ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Seven Kingdoms: Quest of no man land (เวอร์ชั่นเก่า)

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 เรื่องราวของป่ากับเมือง rev

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 60


    ตอนที่ 7 เรื่องราวของป่ากับเมือง

     

                สาวน้อยตัวเล็กในชุดผู้เล่นใหม่วิ่งกระต๊อกกระแต๊กเข้าเมืองอย่างรีบร้อน เธอกำลังต้องการที่จะหาสมุนไพร หรืออาจเป็น ยาแก้ฟกช้ำและบำรุงร่างกายสำหรับสมาชิกใหม่แบบชั่วคราวในบ้านของเธอ

                พลอยใสมองหาไปรอบๆ เมืองซึ่งเธอก็แปลกใจที่ตอนนี้ในเมืองดูเหมือนจะมีเรื่องวุ่นวายอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ผู้คนวิ่งกันไปมาอย่างวุ่นวาย บ้างก็ขนข้าวของ บ้างก็ตะโกนโหวกเหวก

    เอ๋ เกิดอะไรขึ้นนะ ตั้งแต่เข้ามาในโลกของ Seven Kingdoms ยังไม่เคยเจอวันไหนที่เมืองดูยุ่งเหยิ่งขนาดนี้เลย พวกพี่ๆ ทหารหายไปไหนกันหมดนะพลอยใสแอบสงสัยเล็กๆ ขึ้นมาในใจขณะที่กำลังวิ่งหาร้านขายสมุนไพร

                ไม่นาน เธอก็เจอแผงลอยขายสมุนไพรเล็กๆ ที่ดูเหมือนกำลังจะรีบร้อนเก็บแผง คุณอา มีสมุนไพร หรือพวกยาแก้ฟกช้ำมั๊ยค๊ะเธอรีบถาม

                คุณอาที่พลอยใสเรียกหาหันหน้ากลับมาอย่างตกใจ หน้าตาเขามีเค้าความกังวลอย่างชัดเจนปรากฎแต่พลอยใสคล้ายมีตัวอักษรเขียนอยู่บนใบหน้าก็ไม่ปาน

    มี มี เอานี้แล้วก็รีบๆ ไปซะสมุนไพรตัวนี้น่ะ เอาไปต้มกับน้ำแร่จากภูเขาเหล็กนะ กินวันละ 2 ครั้ง แก้ฟกช้ำ บาดเจ็บภายในได้ กินต่อเนื่อง 3 วัน 5 วันก็ดีขึ้นเอง เอาเยอะมั๊ยเขาถาม

                กินคนเดียวคะ

                เขารีบตอบ เอ้า 5 เหรียญเงินพลางหยิบสมุนไพรที่เก็บไปแล้วออกมาจากย่ามอันใหญ่ เอามาผสมกันลวกๆ แล้วยื่นสมุนไพรที่มี 2-3 อย่างรวมกันให้พลอยใสห่อหนึ่ง เมื่อได้รับเงินแล้วก็ไม่สนใจสาวน้อยอีกรีบหันกลับไปเก็บของต่อ

                “ขอบคุณค่ะ ต้มทีเดียวหมดเลยใช่มั๊ยคะเธอรีบถามก่อนที่ คนที่เธออนุมานเป็นคุณอาจะไปซะก่อน

                แบ่งสิหนู แบ่งเอาเองเลยเขาตอบแบบปัดรังควาญ

                หากใครได้ยินก็คงจะหงุดหงิด แต่พลอยใสกลับไม่จำใส่ใจกล่าวขอบคุณและรีบจากมา พลางมองไปรอบๆ เห็นสภาพที่พ่อค้าแม่ค้าต่างเร่งรีบเก็บของก็อดถามพ่อค้าสมุนไพรที่ไม่เป็นมิตรอีกซักคำไม่ได้ คุณอา ค่ะ ที่นี้เกิดอะไรขึ้นทำไมคุณอาต้องรีบเก็บของไปด้วย แล้วทหารไปไหนแล้วละค่ะสภาพแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกใจไม่ดียังไงไม่รู้เหมือนกำลังจะเกิดเรื่องอะไรซักอย่าง ที่ร้ายแรงสุดๆ

                คำตอบสั้น แต่ทำให้พลอยใสถึงกับสะดุ้ง

     “คุณหนู อาคงบอกอะไรไม่ได้มาก แต่วงในบอกมาว่า กำลังจะเกิดสงคราม แน่นอนมีสงครามก็ต้องมีคนตาย ขอแค่คนตายไม่ใช่อาก็พอแล้วละ งั้นอาไปก่อนละพ่อค้าไม่รีรอยัดทุกอย่างใส่ย่ามใบใหญ่ กระโดดเหย่งๆ แล้วรีบวิ่งออกจากเมืองไปทางทิศเหนือในบัดดล พร้อมกันพ่อค้า แม่ค้าอีกหลายคน

    พลอยใสอดตื่นตระหนกไปกับคำตอบของพ่อค้าไม่ได้ ถึงเธอจะเป็นคนขี้ตกใจแต่ก็ไม่ใช่กระต่ายตื่นตูม

    ตอนนี้รอบข้างผู้คนเริ่มทะยอยเดินทางออกจากเมืองกันอย่างเร่งรีบ

    พลอยใสยืนนิ่งๆ สงบใจซักพัก เมื่อใจเริ่มเย็น เธอก็ตัดสินใจที่จะเดินไปดูทางหนีทีไล่ให้แน่ชัด อย่างน้อยก่อนกลับไปเธอก็ต้องถามให้ได้ว่าใครจะทำสงครามกับใครและมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเมืองที่แสนสงบสุขแบบนี้ถึงเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นได้ เมืองแม่แดงเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ แม้แต่เด็กอมมือก็ยังทราบ ทางเมืองหลวงจะปล่อยปละละเลยได้อย่างไร

    ผู้คนส่วนใหญ่เดินออกจากเมืองทางประตูเมืองทิศเหนือทำให้ที่บริเวณประตูเมืองทิศเหนือมีเสียงผู้คนดังอึงคะนึงอย่างยิ่ง หลังการสอบถามพลอยใสก็ทราบว่า ถ้าเดินเลียบตามแม่น้ำไป เดินไม่ถึง 10 วันก็สามารถที่จะไปถึงเมืองหลวงของภูมิภาคนี้ได้ ว่ากันว่าที่เมืองนั้นมีทหารรักษาเมืองมากถึงหมื่นคน มีกำแพงเมืองสูงเท่าตึก 8 ชั้น มียุทโธปกรณ์ครบครัน มีวัดวาอารามวิจิตรสวยงาม รวมถึงมีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เธอฟังจนเพลินจนแทบลืมไปว่าเธอตั้งใจจะหาข้อมูลเกี่ยวกับสงครามนี่นา

    พลอยใสถาม คนโน่นคนนี้ ไปไปมามาก็เดินซอกแซกไปตามตรอกซอกซอยจนในที่สุดก็ มาถึงบริเวณประตูเมืองด้านตะวันตก ซึ่งเธอก็เริ่มที่จะเห็นมีทหารประจำเมืองเดินลาดตระเวนกันขวักไขว่ ข้างๆ บ้านหลังหนึ่งมีทหารที่ดูยังหนุ่มยืนยามประจำอยู่คนหนึ่งด้วยท่าทางแข็งขัน พลอยใสจึงเดินเข้าไปหา

    ทหารคนนั้นเห็นพลอยใสเดินมาก็ ชิงกล่าวว่า เออ คุณครับเข้าไปไม่ได้แล้วนะครับ มันอันตรายขอให้เดินออกไปบริเวณด้านอื่นแทนครับ

    อ่อ เปล่าคะ หนูแค่อยากจะสอบถามหน่อยนะคะ ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอคะ ใครจะทำสงครามกับใครอะไรหรอคะพลอยใสถามไปตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อม

    ทหารหนุ่มขมวดคิ้วไม่กล้าตอบคำถามจึงกล่าวว่า เออ เดี๋ยวต้องให้หัวหน้าหน่วยผมเป็นคนตอบแทนดีกว่าครับ รอสักครู่หนึ่งครับ

    มีชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบเศษ สวมเกราะหนักสีเงินที่ห้อยดาบเหมือนทหารไทยโบราณที่เอว เดินผ่านมาพร้อมทหารใส่เกราะอ่อนสีดำสี่คน ที่มีดาบเล่มใหญ่เงาวับกับโล่กลมที่ดูเหมือนจะทำจากเหล็กเดินอารักขา

    เสียงตบเท้าของทหารหนุ่มดัง ตึก! ทหารหนุ่มยกมือแสดงความเคารพ แล้วแจ้งเรื่องที่หญิงสาวสงสัยอย่างจริงจังไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว กล่าวตามจริงก็คือเขายังไม่ทราบว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูดจึงรอให้หัวหน้าเป็นคนมาแก้ปัญหาให้

    พลอยใสถึงกับแอบหน้าแดง แอบคิดในใจว่า แหม แค่เกมส์ทำไมต้องแสดงความเคารพให้สมจริงขนาดนี้ด้วย เค้าไม่เขินกันบ้างหรอ ถ้าเป็นเราก็คงเขินแย่แต่ความจริงที่เธอยังไม่รู้อีกข้อหนึ่งคือ เขาเป็นทหารจริงและชายวัยกลางคนก็เป็นผู้บังคับบัญชาตัวจริงของเขาซะด้วย!

    หัวหน้าที่มาใหม่หลังได้ยินคำถามก็ยิ้มบางๆ พร้อมกับพูดขึ้นกับสาวน้อยว่า สัตว์อสูรจะบุกเมืองนะครับ ทางที่ดีผมแนะนำว่าคุณควรจะรีบไปซะ ไม่งั้นอาจจะโดนลูกหลงได้และที่สำคัญอาจทำให้เราทำงานไม่สะดวกด้วยเขาเชิญออกอย่างสุภาพ แต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่ยินยอม

    สัตว์อสูรน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอคะ พี่ทหารมีกันตั้งหลายร้อยคนไม่เห็นต้องกลัวมันเลยนิค่ะ ทำไมต้องย้ายคน หรือพูดให้คนกลัวจนต้องหนีออกจากเมืองด้วยละค่ะพลอยใสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาใสซื่อแต่จริงจังของเธอใครมาเห็นเข้าก็คงจะถึงกับใจอ่อนแต่เสียดายที่ไม่ใช่หัวหน้าหน่วยคนนี้

                คิ้วของ เขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยจากนั้นกล่าวว่า เฮ้อ ขออภัยนะครับยังไงสถานการณ์ตอนนี้ ก็ยังอันตราย ผมอยากให้คุณออกไปจากบริเวณนี้ก่อนนะครับ อาจจะแค่ไปหลบอยู่นอกเมืองหรือถ้าอยู่ในเมืองก็ต้องเก็บตัวอยู่ในที่พักอาศัย ผมขอตัวก่อนนะครับ อ่อ ที่ผมพูดไปก็เพื่อตัวคุณเองนะครับ

    นายทหารหนุ่มพูดเรียบๆ แต่เหมือนออกคำสั่ง ก่อนเดินจากไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงตบเท้าแสดงความเคารพของทหารหนุ่มผู้แข็งขันอีกครั้ง

                หลังหัวหน้าหน่อยเดินจากไปเขาฝืนยิ้มกล่าวว่า ขออภัยในความไม่สะดวกนะครับ รายละเอียดอื่นผมก็ไม่ทราบ ถึงต่อให้ทราบก็ไม่สามารถแจ้งได้ เอาเป็นว่าอันตรายแล้วกันนะครับคุณผู้หญิง ขอให้คุณจากออกไปก่อนนะครับพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ ดูเหมือนเขาจะรู้บางอย่างแต่คงไม่มีทางที่จะให้คนนอกอย่างเธอได้รู้แน่นอน

    แม้พลอยใสจะยังไม่ยินยอมพร้อมใจอย่างไรก็ตามก็ต้องยอมถอยหลังก้าวหนึ่ง กล่าวขอบคุณอย่างแผ่วเบา แล้วรีบวิ่งฉิวกลับบ้านไปส่งข่าวที่ยังคลุมเครือ

    ทหารหนุ่มฝืมยิ้มคราหนึ่งส่งสาวน้อยที่สดใสจนหายลับไปกับสายตา

                ประมาณ 20 นาทีต่อมา พลอยใสก็กลับมาถึงบ้านดูเหมือนชายหนุ่มที่ช่วยไว้จะฟื้นมาแล้วกำลังพยายามที่จะลุกขึ้นแต่ดูเหมือนจะเจ็บปวดน่าดู พลอยใสรีบวางห่อยาแล้วรีบเข้าไปประคอง

    นี้นายเพิ่งโดนอัดมานะ อยู่นิ่งๆ ไม่เป็นหรือไงพลอยใสบ่นพลางจับหัวเขานอนลง

                ทะ ทะ  ที่ นะ นี่....ที่ ไหนต้นพูดอย่างอ่อนแรง นี้คงเป็นคำถามที่เขาอยากรู้ที่สุดหลังผ่านการเคี่ยวกร่ำด้วยความฝันที่น่ากลัวมาหลายชั่วโมง ถึงเรื่องซ้ำๆ นักดาบคนหนึ่งกับเลือดสีเขียวที่เหม็นสาบจนติดจมูก

                บ้านชั้นเองเสียงอีกเสียงหนึ่งตอบแทน ดูเหมือนเธอก็จะไปตักน้ำมาเรียบร้อยแล้ว พลอยใสหันกลับไปมองแล้วยักคิ้วให้เป็นความหมายว่าเธอก็ทำเรียบร้อยแล้วใช่มั๊ย หันกลับไปไอ้หนุ่มที่อ่อนแอของเธอก็สลบไปอีกรอบนึงแล้ว

                ธิดาทรายพยักหน้าตอบ พลันถามว่า อือ แล้วในเมืองเกิดอะไรขึ้น ทำไมชั้นเหมือนเห็นคนออกจากเมืองเต็มไปหมดเลย แล้วก็มีเสียงอึกทึกวุ่นวายไปหมด

                เห็นเขาบอกจะสัตว์อสูรจะบุกเมืองเลยให้คนรีบออกมา เดี๋ยวจะขวางมือขวางเท้าพวกเขา คือ หมายถึงทหารน่ะ เขาเลยไล่เราออกมาพลอยใสประชดประชัน

                “สัตว์บ้าที่ไหนจะสู้พวกผู้พันเดชาได้เขาเก่งจะตาย ให้ตายเถอะพวกเค้ากำลังทำอะไรกันแน่นะธิดาทรายร้องออกมาด้วยความสงสัย

                ไม่รู้สงสัย กองทัพกระต่ายปีศาจ หูเท่าช้าง ขาเท่าม้า มีเขี้ยวยาวลากดิน อิอิ และมีหัวเป็นแมวเหมียวกำลังจะโจมตีเมืองแม่แดงเพื่อแย่งตุ๊กตาจากเด็กสามขวบที่เผลอไปขโมยมาจากราชาของพวกมันพลอยใสพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาทตอบกลับมา

                โอ๊ย คุยกับเธออีก ปีนึงก็ไม่รู้เรื่องเธอสองคนคุยเล่นกันไปมาอย่างสนุกสนานอีกครู่หนึ่ง

    จากนั้นก็แบ่งงานกัน พลอยใสเอายาไปต้ม ส่วนธิดาทรายก็ไปเช็ดตัวให้แขกคนแรกของบ้านหลังนี้ หารู้ไม่ว่าบรรยากาศอันแสนสุขในบ้านหลังเล็กๆ กำลังจะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

               

     

    ณ ใจกลางที่มืดมิดของป่าลึกทางทิศตะวันตกของเมืองแม่แดง

                กองทัพสีเขียวราวกับกองทัพจากนรกกำลังเคลื่อนที่

    ก๊าซซซเสียงแหลมที่แหบพร่าได้ดังขึ้นเหมือนเป็นการส่งสัญญาณต่อกัน เสียงดังขึ้นต่อเนื่องและส่งต่อไปไกลหลายร้อยเมตร มีเงาตะครุ่มที่กำลังเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า

                ขนาดตัวที่สูงใหญ่กับร่างกายที่ดูกำยำ สีเขียวเข้มสาดแสงออกมาจากดวงตาที่อยู่สูงกว่าห้าเมตร ก้ามที่ใหญ่และแหลมคมราวกับผ่านการขัดถูราวของรักของหวงมานานชั่วชีวิตส่องประกายวิบวับดูลึกลับเย็นเยียบ

                แน่นอนจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากพนามรณะ เจ้าแห่งพงไพร ที่อานนท์เคยกล่าวถึง แต่ว่าสิ่งที่เห็นตอนนี้มันมากมายสุดจะนับได้ พวกมันมีนับพันตัว แต่ละตัวกำยำแข็งแรง เพียงแต่นี้ก็สามารถถล่มเมืองที่ใหญ่ขนาดกลางอย่างเมืองแม่แดงได้สบาย เพียงแค่ออกแรงตัวละนิดตัวละหน่อยเท่านั้น

    แต่ในความจริงแล้ว คนที่รู้จักและเคยเผชิญหน้ากับ พวกมันมาก่อนจะรู้ว่ากำลังอย่างเดียวเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้มันเข้ามายืนเป็นหนึ่งในสุดยอดเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรที่ผู้คนต่างหวาดกลัวในโลกแห่งนี้ ความน่ากลัวที่แท้จริงนั้น ทำให้มันเป็นสัตว์อสูรที่ถ้าเลือกได้ทุกคนจะเลี่ยงที่จะปะทะกับพวกมัน

                ท่ามกลางกองทัพพนามรณะที่กำลังเคลื่อนขบวน ตรงกึ่งกลางเว้นที่ไปเป็นวงรอบใหญ่ ตรงบริเวณกึ่งกลางวง มีพนามรณะที่ดูกำยำและแข็งแกร่งเป็นพิเศษร่างกายที่หนาและสูงใหญ่กว่าเผ่าพันธุ์ตัวอื่นช่วงหัวหลายสิบตัว พวกมันยืนล้อมรอบหัวใจของกองทัพไว้เป็นชั้นแล้วชั้นเล่าอย่างแน่นหนา

                แม่ทัพใหญ่ในครั้งนี้ ร่างกายไม่สูงใหญ่เท่าเหล่าองครักษ์ กล้ามเนื้อก็ไม่ใหญ่เท่าเหล่าองครักษ์ จนดูเหมือนพวกพวกทหารราบพนามรณะธรรมดา

    แต่ในความเป็นจริงกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันแข็งแรงยิ่งกว่า รวดเร็วยิ่งกว่า ดุดันยิ่งกว่าแต่ที่เหนือกว่าพนามรณะในกองทัพนี้ทุกตัว คือดวงตาที่คมกริบปานราวกับคมมีดจากนรก ราวกับสามารถฆ่าสัตว์อสูรใดใดที่เป็นศัตรูมันได้ในพริบตา

    พนามรณะก็มีหลายเชื้อสายโดยทั่วไปเชื้อสายทหารแบบมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้ามายืนในตำแหน่งที่มันยืนในตอนนี้ รายล้อมไปด้วยเชื้อสายองครักษ์ที่แข็งแกร่ง แต่มันตนนี้นั้นต่อสู้มากมากว่า ฆ่ามามากกว่า อำมหิตยิ่งกว่า เล่ห์เหลี่ยมยิ่งกว่า และเด็ดขาดยิ่งกว่า

    นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมันถึงมายืนที่จุดนี้ ในศึกครั้งนี้มันจะพ่ายแพ้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพวกเหล่าแม่ทัพที่มาจากเชื้อสายขุนนางคงจะกดหัวมันจนมันโงหัวขึ้นไม่ได้อีกอย่างแน่นอน

                ทันใดนั้น แม่ทัพใหญ่ของพนามรณะที่ใจกลางของกองทัพพลันหยุดเดิน องครักษ์ก็หยุดกึกเหมือนนัดกันไว้ มันส่งเสียงคล้ายเสียงเป่าหลอดของกองทัพดังสะท้อนสะท้านไปทั่วทั้งป่า

    พนามรณะชั้นทหารหยุดเดินฉับพลันเสียงตบเท้าพร้อมกันดังอื้ออึง จากนั้นทุกตัวรวมถึงเหล่าพนามรณะชั้นพิเศษโถมไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ที่แท้สัญญาณนี้คือสัญญาณการเคลื่อนทัพอย่างรวดเร็วและพร้อมเพียง ดูจากทิศทางและความเร็วแล้ว พวกมันน่าจะถึงบริเวณประตูเมืองตะวันตก ในตอนเย็นก่อนค่ำของวันนี้

    สายตาของแม่ทัพใหญ่จับจ้องไปข้างหน้าพร้อมกับโถมไปอย่างรวดเร็วผิดกับรูปร่างจนดูคล้ายเงาดำสายหนึ่ง ราวกับพญามัจจุราชที่กำลังเร่งรีบจะไปทวงเอาดวงวิญญาณจากผู้กระทำความผิด

    เพื่อเผ่าพันธุ์แห่งพนามรณะ เพื่อตัวตนและสถาณะของตัวมันเอง ชัยชนะในศึกสงครามคือสิ่งที่ต้องได้มา

    นามของแม่ทัพใหญ่คือ คาร์เชิฟ

     

    ประตูเมืองตะวันตกเมืองแม่แดง

    ลมที่พัดมาจากป่า หอบเอากลิ่นสาบที่ชวนสะอิดสะเอียนเข้ามาด้วย อานนท์นายทหารธนูจากหน่วยธนูยิงตะวันย่นจมูกคราหนึ่งหลังจากได้กลิ่นอายที่เค้าเคยเจอมาครั้งหนึ่งและจะไม่ลืมเลือนไปตลอดกาล อานนท์มั่นใจว่าพวกมันกำลังมา

    เขาภาวนาให้กองหนุนที่ขอไปเมื่อหลายวันก่อนจะมาถึงโดยพลัน ช่วยเหลือเมืองแห่งนี้ให้อยู่รอดปลอดภัย 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×