ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Seven Kingdoms: Quest of no man land (เวอร์ชั่นเก่า)

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 หนึ่งในเจ็ดคือ พนามรณะเจ้าแห่งพงไพร rev

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 60


    ตอนที่ 5 หนึ่งในเจ็ดคือ พนามรณะเจ้าแห่งพงไพร

     

              ก่อนหน้านี้ไม่นานมีสายตาคมกริบดุจพญาเหยี่ยวจ้องมองไปที่ชายหนุ่มหนวดเคราครึ้มที่กำลังพยายามไล่ล่ากระต่ายอย่างบ้าคลั่งประดุจกำลังจ้องมองเหยื่อที่กำลังเข้าสู่ความตายทีละน้อยโดยไม่รู้สึกตัว

     ไม่มีการหัวเราะเยาะหรือ การนึกฟุ้งซ่านใดๆ มันแต่กำลังรออะไรบางอย่าง

                ย้อนกลับไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน เหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้นทางทิศตะวันตกของเมืองแม่แดง เรียกว่าเป็นเหตุการณ์สยองขวัญจะเหมาะสมยิ่งกว่า

    ทุกเช้าจะมีคนพบศพผู้เล่นใหม่ที่ไม่ค่อยครบส่วนกระจัดกระจายอยู่ บริเวณชายป่าด้านตะวันตกของตัวเมือง เริ่มแรกผู้คนก็คิดว่าเป็นผู้เล่นใหม่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เดินเข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายอย่างไม่ระมัดระวัง

    แน่นอนไม่มีใครคิดว่าผู้เล่นใหม่คนหนึ่งที่เป็นคนธรรมดาที่ปราศจากวิชาการต่อสู้จะต่อกรกับสัตว์ร้ายที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บอันแหลมคมของ Seven Kingdoms ได้

                แต่เหตุการณ์เริ่มน่าสงสัยมาขึ้นเมื่อแม้แต่กองคาราวานที่ว่ากันว่าชำนาญเส้นทางและเต็มไปด้านเหล่านักสู้ผู้คุ้มกันก็พลอยสิ้นชื่อไปในป่าทางตะวันตกด้วย

    ผู้พันเดชาจึงส่งมือดีปลอมตัวเป็นผู้เล่นใหม่ออกไปสำรวจ ผลก็คือแม้แต่มือดีในสังกัดผู้พันเดชาก็พลอยเสียชีวิตหายไปอย่างเป็นปริศนา เมื่อประมาณสัปดาห์ก่อนซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถเข้าเกมส์มาใหม่ได้เนื่องจากช่วงนี้มีผู้เล่นใหม่สมัครเข้ามากันเยอะมาก

                เมื่อเรื่องเริ่มร้ายแรงจนถึงขั้นนี้ทางศูนย์บัญชาการใหญ่ที่เมืองหลวงในเกมส์นี้ ที่ซึ่งนายพลเลิศฤทธิ์แม่ทัพที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลพื้นที่นี้ก็ต้องส่งมือดีเข้ามาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายยิ่งกว่านี้

                ทีมที่ส่งเข้ามามีทั้งหมด 3 ทีม ซึ่งหน้าที่หลักคือการสืบให้ทราบสาเหตุโดยยังไม่ต้องฃแก้ไขแต่ให้รีบกลับมารายงานก่อน

    ทางศูนย์ใหญ่ก็ไม่คาดหวังให้คนตัวเล็กๆ ในโลกนี้ไม่กี่คนทำอะไรสำเร็จเพราะโลกนี้ไม่มีวีรบุรุษที่จะผุดเด่นขึ้นมาท่ามกลางกองซากศพสัตว์ประหลาดนับหมื่นนับแสนเหมือนในจินตนาการของเกมส์ต่อสู้อื่น มีแต่การต่อสู้อย่างถึงเลือดถึงเนื้อของคนหมู่มากที่จะสามารถสร้างผลกระทบ

                หนึ่งในสามทีมที่เป็นมือดีของนายพลเลิศฤทธิ์ก็ไม่พ้น นนท์หรืออานนท์มือดีจากกองมือธนูยิงตะวัน และ ชายหรือชาติชายจากกองดาบสิงหไตรภพ นนท์เป็นหัวหน้าทีมนี้

    เขาวางแผนที่จะหลอกล่อชายหนุ่มผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าไปเป็นเหยื่อล่อ แผนนี้ดูง่ายและได้ผลดีเยี่ยมถ้าไม่ติดที่ชายนายทหารจากกองดาบสิงหไตรภพรู้สึกไม่สบายใจเท่านั้น ซึ่งเขาเป็นคนคิดอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าชัดเจน แต่เพื่อผลของการปฏิบัติภารกิจนนท์ไม่สนใจว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะคิดอะไรมากนัก

                ทันใดนั้นเองต้นไม้หรือจะเรียกว่าสิ่งที่ดูคล้ายต้นไม้สูงราวตึก 2 ชั้นพลันขยับเขยื้อนเหมือนถูกลมพัดส่ายโงนเงน แต่ทั้ง 2 คนที่เฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อกลับเห็นได้อย่างชัดเจน

    ในที่สุดมันก็โผล่มาแล้วความคิดนี้ปรากฏขึ้นราวกับสายฟ้าแลบพร้อมกันทั้งสองคน

                ดวงตาสีเขียวปัดและไม่มีนัยตากระพริบพรึบพลับดุจแสงไฟจากดวงวิญญาณ ดูเหมือนชายหนุ่มผู้น่าสงสารจะรู้สึกตัวแล้ว เรียกว่าดวงชะตาอาภัพจริงๆ ที่ต้องเกิดมาเพื่อเป็นเหยื่อล่อ ชายนักดาบคิดสงสารในใจ พร้อมกับตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวอย่างหนึ่ง

                แต่เนื่องจากยังอ่อนประสบการณ์ไม่ทันมองไปที่ใบหน้าของอานนท์ ที่ตอนนี้เปลี่ยนสีเขียวคล้ำเล็กน้อย เขาขบริมฝีปากจนเลือดซึมเพื่อบังคับตนเองให้ยังนิ่งไว้ แต่เรียกว่าเป็นคนที่เก็บอาการเก่งคนหนึ่งเพราะสิ่งนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ถ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนก็แล้วกันไป แต่ถ้ารู้จักแล้วละก็แค่เห็นเงาก็ควรจะรีบหนีไปจนมองไม่เห็นเงา

    อานนท์รู้จักมันดี!

                ชายตัดสินใจแล้วพูดออกมาว่าหัวหน้า ถ้าไอ้เด็กนั่นมันรอดออกมาจากชายป่าได้ ผมจะขออนุญาตช่วยมันนะครับ

                หัวหน้ากำลังใช้ความคิดอย่างรุนแรงจึงเผลอพูดงึมงัม เออ อะ อะไร นะ เฮ้ยไอ้ตัวนี้มัน .....”  ฉับพลันสบถ เฮ้ย ว่าอะไรนะ แม่งเอ้ยออกมา เพราะชายพุ่งตัวออกไปประดุจเกาทัณฑ์จะขวางไว้ก็ไม่ทันแล้ว

     

     

    ย้อนกลับมาที่ชายหนุ่มหนวดเคราครึ้ม

    เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ ขณะกำลังตัดสินใจจะกลับเมือง ฉับพลันที่มีดสั้นที่ตีออกมาบิดๆ เบี้ยวๆ ก็เกิดเงาสะท้อนสีเขียวปัดพร้อมกับเสียงลมที่รุนแรงดังมาจากด้านหลัง ด้วยสัญชาติญาณ ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไปด้านข้างสุดแรงเกิด

                โครม !

                เสียงอะไรบางอย่าง กระแทกพื้นอย่างรุนแรง แรงสั่นสะเทือนรุนแรงราวกับเครนก่อสร้างล้มคว่ำหรือรุนแรงยิ่งกว่านั้น อะไรบางอย่างเสียบลงไปที่พื้นดินที่แข็งกระด้างที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ เรียกว่าแรงขนาดทะลุพื้นเหมือนมีดเสียบลงบนขนมเค้กที่อ่อนนุ่ม

    ต้นหันกลับไปเห็นต้นไม้ยักษ์สูงเท่าตึก 2 ชั้น ไม่สิ สิ่งนั้นทำตัวเหมือนต้นไม้มีแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและขาที่ทรงพลัง ที่มือไม่มีนิ้วแต่เป็นเหมือนก้ามปูที่มี 4 แฉกยาวประมาณ 3 ฟุตได้ ใบหน้ากลับเห็นไม่ชัดเนื่องจากมีใบไม้ปกคลุม แต่แสงสีเขียวลอดผ่านใบไม้มาอย่างชัดเจน

                ไม่ต้องรอให้ใครบอกชายหนุ่มวิ่งสุดแรงเกิดออกมาจากชายป่า ฉับพลันท้องฟ้าก็มืดลงเขาหันหัวขึ้นไปมองเสี้ยววินาที ก้ามยักษ์พร้อมกับสัตว์ประหลายเจ้าของก้ามนั่นพุ่งลงมา ขนอดของมันราวกับรถถังย่อมๆ หลังนึง เขาหยุดวิ่งเบรกสุดแรงจนล้มกลิ้ง แต่นั้นก็ดีกว่าโดนมันทับ ตัวขนาดมหึมาตกลงพื้นดังสะเทือนเลือนลั่น

                ทันใดนั้น เสียงแหวกอากาศที่เร่งร้อนยิ่งกว่ามาจากทางด้านหลัง มันเป็นลูกศรยักษ์ ที่พุ่งแหวกอากาศอย่างอย่างรวดเร็ว !!

    เฟี้ยว .. ตึง !!

    ลูกศรดอกมหึมาหยาบกว่าศรทั่วไปถึงสามเท่าตัว หัวลูกศรทำจากเหล็กยาวครึ่งฟุต ซึ่งใหญ่กว่าลูกศรที่คนธรรมดาจะใช้ได้ ปักเข้าที่ซอกคอของสัตว์ประหลาดอย่างรุนแรง

    ต้นไม้ยักษ์สายโงนเงนคราหนึ่ง ก็ร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดระคนโมโหสุดขีด เสียงสะท้อนไปทั้วป่า

    เหมือนกันมีเสียงตอบรับดังมาจากส่วนลึกของป่าสะท้อนกลับไปมาจากที่ไกลออกไป

    เจ้าตัวนั้นถึงกับคลุ้มคลั่งขึ้นมาตวัดฟาดมือเข้ามาที่หัวของชายหนุ่มอย่างแรง ชายหนุ่มที่อยู่ในอาการตกตะลึงร่างกายไม่ยอมรับฟังคำสั่งอีก เขาตัวแข็งทื่อ ความคิดวาบขึ้นมาราวกับสายฟ้า ตอนนั้นเขาคิดแน่แล้วว่าคงต้องตายแน่นอน

    ดาบคู่สีเงินเข้มสะบัดฟาดฟันจากแขนที่ทรงพลัง รวดเร็วรุนแรงดุจพายุหอบหนึ่ง กระแทกก้ามยักษ์ออกไปจน สะเก็ดไฟแตกกระจายราวกับเหล็กกล้าปะทะเหล็กกล้า เสียงดังแสบแก้วหู จนชายหนุ่มสะท้านตื่นจากภวังค์

    วินาทีนี้ชายหนุ่มรอดชีวิต !!!

    เจ้าของดาบคู่ตะโกนสุดชีวิตจนเหมือนลมหายใจจะขาดห้วง วิ่งงงงง    !!!”  

    ชายหนุ่มพลันได้สติ วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เสียงโลหะกระทบกัน ดังขึ้นไม่ขาดสาย แต่ละเสียงบาดไปถึงขั้วหัวใจ ในชีวิตชายหนุ่มคนนี้เขาไม่เคยได้รับความตื่นตระหนกเท่านี้มาก่อน

    นักดาบโถมซ้ายเบี่ยงขวา ข้อมือทั้งคู่ของเขารู้สึกชาจากการฟันสุดแรงเมื่อครู่นี้ เมื่อสบโอกาสก็สะบัดดาบเข้าใส่ช่วงข้อต่อที่ดูเหมือนจะไม่มีเกาะหุ้ม แต่ดูเหมือนเจ้าสัตว์ประหลาดนี้จะไม่เจ็บเท่าไร

    สัตว์ประหลาดที่เบี้องหน้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอ มันมีตัวสีเขียว มีใบไม้แซมตามร่างกายที่ดูแข็งแกร่ง

    ถ้ามันยืนนิ่งๆ หรือพยายามซ่อนตัวอยู่ในป่าใหญ่ แทบจะไม่สามารถจำแนกออกจากสภาพโดยรอบได้เลย ซึ่งนั้นก็เป็นคำตอบที่เรียบง่ายว่าทำไมคนถึงเสียชีวิตกันอย่างงมงาย แม้จะเป็นมือดีก็ตามแต่ถ้าอยู่ในป่าที่มืดสลัว พร้อมกับไอ้ตัวข้างหน้านี้ด้วยละก็คงไม่มีโอกาสแม้จะเห็นเงากันด้วยซ้ำ

    ลูกศรจากนนท์ยังยิงมาสนับสนุน พร้อมกับเสียงตะโกนแหบพล่าสั่งให้ล่าถอยออกจากพื้นที่ตรงนี้ทันที

    ก้ามซ้ายของสัตว์ประหลาดเหวี่ยงจากบนลงล่าง หนังหน่วงราวกับขุนเขา นักดาบก้มตัวลง พริบตาดุจประกายไฟ กระโดดเหยียบก้ามซ้ายดีดตัวพุ่งเข้าไปที่ส่วนหัว สะบัดดาบสุดแรงกระทบปลายลูกศรที่ปักอยู่ที่คอ ธนูเหล็กแทงจากซ้ายทะลุออกขวาของเจ้าสัตว์ประหลาด!

    สัตว์ประหลาดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลูกศรทะลุแล้ว นักดาบคิดว่าอายุมันคงไม่ยืนอีกต่อไป เลือดสีเขียวสาดกระจาย แต่สุนัขเถื่อนอย่าต้อนให้จนตรอกเพราะเมื่อมันแว้งกัดมาซักทีจะเจ็บปวดไม่น้อย

    อย่าว่าแต่นี้เหนือกว่านั้นมากมายมัก ตอนนี้มันโกรธาถึงขีดสุดแล้ว

    สัตว์ประหลาดอ้าปากกัดสุดแรง นักดาบที่กำลังสร้างความเชื่อมั่นว่าจะได้รับชัยชนะ ไม่มีที่ทรงตัวเอาดาบยันปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมไว้ มันสบโอกาสสะบัดก้ามตวัดเขี่ยร่างคู่อริอย่างรวดเร็ว กรีดร่างชายจากซ้ายไปขวา นักดาบจากกองสิงหไตรภพตัวขาดสะพายแล่งเลือดสีแดงราดพื้นเหมือนเลือดกระต่ายที่เพิ่งกินไปตอนกลางวัน เหลือครึ่งท่อนห้อยโตงเตง ตับไตไส้พุงพุ่งทะลักออกมา

    ชายหนุ่มที่เห็นภาพผู้มีพระคุณที่เพิ่งเสี่ยงชีวิตช่วยตนเองอยู่ในสภาพสยดสยอง ก็ตกใจถึงกับน้ำตาไหล พร้อมกับสะอิดสะเอียดมวลไปทั้งช่องท้อง อาหารที่ทานไปเมื่อกลางวันก็เหมือนจะออกมาจนหมดสิ้น

    แววตาสัตว์ประหลาดยักษ์แสดงว่าสบอารมณ์ชัดเจน แต่คนนั้นยังเป็นถึงมือดีหน่วยดาบสิงหไตรภพไม่ครั่นครามถึงความตาย เขาดึงดาบเล่มหนึ่งออกมาจากปากแทงสวนเข้าไปทะลุออกที่คอด้านหลังอย่างแรงเลือดสีเขียวฉีดออกเป็นน้ำพุเล็กๆ กระจายไปทั่วแผ่นหลังและพื้นดิน มันเจ็บปวดสุดจะทนทาน กัดฟันวิ่งหลบหนีเข้าป่าอย่างรวดเร็ว

    ก่อนที่จะวิ่งหายลับไปกลับป่าที่มืดมิด ไร้แสงเดือนดาว

    ความเงียบเข้าปกคลุม

    นักธนูมือฉมังหน้าตาเคร่งเครียดอย่างยิ่งเดินไปที่ ศพของอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำเกินหน้าที่ ปิดตาเขาและเก็บอาวุธคู่กายที่เหลือเพียงเล่มเดียวกลับมา เขาเหลือบมองไปที่ชายหนุ่มพลันถอนหายใจออกมา โดยไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติม รีบเดินเข้าเมืองไปอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้สำคัญเกินกว่าจะเสียเวลาใดใดเพิ่มเติมได้อีกแล้ว มันเกี่ยวพันถึงชีวิตทุกชีวิตในเมืองแม่แดงเลยทีเดียว

                อานนท์รู้จักมันดี มันคือ หนึ่งในเจ็ด พนามรณะ เจ้าแห่งพงไพรปีศาจต้นไม้ที่ได้ยินร่ำลือมานาน ที่น่ากลัวไม่ใช่ตัวมันแต่เป็น เผ่าของพวกมัน ต่างหากคิ้วของเขาขมวดแน่นเข้าหากัน เคร่งเครียดลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    ต้องรีบรายงานให้ผู้พันเดชาเตรียมตัวรับมือ นี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×