวิตรอดอยู่นานถึง 3 เดือนเต็ม ไม่มีใครรู้ว่าเขาหลงเข้าไปลึกแค่ไหนแต่ตอนที่เขาออกมาผู้คนเปลี่ยนคำเรียกขานเขาใหม่เป็นผู้กล้า!
ผู้กล้าคนแรกหรือโจรน้อยได้รับการบันทึกไว้ว่าเป็นครั้งแรกที่เข้าไปในวงกตมังกรและมีชีวิตรอดออกมา นั่นคือเหตุการณ์เมื่อ 50 ปีก่อน เนื้อหาในการบันทึกเปลี่ยนเป็น ผู้กล้าเดินล่วงลึกเข้าเขตแดนกันชนเพื่อตามล่าหาสมบัติ และกลับออกมาพร้อมอาวุธโบราณที่คมกริบซึ่งแผ่กลิ่นอายฆ่าฟันรุนแรงชนิดหาไม่ได้จากในยุคนั้นกระทั่งยุคปัจจุบัน เกิดเป็นเสียงเล่าลือถึงสมบัติล้ำล่าและที่ซ่อนขุมทรัพย์ยุคโบราณที่อาจจะหลับใหลอยู่ด้านในของวงกตมังกร ราวกับเหตุการณ์ตื่นทอง ผู้คนนับไม่ถ้วนจากทั่วทั้งพิภพทวีปดราตันก็ตื่นเต้นขึ้นมาพากันแห่กันเข้ามาอาณาจักรหนานหลงกันอย่างไม่ขาดสาย เพื่อพิสูจน์ความจริงข้อนี้ ผู้กล้าที่สามารถกลับออกมาจากวงกตมังกรพร้อมกับความสำเร็จก็มีให้เห็นอย่างเสมอๆ ขณะที่เหล่าผู้กล้าที่สูญหายไปอย่างไม่มีวันกลับก็มีไม่น้อยเช่นกัน
หมู่บ้านน้อยใหญ่ที่ก่อตั้งขึ้นใหม่เกิดขึ้นมาในเขตแดนกันชนที่มีสัตว์อสูรหลงออกมาอย่างประปราย กลายเป็นหมู่บ้านของเหล่าผู้กล้า นักรบที่เป็นจุดพักก่อนที่จะเดินทางต่อเข้าไปในวงกตมังกรอันเป็นพื้นที่ปลอดมนุษย์
พริบตาเดียวเวลานับจากวันแรกที่มีโจรน้อยกลายเป็นผู้กล้าก็ผ่านมาเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี ด้วยความที่นักสู้ นักรบ จำนวนมากมายต่างเดินทางมาตั้งรกรากและสร้างครอบครัวที่นี้ทำให้อาณาจักรหนานหลงจากที่เป็นอาณาจักรขนาดกลางที่มีพลังการสู้รบระดับธรรมดานั้น กลายเป็นอาณาจักรที่เข้มแข็งจนเป็นที่หวันเกรงของอาณาจักรรอบข้าง เวลา 100 ปีแม้จะไม่มาไม่น้อย แต่ก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนนักเดินทางเป็นประชากรถาวร ไม่ทราบว่าเป็นโชคหรือไม่ ไม่แน่ว่าเหล่าราชวงศ์อาจจะตั้งศาลบูชาโจรน้อยในวันนั้นราวกับรัฐบุรุษผู้พลิกอาณาจักรธรรมดาให้กลายเป็นอาณาจักรที่คับคั่งไปด้วยนักรบ นักสู้
มีอาชีพใหม่เกิดขึ้นมาในอาณาจักรหนานหลง นั่นคืออาชีพ 'นักล่าสมบัติ' อันหมายถึงนักล่าผู้อุทิศเป้าหมายในชีวิตของตนสำหรับตามหาสมบัติและของมีค่าภายในวงกตมังกร
แต่ผู้ที่อยากได้รับการยอมรับว่าเป็นนักล่าสมบัติที่แท้จริงแห่งอาณาจักรหนานหลงนั้นมีบททดสอบเพียงอย่างเดียว คือ ต้องล่าสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในวงกตมังกรชั้นนอกสุดระดับ 1 ขึ้นไปให้ได้ สำหรับเหล่านักล่าสมบัติด้วยกันเองระดับของพวกเขาวัดกันที่ว่าใครสามารถล่วงลึกเข้าไปในวงกตมังกรได้มากเท่าไร จะถือว่าเป็นนักล่าระดับสูงขึ้นเท่านั้น สำหรับกับวงกตมังกรที่ผู้ที่จะเข้าไปเดิมพันด้วยชีวิตนั้นถือว่าเป็นบททดสอบที่ไม่ง่ายเลย
ทางตะวันออกของอาณาจักรหนานหลง ล่วงลึกเข้ามาที่กึ่งกลางของเขตกันชน ใกล้เชิงเขาเฟยหลงซาน มี 7 หมู่บ้านนักล่าสมบัติกระจุดตัวรวมกัน หากมองดีๆจะเห็นว่าหมู่บ้านทั้ง 7 นั้นเรียงกันเป็นค่ายกลกลุ่มดาวเหนือ! คนทั่วไปเรียกว่าเขาว่า หมู่บ้านเจ็ดดาวเหนือ
บริเวณรอบเขตหมู่บ้านที่ห่างออกมา 300-500 เมตร มีหอสูงกระจายอยู่รอบๆ พร้อมมีเวรยามที่ท่าทางกระฉับกระเฉงคึกคัก ยังมีเหล่ากลุ่มคนที่วิ่งลาดตะเวนไปรอบๆพื้นที่หมู่บ้าน เหล่าชายฉกรรจ์ส่วนใหญ่สวมใส่เสื้อผ้า ชุดเกราะไม่เหมือนกันทั้งยังถืออาวุธเอาตามแต่ตัวเองถนัด แต่ก็ถืออาวุธครบมือ บ้างเป็นดาบโล่ บ้างเป็นหอก ง้าว ธนู แต่ทั้งหมดที่มีเหมือนกันคือล้วนแต่มีร่ายกายที่ดูแข็งแรงผิดกับมนุษย์ธรรมดา ดูเหมือนกันว่าเพียงคนๆเดียวกับสามารถรับมือกับชายฉกรรจย์ได้ 4-5 คนพร้อมกันทีเดียว
ค่ายหมู่บ้านดาวเหนือนี้ ถือเป็นกลุ่มหมู่บ้านนักล่าสมบัติที่ใหญ่ที่สุดของโซนตะวันออกของเทือกเขาเฟยหลงซานนี้ ประกอบด้วยผู้คนกว่าสี่พันคน ถือว่ามีจำนวนคนไม่น้อย ในทั้งเจ็ดหมู่บ้านนี้ ถือว่าหมู่บ้านที่อยู่หัวขบวนใกล้เทือกเขาเฟยหลงซานใหญ่ที่สุด เรียกว่าหมู่บ้านหัวขบวนดาวเหนือ
เสียงกลองหนังสัตว์อสูรถูกกระหน่ำตีดัง ตุง ตุง ตุง เสียงกลองดังสนั่นราวกับเสียงภูผาทลาย เสียงหวูดเขา เสียงเชียร์ดังกึกก้องออกมาจากหมู่บ้านหัวขบวนดาวเหนือ วันนี้เป็นวันงานพืธีสำคัญ
ด้านในหมู่บ้านผู้คนจำนวนมากรวมกันตัวที่ลานกว้างขนาดใหญ่ ปะรำพิธีตั้งตระหง่านที่กึ่งกลางมีบุรุษวัยกลางคน ดวงตาครึ่งหลับครึ่งตื่่น ผมเฝ้าหนวดเคราขาวโพลนแล้ว เขาสวมชุดราวกับแม่ทัพสมัยโบราณสีแดงเพลิงสะดุดตา เดินก้าวออกมาจากกลุ่มของผู้นำหมู่บ้านทั้งเจ็ด มาหยุดที่กึ่งกลางปะรำพิธี เสียงกลองหยุดลง ทุกสรรพสิ่งเงียบสงัดราว มีเพียงเสียงลม และเสียงลมหายใจที่แผ่นเบาราวกับกลัวว่าจะตกหล่นสาระสำคัญในคำพูดที่กำลังจะถูกพูดออกมา
"สวัสดีพ่อแม่พี่น้องนักล่าสมบัติแห่งหมู่บ้านเจ็ดดวงเหนือที่รัก นักล่าสมบัติที่จัดเจน และนักล่าสมบัติที่กระหายตามล่าสมบัติที่อยู่ลึกในวงกตมังกรเกินกว่าผู้ใดจะเอื้อมถึง และวันนี้ก็มาถึง เป็นวันสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ข้าหลี่มู่ดูแลหมู่บ้านนี้มา 30 กว่าปี ทุกสองปีหมู่บ้านเจ็ดดาวเหนือจะจัดการทดสอบเลื่อนระดับนักล่าสมบัติผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนเข้าทดสอบเพื่อเลื่อนจากนักล่าสมบัติขั้นที่หนึ่ง ขึ้นเป็นนักล่าสมบัติขั้นที่สอง นี่เป็นการทดสอบใหญ่ที่ทรงเกียรติแห่งอาณาจักรหนานหลง เป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออก
การทดสอบในส่วนสุดท้ายนี้ เรียบง่ายและเด็ดขาด ขอเพียงผู้เข้ารับการทดสอบ เข้าไปในเขตชั้นนอกระดับที่สองของวงกตมังกร..." พอพูดถึงคำว่าวงกตมังกรระดับที่สอง เสียงผู้คนที่ด้านล่างพลันดังเซ็งแซ่ขึ้นมา คำว่าวงกตมังกรนั้นไม่สามารถล้อเล่นได้ ยังมีว่าวงกตมังกรชั้นนอกระดับที่ระดับที่สองซึ่งความอันตรายนั้นแตกต่างกันกับวงกตมังกรระดับที่หนึ่งราวฟ้ากับดิน อย่าเทียบแม้แต่เขตกันชนที่หลายคนต้องระมัดระวังอย่างสุดชีวิตและคร่าผู้คนไม่ทราบว่ามากมายเท่าไรในแต่ละปี แม้บางคนเตรียมใจมาแล้วก็ยังอดที่จะตื่นเต้นระคนตื่นตระหนกไม่ได้
หลี่มู่พูดถึงตรงนี้ดวงตาพลันสาดประกายออกมา แรงกดดันที่ไม่ทราบว่ามาจากที่ใดพลันรวมตัวกันราวกับมีพญายักษียืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นจ้องมองลงมา ผู้คนที่ด้านล่างปะรำพิธีทั้งหมดพลันเงียบกริบลง บ้างถึงกับเหงื่อเย็นไหลซึม บ้างถึงกับขาสั่น
หัวหน้าหมู่บ้านพลันตวาดว่า "ฆ่าสัตว์อสูรร้ายที่นั่น นำหลักฐานกลับมา เจ้าก็จะได้เลื่อนเป็นนักล่าสมบัติระดับที่สองอย่างเป็นทางการ บัดนี้ข้าหลี่มู่ในฐานะผู้นำหมู่บ้านเจ็ดดาวเหนือ ขอประกาศเริ่มการทดสอบอันศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็นทางการ!"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น