ตอนที่ 3 : Chapter 2
Chapter 2
เสียงร้องของเหล่าแมลงดังกังวานไปทั่ว ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มโปรดอย่าง Norwegian Wood อยู่ที่หน้าระเบียงบ้าน ค่อยๆซึมซับทุกถ้อยคำทุกตัวอักษรผ่านทางสายตา คุณฮารุกิ มุราคามิ เขียนอย่างไรให้ผู้คนจำนวนมากจดจำผลงานของเขากันนะ สักวันผมจะเป็นเหมือนเขาได้รึเปล่า... ‘นักเขียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก’
มือเรียวของผมปิดหน้าหนังสือเข้าหากัน ผมวางหนังสือไว้บนตักก่อนจะเอนกายนอนราบไปกับพื้นระเบียงไม้ ฤดูร้อนไม่มีดอกซากุระให้เห็นเลย มีแต่ใบไม้ใบหญ้าสีเขียวสดและเสียงร้องของเหล่าแมลง
ผมหลับตาลงท่ามกลางเหล่าเสียงร้องของแมลง ทำนองของมันไม่ไพเราะเหมือนเสียงเพลงที่ผมเคยได้ฟัง เสียงแหลมๆของจักจั่นฟังดูไม่ค่อยรื่นหูสำหรับผมสักเท่าไหร่ ความคิดของผมเริ่มล่องลอยไปไกล มันค่อยๆย้อนกลับไปในห้วงเวลาหนึ่งของความทรงจำ...
‘ไม่ได้มีมุนจงออบคนเดียวที่ทำให้ชีวิตมัธยมปลายของผมมีสีสัน’
ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สิบเจ็ดเด็กผู้ชายที่ชื่อว่ามุนจงออบได้เข้ามาในชีวิตของผม ช่วงแรกเราสองคนค่อนข้างที่จะพูดคุยกันลำบากเพราะจงออบพูดภาษาญี่ปุ่นได้ติดๆขัดๆแล้วฟังผมไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ เราสื่อสารกันด้วยภาษามือและการกระทำกันซะส่วนใหญ่
“จงออบนายยังไม่มีชมรมอยู่เลยใช่มั้ย”
หลังเปิดเทอมมาหนึ่งเดือนผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าจงออบยังไม่ได้ไปสมัครเข้าร่วมชมรมใดเลยตั้งแต่เข้าเรียนมา ใบหน้าเรียวกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างซึ่งผมคาดว่าคงกำลังเรียบเรียงคำพูดของผมอยู่
“อะ...อื้อ”
จงออบพยักหน้าแล้วตอบเสียงอื้ออึงในลำคอ ผมยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่แสดงท่าทางไม่มั่นใจในการพูดภาษาญี่ปุ่นของตัวเองสักเท่าไหร่ ทั้งที่จริงแล้วจงออบเป็นคนหัวไวมาก ผ่านมาหนึ่งเดือนพูดได้ชัดขึ้นเยอะจนทำให้ผมอึ้ง
“นายอยากจะเข้าชมรมอะไร ชงชา บาสเก็ตบอล ว่ายน้ำ หรือชมรมจัดดอกไม้ดี”
“แล้วเซโล่อยู่ชมรมไรอ่ะ”
“ฉันอยู่ชมรมนิยาย”
ผมชอบที่ได้อ่านตัวอักษรในหนังสือ กลิ่นของหมึกในแต่ล่ะหน้าทำให้จินตนาการของผมแล่นโลดไปไกล นั่นคือสิ่งที่ผมตัดสินใจเข้าชมรมนิยาย
“ชมรมนิยาย?”
“ใช่ พวกเราทุกคนจะนั่งอ่านหนังสือนิยายกันเงียบๆ พออ่านแต่ล่ะเล่มจบก็จะมาเล่าสู่กันฟัง”
“ดูน่าสนุกจัง”
สีหน้าของจงออบดูตื่นเต้น ผมเอามือเท้าคางมองภาพตรงหน้าแล้วยิ้ม จงออบดูเหมือนเด็กน้อยที่อดจะตื่นเต้นไม่ได้เมื่อพบเจอกับสิ่งใหม่ๆ
เมื่อเริ่มคาบเรียนจงออบเลยหันเก้าอี้กลับไปทางเดิม เราสองคนมักจะหันหน้ามาคุยกันเวลาที่ครูไม่เข้าสอนเสมอ
หลังเลิกเรียนผมพาจงออบมาชมรมที่ผมอยู่ จริงๆผมก็ไม่ค่อยจะได้เข้ามันสักเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่จงออบเข้ามาผมก็เริ่มติดเขามากกว่าการอ่านหนังสือที่ตัวเองชอบ
“นายว่าไงนะฮิมชาน!”
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังทะลุประตูห้องออกมา ผมกับจงออบมองหน้ากันด้วยอาการมึนงง มันก็แหงล่ะ ผมเพิ่งบอกกับจงออบมาหมาดๆว่าชมรมนี้มันเงียบสงบ
“อ๊ากกกก!!”
มือเรียวของผมเปิดประตูห้องชมรมเข้าไป
ปึก
หนังสือเล่มหนึ่งลอยมาปะทะเข้าที่ใบหน้าของผม
“เซโล่!”
จงออบดูตกใจที่เห็นผมโดนหนังสือลอยมากระแทกหน้า ทำไมชมรมนิยายที่แสนสงบสุขของผมถึงได้แลดูวุ่นวายนัก
“นี่พวกนายสองคน! ถ้าจะทะเลาะกันไปข้างนอกนู่น! เข้าใจมั้ยยะ!”
ผมก้มลงเก็บหนังสือที่ลอยมากระแทกหน้า แอบหงุดหงิดเล็กน้อยที่มีคนเขวี้ยงหนังสืออย่างไม่เห็นคุณค่าของมัน
“เซโล่ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
ร่างโปร่งที่เดินตามผมเข้ามาถามผมด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้จะหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ผมก็ดีใจที่หนังสือมันกระแทกโดนหน้าผมไม่ใช่หน้าของจงออบ
“อ้าวเซโล่ พี่ต้องขอโทษแทนเจ้าสองคนนี้ด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
รุ่นพี่จูรินะเป็นหัวหน้าชมรมนิยายที่ผมอยู่ ตอนผมรู้จักเธอแรกๆผมก็เขินเหมือนกัน เธอทั้งดูสดใสและน่ารัก เส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลังบวกกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนทำให้เธอดูมีเสน่ห์และน่าค้นหา
มือเรียวของรุ่นพี่จูรินะลากคอเสื้อของทั้งสองคนที่ทะเลาะกันเมื่อครู่นี้ให้เข้าหาตัวเอง คนที่ถูกดึงคอเสื้อต่างเบือนหน้าหนีกัน ดูก็รู้ว่าไม่ถูกชะตากันสุดๆ
“คนซ้ายนี่บังยงกุก ส่วนคนขวานี่คิมฮิมชาน สองคนนี้เพิ่งเข้ามาในชมรมตอนที่นายไม่อยู่น่ะ”
“เอ๋? คนเกาหลีเหรอครับ?”
จงออบพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่รุ่นพี่จูรินะพูดจบ คนที่มือซ้ายของรุ่นพี่จูรินะดึงคอเสื้อไว้เป็นเด็กผู้ชายที่มีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวไม่มาก ดวงตาคมเรียวเข้มและดูดุดัน ส่วนคนที่ถูกมือขวาของรุ่นพี่จูรินะดึงคอเสื้อไว้เป็นเด็กผู้ชายตัวสูง รูปร่างดูตัวโตกว่าคนทางซ้ายมือ และผิวของเขาก็ดูขาวมาก
“ตอบน้องเขาไปสิยงกุก! ฮิมชาน!”
“ใช่!/ใช่!”
“ชิ!/ชิ!”
“อย่ามาพูดเลียนแบบได้มั้ย!/เลิกเลียนแบบได้แล้ว!”
“โอ๊ย! พวกนาย! เลิกทะเลาะกันสักสิบนาทีจะตายมั้ยยะ!”
คนที่ชื่อยงกุกและฮิมชานมองหน้ากันก่อนจะเบือนหนีกันไปคนล่ะทาง จงออบมองภาพตรงหน้าอย่างงงๆ มือเล็กๆนั้นถูกยกขึ้นมาเกาหัว
“คืออย่างนี้นะ ยงกุกน่ะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากเกาหลี ส่วนฮิมชานน่ะเป็นคนเกาหลีที่อยู่ญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กๆ ก็เหมือนเป็นคนญี่ปุ่นนั่นแหละ จริงๆสองคนนี้ก็เข้าเรียนที่นี่มาตั้งแต่มอปลายปีหนึ่งแล้ว แต่เป็นพวกไม่ค่อยชอบเข้าชมรมน่ะ นายเลยไม่เคยเห็นไง”
“อ่อครับ คือวันนี้ผมพาเพื่อนมาสมัครเข้าชมรม เขาก็เป็นคนเกาหลีเหมือนกัน”
“เยี่ยมเลย!”
รุ่นพี่จูรินะจะดูร่าเริงเป็นพิเศษเมื่อจำนวนสมาชิกของชมรมเพิ่มขึ้น ร่างบางปล่อยคอเสื้อของทั้งสองคนก่อนจะตรงดิ่งมายังตำแหน่งที่จงออบยืนอยู่
“ซาโต้ จูรินะ ยินดีต้อนรับจ้า!”
“ฝะ...ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
จงออบดูเขินเมื่อถูกรุ่นพี่จูรินะยกมือขึ้นมาจับ มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ตัวเองเข้ามาชมรมนี้ใหม่ๆ
หลังจากเหตุการณ์โกลาหล พวกเราห้าคนก็ต่างหยิบหนังสือนิยายจากชั้นหนังสือมานั่งอ่านบนโต๊ะตัวใหญ่ จงออบดูจะถูกใจกับนิยายแนวแฟนตาซีจำพวกพ่อมดแม่มดอย่างเรื่องแฮรี่พอตเตอร์ของเจ.เค. โรว์ลิ่ง
ผมรู้มาทีหลังว่าสาเหตุที่รุ่นพี่ยงกุกกับรุ่นพี่ฮิมชานไม่ถูกกันเพราะว่าชอบไอดอลสาววงเดียวกันแต่คนละคน ซึ่งได้สร้างความแปลกใจและงุนงงให้ผมกับจงออบไม่น้อย แต่ก็ยังมีข่าวลือที่ว่าสองคนนั้นกำลังแข่งกันจีบรุ่นพี่จูรินะ
หลังจากวันนั้นพวกเขาเหล่านั้นก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตของผม เป็นช่วงมอปลายที่ดูมีสีสัน อย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
“จงออบนายก็คิดถึงพวกเขาเหมือนกันใช่มั้ย?”
ผมลืมตามองเพดานไม้สีน้ำตาล ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้พวกรุ่นพี่จะเป็นอย่างไรกันบ้าง เมื่อวานผมได้รับการ์ดแต่งงานของรุ่นพี่จูรินะที่ส่งตรงมาจากโตเกียว ว่าที่สามีของเธอดูเหมือนจะเป็นคนยุโรปฐานะดีเลยทีเดียว รุ่นพี่ยงกุกกับรุ่นพี่ฮิมชานคงผิดหวังไปตามๆกัน พอคิดถึงตรงนี้ผมถึงกับยิ้มขึ้นมา ‘ทะเลาะกันแทบตายสุดท้ายก็ชวดทั้งคู่ล่ะนะ’
ในเวลาบ่ายสองผมนั่งรถบัสเข้ามาในตัวเมืองมิยาซากิ โรงพยาบาลที่จงออบพักรักษาตัวอยู่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแห่งนี้ ทิวทัศน์ข้างนอกหน้าต่างรถที่ผมโดยสารมายังคงสวยงามแม้จะไม่มีดอกซากุระบานให้เห็น
รถบัสจอดที่สถานีซึ่งไม่ห่างไกลจากโรงพยาบาลที่จงออบอยู่ วันนี้ในมือของผมไร้ซึ่งช่อของดอกซากุระ ผมแวะเข้าร้านขายดอกไม้ใกล้ๆก่อนถึงทางเข้าโรงพยาบาล
“ยินดีต้อนรับค่ะ”
เสียงพนักงานสาวกล่าวต้อนรับลูกค้า ผมเดินไปหาเธอเพื่อให้เธอจัดช่อดอกไม้ให้
“ผมอยากได้ดอกกุหลาบสีชมพูช่อเล็กๆสักช่อครับ”
“รอสักครู่นะคะ”
ไม่นานผมก็เดินออกจากร้านพร้อมช่อดอกกุหลาบสีชมพูเล็กๆในมือ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าดอกไม้สดไม่นานมันก็คงเหี่ยวเฉา แต่ผมยังคงเอามันไปฝากจงออบเสมอ...
ผมจัดช่อดอกกุหลาบสีชมพูไว้ในแจกันแก้วสีใสแล้วยืนมองมันสักพัก
“วันนี้เป็นดอกกุหลาบนะจงออบ”
ผมนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงนอนที่ร่างโปร่งนอนหลับอยู่ มือเรียวของผมยกมือของจงออบที่วางอยู่ข้างลำตัวขึ้นมากุม
“อาทิตย์หน้ารุ่นพี่จูรินะจะแต่งงานล่ะ ฉันอยากพานายไปร่วมงานด้วยจัง”
“จะได้เจอทั้งรุ่นพี่จูรินะ รุ่นพี่ยงกุก และรุ่นพี่ฮิมชาน”
“ไม่รู้ว่าป่านนี้รุ่นพี่ยงกุกกับรุ่นพี่ฮิมชานจะเลิกกัดกันแล้วรึยังนะ”
“นายคิดว่าไงล่ะจงออบ...”
talk
เนื้อเรื่องมันอาจจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลกันเท่าไหร่แต่ก็ขอบคุณที่หลงมาอ่านค่ะ 55555
จบไปอีกหนึ่งตอนค่ะ ชอบไม่ชอบยังไงคอมเม้นบอกเราได้นะ เราไม่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นหรอก แต่อยากเขียน?
เอาเป็นว่าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยค่ะ ;___; ฝากแท็ก #ซากุระโล่ออบ ด้วยนะคะ
หรือแวะคุยกับเราได้ที่ทวิตเตอร์ @Bangxx2 ค่ะ เยิ้บๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ยงกุกกับฮิมชานมาแล้ว แต่มาพร้อมกับข้าวของที่พังทลาย =_=" ทะเลาะกันแบบนี้ฟันธงว่าต้องได้กัน .... หมายถึงเป็นแฟนกันน่ะ ฮริ๊ง~
อดีตตอนเจอกันมันสดใสมากเลยอ่ะ แบบดี๊ดีอ่ะ ละมุ๊นละมุน แต่ก็สัมผัสได้ถึงความดราม่าเช่นเคย ... ฮรึก
เราขออ่านวันละตอนนะไรต์ เรารู้สึกหน่วง ไม่กล้าอ่าน กลัวดราม่า ฮือ
เกลียดแรง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แบนแรงด้วย //พี่พึ่งอ่านค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ//
แต่งอินมายดรีม ให้ออบด้วยนะคะ หลับยาวเลยแบบนี้
ว่าแต่นอบบี้บรรยายได้น่าอ่านดีอ่า อยากแต่งแบบนี้ได้มั่งอ่า
ใช้คำสวยดีอ่า ตอนบรรยายอิโล่อ่านหนังสือ น่ะ
ที่สำคัญ แต่งสั้นแบบนี้ ควรลงตอนหน้าเร็วๆนะคะ//กดดัน//