ตอนที่ 15 : Chapter 14
Chapter 14
กลีบของดอกไม้เริ่มบานออกเมื่อผ่านพ้นช่วงฤดูหนาว มือเรียวของผมคว้าเสื้อนักเรียนที่แขวนอยู่นอกตู้เสื้อผ้ามาสวม บรรจงติดกระดุมเสื้อทีละเม็ดอย่างไม่เร่งรีบ ปกติผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะตื่นเช้า แต่วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าทุกวัน เพราะว่าวันนี้เป็นวันสำคัญ
‘วันที่พวกรุ่นพี่จบการศึกษา’
ทำไมวันเวลาถึงผ่านไปไวแบบนี้นะ ผมยังอยากพูดคุยและเล่นสนุกกับพวกรุ่นพี่อยู่เลย ถ้าไม่มีพวกรุ่นพี่อยู่ผมกับเซโล่ต้องเหงามากๆแน่
“ไปแล้วนะครับ”
ก่อนก้าวเท้าออกจากบ้าน ผมไม่ลืมที่จะหยิบขนมปังไส้ถั่วแดงซึ่งเป็นมื้อเช้าติดมือมาด้วย ผมส่งเจ้าขนมปังก้อนเล็กนั่นเข้าปากระหว่างเดินทางไปที่ป้ายรอรถโดยสาร
บ้านของผมกับโรงเรียนอยู่ค่อนข้างที่จะไกลกัน ผมเลยเลือกที่จะขึ้นรถโดยสารไปดีกว่า รอไม่นานรถโดยสารที่ผมต้องการจะขึ้นก็มาจอด
ผมที่ขึ้นมานั่งบนรถแล้วก็ทอดสายตาออกไปข้างนอกหน้าต่าง รถโดยสารค่อยๆเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยสีของดอกซากุระทำให้ผมยิ้มออกมา
‘กลิ่นหอมดีจัง’
เมื่อรถโดยสารจอดสนิทที่ป้ายผมจึงเดินลงจากรถ สองขาของผมก้าวเดินไปตามทางที่คุ้นเคย ดอกไม้ที่อยู่สองข้างทางกำลังบาน สีของมันดูสวยงามจนผมอดจ้องมองไปที่มันไม่ได้
“โย่! จงออบ!”
พอเดินเข้าไปในรั้วโรงเรียนไหล่ของผมก็โดนมือเรียวของรุ่นพี่จูรินะคว้าไปกอด รุ่นพี่ยังคงดูร่าเริงเหมือนวันแรกที่ผมได้พบ รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าสวยนั่นทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย
“มาเช้าจังเลยนะนาย”
“ก็วันนี้เป็นวันสำคัญของพวกรุ่นพี่นี่ครับ”
“เจ้าสองคนนั้นยังไม่เห็นจะมาเลย สงสัยตื่นสายอีกตามเคย”
“หมายถึงรุ่นพี่ยงกุกกับรุ่นพี่ฮิมชานสินะครับ”
“มาสายแม้กระทั่งวันสุดท้ายอ่ะ คิดดู”
ผมหัวเราะให้กับเสียงพูดน่ารักของรุ่นพี่จูรินะ จะว่าไปนี่ก็วันสุดท้ายที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว รุ่นพี่ยงกุกกับรุ่นพี่ฮิมชานจะเลิกทะเลาะกันมั้ยนะ
“สวัสดีจงออบ สวัสดีครับรุ่นพี่จูรินะ”
เซโล่ที่ยืนอยู่ทางเข้าหอประชุมเอ่ยทักทายพวกเรา รุ่นพี่จูรินะเมื่อเห็นเซโล่ก็วิ่งเข้าไปกระโดดขี่หลังจนร่างสูงทำท่าเหวอไปเลย รุ่นพี่จูรินะนี่ทั้งแสบทั้งซนจริงๆ
“อย่าเล่นแบบนี้สิครับรุ่นพี่”
“ฮ่าๆๆ ดูหน้านายสิตลกเป็นบ้า!”
ร่างบางกระโดดลงจากหลังแล้วหัวเราะด้วยความชอบใจ เซโล่เลยได้แต่ยิ้มบางๆแล้วลูบผมของตัวเองไปมา
พวกเราสามคนยืนรอรุ่นพี่ยงกุกและรุ่นพี่ฮิมชานอยู่หน้าทางเข้าหอประชุม ใกล้เวลาที่พิธีจบการศึกษาจะเริ่มแล้วสิ แต่พวกเขายังไม่มากันเลย
“ไอ้บ้าสองคนนั้นมัวไปทำอะไรที่ไหนกัน”
รุ่นพี่จูรินะยืนกอดอกพูดตัวน้ำเสียงปนหงุดหงิด ผมกับเซโล่มองหน้ากันอย่างขอความเห็น แต่ยังไม่ทันที่พวกเราจะพูดกัน เสียงทุ้มต่ำที่แสนคุ้นเคยก็ดังมาให้ได้ยิน
“เร็วๆสิวะ!”
“นายนั้นแหละเร็วๆสิ!”
เสียงโต้เถียงของรุ่นพี่ยงกุกกับรุ่นพี่ฮิมชานที่กำลังวิ่งสุดแรงตรงมาทางนี้ทำให้รุ่นพี่จูรินะตะโกนเสียงดัง ช่วยเพิ่มความเร็วในการวิ่งของพวกเขาได้ดีเลยทีเดียว
“พวกนายทั้งสองคนนั้นแหละ เร็วๆเลย!!!”
เมื่อเข้ามาในหอประชุมพวกเราก็แยกกันนั่งตามชั้นปี พวกเรานั่งฟังสุนทรพจน์ของนักเรียนดีเด่นและอาจารย์ที่เคารพ นั่งฟังบทเพลงแห่งการจากลาและมอบของที่ระลึกให้พวกรุ่นพี่
“สักวันพวกเราก็กลับมาเจอกันอีกครั้งนะครับ”
ผมเอ่ยบอกพวกรุ่นพี่เมื่อเดินออกมานอกหอประชุม
“เข้าโทไดให้ได้นะครับรุ่นพี่ฮิมชาน”
เซโล่พูดขึ้นมาบ้าง
รุ่นพี่จูรินะยื่นมือออกมาข้างหน้า ไม่ต้องรอให้เธอบอกพวกเราก็รู้ดีว่าควรทำอะไรกัน รุ่นพี่ฮิมชานคว่ำมือบนหลังมือของรุ่นพี่จูรินะ ตามด้วยรุ่นพี่ยงกุก ผม และก็เซโล่
“ขอบคุณทุกคนที่อยู่เคียงข้างกันในรั้วโรงเรียนนี้นะ! ฉันซาโต้ จูรินะ! จะไม่มีวันลืมพวกนายเลย!”
‘พวกผมก็เหมือนกัน’
ฤดูใบไม้ผลิได้เวียนมาถึงอีกรอบพร้อมกับตัวผมที่เริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่ หลังจากที่พวกรุ่นพี่เรียนจบไปชมรมนิยายก็ไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่คิด มีรุ่นน้องเพิ่มเข้ามาใหม่ในชมรม ซาโตชิ ยูสุเกะ และเคียวโกะจัง พวกเขาทำให้ผมได้มีความทรงจำที่ดีอีกครั้ง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่มีร่วมกันผมจะไม่มีวันลืมเลย...
วันเวลาผ่านไปไวจนน่าใจหาย ในที่สุดผมกับเซโล่ก็เรียนจบ พิธีจบการศึกษาของพวกเราเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางความยินดีของเหล่ารุ่นน้องและอาจารย์ที่เคารพ มันรู้สึกเหงาแปลกๆแฮะเมื่อคิดว่าหลังจากวันนี้ผมคงไม่ได้มาเล่นกับเพื่อนๆที่โรงเรียนแห่งนี้อีกแล้ว
หลังเสร็จสิ้นพิธีจบการศึกษาผมและเซโล่เดินออกมานอกรั้วโรงเรียนแล้วหยุดยืนอยู่ที่ใต้ต้นซากุระ กลีบดอกไม้สีชมพูกำลังถูกสายลมพัดให้ลอยล่องไปในอากาศ ร่างสูงที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลีบดอกซากุระทำให้หัวใจของผมเต้นผิดจังหวะ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่กล้าที่จะบอกรักเซโล่ ผมนี่มันขี้ขลาดจริงๆ...
แต่ถ้าเจอกันอีกครั้ง... ถ้าเจอกันอีกครั้งล่ะก็... ผมจะพูดมันออกมา...
“งั้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้านายมาหาฉันได้มั้ย?”
“...”
“เราจะกลับมาพบกันอีกครั้งในวันที่ดอกซากุระผลิบาน สัญญานะ”
ผมรับปากกับเซโล่ว่าจะมาพบกันอีก พอถึงตอนนั้นความรู้สึกทั้งหมดของผมเซโล่จะต้องได้รู้มัน... ภาพที่รอบกายของเซโล่มีแต่กลีบของดอกซากุระ เป็นภาพสุดท้ายที่ผมได้เห็นเขาก่อนแยกจากกัน....
วันเวลายังคงเดินไปเรื่อยๆ ผมที่เลือกเดินทางออกมาจากเกาะได้ใช้ชีวิตที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น คำสัญญาที่ให้ไว้กับเซโล่ผมไม่เคยลืมเลย แต่เพราะคำสัญญานั่นแหละที่ทำให้ชีวิตประจำวันของผมโคตรยุ่ง
พูดกับเซโล่ไว้ซะดิบดี แต่พอเอาเข้าจริงการที่จะเดินทางไปหากันมันก็ต้องใช้เงิน เวลาว่างของผมเลยหมดไปกับการทำงานพาร์ทไทม์ในร้านพิซซ่าที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย ช่วงแรกๆที่ย้ายมาอยู่หอพักที่เกียวโตผมยังคงติดต่อกับเซโล่อยู่นะ โทรหากันบ้าง ส่งเมลล์หากันบ้าง แต่ตอนนี้ผมแทบไม่มีเวลาเลย
อ่อ ผมได้ข่าวมาว่าแดฮยอนกับยองแจเป็นศิลปินฝึกหัดในค่ายดังด้วยล่ะ เจ้าพวกนั้นใกล้ความฝันอีกก้าวแล้ว ตัวผมเองก็จะไม่ยอมแพ้หรอกนะ ผมน่ะตั้งใจเรียนมากๆเลย
“เอาไปเสริฟที่โต๊ะสามนะ”
มือเรียวถือถาดพิซซ่าไปเสริฟให้ลูกค้าเหมือนกับทุกวัน ตอนนี้ผมเริ่มเก็บเงินได้เยอะพอสมควร อีกไม่นานก็จะถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว มันอดตื่นเต้นไม่ได้ที่จะได้พบกับคนที่รอคอยมาโดยตลอด
ผมหยิบกล่องใบเล็กที่อยู่ในลิ้นชักของโต๊ะขึ้นมาดู พอเปิดฝาออกก็จะเห็นกระดุมเม็ดเล็กที่เซโล่ให้ผมไว้ เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเคยเล่าให้ฟังว่าเด็กผู้ชายญี่ปุ่นจะมอบกระดุมเม็ดที่สองของชุดนักเรียนให้กับผู้หญิงที่ชอบในวันจบการศึกษา
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆล่ะก็ หัวใจของผมกับเซโล่คงเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน...
ในที่สุดวันที่ผมรอคอยก็มาถึง คำสัญญาในวันนั้นพวกเรากำลังจะทำให้มันเกิดขึ้นจริง ผมนั่งอยู่บนชินคันเซ็นด้วยหัวใจที่เต้นรัว ในหัวสมองก็พยายามสรรหาคำพูดต่างๆมากมายมาใช้พูดคุยกับเซโล่ ป่านนี้เซโล่จะเป็นไงบ้างนะ? จะสบายดีมั้ย? ส่วนสูงเพิ่มขึ้นหรือเปล่า? เรียนเป็นอย่างไรบ้าง? ยังคิดถึงกันอยู่มั้ย?ผมอยากรู้ว่าที่ผ่านมาเซโล่เป็นอย่างไร และผมเองก็มีเรื่องราวมากมายที่จะเล่าให้เซโล่ฟัง
ผมสะพายเป้เดินลงจากขบวนรถเมื่อถึงสถานีที่เป็นจุดหมายของผม เท้าของผมก้าวเดินเพื่อออกจากสถานีรถไฟ ในที่สุดผมก็ได้มายืนอยู่บนเกาะที่ตัวเองได้จากมา สายตาของผมมองหารถแท็กซี่สักพักก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อขอใช้บริการ
ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถแล้วบอกจุดหมายปลายทางกับคนขับ ดอกซากุระที่บานบนเกาะนี้ทำให้ผมทอดสายตามองดูมันระหว่างเดินทาง รถแท็กซี่ยังคงเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ ผมสูดกลิ่นหอมของดอกซากุระแล้วยิ้มออกมา
‘ผมชอบกลิ่นของมันจัง’
เอี๊ยดดดดดดดดด!!
ไม่ทันได้ระวังตัวรถแท็กซี่ที่ผมนั่งมาเหมือนจะปะทะเข้ากับอะไรบางอย่างจนมันพลิกคว่ำ เสียงล้อรถบดกับพื้นดังสนั่นลั่นไปทั่วท้องถนน ดูเหมือนว่ารถสิบล้อที่วิ่งมามีปัญหาขัดข้องคนขับรถแท็กซี่ที่ผมนั่งมาเลยหักหลบไม่ทัน
ร่างกายของผมรู้สึกเจ็บปวดเพราะถูกเหล็กของโครงรถเสียบ ศีรษะที่กระแทกกับกระจกจนแตกทำให้ผมรู้สึกปวดที่หัว ทั้งๆที่อีกนิดเดียวผมก็จะได้เจอกับเซโล่แล้วแท้ๆ ดันมาเกิดเหตุการณ์บ้าๆแบบนี้กับผมซะได้...
เลือดสีแดงสดไหลลงมาปิดที่ดวงตา ไม่ไหว... ร่างกายของผมทนความเจ็บปวดนี้ไม่ไหวแล้ว...
‘คำสัญญาที่ให้ไว้ฉันคงทำมันไม่ได้แล้วล่ะ’
‘ขอโทษด้วยนะครับคุณพ่อคุณแม่’
“ขอโทษนะเซโล่...”
จบไปอีกหนึ่งตอนค่ะ รู้กันแล้วว่าทำไมจงออบถึงไปนอนอยู่โรงพยายบาล...
ไม่ตอนหน้า หรือ จะอีกตอน ก็จะจบเนื้อเรื่องหลักแล้วค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ /ปาดน้ำตา
พูดคุยกับเราได้ที่ @Bangxx2
อ่านแล้วเป็นไงคอมเม้นบอกเราได้นะ หรือที่ #ซากุระโล่ออบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สาเหตุที่จงออบเป็นแบบนี้เพราะรถที่ไม่ระวังนี่เอง
คนทั้งคนเลยนะ แง
รีบๆ ฟื้นนะเจ้าหนู
ชานบังก็ยังคงทะเลาะกันไม่เว้นแม้วันสำคัญ 5555555
ยินดีกับแดแจด้วยที่ได้เข้าฝึกกับค่ายดัง เป็นกำลังใจให้นะ /ปรบมือ
จะได้เจอกันแล้วแท้ๆ เชียว...
ฟิคสนุกมากๆ เลยค่ะ ชอบภาษาที่ใช้เขียนมาก
อ่านไม่มีสะดุดเลย ละมุนละไมจริงๆ
ขอบคุณนะคะ