ตอนที่ 8 : Chapter 7
Chapter 7
ลมหนาวมาเยือนพร้อมกับฤดูกาลที่ผ่านพ้นไป เหล่าบรรดาต้นไม้ทั้งหลายต่างพากันชูกิ่งก้านที่ไร้ซึ่งใบเพื่อรอวันที่ดอกไม้จะผลิบานอีกครั้ง
ผมที่สวมเสื้อกันหนาวและกางเกงวอร์มขายาวสีน้ำเงินกำลังยืนให้อาหารปลาอยู่บนสะพานไม้ขนาดเล็ก เจ้าปลาคาร์ฟสีทองที่กำลังแหวกว่ายไปมาในบ่อน้ำดูตัวโตขึ้นทุกทีที่ผมได้เห็นมัน มันเอาแต่ว่ายไปมาและกินอาหารชีวิตช่างมีความสุขซะจริงๆ
“เป็นแกนี่ก็มีความสุขดีนะ เอาแต่ว่ายและกินอย่างเดียวเลย”
ผมพูดกับเจ้าปลาคาร์ฟสีทองในบ่อแม้ว่ามันจะไม่รู้เรื่องกับผมเลยก็ตาม ลมหนาวได้พัดผ่านร่างกายทำให้ผมต้องยกมือขึ้นมากอดอก วันนี้อากาศค่อนข้างที่จะหนาว ทีวีที่ผมดูเมื่อเช้าพยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้หิมะแรกจะตกล่ะ
‘มีคนเคยบอกผมว่าถ้าอธิษฐานกับหิมะแรกของปีเราจะสมหวังดั่งคำที่ได้อธิษฐานไป’
ช่วงเดือนธันวาคมของฤดูหนาวที่สิบเจ็ดผมเดินมาโรงเรียนท่ามกลางเหล่าต้นไม้ที่ปราศจากใบ พอเข้าสู่ช่วงเดือนธันวาคมแล้วอุณหภูมิรอบตัวดูต่ำลงจนรู้สึกได้ถึงความหนาว
“เซโล่!”
เสียงเรียกอันคุ้นเคยทำให้ผมหยุดเดินแล้วหันไปมองข้างหลัง ร่างโปร่งในชุดเครื่องแบบนักเรียนฤดูหนาวกำลังเดินตรงมาที่ผม จงออบยังคงมีรอยยื้มที่สดใสเหมือนทุกวันที่ผมได้เจอ ผมหยุดยืนรอให้จงออบเดินมาหาแล้วเราก็เดินเข้าโรงเรียนพร้อมกัน
เมื่อเข้ามาในตัวอาคารผมและจงออบเดินมาหยุดอยู่ที่ตู้เก็บรองเท้า พวกเราที่เป็นเด็กนักเรียนจะต้องเปลี่ยนจากรองเท้านักเรียนสีดำเป็นรองเท้าผ้าใบเพื่อใส่สำหรับเดินในตัวอาคารเรียน เป็นการรักษาความสะอาดและฝึกความเป็นระเบียบไปในตัว
“ถ้าแทนค่าตัวเลขในสูตรเราก็จะได้ผลลัพธ์ออกมาแบบนี้”
ผมนั่งเท้าคางมองกระดานดำด้วยหัวสมองที่ว่างเปล่า คณิตกับหัวสมองของผมมันเข้ากันไม่ได้จริงๆ คาบเรียนวิชาคณิตศาสตร์เป็นอะไรที่ผมเบื่อหน่ายสุดๆซึ่งตรงข้ามกับคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าผม แววตาที่จ้องไปที่กระดานดำหน้าชั้นเรียนดูมีความมุ่งมั่น มือเล็กนั่นจดเล็คเชอร์ตามที่อาจารย์สอนคณิตพูดแทบทุกคำ ทำไมจงออบถึงสนุกกับวิชาที่น่าเบื่อแบบนี้ได้นะ...
เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกคาบเรียน หัวของผมฟุบลงไปบนโต๊ะอย่างหมดแรงทั้งๆที่ยังไม่ได้ออกแรงทำอะไรเลยสักนิด ไม่ได้แม้แต่จะคิดเลขตามโจทย์ที่อาจารย์ให้ไว้บนกระดาน
“ไม่สนุกเหรอเซโล่”
ร่างโปร่งที่นั่งอยู่ข้างหน้าหันมาคุยกับผม ในห้องเรียนนี้คงมีคนจำนวนน้อยที่คิดว่าการคิดเลขมันสนุกน่ะนะ จงออบยังคงเป็นมนุษย์ประหลาดที่สนุกกับทุกสิ่งบนโลกใบนี้
“ไม่เลยสักนิด”
นอกจากวิชาภาษาญี่ปุ่นที่ผมได้คะแนนท็อปในห้องแล้ว ผมไม่รู้สึกสนุกกับวิชาไหนที่เรียนเลย ให้ผมคัดตัวคันจิสักพันคำยังรู้สึกสนุกกว่าอีก
ผมเงยหน้าขึ้นมามองจงออบก็เห็นว่าร่างโปร่งตรงหน้ากำลังทอดสายตามองออกไปข้างนอกหน้าต่างของห้องเรียน สายตาของผมเลยมองตามไป ‘หิมะสีขาวกำลังตกลงมา’
“ออกไปข้างนอกกันเถอะเซโล่”
“แต่เดี๋ยวคาบต่อไปจะเริ่มแล้วนะ”
จงออบไม่ได้พูดอะไร เขาลุกจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่แล้วคว้าเข้าที่แขนของผม
“ไปเถอะ แค่แปบเดียวเอง...”
จงออบพาผมวิ่งออกมานอกห้องเรียน พวกเราวิ่งลงบันไดกันอย่างเร่งรีบและมาโผล่ที่นอกอาคารเรียน ผมหอบหายใจเข้าปอดด้วยความเหนื่อย พอแบมือออกหิมะก้อนเล็กๆสีขาวได้ตกลงมาที่ฝ่ามือของผม
“นายเห็นหิมะแรกมั้ย?”
“เห็นสิ...”
ผมตอบไปโดยไม่ได้คิดอะไร สายตาของผมกำลังจดจ้องอยู่กับก้อนหิมะสีขาวที่กำลังตกลงมา ‘หิมะแรกของฤดูหนาวที่สิบเจ็ด’ คนข้างๆผมดูเงียบไปผมเลยหันไปมอง ใบหน้าเรียวของจงออบดูขึ้นสีแดงระเรื่ออ่อนๆ จนผมอดที่จะสงสัยไม่ได้
“ทำไมเหรอ?”
ร่างโปร่งส่ายหัวไปมาแล้วพูดกับผม
“เปล่าไม่มีอะไร นายรู้มั้ยว่าคนเกาหลีเขาเชื่อเรื่องการอธิษฐานกับหิมะแรกของปี”
“อธิษฐานเหรอ?”
“ใช่ เขาว่ากันว่าถ้าอธิษฐานกับหิมะแรกของปีเราจะสมหวังดั่งคำที่ได้อธิษฐานไป โดยเฉพาะเรื่องของ ‘ความรัก’”
“นายกำลังมีความรักหรือไงถึงได้ลากฉันออกมาอธิษฐานแบบนี้เนี่ย?”
ผมพูดทีเล่นทีจริงกับจงออบ ร่างโปร่งข้างๆผมไม่ได้พูดอะไรออกมา มือเล็กนั่นยกขึ้นมากุมในระดับอก ดวงตาเรียวรีหลับลงแล้วเอ่ยถ้อยคำอธิษฐานในใจ ผมมองจงออบแล้วลองทำตามบ้าง ผมยกมือของตัวเองขึ้นมากุมแล้วเอ่ยคำอธิษฐานในใจ
ตลอดระยะเวลาที่ได้รู้จักกับจงออบ ผมค่อนข้างที่จะมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง ผมน่ะ ‘ดันหลงรักมุนจงออบเข้าซะแล้ว’ รอยยิ้มของจงออบทำให้ผมรู้สึกอยากที่จะยิ้มตาม เป็นรอยยิ้มที่สดใสจนผมไม่อยากให้มันหายไปจากใบหน้าของคนที่เป็นเจ้าของมัน
สิ่งที่ผมอยากจะขอในตอนนี้คงเป็น....
‘ขอให้จงออบคิดแบบเดียวกับผม’
เราสองคนโดนอาจารย์คาบวิชาภาษาอังกฤษดุเล็กน้อยที่เข้าห้องเรียนช้า พวกเราอ้างว่าไปเข้าห้องน้ำมาอาจารย์เลยไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรมากนัก ตลอดคาบวิชาเรียนผมเอาแต่นั่งมองแผ่นหลังของคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า
‘ผมอยากรู้จังว่าจงออบอธิษฐานว่าอะไร... จะมีผมอยู่ในคำอธิษฐานนั้นมั้ย...’
ในตอนนั้นผมคิดว่าจงออบคงเจอคนที่ชอบเลยออกมาอธิษฐานกับหิมะแรกของปีเพื่อให้สมหวังกับความรัก แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในรั้วโรงเรียนด้วยกันผมก็ไม่เคยเห็นเขามองเด็กผู้หญิงคนไหนเลย หลังเรียนจบและเราสองคนได้แยกย้ายกันผมได้มีโอกาสอ่านนิยายแปลจากภาษาเกาหลีเรื่องหนึ่ง ถ้อยคำในหนังสือเล่มนั้นดูคุ้นเคยซะจนหัวใจของผมเต้นแรง
‘นายเห็นหิมะแรกมั้ย?’
มันเป็นประโยคที่คนเกาหลีใช้สารภาพรักกัน ผมได้แต่หัวเราะให้กับตัวเองในวันนั้นที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้เลยว่าได้ถูกจงออบ ‘สารภาพรัก’ ทั้งๆที่กำลัง ‘แอบรัก’
อยู่ๆอุณหภูมิรอบตัวก็ดูต่ำลงจนสัมผัสได้ถึงความเย็นในอากาศที่เพิ่มขึ้น ก้อนหิมะสีขาวค่อยๆตกลงมาสัมผัสกับกิ่งก้านของต้นไม้ อีกไม่นานเหล่าบรรดาต้นไม้ใบหญ้าก็จะถูกปกคลุมด้วยหิมะที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ผมมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วยกมือขึ้นมากุมที่อกเพื่อเอ่ยถ้อยคำอธิษฐานในใจ
ฤดูกาลยังคงหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปตามปฏิทิน ตัวผมที่ยังคงเฝ้ารอคอยกับบางสิ่งบางอย่าง ตัวผมที่เชื่อมั่นในความหวังกำลังจะอธิษฐานกับหิมะแรกของฤดูหนาวที่ยี่สิบสี่... หิมะสีขาวจะนำทางให้ความรักของผมได้สมหวังมั้ยนะ
‘ผมอยากให้คำสัญญาที่ใต้ต้นซากุระของเราในวันนั้นเกิดขึ้นจริง...’
จบไปกับอีกตอนสั้นๆค่ะ 555555
ความยาวของตอนขึ้นอยู่กับการตัดจบในตอนนั้นๆค่ะ ยาวบ้างสั้นบ้างอย่าถือสากันเลย.__.
มาแบบมึนๆและอึนๆเช่นเดิม ข้อมูลผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยค่ะ
ติชมกันได้ไม่ว่ากัน เม้นๆเลย หรือที่ @Bangxx2 หรือ #ซากุระโล่ออบ ในทวิตเตอร์ก็ได้ค่ะ
ขอบคุณที่หลงมาอ่านนะคะ~
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คือตอนอ่านนี่กรี๊ดมาก แงงงง เสียดายที่ตอนนั้นจุนฮงไม่รู้ความหมาย ไม่งั้นก็ได้เป็นแควนกันแล้ว ถ่อววววว
ตอนนี้ละมุน ละมุนมากถึงมากที่สุด ฮือ /น้ำตาไหลพราก
หิมะแรกที่เกาหลีนี่คือการสารภาพรักจริงๆใช่มั้ยเนี่ย? ไม่รู้ และพึ่งรู้เลยนะเนี่ย
เกือบโชว์โง่แล้วมั้ยล่ะพี่อ่า แทงยูนะน้องสาวที่เอาแฟคมาบอก
ตอนนี้ดำเนินเรื่องได้เรื่อยๆเรียบๆ แต่อบอุ่น ทั้งๆที่บรรยากาศในนี้คือหิมะตก
อิโล่นี่บางทีก็เหมือนคนแก่ระลึกความหลังฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ความหลังที่มีออบนี่น่าระลึกจริงๆแหละ//เราเข้าใจนายนะโล่ ก็ออบน่ะโซคิ้วท์จริงๆ