ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Seven Kingdoms: Quest of no man land (เวอร์ชั่นเก่า)

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6 ชาวเมืองที่ไร้น้ำใจ rev

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 60


    ตอนที่ 6 ชาวเมืองที่ไร้น้ำใจ

     

                เมื่อลำแสงแรกส่องเมืองแม่แดงยามเช้าเหมือนเป็นสัญญาณของการเริ่มวันใหม่ที่สดใส

    ชาวเมืองต่างก็ตื่นแต่เช้าพากันบ้างเดินออกมาจับจ่ายใช้สอยบ้างเอาสินค้ามาค้าขายแลกเปลี่ยนกันอย่างคึกคัก

                เมืองนี้เป็นเมืองขนาดกลางมีประชากรประมาณห้าพันคนเศษ ขนาดไม่ใหญ่แต่ก็เป็นเมืองท่าที่สำคัญ เนื่องจากอยู่ที่ปากแม่น้ำแดงซึ่งเป็นทำเลในค้าขายจากต่างเมืองชั้นยอด

    กองกำลังของผู้พันเดชากว่าห้าร้อยนายประจำการอยู่ที่นี้เป็นอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชน อาจจะเนื่องด้วยบารมีของผู้พันเดชาที่ดูแลอยู่ด้วยทำให้เมืองนี้แทบไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันเลย

                แต่แล้ววันนี้ก็มีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น มีคนที่ท่าทางไม่ปกติเข้ามาจากประตูเมืองทางด้านทิศตะวันตก ด้วยชุดบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นผู้เล่นใหม่ แต่สีและกลิ่นที่ชวนคลื่นเหียนเวียนไส้ทำให้หลายคนต้องจำใจเดินหลีกทางให้เขา

    เสื้อสีขาวเหมือนถูกนำไปย้อมด้วยเหงื่อผสมขี้โคลนดูสกปรกยิ่งนัก แต่ยังไม่พอ มันกลับมีสีดำคล้ำ ถ้าคนที่จัดเจนมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่านั่นคือคราบเลือดที่แห้งเกรอะกรัง ส่งกลิ่นที่ไม่ชวนอภิรมณ์ยิ่งไปทั่ว

                หลายคนเริ่มส่งเสียงด่าทอออกมามา

                ใครวะเนี้ย โสโครกเหลือเกิน

                “มาจากไหนเนี้ย ทำไมทหารปล่อยคนแบบนี้เข้าเมืองมาได้นะ

                “ใครก็ได้เอามันออกไปทีสิ สกปรกที่สุด แล้วแบบนี้อั๊วจะขายของได้ยังไง พวกเอ็งไปกันมันไว้อย่าให้เข้าใกล้ร้านอั๊วะเด็ดขาด

                เหมือนเสียงที่เอะอะโวยวายด้วยความรังเกียจ กลับไม่อาจลอดเข้าไปในโสตประสาทของคนคนนี้ได้เลยและแล้วก็มีคนเสนอหน้า ทุกคนแสดงหน้าตายินดีในคราเคราะห์ของผู้อื่น ไม่สิศัตรูจำเป็นของส่วนรวมอย่างออกนอกหน้า

                ชายวัยกลางคนที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน ยืนขวางหน้าชายหนุ่มเคราครึ้มในชุดผู้เล่นใหม่ โดยมีพรรคพวกอีก 3-4 คน ยืนอยู่ด้านหลัง กำลังยิ้มกริ่ม ชายวัยกลางคนตะโกนว่าว่า เฮ้ย มึงเก๋ามาจากไหนว่ะ ถึงมาเดินกร่างในถิ่นกรู รู้มั๊ยว่าข้าพเจ้าเป็นใคร เฮ้ย ไอ้หนวดได้ยินมั๊ยพูดไม่ทันจบประโยคก็ยกมือขึ้นผลัก ชายหนุ่มก็ส่ายโงนเงนถอยไปสอง สามก้าวก็เดินเข้ามาใหม่เหมือนไม่มีความรู้สึก

                ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังก็สอดคำขึ้นมา เฮ้ยมึงไม่ได้ยินที่ลูกพี่ถามหรอฟระ หรือแกล้งทำเป็นหูทวนลง ติดจะหาเรื่องใช่มั๊ย ทุกคนได้ยินมั้ยเราป้องกันตัวนะโว้ย

    มันพูดเหมือนไม่ได้พูดกับคนข้างหน้าแต่เหมือนพยายามหาเหตุผลเพื่อลงไม้ลงมือมากกว่า

                ชายหนุ่มแม้แต่คิ้วยังไม่กระดิก พลางพูดออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แม้แต่ยมบาลก็ยังขนลุก หลีก....ไป

                ลูกกระจ๊อกที่อดไม่ได้กระโดดออกมาเงื้อหมัดชักไปเต็มแก้ม เอาแม่งเลย!”

    พรรคพวกของกลุ่มนักเลงก็กระโดดเข้ามาร่วมวงในทันทีส่งเสียงเอะอะโวยวาย

                ชายหนุ่มหลังจากโดนไป สองสามหมัดเหมือนจะได้สติ ชกสวนกลับไปจนดาวลอยขึ้นเต็มหน้าของลูกกระจ๊อกคนแรกที่กระโดดเข้ามา แล้วทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นตะลุมบอนกันมั่วไปหมด

    แต่สองหมัดยากต้านทานสี่ฝ่ามือ อย่าว่าแต่ไม่ใช่สี่ฝ่ามือแต่เป็น แปดตีนสิบตีนของนักเลงหัวไม้ที่หาที่จะระบายอารมณ์

    ชายหนุ่มเลยกลายเป็นกระสอบทรายซ้อมมวยไปโดยปริยาย หมัด เท้า ปลิวว่อนไม่มีใครสนใจคนที่โดนรังแก มีแต่เสียงเชียร์ เข้ามาให้ต่อยซ้ายฮุกขวา บ้างติดตามหมัดเท้าของนักเลง แต่ไม่มีเสียงครวญครางจากปากคนที่โดนรังแก แม้แต่นิดเดียว

                เฮ้ย ทำอะไรน่ะ ใครก่อความวุ่นวาย หยุดมามอบตัว!” เสียงตะโกนพร้อมกับเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากด้านในกลุ่มคน

                พวกนักเลงได้ยินก็ตกใจ ร้องว่า พวกรักษาความปลอดภัย พวกเราไปเร็ว แล้วพากันรีบหนีกลืนหายไปกับกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว วันนี้ถือว่าเป็นวันดีวันหนึ่ง ได้ยืดเส้นยืดสายแต่เช้า พวกมันรู้สึกสมอกสมใจยิ่งนัก

                หลังความวุ่นวายไม่นานก็มีคนหน้าตามอมแมมแต่ใส่เสื้อสีขาวดูก็รู้ว่าเป็นผู้เล่นใหม่เหมือนกันมุดออกมาจากกลุ่มคน มองไปที่พื้นที่ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือนอกจากชายหนุ่มที่สลบอยู่ตรงพื้น

    ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นของเขาเองเต็มไปหมด คนนั้นสลบไปแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจทุกคนต่างกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อกะว่าจะปล่อยให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นคนสะสาง

                เฮ้อ ทำไมใจดำกันขนาดนี้ แค่เขาดูสกปรกก็ทำกันขนาดนี้เลยหรอคนหน้าตามอมแมมถอนหายใจ เดินเข้ามาถึงร่างที่อ่อนปวกเปียกหายใจรวนรินอยู่ตรงพื้น ก็จับมือมาพาดที่คอแบกคนคนนี้ออกไป

    วันนี้ไม่มีทหารมา ถ้าเป็นปกติถือว่าแปลกผิดปกติวิสัย แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจเพียงสนใจเรื่องของตนก็ยุ่งมากพอแล้ว ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นใครค้าขายก็ค้าขาย ใครจับจ่ายก็จับจ่าย ไม่มีใครสนใจคนสองคนที่แบกกันไปอย่างทุลักทุเล หายไปกับซอกอาคารเลยแม้แต่น้อย

     

                บ้านเล็กๆ ที่ก่อเอาจากไม้ผุกับก้อนหิน

    ห่างออกมาจากตัวเมืองไม่มาก คนในชุดผู้ผู้เล่นใหม่สองคนหน้าตามอมแมม ที่ดูไม่ต่างจากขอทานเท่าไรนัก กำลังปรึกษากันเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง

                ไปลากไอหมอนี้มากจากไหนเนี้ย พวกเรายังจะเอาตัวเองไม่รอดอยู่แล้วจะไปช่วยใครได้อีกเล่าเสียงตัดพ้อดังออกมาจากปากของคนที่ดูเหมือนขอทานคนหนึ่ง แต่ฟังจากเสียงเล็กๆ นี้คนผู้นี้น่าจะเป็นผู้หญิง

                ก็เขาโดนไอ้พวกนักเลงมันรุมมานะสิ พวกเราเกิดเป็นคนก็ต้องช่วยเหลือกันสิเสียงใสๆ พูดออกมาอย่างไม่ยอมแพ้

                คนดีแบบเธอ จะมีซักกี่คน แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงละเนี้ย ขนาดอยู่กันสองคนยังอยู่กันอย่างกะขอทาน เกมส์อะไรก็ไม่รู้ยากฉิบ แล้วเอาไอ้นี้มาอีกคนพวกเราอย่าหวังว่าชีวิตเราคงจะดีขึ้นละนะ

    เธอพูดตัดพ้อดูเหมือนคนพูดจะรู้ตัวเหมือนกันว่าสภาพตอนนี้ไม่ต่างจากขอทานซักเท่าไร

                ละ.... แล้วจะปล่อยไว้แบบนี้ได้หรอ.... ฮือ... แล้วแบบนี้ทำไงดีละคนที่แบกคนเจ็บมาเริ่มคิดฟุ้งซ่าน ความหวังดีพอเจอปฎิกริยาจากเพื่อนแบบนี้ก็เริ่มลังเลเพราะชีวิตพวกเธอตั้งแต่เริ่มเข้ามาในโลกแห่งนี้ก็ย่ำแย่พอดู เพราะเงินทองที่มีก็ใช้ไปกับการซื้ออาหารประทังชีวิต

    ส่วนจะออกไปล่าสัตว์หรือทำอย่างอื่นหลังจากลองดูแล้วก็พบว่ายากเกินความสามารถจริงๆ กระต่ายโง่ๆ ตัวหนึ่งพวกเธอยังล่าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

                ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องเล็กๆ เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ตัดกันระหว่างศีลธรรมประจำใจกับการเอาชีวิตรอด ทั้งสองต่างอึดอัดไม่แพ้กัน

                ทันใดนั้นเสียงพลิกตัวของคนที่นอนอยู่ตรงพื้นก็ดึงความสนใจของพวกเธอทั้งสองคนไป คนหนึ่งก็มองไปด้วยความสงสัย คนหนึ่งก็มองไปด้วยความเวทนาเพราะภาพที่เห็นตรงหน้าคือ ผู้ชายคนหนึ่งกำลังมีน้ำตาไหลจากขอบตาลงมาจนถึงใบหูและหยดลงที่พื้นที่ปูด้วยหญ้าแห้งคิ้วทั้งสองข้างขมวดเป็นปมแน่น สีหน้าแสดงออกถึงความเจ็บปวดขนาดที่ทั้งสองคนไม่เคยเจอมาก่อนอดที่จะรู้สึกสงสารขึ้นมาไม่ได้

                เสียงถอนหายใจดังยาว และชัดเจนเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างสำเร็จ

    นี่ ให้เขาอยู่ที่นี้จนหายแล้วค่อยให้เขาไปก็ได้นะ เหมือนว่าเค้าจะผ่านเรื่องที่ร้ายแรงมากๆ มายังไงโลกนี้ก็เป็นแค่เกมส์จะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดเถอะคนที่ตอนแรกบอกปฏิเสธเสียงแข็งเริ่มอ่อนลงหลังจากเห็นสีหน้าของชายหนุ่มเคราครึ้มที่ดูเหมือนจะยังสลบอยู่

                ชั้นก็คิดเหมือนกันแหละ ยังไงนี้ก็เป็นแค่เกมส์น่ะนะ แต่ยังไงก็ขอบคุณเธอมากนะธิดาทรายพูดจบก็ยิ้ม รอยยิ้มงดงามดุจบุพผาแรกแย้มในฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ห้องที่เต็มไปด้วยความรู้สึกถึงความลำบากก็พลันสว่างสดใสขึ้นมา

                ผู้หญิงที่ใส่เสื้อฝ้ายสีขาวที่ดูมีความเป็นผู้นำมากกว่า พูดขึ้นว่า งั้นเราแบ่งหน้าที่กันนะพลอยใส เดี๋ยวชั้นไปตักน้ำมาล้างหน้าล้างตาเขาก่อน ส่วนเธอก็ไปซื้อพวกยาละกัน งั้นเราก็ยืมเงินเขาไปก่อนละกัน ซื้อของกินเข้ามาด้วยนะ หิวจะแย่แล้ว ฮิฮิ ถือว่าทำความดีซะเถอะนะเจ้าหนุ่ม

                “ได้เพคะ อิอิพลอยใสพูดเสียงสดใส พลางก้มตัวไปปลดถุงเงินบนร่างที่กำลังสะลึมสะลือ จากนั้นเจ้าตัววิ่งอย่างรวดเร็วกลับเข้าเมืองไปทำภารกิจที่ได้รับจากเพื่อนสาว ให้แล้วเสร็จพลางคิดถึงความยากลำบากในอนาคตอันใกล้ที่ไม่รู้จะไปหากินอย่างไรในใจแล้วก็ได้ข้อสรุปว่าว่า

    เรื่องของอนาคต ให้เป็นของอนาคตแล้วกัน

                ซึ่งขณะที่ สองสาวพลอยใสและธิดาทรายกำลังง่วนอยู่การช่วยเหลือชายหนุ่มและหาเลี้ยงปากท้องนั่นเอง เรื่องใหญ่ที่ร้ายแรงที่สุดตั้งแต่เมืองแม่แดงก่อตั้งขึ้นมาก็เริ่มตั้งเค้าราวกับพายุที่จะก่อหวอดขึ้นอย่างเงียบเชียบ

    จากใจป่าที่มืดมิดไร้ซึ่งประกายแสงแม้ว่าจะเป็นตอนกลางวันกลางก็ตาม


    -------------------------

    *ผมขอเปลี่ยนชื่อเป็นพลอยใส และธิดาทรายนะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×