ตอนที่ 13 : Chapter 12
Chapter 12
การที่ผมย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นมันก็ไม่ได้เหงาอย่างที่คิด ที่โรงเรียนใหม่ผมได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่แสนดีอย่าง ‘โอกาวะ เซโล่’ เด็กผู้ชายตัวสูงที่ทั้งสุภาพและอ่อนโยน มีคนเคยบอกเซโล่มั๊ยนะว่าเขาน่ะเหมือนพระเอกที่หลุดออกมาจากหนังสือนิยายเลย
เซโล่ทำให้ผมได้รู้จักกับพวกรุ่นพี่ชมรมนิยาย มีรุ่นพี่ยงกุก รุ่นพี่ฮิมชาน และรุ่นพี่จูรินะ ในชมรมนิยายยังมีรุ่นน้องอีกหนึ่งคนชื่อมิซากิ พวกเขาแต่ล่ะคนดูแตกต่างกันแต่พออยู่รวมกันแล้วก็รู้สึกลงตัวดี ผมไม่คิดเลยว่าที่นี่จะทำให้ผมได้พบเจอกับคำว่า ‘มิตรภาพ’ อีกครั้ง
พวกเราเริ่มสร้างความทรงจำที่ดีด้วยกัน มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมายในชมรม เมื่อไม่นานมานี้พวกเราชมรมนิยายก็ได้ไปเที่ยวทะเลในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนมาด้วยกัน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทุกคนดูเหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดสำหรับผม
ผมกับเซโล่ค่อนข้างที่สนิทกันมาก ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่พวกเราจะทะเลาะกัน เซโล่เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับผมเสมอ เราสองคนมีนิสัยที่คล้ายกันเลยค่อนข้างที่จะเข้ากันได้ดี แต่ถึงจะมีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นมาผมก็ไม่ได้ลืมแดฮยอนและยองแจหรอกนะ สองคนนั้นยังคงส่งอีเมลมาหาผมอยู่บ่อยๆ พอได้อ่านแล้วก็อดคิดถึงเจ้าพวกนั้นไม่ได้
ดวงตาเรียวของผมจ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ วันนี้กล่องข้อความเข้าเป็นของแดฮยอน เมื่อวานผมเพิ่งตอบกลับอีเมลของยองแจไป แดฮยอนเองก็คงรู้ว่าผมคุยอะไรกับยองแจบ้าง สองคนนั้นชอบพูดคุยกันจะตาย
To. Moon Jongup
สวัสดีจงออบฉันหวังว่าวันนี้นายจะยังคงสบายดีเหมือนเมื่อวาน ฉันกับยองแจดีใจที่นายเข้ากับที่นั่นได้นะ ตอนนี้นายยังชอบวาดรูปอยู่รึเปล่า? ถ้าให้เดานายคงจะสอบเข้าในมหาวิทยาลัยที่เรียนเกี่ยวกับศิลปะสินะ ตอนนี้ฉันกับยองแจเริ่มคิดถึงอนาคตของตัวเองแล้วล่ะ ทั้งๆที่ฉันกับหมอนั่นกัดกันบ่อยจะตายแต่รู้มั๊ยว่าความฝันของเราเหมือนกันแหละ พวกเราอยากจะเป็นนักร้อง สักวันหนึ่งเมื่อพวกเราได้ยืนอยู่บนเวทีท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องลงมา อย่าลืมมาดูพวกเรานะ
คิดถึงเสมอ
“นักร้องงั้นเหรอ?”
นิ้วเรียวของผมเริ่มพิมพ์ข้อความตอบกลับอีเมลของแดฮยอนไป เมื่อพวกเราโตขึ้นเรื่อยๆพวกเราก็จะเริ่มมองไปที่อนาคตของตัวเอง ความฝันในวัยเยาว์จะเจิดจ้าและท้าทายให้พวกเราก้าวไปให้ถึง
To. Jong Daehyun
ฉันสบายดี นายกับยองแจก็คงเหมือนกันสินะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นดีไซด์เนอร์ชื่อดังก้องโลกให้ได้ ถ้าพวกนายได้เป็นนักร้องฉันจะออกแบบเสื้อผ้าให้พวกนายใส่เองและจะไปนั่งดูพวกนายติดขอบเวทีเลย เพราะฉะนั้นสู้ๆนะ
วันนี้มีงานเทศกาลดอกไม้ไฟแหละ ฉันกับเซโล่นัดกันว่าจะไปเที่ยวงานด้วยกัน มันต้องสนุกมากแน่ๆ ไว้เดี๋ยวฉันจะมาเล่าให้ฟังนะ ว่าดอกไม้ไฟของที่นี่สวยแค่ไหน
คิดถึงเหมือนกัน
ผมมองอีเมลที่ถูกกดส่งแล้วยิ้มบางๆ ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลกันแต่พวกเราก็เชื่อมถึงกันเสมอ พวกเราทั้งหมดคงได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในวันที่ความฝันเป็นจริง
“จงออบวันนี้จะไปเที่ยวงานเทศกาลดอกไม้ไฟกับเพื่อนใช่มั๊ยลูก”
“ครับคุณแม่ แล้วคุณพ่อล่ะครับ”
ผมเริ่มเรียกคุณโคจิโร่ว่าคุณพ่อได้สักพักแล้วล่ะครับ ท่านดูแลผมเหมือนเป็นลูกของท่านจริงๆ ผมเองก็นับถือท่านมากๆเหมือนกัน
“เหมือนจะอาบน้ำอยู่น่ะ แม่ฝากเอาซุปที่แม่ทำไปฝากบ้านหลังข้างๆหน่อยสิ”
“ได้ครับคุณแม่”
“เดี๋ยวแม่จะเตรียมชุดรอนะ ชุดยูกาตะของคุณโคจิโร่ลูกน่าจะใส่ได้”
“ขอบคุณครับ”
คุณแม่ยื่นซุปที่ตักใส่ถุงไว้เรียบร้อยแล้วให้ผม ท่านเป็นคนที่ใจดีแต่ก็ค่อนข้างจะขี้อายเล็กน้อย เวลาทำอาหารเลยมักจะฝากผมไม่ก็คุณพ่อไปให้บ้านหลังข้างๆเสมอ ท่านเคยบอกผมว่าเพราะพูดภาษาญี่ปุ่นได้ไม่ดีเลยไม่กล้าพูดกับใคร แต่คุณป้าที่อยู่บ้านหลังข้างๆกับครอบครัวก็ชอบคุณแม่ของผมมากๆเลยล่ะครับ
ผมเดินเอาซุปที่คุณแม่ทำมาให้คุณป้าบ้านหลังข้างๆ คุณป้าก็ชวนผมคุยนู่นนี่นั่นจากตอนแรกที่คิดว่าจะรีบมาแล้วรีบกลับ เลยกลายเป็นว่าผมอยู่คุยกับคุณป้าซะนานจนลืมเวลา
หลังจากกลับมาถึงบ้านผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัว ไม่รู้ว่าป่านนี้เซโล่ไปรอนานแล้วหรือยัง ชุดยูกาตะสีน้ำเงินของคุณพ่อดูเหมือนจะหลวมนิดหน่อยแต่ผมก็ใส่มันได้
“ไปก่อนนะครับคุณแม่”
ผมบอกคุณแม่แล้วสวมรองเท้าเกี๊ยะวิ่งออกมาจากบ้าน มือเรียวของผมยกโทรศัพท์ฝาพับสีแดงขึ้นมาดูเวลา
“โอ๊ย! สายไปสิบนาทีแล้วอ่ะ!”
ได้แต่วิ่งไปขอโทษเซโล่ไปในใจ โชคดีที่สถานที่จัดงานไม่ได้อยู่ไกลจากบ้านของผมมาก ใช้เวลาวิ่งสิบนาทีก็ถึง
“แฮ่กๆ ทะ...โทษทีรอนานมั๊ย?”
ผมหอบหายใจเข้าปอดด้วยความเหนื่อยแล้วเอ่ยถามร่างสูงที่ยืนรออยู่ตรงทางเข้างาน
“ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอกงานเพิ่งเริ่มเอง”
พอเงยหน้าขึ้นไปมองเซโล่ผมก็เห็นเขาเอาแต่จ้องมองมาที่ผม ผมก็เลยหมุนตัวให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าดู
“ฉันใส่ชุดแบบนี้แล้วพอจะดูได้มั๊ย?”
“ดูดีมากเลยล่ะ แต่ดูเหมือนมันจะหลวมไปหน่อยนะ”
“ชุดของคุณพ่อน่ะ นึกว่าจะใส่ได้พอดีซะอีก”
ผมยิ้มให้กับเซโล่แล้วคว้ามือของเขาลากเข้าไปในงาน แอบเขินอยู่นิดๆที่เซโล่ชมผมออกมาแบบนั้น ภายในงานถูกประดับไปด้วยแสงจากหลอดไฟจำนวนมาก มันดูน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคนที่ยังไม่เคยมาอย่างผม
ซุ้มช้อนปลาทองดูน่าสนใจผมเลยลากเซโล่เข้าไปในนั้น แม้อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่อยากเข้าเลยก็ตาม ผมช้อนปลาทองได้เยอะจนเจ้าของร้านตกใจเลยล่ะ แต่ผมไม่เอามันไปหรอก ผมอยากให้คนอื่นๆได้เล่นสนุกเหมือนกับผม ผมก็เลยปล่อยเจ้าปลาทองที่จับได้ลงในอ่างตามเดิม
เซโล่เองก็มองผมด้วยความทึ่ง ผมยิ้มให้กับร่างสูงก่อนจะเดินไปซื้อหน้ากากจิ้งจอกขาวแดงที่ขายอยู่ร้านใกล้ๆมาใส่เล่น มันดูน่าสนใจเพราะคล้ายกับหน้ากากในการ์ตูนเรื่องโปรดที่ผมชอบดู
“กินแตงกวาดองมั๊ย?”
ร่างสูงที่เดินอยู่ข้างๆยื่นแตงกวาดองเสียบไม้มาให้ผม ไม่รู้ว่าเจ้าตัวแอบไปซื้อมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเรายืนกินแตงกวาดองด้วยกันสักพัก ดอกไม้ไฟก็ถูกจุดขึ้น
ฟิ้ววว ปัง!
ผมกับเซโล่รีบวิ่งไปที่ริมแม่น้ำเพราะที่นั่นพวกเราจะได้เห็นแสงของดอกไม้ไฟทั้งบนท้องฟ้าและบนผิวน้ำ มันดูสวยงามจนละสายตาออกไปไม่ได้เลยล่ะครับ
ดอกไม้ไฟลูกสุดท้ายได้ถูกจุดขึ้นแล้วแตกกระจายบนท้องฟ้า ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความเสียดายเหมือนกับทุกๆคนในที่นี้ พอทุกคนเริ่มแยกย้ายกันผมกับเซโล่ก็เดินเลาะริมแม่น้ำเล่นกันไปเรื่อยๆ หน้ากากจิ้งจอกถูกมือเรียวของผมยกขึ้นมาสวม อยู่ๆผมก็นึกถึงการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เพิ่งดูจบไปเลยร้องเพลงขึ้น ผมจำได้ว่าตอนที่ดูกับเซโล่ผมร้องไห้ไม่หยุดเลยล่ะ...
‘ผมน่ะอยากอยู่กับเซโล่ไปนานๆจัง’
“ฉันไม่อาจลืมเวลาที่ได้อยู่กับเธอเมื่อฤดูร้อนครั้งสุดท้าย
ความฝันที่วาดไว้ในอนาคต ความหวังที่ยิ่งใหญ่ของเรา
ฉันเชื่อว่าในเดือนสิงหา อีก 10 ปีข้างหน้านับจากนี้
เราจะได้เจอกันอีกแน่นอน
ความทรงจำอันแสนล้ำค่าของฉัน~”
พอผมร้องจบท่อนแรกเซโล่ที่เดินตามหลังผมมาก็ร้องต่อ เสียงของเขาดูเพี้ยนและตลกมากเลยล่ะ มันเลยทำให้ผมอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“เซโล่นี่ก็ร้องเพลงใช้ได้เหมือนกันนะ ฮ่าๆ”
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ!”
เซโล่ทำเป็นดุแก้เขินที่ผมแซวเขาเล่น ผมเลยร้องเพลงท่อนต่อไป
“อา... ดอกไม้ไฟที่เปล่งประกายบนท้องฟ้าช่างสวยงามจับใจ
แม้มันจะแฝงไปด้วยความเศร้า
อา... ตอนนี้สายลมได้พัดผ่านไปแล้ว~
มันช่างมีความสุขและสนุกสนานมากเลยนะ
เราได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมามากมาย
ณ ที่แห่งความลับของเราสองคน~”
(*เพลง secret base – ZONE แปลโดย sasai_moko)
ผมดีใจนะที่ได้เจอกับเซโล่แต่พวกเราสองคนไม่สามารถที่จะอยู่ด้วยกันได้ตลอดหรอก วันเวลาย่อมเปลี่ยนผ่านไปตามปฏิทิน ทั้งผมและเซโล่ก็ต้องเติบโตขึ้นเรื่อยๆ พอถึงวันนั้นความสัมพันธ์ของพวกเราจะยังเป็นเหมือนเดิมมั๊ยนะ?
‘ความสุขในตอนนี้จะอยู่กับผมไปตลอดรึเปล่า...’
“นี่เซโล่”
“....”
“ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่หน้าร้อน เราจะยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมใช่มั๊ย...”
เหมือนกับว่ากำลังกลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงผมเลยเอ่ยคำถามนั้นออกไป ผมรู้สึกว่ากลัวเหลือเกินถ้าจะกลายเป็นคนแปลกหน้าของเซโล่ในสักวันหนึ่ง แต่คำตอบของเซโล่ก็ทำให้ผมยิ้มออกมา
“แน่นอน”
‘บางทีผมก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองสักเท่าไหร่ ว่าทำไมตอนอยู่กับเซโล่หัวใจถึงได้เต้นแรงนัก...’
กลับมาแล้ววววววว มาแบบมึนๆเช่นเดิม ฮือออ
ห่างหายไปนาน สกิลการเขียนก็ลดลงไปด้วย.__.
เนื้อเรื่องอีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วค่ะ มาเอาใจช่วยจงออบกับเซโล่ไปด้วยกันนะ
รักคนที่หลงเข้ามาอ่านทุกคนเลย
ฝากแท็ก #ซากุระโล่ออบด้วยค่ะ หรือมาเม้าส์มอยกับเราในทวิตเตอร์ @Bangxx2
มีความคิดเห็นเกี่ยวกับฟิคเรื่องนี้ยังไงคอมเม้นบอกได้จ้า เยิ้บๆ
เจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการค่ะ /หายตัว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จงออบ~ ชุดยูกาตะหลวมเหรอลูก
เมื่อไรจงออบจะฟื้นนนนนนน
อยากดูดอกไม้ไฟบ้างจังเลยค่ะฮิฮิ
ถ้าเซโล่ตอบว่าไม่อยากเป็นเพื่อน
แต่อยากเป็นแฟน อุ้ย
แดฮยอนกับยองแจน่ารักจัง
ขอให้จงออบฟื้นเร็วๆ ~