ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ซานหลงและเฟิงเทียน
ที่นี้คือหมู่บ้านเจ็ดดาวเหนือ ณ หมู่บ้านจ้าวดาวเหนือ หมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดและอยู่ใกล้กับเขตชั้นนอกของวงกตมังกรมากที่สุดของเจ็ดหมู่บ้าน
ตั้งแต่หลี่มู่หัวหน้าหมู่บ้านประกาศให้เริ่มการทดสอบเลื่อนระดับชั้นของนักล่าสมบัติหมู่บ้านก็เต็มไปด้วยความครึกครื้น การทดสอบจะดำเนินไปเป็นเวลา 100 วัน ในช่วงระยะเวลาของการทดสอบ ผู้กล้าจากทั่วสารทิศจะเดินทางเข้ามาเพื่อทดสอบฝีมือและเสี่ยงโชคสักครั้ง การได้รับการยอมรับเป็นนักล่าระดับสองนั้น ในอาณาจักรหนานหลงแล้วถือว่าสถานะสูงส่งไม่เบา
ถ้าถามว่าสถานที่ๆ ครึกครื้นที่สุดในหมู่บ้านคือสถานที่ใด คำตอบก็คงหนีไม่พ้นบาร์เหล้าเจ็ดดาว ถึงจะเรียกว่าบาร์เหล้าแต่จริงๆ สถานที่นี้ประกอบด้วย ร้านอาหารเจ็ดดาว โรงเตี้ยมเจ็ดดาว และสุดท้ายบาร์เจ็ดดาวตั้งอยู่ในที่เดียวกัน บาร์เหล้าเจ็ดดาวถือว่าเป็นบาร์ที่ใหญ่ที่สุดของหมู่บ้านเจ็ดดาวเหนือ
โครม!
เสียงคนกระแทกกับพื้นไม้ในบาร์เหล้าดังสนั่นบรรยากาศที่เร่งเร้าคุกกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายของการต่อสู้ก่อนหน้านี้กลายเป็นเงียบสงัดด้วยความตกตะลึงเหลือไว้เพียงเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดจากผู้ที่เพิ่งถูกทุ่มล้มกลิ้ไป เสียงเฮดังสนั่นไปทั่วทั้งบาร์เหล้า แน่นอนว่าทุกครั้งที่มีการต่อสู้ต้องมีการพนันขันต่อกันบ้างเพื่อความระทึกใจ หลายคนสะใจที่ลงถูกข้างชนะ บ้างสบถด้วยความหงุดหงิดที่เสียเงินทอง เสียงต่อรอง จ่ายเงิน เก็บเงินดังเซ็งแซ่บรรยากาศในบาร์เหล้าแห่งนี้คึกคักยิ่ง
ชายวัยกลางคนที่เพิ่งถูกทุ่มล้มลงไป กรอกตาซ้ายขวา ตั้งใจจะอาศัยความปั่นป่วนวุ่นวายหลบหนีออกไปจากสถานการณ์ตรงหน้า เขาคืบคลานขึ้นไปยังฝั่งตรงข้ามด้วยอาการลุกลี้ลุกลน เหมือนพยายามจะหลบหนีอะไรบางอย่าง
เสียงแค่นอย่างเย็นชาดังขึ้นจากฝั่งตรงข้ามที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขา เขาสะดุ้งเฮือก ในชีวิตนักสู้ไม่เคยมีครั้งไหนที่แพ้หมดรูปเช่นนี้มาก่อน ฝ่ายตรงข้ามนั้นร้ายกาจเหลือเกินแม้ว่าจะยังดูหน้าละอ่อนก็ตาม
"เฮ้ คิดว่าพอแพ้แล้วก็จะเดินจากไปง่ายๆ แบบนี้หรอ เฮ้ ทุกคนในที่นี้โปรดเป็นพยาน เจ้าหน้าโง่ที่กำลังคลานกระดื้บๆ เจ้ากล้าหาญดีมากที่มาท้าสู้กับข้าและยังเดิมพันด้วยกระบี่ ดังนั้นตอนนี้เอากระบี่ของเจ้ามาซะ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เจ้าของเสียงเป็นเด็กหนุ่มอายุ 20 ต้นๆ มีเส้นผมสีแดงเพลิงราวกับกองไฟชื่อว่า เฟิงเทียน ใบหน้ามีเหลี่ยมมุมชัดเจน หางคิ้วชี้เฉียงขึ้นแสดงถึงความเด็ดขาดเอาแต่ใจ จมูกโด่งเป็นสัน โดดเด่นที่สุดคือดวงตาที่วาววับราวกับอัญมณีให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตที่ไม่มีวันหมดสิ้น มุมปากเผยอขึ้นเล็กน้อยด้วยความถือดี ช่างเป็นใบหน้าที่มีเสน่ห์อันร้ายกาจ ร่างสูงราว 180 เซ็นติเมตร กล้ามเนื้อกำยำสมส่วนทั่วร่างมีรอยแผลเป็น น้อยใหญ่อยู่ประปราย เขาอยู่ในชุดจอมยุทธท่องยุทธจักรเนื้อหยาบกร้านสกปรก ขาดซึ่งประณีต ขาดซึ่งความสะอาดแม้แต่จุดเดียว ด้านหลังสะพายไว้ด้วยกระบี่สองคมเล่มหนึ่งที่ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะนิดหน่อย โดยภาพรวมแล้วนี่คือยาจกจอมยุทธ ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนจนที่ถือดี
"หนอย! มันจะมากไปแล้วนะ ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้น หยอกเจ้าเล่นน่ะ เข้าใจมั้ย ห๊า เจ้าวายร้ายคิดจะปล้นกันกลางวันแสกๆ รึไง รู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร อย่าคิดว่าเรื่องที่เจ้าทำร้ายข้าจะจบง่ายๆ" ชายวัยกลางคนนั้นกัดฟันลุกขึ้น เปลี่ยนจากอับอายกลายเป็นโทสะ เขาเริ่มตีฝีปากขณะเดียวกันก็วางแผนที่จะเผด็จศึกน้ำลาย เฮอะ เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคิดจะทำสงครามน้ำลายกับเขายังเร็วไปหลายสิบปี
ผู้ในคนบาร์เหล้าเห็นเหตุการณ์เช่นนี้จนชาชิน แทนที่จะห้ามปรามกลับกลายเป็นร้องเฮ ยังยุให้ตีกันซะอีก หัวเราะ เฮฮา บ้างเริ่มเปิดการพนันขันต่ออีกรอบ
"ฮิ ฮะ สรุปว่าเจ้าจะไม่ชำระเดิมพันกระบี่? ข้าจะไม่พูดซ้ำอีกครั้ง ข้าเกลียดคนไม่เป็นคำพูดที่สุด" เฟิงเทียนหัวเราะอย่างเย็นชาพลางนับถอยหลัง "ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกจนข้านับถึงศูนย์"
"หึ เจ้าคงจะไม่รู้ว่าข้านั้นเป็นใคร ข้าคือนักสู้องครักษ์ของขบวนรถท่านชายแห่งนครหลวงเชียวนะ เหอะอย่าบังคับให้ข้าต้องบอกชื่อตระกูลที่ข้ารับใช้เลย ถ้าข้าพูดไปรับรองเจ้าต้องรู้จักแน่ๆ" ชายวัยกลางคนที่กำลังคะนองปากพล่ามไม่หยุด
"4 ..."
"หือ เจ้าคิดว่าตัวเจ้าเป็นใคร ข้ารู้แล้วเจ้าเป็นเด็กอมมือกำลังฝึกนับเลขอยู่ใช่มั้ย ฮ่า ฮ่า ?"
"ข้าเปลี่ยนใจแล้วถ้าเจ้าใจร้อนอยากที่จะเจ็บตัว ข้าก็จะขออัดเจ้าสักรอบแล้วกัน" เฟิงเทียนกล่าวอย่างเย็นชา ร่างกายก็พุ่งขวับราวกับหายวับไป ชายวัยกลางคนยังงุนงงก็โดนเตะกระเด็นไปชนโต๊ะพัง ทั้งบาร์คึกคักขึ้นมาอีกครั้งเสียงเชียร์ปนเสียงหัวเราะดังลั่น ต่อมาทั้งหมัดและเท้าก็ถูกระดมใส่ชายวัยกลางคนดัง ตุบ ตับ ประสานกับเสียงร้องโอ๊ย โอ๊ย อย่างไม่ปราณี
มีคนผู้หนึ่งหัวเราะกล่าวว่า "เจ้านี้ช่างกล้าจริงๆ ถึงกับมามีเรื่องกับเจ้าเฟิงเทียน ฮ่า ฮ่า ต้องบ้าขนาดไหนถึงกล้าไปมีเรื่องกับเจ้าปีศาจน้อยหัวแดงนั่น มีเรื่องกับคนแบบนี้มีแต่ขาดทุนน้อยกับขาดทุนมาก"
อีกคนหนึ่งหัวเราะเสียงดังกล่าวขึ้นมา "มีแต่คนนอกหมู่บ้านเจ็ดดาวเหนือนี้ละที่ไม่รู้ถึงความร้ายกาจของเจ้าหัวแดง ถึงหน้าจะอ่อนขนาดนั้นแต่มันก็เป็นถึงนักล่าสมบัติระดับหนึ่งเชียวทั้งยังมีคุณสมบัติที่จะสอบเลื่อนระดับอีกต่างหาก ฮ่า ฮ่า แต่ข้าว่าคนที่บ้านั่นต้องโง่ด้วยน่ะ"
ครั้งนี้องครักษ์วัยกลางคนพอได้ยินเช่นนี้ก็เกรงกลัวขึ้นมาจริงๆ แต่มารู้สึกตอนนี้ก็สายไปแล้ว
โชคดีจริงๆ ของชายคนนั้นที่เพียงครู่หนึ่งเจ้าของบาร์ก็มาห้ามปราม ชายวัยกลางคนที่สะบักสะบอมก็ถูกส่งออกมาไปนอกร้าน
เฟิงเทียนยกกระบี่ประดับอัญมณีที่เพิ่งแย่งชิงมาจากชายวันกลางคนพินิจดูอย่างพึงพอใจ เดินกลับมาที่โต๊ะ พร้อมเสียงหัวเราะอย่างผู้ชนะ ทุกคนดูมันอย่างเอือมระอา ฉายาของเฟิงเทียนคือ ปีศาจน้อยหัวแดง
อีกมุมหนึ่ง ในร้านอาหารเจ็ดดาวที่อยู่ชั้นบนสุดอันเงียบสงบ มีโต๊ะๆหนึ่งบริเวณมุมใกล้หน้าต่าง ลมเย็นๆพัดเอื่อย มีชายสองคนนั่งปรึกษากันอยู่ ประกอบด้วยบุรุษร่างเล็กผอมแห้ง ดวงตาสุกใสสะท้อนแสงแห่งปัญญาภายใต้แว่นกรอบบาง เขาสวมชุดเหมือนบัณฑิตคงแก่เรียนเหลืองอ่อน มือถือสมุดเล่มเล็ก กางแผนที่และครุ่นคิดอย่างขมักเขม้น ชายคนนี้ชือ เฉินเต๋อ เป็นผู้คงแก่เรียนประจำหมู่บ้านเจ็ดดาวเหนือ จ้าวแห่งข้อมูล เฉินเต๋อมักรู้ทุกอย่างที่คนปกติไม่ค่อยอยากจะรู้
บุรุษอีกคนร่างสูงใหญ่แม้ว่าจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ยังสูงตระหง่านเรากับขุนเขาบรรพต เขานั่งหลับตาเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น มีจมูกใหญ่โต ริมฝีปากหนา โครงหน้าใหญ่ราวกับราชสีห์ ขนคิ้วดก หนวดเครายุ่งเหยิงไม่ได้หวีสาง เส้นผมดกหนาเป็นสีดำเข้ม ราวกับเป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่เพิ่งออกมาจากป่าเขา ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้ออัดแน่นไปด้วยพละกำลังเหมือนพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ชายคนนี้คือ ซานหลง เขาสามารถฆ่าสัตว์อสูรเสือโคร่งเขี้ยวดาบแห่งวงกตมังกรชั้นนอกที่แม้แต่นักล่าระดับชั้นที่ 1 หากเจอมันยังต้องพยายามหลบหนี แต่ว่ากันว่าซานหลงสามารถฆ่ามันได้ด้วยมือเปล่า! ซานหลง พลังราชสีห์แห่งหมู่บ้านเจ็ดดาวเหนือ นักล่าระดับชั้นที่ 1 ที่กำลังเข้ารับการทดสอบเพื่อเลื่อนไปเป็นระดับ 2
เฉินเต๋อคู่หูของซานหลงนั่งอ่านแผนอยู่นานสองนานในที่สุดก็โพล่งออกมาด้วยความดีใจ "เจอแล้ว เจอแล้ว ทางนี้ใช้ได้ ทางนี้ใช้ได้" ว่าแล้วก็ซดน้ำชาดังโฮก หอบหายใจสองสามที เฉินเต๋อมีนิสัยแปลกๆอย่างหนึ่ง เวลาใช้ความคิดอย่างหนักมักจะใช้ความคิดจนลืมความต้องการอื่นๆไปสิ้น เช่นคิดจนลืมกินข้าว มีครั้งหนึ่งที่ครุ่นคิดจนไม่ได้กินข้าวไปสามวัน ต้องให้คนหามไปส่งโรงหมอเพื่อรักษา อีกครั้งหนึ่งคิดจนลืมหายใจ! เรียกว่าคิดจนหน้าเขียว หน้าหน้าขาว ดีที่ซานหลงเข้ามาเห็นซะก่อนจึงช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ช่างเป็นคนที่มีบุคลิกแปลกประหลาดจริงๆ
ทันใดนั้นซานหลงลืมตาขึ้นมา พริบตานั้นราวกับโลกทั้งใบราวกับหม่นแสงลง ประกายจากดวงตาคู่นี้ช่างพิเศษนัก ซานหลงมีตาดำเป็นสีดำแต่เป็นสีดำที่บริสุทธิ์ยิ่ง ประกายตาลึกล้ำ แสดงว่าเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้ง ปณิธานสูงส่งกว้างไกล ดวงตาซานหลงทอประกายวาววับอย่างสนอกสนใจ เฉินเต๋อหลังจากดื่นน้ำอย่างกระหาย และหายใจราวกับกลัวว่าอากาศในโลกจะหมดสิ้นลงไปก็กล่าวว่า "ซานหลงนายดูนี้ ตอนนี้เราอยู่ที่หมู่บ้านจ้าวดาวเหนือของหมู่บ้านเจ็ดดาวเหนือตรงนี้เห็นมั้ย ครั้งล่าสุดนายเข้าไปลึกขนาดนั้นไหนนะ"
ซานหลงตาทอประกายเล็กน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า "ข้าเข้าไปถึงเขตชั้นนอกเขตที่สองถึงรอยต่อระหว่างเขตที่สองกับเขตที่สาม ที่นั่นมีเหวลึกสุดจะหยั่งอยู่ ข้าจึงเดินทางกลับออกมา" หากมีใครมาได้ยินเข้าคงต้องตื่นตระหนกจนสิ้นสติเป็นแน่ ซานหลงเข้าไปถึงรอยต่อระหว่างเขตชั้นนอกระดับที่สองกับระดับที่สาม!!! นั่นเป็นสถานที่ๆ นักล่าสมบัติระดับที่สองกำลังจะก้าวเข้าสู่ระดับที่สามเท่านั้นจะไปเดินเล่นได้!! ซานหลงผู้นี้มีความสามารถถึงระดับไหนกัน
เฉินเต๋อพยักหน้าอย่างไม่แปลกใจเหมือนว่าจะทราบอยู่แล้ว กล่าวว่า "นั่นคือนายไปถึงจุดนี้" ว่าแล้วก็ชี้ไปยังจุดๆหนึ่งในแผนที่ที่มีรูปรอยขีดสีดำกั้นไว้ "ดังนั้นหากนายต้องการจะเข้าไปที่เขตชั้นนอกระดับที่สามจริงๆ มีแค่สองทางเท่านั้นหนึ่งคือนายต้องข้ามเหวนั่นไป กับอีกเส้นทางหนึ่งคือนายต้องเดินข้ามเขตของเผ่าครึ่งมนุษย์ครึ่งจระเข้ที่ถัดออกมาจากตรงที่นายเจอเหวประมาณ 30 กิโลเมตร ตัดผ่านหนองน้ำใหญ่ที่มีพวกสัตว์อสูรสายพันธุ์จระเข้เข้าไป แต่เส้นทางหลังจากนั้นมีแค่ชนนั้นหัวหน้าหมู่บ้านหลี่มู่หรือพวกผู้อาวุโสของหมู่บ้านเท่านั้นที่รู้ว่าหลังจากนั้นนายจะเจออะไร ไม่มีทางอื่นนอกจากนี้"
ซานหลงหลับตาลงแล้วพยักหน้าช้าๆ กล่าวว่า "ข้าจะเตรียมตัวเดินทางอีกครั้งภายในสามวัน ครั้งนี้เฉินเต๋อถ้านายอยากจะไปด้วยก็ได้นะ เดี๋ยวขากลับ ค่อยแวะจับสัตว์อสูรที่ชั้นที่สองกลับมาสักตัวสองตัว ก็จะได้เลื่อนเป็นนักล่าสมบัติระดับสอง เจ้าก็จะได้เลื่อนด้วย" หากคำพูดเช่นนี้กระจายออกไปภายนอกไม่เพียงแต่ทั้งหมู่บ้านเจ็ดดาวเหนือจะต้องสั่นสะเทือน แต่ไม่แน่ว่าคนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าเขาคือคนบ้าที่ไม่ประมาณตน แต่แน่นอนว่า เฉินเต๋อไม่คิดเช่นนั้น
เฉินเต๋อยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจ "กล่าวว่าไว้รอบหน้าดีกว่า ข้ารู้ดีว่าความสามารถของข้ายังไม่ถึงขั้นนั้น ตอนนี้เป็นเพียงนักล่าสมบัติระดับ 1 ก็ดีแล้ว ข้าไม่อยากจะฝืนเลื่อนระดับเร็วๆ โดยที่ยังอ่อนหัด ขอขอบใจเจ้าแล้วกันไว้โอกาสหน้าเถอะ"
ซานหลงพยักหน้าช้าๆ มองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ปล่อยให้สายลมลูบไล้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครา สายตาจ้องมองไปยังเทือกเขาเฟยหลงซาน
ลึกเข้าไปในเฟยหลงซาน (เทือกเขามังกรทะยาน) ที่นั่นมีอะไรอยู่กันแน่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น