คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 กระต่ายที่น่ารัก rev
ตอนที่ 4 กระต่ายที่น่ารัก
สายตานับร้อยๆ
คู่ล้วนจ้องมองไปที่ชายหนุ่มหน้าใหม่หนวดเฟิ้มที่กำลังวิ่งออกจากประตูเมืองทางตะวันตก
บ้างก็สายหน้า
บ้างก็รู้สึกสมเพศเวทนาต่อชะตากรรมในอนาคตอันใกล้ของหนุ่มคนนี้ บ้างก็เพียงมอง แล้วก็ทำกิจกรรมของตนต่อไปอย่างไม่สนใจซึ่งอย่างสุดท้ายก็มีมากที่สุด
สำหรับคนสมัยนี้เรื่องของตนเองย่อมสำคัญกว่าคนอื่นเสมอยังมีว่านี้เป็นเพียงเกมส์จะไปสนใจอะไรมากมาย
คนที่มาใหม่ส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตเพราะความประมาทกันทั้งนั้น
เกมส์ๆ นี้ไม่ใช่แบบที่วิ่งออกไปก็จะฆ่ามอนเตอร์ได้
รวมทั้งคนที่นั่งบ้างขายของ บ้างเดินซื้อของ บ้างจับกลุ่มพูดคุย
ก็เคยเสียชีวิตแบบโง่งมมาแล้วนักต่อนัก
ดังนั้นไม่นานทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ใครสนใจชายหนุ่มที่กำลังจะเดินทางสู่ความตายคนนั้นอีก
( โอ้!! ใกล้ตายตรงไหน )
ด้านตะวันตกของเมืองแม่แดงเป็นพอพ้นระยะเขตกำแพงเมืองที่โล่งเตียนเป็นพิเศษแล้ว
ก็ไม่มีจุดเด่นอะไร นอกจากพื้นที่โล่งที่มีหญ้าสีเขียวขี้ม้าขึ้นเป็นกระหย่อมมองไปรอบๆ
ก็มีกลุ่มคนที่เดินกันเป็นกลุ่ม แต่ไม่มากนัก
ชายหนุ่มหนวดเฟิ้มที่โดดเด่นสะดุดตาด้วยท่าทางกระตือรือร้นเกิดกว่าเหตุ
ที่ดูปั๊บก็รู้ทันทีว่าเป็นผู้เล่นใหม่ เสื้อฝ้ายขาวที่เปราะเปื้อนดินโคลนและมีดยาว
1 ฟุต ที่กำลังไล่ล่าเพื่อที่จะฟันกระต่ายอย่างเมามัน
แต่หลังจากผ่านการไล่ฟันอย่างดุเดือดมาหลายชั่วโมงก็ไม่มีใครสนใจเขาอีกเพราะอะไรน่ะหรือ
ชายหนุ่มก็พูดขึ้นมาอย่างเหนื่อยหอบและโมโหว่า
“แฮกๆ ขนกระต่ายสักเส้นยังไม่ได้แตะ
ทำไมมันเก่งขนาดนี้ว่ะ ถ้าแน่จริงก็กระโดดมาให้ข้าพเจ้าฟันสิ อะโถ่ ไอ้กระต่ายอ่อน
เอ้ย แค่นี้ก็ไม่กล้า”
ชายหนุ่มตะโกนด้วยเสียงแหบแห้ง
พยายามท้าทายกระต่ายน้อยเหมือนประหนึ่งว่ากระต่ายก็ฟังภาษาของเค้าออก
พลางทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรงซึ่งท่าใครมาได้ยินก็คนจะขำจนลิ้นไก่พันกันตาย
คนที่ไม่เคยแม้แต่จะฆ่าจิ้งจก ริอาจจะฆ่ากระต่าย แล้วยังมีกระต่ายที่ไหนจะมาให้มันฟันนิ่งๆ
กันเล่า
ฝูงกระต่ายเหมือนฟังเข้าใจ
พร้อมใจกันหันหน้ามาค้อน ไอ้หนวดครั้งหนึ่ง เหมือนเป็นการเยาะเย้ย ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็โมโหจนควันพุ่งปุดปุด
ลุกขึ้นวิ่งไล่ล่าอีกครั้ง
ระหว่างการไล่ล่า มีคนส่งเสียงดังมาว่า “เฮ้ยไอ้น้อง ไม่ต้องท้อแท้ไป ใครก็เคยเป็นแบบนี้มาทั้งนั้นแหละ
ฟันกระต่ายไม่โดนสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า ยกเว้นพี่คนนึงที่ไม่เป็นแบบนี้อ่ะนะ ฮ่าฮ่า” ฟังจากประโยคสุดท้ายก็รู้สึกเหมือน ไม่ใช่การให้กำลังใจเท่าไร
อีกคนก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงทุ้มที่ชวนสนิทสนมว่า “เฮ้ย มึงก็ไปแซวไอ้น้องมันทำไม มามา
มากินอะไรด้วยกันก่อน จะได้มีแรง ไปสู้ต่อ” ว่าแล้วก็ปลดคันธนูยาววาเศษออกมาจากหลัง
น้าว ยิง
เฟี้ยว ฉึก
ลูกศร ฟุ่งไปปักที่กระต่ายตัวหนึ่งอย่างแม่นยำ เหมือนจับวาง
ทันใดนั้นกระต่ายที่มารุมกันเยาะเย้ย ไอ้หนวดก็กระโดดหายวับไปกับตาเรียกว่า ภารกิจของกลุ่มกระต่ายพวกนี้
คือมาเยาะเย้ยไอ้หนุ่มนี้โดยเฉพาะ
ชายหนุ่มคนนั้นคือ วิศวกรต้นนั่นเอง
เขาเดินคอตกด้วยความเข้าใจผิดคิดว่า ฝีมือตัวเองห่วยเกินไป
ขนาดกระต่ายตัวหนึ่งที่ใครก็ไม่รู้อยากจะยิงก็ยิงได้ เขายังไล่ล่ากันเป็นวัน ไม่ได้ซักตัว
แต่หารู้ไม่เป็นเพราะคนนั้นฝีมือดีเกินไปต่างหาก
ที่จริงอาจจะเป็นเพราะเขาใจดีเกินไป พอจังหวะจะฟันโดนจริงๆ
ก็ลังเลออกมา
พอเดินมาถึง ก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า คนที่ล้อตนเองเล่นคนแรก
กำลังก่อไฟอยู่ พร้อมกับกระต่ายที่เอามาจากไหนไม่รู้อีก 2-3 ตัว
ทำไมอะไรที่คนอื่นทำมันดูง่ายไปหมด
“เฮ้อ ผมมันอ่อนจริง” เขาบ่นกับตัวเอง
นักธนูเดินกลับมาพร้อมพูดปลอบใจอีกรอบ “เฮ้ยอย่าไปโทษตัวเองสิไอ้น้อง
ดีแค่ไหนที่เอ็งฆ่ากระต่ายไม่ได้ บางคนนะคิดว่าตัวเองเก่งพอฆ่ากระต่ายได้ ก็กระโดดเข้าป่าที่อยู่ตรงโน่น
ไม่ถึงชั่วโมงก็ต้องไปรอเกิดใหม่”
พูดไปมือไม่หยุด เริ่มจากถลกหนังกระต่ายออกจากนั้นก็ตัดหัวแล้วเอาไม้เสียบก้นมันทะลุไปถึงคอแล้วเอาไปปักไว้ที่ข้างกองไฟ
ต้นดูแล้วก็กลืนน้ำลายอึกๆ ถึงจะชอบกินของสารพัดแต่เขาไม่เคยฆ่าอะไรเองเลย
ต้นก็เริ่มแนะนำตัว “พี่ชื่ออะไรครับ ผมชื่อ ต้น” พูดพลางก็ปัดฝุ่นแล้วก็เช็ดมีดก่อนจะเก็บเข้าไปที่เอว
ชายที่ถือธนูพูดขึ้นว่า “พี่ชื่อ อานนท์ เรียกพี่ว่า
พี่นนท์ก็ได้ ส่วนอีกคนเรียกพี่เขาว่า พี่ชายก็ได้”
ต้นเริ่มมองสำรวจทั้ง สองคนก็พบว่าคนชื่อนนท์นั้นนอกจากธนูใหญ่กับดาบที่เอวแล้วก็มีเป้ใบเล็กๆที่ใส่อะไรก็ไม่รู้
ส่วนพี่ที่ชื่อชายนั้น แปลกกว่าเพราะนอกจากดาบ 2 เล่มที่สะพายอยู่กลางหลังแล้วก็ไม่มีอะไรนอกจากกล้ามเป็นมัดราวกับนักเพาะกาย
เรียกว่า ข้าวของน้อยจนน่าแปลกใจ แต่กล้ามก็เยอะจนน่าแปลกใจเหมือนกัน
“พี่เป็นนักเล่นเกมส์เหมือนกับคนอื่นๆ
รึเปล่า ทำไมดูเก่งจัง เดี๋ยวนี้พวกเกมเมอร์นี้เก่งจัง” ต้นพูดขึ้นมาลอยลอย แต่ก็ทำให้ทั้ง
2 คนต้องหันหน้ามาสบตากันก่อนแวบนึงแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
อานนท์ก็เปลี่ยนเรื่องพูดถึงเรื่องความโอชะของเนื้อกระต่ายกล่าวว่า
“น้องชาย
นายรู้มั้ยเนื้อกระต่ายนี้เราปรุงอาหารได้หลายอย่างนะ ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด รวน
แต่ที่เด็ดที่สุดคือ ย่างไฟ วิธีการก็ต้องก่อไฟก่อน จากนั้นถลกหลัง
และเอาเครื่องในออกจากนั้นล้างให้สะอาดเอาสมุนไพรัยดเข้าไป ทาเกลือทะเลให้ทั่วแล้วย่างไฟอ่อนๆ ฮ่า ฮ่า พอเริ่มจะสุกหอม
ให้เร่งไฟให้แรงเนื้อด้านนอกจะกรอบด้านในจะนุ่มพอดี
พยายามพลิกไปมาอย่างให้มันเกรียมเกินไปด้วย”
กล่าวไปก็ค่อยๆปิ้งเนื้อกระต่ายอย่างใจเย็น กลิ่นเนื้อกระต่ายที่ย่างเริ่มจะสุกก็เริ่มส่งกลิ่นหอมออกมา
ทั้งสามคนถึงกับน้ำลายสอ ซึ่งหลังจากลิ้มลองรสชาติแล้วต้นก็สาบานกับตัวเองว่าต่อไปต้องถามวิธีการยิงธนูก่อไฟจากทั้ง
สองแล้วจะได้ลิ้มรสของอร่อยอย่างไม่หยุดหย่อน
ทั้งสามคนกินไปคุยสัพเพเหระกันอีกพักหนึ่งทั้งหมดก็เตรียมตัวจะแยกย้ายจากกันอานนท์หยิบน้ำดื่มส่งให้กับทั้ง
2 คน หลังจากร่ำลากันเรียบร้อย 2 คนที่ดูหน้าตาคล้ายพรานป่าก็ออกปากว่าพวกเขาต้องเข้าเมืองไปทำธุระ
ต้นนึกถึงเนื้อกระต่ายอันโอชะกล่าวรบเร้าให้ทั้งสองสอนวิธีการใช้มีดพื้นฐานให้หน่อยอย่างน้อยก็ขอจัดการกระต่ายให้ได้
ชายกล่าวว่า “การใช้มีดนั้นต้องเริ่มจากการจับมีดให้ถูกวิธีก่อน
ถ้าจับไม่ถูกมันไม่ถนัดก็ไม่สามารถใช้ได้อย่างคล่องมือ” ว่าแล้วก็ช่วยชายหนุ่มปรับวิธีการจับ
วิศวกรที่ไม่คุ้นกับการใช้มีดเท่าไรก็รู้สึกเหมือนเปิดโลกทัศน์เลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้เนื่องจากจับมีดไม่ถนัดทำให้จะทำอะไรก็ดูเก้ๆ กังๆ ไปหมด
ชายหัวเราะกล่าวว่า “เป็นไง ดีขึ้นใช่มั้ย
ทีนี้ลองฝึกการใช้ดี ปกติมีจะใช้ได้หลายอย่าง เช่น แทง ฟัน ปาด เฉื่อน แล้วยังมีวิธีใช้เฉพาะอีกหลายอย่างแต่ก็ไม่พ้นสี่สิ่งพื้นฐาน
จริงๆ
ทั้งหมดนี้ถ้าเจ้ายังไม่มีพื้นฐานข้าแนะนำว่าให้ไปเรียนที่กองทหารในเมืองก่อนจะช่วยได้มากทีเดียว
แต่กระนั้นยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้คู่กันไปคือวิธีในการส่งแรง
และการเคลื่อนที่แม้มีดจะเล็ก แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะชำนาญ” กล่าวไปอย่างยิ้มแย้ม
ทั้งสองช่วยชี้แนะว่าควรจับอย่างไร ควรจู่โจมอย่างไร
แต่แนะนำว่าควรไปหาอาวุธระยะกลางอย่างดาบหรือ ขวานมาใช้จะง่ายกว่ามาก
ทั้งสองฝ่ายแยกจากกัน ทั้งสองยังไม่ลืมกำชับตบท้ายว่าอย่าเข้าไปใกล้ป่าเกินไปนักอันตรายมากขนาดพวกเขาสองคนยังไม่กล้าเข้าไปเลย
ชายหนุ่มลองจับมีดตามแบบที่อานนท์และชายแนะนำก็พบว่าถนัดขึ้นมากมาย
ก็กะว่ายังไงมื้อดึกจะต้องมีกระต่ายซักตัวเป็นอาหารให้ได้
เทศกาลล่ากระต่ายก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
หลายชั่วโมงผ่านไปพร้อมๆ
ถึงแม้จะยังล่าไม่ได้ซักตัวแต่ก็เฉียดฉิวขึ้นมากนัก กระต่ายวิ่งหลบ ชายหนุ่มก็วิ่งไล่กันสนุกสนาน
จนท้องฟ้าเริ่มจะมืดลง
ระยะห่างระหว่างคนกับป่าที่อานนท์เคยชี้ให้ดูก็ใกล้ขึ้นใกล้ขึ้น
ท้องฟ้าส่องสีแดงเลือด
เสียงนกร้องหวีดหวิวน่าหวาดเสียวแต่กับคนที่กำลังอยู่ในโลกส่วนตัว ต้นคิดว่ากระต่ายคงกำลังร้องพรรคพวกตนเองว่า
ไอ้หนุ่มนี้มันเก่งขึ้นหนีเร็วๆ ซึ่งเขาคิดได้ดังนั้นก็หัวเราะด้วยความสมใจ พยายามที่จะล่ากระต่ายให้ได้เป็นอาหารเย็น
แต่ในความจริงแล้ว กระต่ายกลับกำลังพูดคุยกันว่า
อีกนิดเดียวจะถึงป่าแล้ว ถ้าพวกเราล่อไอ้หนวดนี้ไปถึงป่ามันเสร็จแน่พร้อมกับยิ้มชั่วร้ายที่ดูไม่เหมือนกระต่ายแม้แต่นิดเดียว
ถ้าใครมาเห็นเข้าคงเย็นวาบและนอนไม่หลับไปหลายคืนทีเดียว
ฟ้ามืดค่ำลงโดยสมบูรณ์ ชายหนุ่มหรือไอ้หนวดที่กระต่ายเรียกกันก็มาถึงชายป่า
พร้อมกับเหงื่อที่โชกชุ่มไปทั้งตัว
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มสะดุ้งขึ้นด้วยสัญชาตญาณ
มองไปรอบๆ ก็รู้สึกตัวว่าตัวเองหลงกลพวกกระต่ายเจ้าเล่ห์เข้าแล้ว
ตอนนี้เขาหลงเข้ามาในเขตป่าที่สุดแสนอันตรายเข้าแล้ว กระต่ายหายตัวไปหมดในพริบตา
พร้อมกับความมืดและบรรยากาศที่น่ากลัว
ขณะกำลังหาทางกลับนั่นเอง ทันใดนั้นเสียงวัตถุขนาดใหญ่แหวกฝ่าอากาศก็ดัง
หวืด !!
มาจากด้านหลัง
ความคิดเห็น