ตอนที่ 12 : Chapter 11
Chapter 11
Story of Moon Jongup
“ทางนี้แดฮยอน!!”
ลูกบอลทรงกลมถูกส่งผ่านไปมาหากันอยู่กลางสนามฟุตบอล ผมมองภาพตรงหน้าแล้วก้มลงไปวาดภาพในสมุดต่อ มือเรียวของผมขีดๆเขียนๆจนเป็นรูปวาดชุดเครื่องแบบต่างๆ ผมน่ะชอบวาดภาพพวกเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่สุด
“โธ่! นายอย่ารับสิยองแจ!!”
“นายจะบ้าเหรอแดฮยอน ฉันเป็นโกลนะ ถ้าไม่รับนายก็ยิงลูกเข้าน่ะสิ!!”
ผมแอบหัวเราะเบาๆคนเดียวเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนรักสองคนกำลังเถียงกัน ยองแจกับแดฮยอนกำลังเตะบอลอยู่กลางสนาม ถึงสองคนนี้จะชอบจิกกัดกันเป็นประจำ แต่ว่าพวกเขาทั้งสองคนก็รักกันดีนะครับ เพราะไม่ว่ายองแจจะอยู่ที่ไหนแดฮยอนก็จะอยู่ที่นั่นด้วยตลอด จนบางทีผมยังเคยแอบคิดเลยว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของสองคนนี้รึเปล่า
“บอกแล้วไงว่าอย่ารับ!!”
“ไม่รับก็เข้าสิเว้ยยยย!!”
ผมหยุดมือที่กำลังขีดๆเขียนๆในสมุดเมื่อนึกถึงเรื่องที่เพิ่งคุยกับคุณแม่ไปเมื่อวาน ท่านบอกว่าจะพาผมไปอยู่กับคุณโคจิโร่ที่ญี่ปุ่น คุณโคจิโร่คือสามีใหม่ของคุณแม่ของผมเอง พ่อแท้ๆของผมได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก คุณแม่เองก็ดูเหงาๆ พอมีคุณโคจิโร่เข้ามาในชีวิตท่านก็ดูสดใสและร่าเริงขึ้น พอได้เห็นคุณแม่มีความสุขผมเองก็มีความสุขไปด้วย
คุณแม่ได้ตัดสินใจแต่งงานกับคุณโคจิโร่เมื่อสามเดือนก่อน ปีที่แล้วพวกเขาสองคนบังเอิญเจอกันตอนที่ออกไปดูดอกซากุระที่สวนอิลซาน แม่ของผมท่านชอบดอกซากุระมาก ก่อนที่พ่อของผมจะเสียชีวิตท่านมีอาชีพเป็นนักแต่งเพลง ท่านชอบเขียนเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับดอกซากุระ แม่ของผมเลยชอบดอกไม้ชนิดนี้เป็นพิเศษ ผมเองก็ด้วย ผมน่ะ...คิดถึงคุณพ่อมากๆเลยล่ะครับ
คุณโคจิโร่เป็นคนญี่ปุ่นที่มาทำงานอยู่ที่ประเทศเกาหลีชั่วคราว อีกสองสัปดาห์ก็จะถึงกำหนดการที่เขาจะกลับ เลยอยากพาคุณแม่และผมไปอยู่ที่นั่นด้วย ซึ่งสัปดาห์หน้าผมก็จะเรียนจบชั้นมอปลายปีหนึ่งที่นี่พอดี
การที่จะไปอยู่ญี่ปุ่นนั้นมันค่อนข้างยากสำหรับผมอยู่เหมือนกันเพราะว่าผมพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ค่อยได้นัก แม้ว่าผมจะเคยเรียนมันมาบ้างตอนอยู่มอต้นก็ตาม คุณโคจิโร่เองก็คอยสอนผมอยู่บ่อยๆ
“เหนียวเกินไปแล้วนะยองแจ!!”
“ฉันไม่ยอมให้นายยิงเข้าหรอก แบร่!”
พอเห็นแดฮยอนกับยองแจแล้วทำให้ผมคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าหากไปที่อยู่ที่นู่นแล้ว ผมจะมี ‘เพื่อน’ กับเขามั้ยนะ...
“ย่าห์!!! รับไปซะยองแจ!!!”
“เตะไปไหนของนายน่ะนั่น ฮ่าๆๆๆๆ”
“หนอยยยย ลูกหน้าไม่พลาดแน่คอยดู!!!”
‘หากไม่ได้ยินเสียงของสองคนนี้แล้ว ผมเองก็คงเหงาน่าดู...’
ในที่สุดวันก่อนปิดภาคเรียนก็มาถึง วันนี้จะเป็น ‘วันสุดท้ายแล้ว’ ที่ผมจะได้เล่นกับแดฮยอนและยองแจที่โรงเรียนแห่งนี้ พวกเราที่ทำข้อสอบเสร็จแล้วกำลังนั่งเล่นกันอยู่ที่ข้างสนามฟุตบอล ที่นี่เป็นสถานที่ที่พวกเรามักจะอยู่ด้วยกันเสมอ... แดฮยอนกับยองแจชอบไปเตะบอลเล่นอยู่กลางสนาม ส่วนผมจะนั่งวาดรูปและมองดูสองคนนั้น ซึ่งหลังจากวันนี้ไปสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ดีของพวกเรา
“ฮึก ไม่ไปไม่ได้เหรอจงออบ ฮืออออ”
อยู่ๆแดฮยอนก็โผเข้ากอดร่างของผม ร่างโปร่งเอาแต่ซุกหน้าลงบนไหล่ของผมแล้วส่งเสียงสะอื้นออกมา ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก
“อย่าโอเวอร์แอคติ้งหน่อยเลยน่าแดฮยอน จงออบยังไม่ได้ตายสักหน่อย จะร้องไห้หนักอะไรขนาดนั้น...”
“นายมันคนใจร้ายยองแจ ฮือออ จงออบจะไปแล้วนะ ฮึก”
ร่างของผมถูกแดฮยอนกอดแน่นกว่าเดิม ผมมองยองแจที่เม้มริมฝีปากพยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาของตัวเองไหล ถึงจะปากร้ายไปหน่อยแต่จริงๆแล้วยองแจเป็นคนที่ใจดีมากเลยนะ คอยช่วยเหลือผมและแดฮยอนอยู่เสมอ ยองแจเป็นเพื่อนที่ดีมากๆเลยล่ะครับ
“บอกว่าให้หยุดร้องไงล่ะเจ้าโง่! ยิ่งนายร้อง ฮึก ฉันก็ยิ่งอยากจะร้องตามนะ...”
ยองแจโผกอดร่างของผมอีกคน ทั้งสองคนเอาแต่ส่งเสียงสะอื้นจนผมไม่รู้จะปลอบพวกเขาอย่างไรเลยยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดไหล่ของพวกเขาไว้
“ฉันขอโทษพวกนายก็แล้วกัน แต่ว่าสักวันพวกเราจะต้องได้กลับมาเจอกันอย่างแน่นอน”
“......”
“ไว้ถึงวันนั้นพวกเรามาสนุกด้วยกันอีกนะ”
ผมยิ้มให้แดฮยอนและยองแจ แต่พวกเขาคงไม่เห็นเพราะมัวแต่ก้มหน้าร้องไห้ พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีของผม ต่อจากนี้ไปไม่ว่าตัวผมจะไปอยู่ที่ไหน ผมจะ ‘ไม่มีวันลืมสองคนนี้อย่างแน่นอน’
หลังจากย้ายมาอยู่กับคุณโคจิโร่ที่ญี่ปุ่นผมก็เริ่มศึกษาภาษาญี่ปุ่นอย่างจริงๆจังๆ อีกไม่นานก็จะเปิดภาคเรียนแล้ว ผมมองไปที่ชุดเครื่องแบบนักเรียนที่แขวนไว้กับตู้เสื้อผ้าอย่างอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
‘จะเป็นยังไงบ้างนะที่โรงเรียนใหม่’
บ้านของคุณโคจิโร่ค่อนข้างที่จะกว้าง พอมีผมกับคุณแม่เพิ่มเข้ามาเลยไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เขาดูแลคุณแม่และผมอย่างดี คุณโคจิโร่น่ะเป็นคนที่ใจดีมากๆเลยล่ะครับ ไม่แปลกใจเลยที่คุณแม่หลงรักเขา
“จงออบกินข้าวลูก!!”
“คร้าบบบ!!”
สิ้นสุดเสียงตะโกนเรียกของคุณแม่ มือเรียวของผมปิดหนังสือที่กำลังนั่งอ่านอยู่แล้ววิ่งลงไปข้างล่าง
‘คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ คุณโคจิโร่น่ะเป็นคนดี เขาจะดูแลคุณแม่และผมอย่างดีแน่นอน”
“ไม่ลืมอะไรแล้วนะเรา”
“ครับ”
ผมตอบคุณแม่แล้วหยิบรองเท้านักเรียนมาสวม วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดเรียนตัวผมจะทำมันได้ดีมั้ยนะ ผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเอาซะเลย ก็ผมน่ะ...มันพวกขี้อายนี่นา...
“สู้ๆล่ะ”
คุณโคจิโร่เดินมาแตะไหล่ของผมเพื่อให้กำลังใจ ร่างสูงอยู่ในชุดสูทพร้อมที่จะออกไปทำงาน เขาดูดีมากๆเลยล่ะครับแม้อายุจะปาไปเลขห้าแล้วก็ตาม
“ครับคุณอา ผมจะพยายาม”
ผมส่งยิ้มให้คุณแม่และคุณโคจิโร่ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินออกไปข้างนอก
“ไปแล้วนะครับ”
ทันทีที่เท้าสัมผัสกับพื้นถนนหัวใจของผมก็เต้นรัวไม่หยุด...
ผมเดินไปบนถนนสายเล็กท่ามกลางเหล่าดอกไม้ที่บานสะพรั่ง อดที่จะยิ้มให้กับสีสันที่สวยงามของมันไม่ได้ กลีบดอกไม้เหล่านั้นกำลังพากันเต้นระบำในอากาศ สายลมอ่อนๆได้พัดพากลิ่นหอมของมันให้โชยไปทั่ว
จิตใจของผมสงบนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่เลย ผมเดินไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ใต้ต้นซากุระหน้ารั้วโรงเรียน มันน่าแปลกที่ซากุระของที่นี่มีกลิ่นหอม สายตาของผมมองตามกลีบดอกซากุระที่ถูกสายลมพัดให้ล่องลอยไปบนท้องฟ้ากว้าง
ผมยื่นมือออกไปรองรับเมื่อเห็นว่ากลีบดอกซากุระนั้นกำลังร่วงหล่นลงมา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของผมเมื่อมองไปที่กลีบดอกไม้สีชมพู สีของมันดูสวยแถมกลิ่นของมันก็ยังหอม ผมคงจะตกหลุมรักซากุระของที่นี่อย่างสมบูรณ์แบบซะแล้ว
“วันนี้ครูมีเพื่อนใหม่มาแนะนำให้รู้จัก เข้ามาสิมุนจงออบ”
หลังสิ้นเสียงเรียกของอาจารย์ประจำชั้นผมจึงเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องเรียน สายตาของทุกคนในห้องกำลังจดจ้องมาที่ผม จากที่คิดว่าจิตใจของตัวเองสงบนิ่งดีแล้ว ตอนนี้กลับตื่นเต้นเหลือเกิน
“แนะนำตัวให้เพื่อนๆรู้จักสิ”
“ผะ...ผม ชื่อ มุนจงออบ ปะ...เป็น คนเกาหลี ยะ..ยินดีที่ได้รู้จัก”
ทั้งๆที่ซ้อมพูดมาทั้งคืนแล้วแต่ผมก็ประหม่าเกินไปจนพูดติดๆขัดๆ แถมยังไม่ชัดอีกต่างหาก มันดูน่าอายจัง แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อนๆในห้องก็ยังปรบมือให้กำลังใจผม
อาจารย์ประจำชั้นพูดขึ้นอีกประโยคแล้วบอกให้ผมไปนั่งตรงโต๊ะที่ว่าง ผมมองหาโต๊ะนั่นแล้วสายตาก็ไปสะดุดกับเด็กผู้ชายตัวสูงคนหนึ่ง เขากำลังมองมาที่ผมมันเลยทำให้ผมรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก...
ผมเดินเข้าไปนั่งโต๊ะเรียนที่ว่างอยู่ข้างหน้าของเด็กผู้ชายตัวสูงคนนั้น เส้นผมของเขามีสีดำสนิทและผิวของเขาก็ขาวมากๆ ผมหยิบสมุด หนังสือ และอุปกรณ์การเรียนต่างๆออกจากกระเป๋าขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะเพื่อเตรียมพร้อมกับการเรียน
หลังเลิกคาบเรียนเมื่ออาจารย์ประจำชั้นได้เดินออกจากห้องไปแล้ว อยู่ๆผมก็รู้สึกถึงแรงสะกิดจากข้างหลังเลยหันไปมองด้วยความสงสัย
“ฉันชื่อเซโล่นะ โอกาวะ เซโล่”
ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างหลังผมพูดขึ้นมา ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไรเลยแนะนำตัวเองกลับไป
“ฉัน...มุน จงออบ”
“ฉันรู้แล้ว”
“....”
“มาเป็นเพื่อนกันนะ”
จบไปอีกหนึ่งตอนที่มึนๆ @___@ คนเขียนมึนมากเลยค่ะ ฮืออออ
ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปจะเป็นเรื่องราวในมุมมองของจงออบตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ย้อนกลับมาตอนที่เจอกันครั้งแรกอีกครั้งค่ะ.__. (นี่แกยังจะย้อนอีกเรอะ!! /คนอ่าน)
ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ ติชมกันได้
ฝาก #ซากุระโล่ออบ ด้วยค่ะ
หรือมาคุยกับเราก็ได้ที่ @Bangxx2
หรือจะเม้นบอกอะไรเราในนี้ก็ได้ค่ะ อิ เลิ้บๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

61 ความคิดเห็น
-
#32 ttred (จากตอนที่ 12)วันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 / 12:41มุนจงออบน่ารักจัง ขำแดแจร้องไห้5555555555 ได้อ่านความรู้สึกของจบออบแล้ววววว รอติดตามตอนต่อไปนะคะ!~#320