ตอนที่ 10 : Chapter 9
Chapter 9
ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างพากันมาขอพรในวันแรกของปี ผมใส่เหรียญห้าเยนลงไปในกล่องรับเงินทำบุญแล้วลั่นกระดิ่งที่ห้อยลงมา หลังจากนั้นผมก็โค้งคำนับสองทีก่อนที่จะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาประกบแล้วตบมันสองครั้ง มือที่ประกบเข้าหากันหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าอกผมจึงเอ่ยถ้อยคำอธิษฐานในใจ
‘หวังว่าปีนี้คงมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับผม’
พอเสร็จสิ้นจากการขอพรผมก็เดินไปรอบบริเวณศาลเจ้าที่เก่าแก่แห่งนี้ หญิงสาวในชุดกิโมโนหลายคนกำลังเขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นไม้ที่ใช้สำหรับขอพร ถ้าให้เดาผมว่าพวกเธอต้องกำลังขอพรเรื่องของความรักกันอยู่แน่ๆ
เท้าของผมเดินไปหยุดที่หน้าร้านขายเครื่องรางที่ลดราคา มีเครื่องรางถุงผ้าขนาดเล็กหลายชิ้นที่ปรากฏให้เห็น แต่ละชิ้นมีความหมายที่แตกต่างกันไป ผมหยิบเครื่องรางถุงผ้าขนาดเล็กชิ้นหนึ่งขึ้นมาดู มันเป็นเครื่องรางนำโชคในเรื่องของ ‘ความรัก’
“กำลังมีความรักสินะพ่อหนุ่ม”
ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นคนขายเครื่องรางนำโชคให้กับผมพูดขึ้น ผมยิ้มให้กับเขาบางๆแล้วตอบกลับไปสั้นๆ
“ครับ”
“คุณคืออาจารย์จุนฮงใช่มั้ยคะ?”
หลังจากเดินออกมาจากศาลเจ้าหญิงสาวคนหนึ่งได้เดินเข้ามาทักผม น่าแปลกใจที่มีคนเรียกชื่อผมด้วยนามปากกาที่ผมใช้ในการเขียนหนังสือ
“ครับ?”
เธอดูเขินอายเมื่อผมตอบกลับเธอไป มือเรียวบางของหญิงสาวยื่นหนังสือเล่มหนึ่งมาตรงหน้าผม ชื่อของหนังสือที่ผมได้เห็นทำเอาผมรู้สึกตื้นตันที่หัวใจ ผมคุ้นเคยกับหนังสือเล่มนี้ดี ก็เพราะว่าผมเป็นคนเขียนมัน...
“ขะ...ขอลายเซ็นต์หน่อยได้มั้ยคะ!”
“แต่ผมไม่ได้พกปากกามาหรอกนะ”
“ฉันมีค่ะ! รบกวนเซ็นต์ให้ด้วยนะคะอาจารย์!”
เธอควานหาปากกาในกระเป๋าแล้วยื่นให้ผม
“คุณชื่ออะไรเหรอครับ?”
“ซากุระค่ะ ฉันชื่ออิเนะ ซากุระ”
มือเรียวของผมเปิดไปที่หน้าแรกของหนังสือแล้วจรดปลายปากกาเพื่อเขียนคำขอบคุณและเซ็นต์ลายเซ็นต์ให้หญิงสาว
“เป็นชื่อที่ดีนะครับคุณซากุระ”
“ขอบคุณค่ะ ฉันอ่านนิยายเรื่องนี้สามรอบจบได้แล้วค่ะ ฉันชอบมันมากๆเลย”
เธอพูดไปยิ้มไปเหมือนกำลังวาดภาพจินตนาการอยู่ในหัวสมอง ผมยิ้มแล้วส่งคืนหนังสือที่ผมเซ็นต์เสร็จแล้วให้เธอ
“ขอบคุณที่ชอบนะครับ ผมไม่คิดเลยว่าจะเจอแฟนคลับมาทักแบบนี้”
“อาจารย์ตัวจริงหล่อกว่ารูปในนิตยสารที่ฉันเคยเห็นอีกค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“สู้ๆนะคะอาจารย์ ฉันจะติดตามผลงานเล่มต่อไปของอาจารย์อย่างแน่นอนค่ะ!”
สิ้นเสียงพูดเธอก็โค้งให้ผมแล้ววิ่งจากไปพร้อมกับหนังสือนิยายที่อยู่ในมือ ‘ความฝันในวันดอกไม้บาน’ คือชื่อของหนังสือเล่มนั้น นิยายที่ดูอบอุ่นแต่แฝงไปด้วยความเศร้า ตอนจบที่ไม่สมหวังแต่กลับเป็นที่จดจำและชื่นชอบของหญิงสาวคนเมื่อกี้
‘เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ไม่เลวเลยทีเดียว’
’
วันเวลาไม่เคยรอใครเพราะมันได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ปีใหม่รอบที่สิบแปดของผมกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้ ช่วงวันสิ้นปีผมขออนุญาตครอบครัวมาอยู่ที่บ้านของจงออบ คุณแม่ของจงออบท่านใจดีและดูอบอุ่นมาก เพราะแบบนี้รึเปล่านะจงออบเลยดูเป็นเด็กที่อ่อนโยนและสดใส
“อ่ะนี่โซบะจ๊ะเด็กๆ”
แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าคุณแม่ของจงออบพูดว่าอะไรเพราะเธอพูดเป็นภาษาเกาหลี แต่ผมก็ยื่นมือไปรับชามโซบะมาวางไว้บนโต๊ะไม้ขนาดเล็กตรงหน้า
“ทานให้อร่อยนะเด็กๆ”
คุณแม่จงออบพูดจบก็เดินออกจากห้องไปปล่อยให้ผมกับจงออบอยู่ด้วยกันสองคน พวกเราสองคนกำลังจะฉลองปีใหม่ด้วยการทานโซบะข้ามปีกัน ที่จริงผมชวนพวกรุ่นพี่มาด้วยนะแต่ทุกคนไม่ว่างกันหมดเลย รุ่นพี่จูรินะอยู่ฉลองวันปีใหม่กับครอบครัว ส่วนรุ่นพี่ฮิมชานและรุ่นพี่ยงกุกไปดูคอนเสิร์ตเคาน์ดาวน์ด้วยกันเลยเหลือแค่ผมกับจงออบสองคน
“รายการเริ่มแล้วล่ะ”
จงออบพูดขึ้นผมเลยเงยหน้าจากชามโซบะขึ้นมาดูทีวี นักร้องนักดนตรีมากมายต่างทำการแสดงบนเวทีได้อย่างยอดเยี่ยม พวกเขาดูเปล่งประกายมากแม้จะอยู่ในจอสี่เหลี่ยมเล็กๆนั่น
“ที่เกาหลีก็มีนะเหล่าผู้คนที่เปล่งประกายและเจิดจ้าบนเวที พวกเขาดูแตกต่างจากพวกเรามากเลยล่ะ”
“ฉันก็เคยได้ยินชื่อเสียงของพวกเขามาเหมือนกันนะ ทั้งๆที่ญี่ปุ่นมีไอดอลดังๆมากมายแต่พวกเขาก็สามารถมาแสดงคอนเสิร์ตที่สเตเดียมใหญ่ๆ ที่บรรจุผู้ชมได้เป็นหมื่นๆ”
“ถ้านายหมายถึง Tohoshinki อยู่ล่ะก็ พวกเขาน่ะเป็นเหมือนเทพเจ้าแห่งวงการเพลงเลยทีเดียว”
“ฟังดูยิ่งใหญ่ดีจัง”
“แล้วเซโล่มีไอดอลที่ชอบรึเปล่าอ่ะ?”
คำถามของจงออบทำให้ผมหยุดคิดไปซักพัก
“ฉันเหรอ? ไม่มีหรอก ถ้าถามว่าฉันชอบนักเขียนคนไหนยังจะง่ายกว่านะ”
“นั่นสินะ ก็เซโล่ชอบอ่านนิยายมากเลยนี่นา”
“แล้วจงออบล่ะ มีไอดอลคนไหนที่ชอบเป็นพิเศษรึเปล่า?”
“มีสิ ฉันน่ะชอบชเวจุนฮงที่สุดเลย เขาเต้นเก่งมากๆเลยล่ะ”
จงออบตอบผมด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุขมากๆ จนผมอดที่จะถามอะไรบางอย่างออกไปไม่ได้
“เขาคนนั้นเหมือนฉันมั้ย?”
ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ผมถามคำถามนี้ออกไป มันดูงี่เง่าเอามากๆ คนตรงหน้าหันมามองผมก่อนจะฉีกยิ้มที่กว้างกว่าเดิมให้
“ถ้าเป็นส่วนสูงกับสีผิวก็เหมือนอยู่นะ แต่ยังไงเซโล่ก็คือเซโล่ ฉันน่ะชอบเซโล่ที่เป็นแบบนี้ที่สุด”
จงออบยังคงเก่งในเรื่องที่ทำให้หัวใจของผมต้องเต้นแรง แม้คำว่า ‘ชอบ’ ของจงออบอาจจะแตกต่างจากคำาว่า ‘ชอบ’ ของผม แต่ผมก็รู้สึกมีความสุขที่ได้ยินจงออบพูดแบบนั้น
“วงไอดอลสาวที่พวกรุ่นพี่ชอบกำลังขึ้นแสดงแหละ”
ผมละสายตาจากคนตรงหน้าหันกลับไปมองที่ทีวีอีกครั้ง ไอดอลสาวแสนสวยจำนวนมากกำลังเต้นและร้องเพลงอยู่บนเวทีที่มีแสงไฟสาดส่อง พวกเธอดูเปล่งประกายและเจิดจ้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกรุ่นพี่ถึงได้ชอบพวกเธอนัก เสียงของแฟนๆเองก็ดังไม่แพ้เสียงของดนตรี พวกเขาต่างตะโกนชื่อของคนที่ตัวเองชอบดังสนั่น คงมีเสียงของพวกรุ่นพี่ที่อยู่ในนั้นด้วย
“ 5! 4! 3! 2! 1! Happy Newyear!!”
เสียงนับถอยหลังดังออกมาจากจอทีวีหลังจากที่ผมและจงออบเผลอหลับไปไม่กี่นาที ทั้งๆที่กะว่าจะมานั่งเคาน์ดาวน์นับถอยหลังเพื่อเริ่มต้นสู่วันใหม่ด้วยกันแท้ๆ...
“เซโล่ๆ ตื่นๆ”
แรงเขย่าที่ตัวทำให้ผมลืมตาขึ้นมา นี่ผมเผลอหลับไม่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ... ภาพใบหน้าของจงออบเป็นสิ่งแรกที่ผมได้เห็น หัวฟูๆไม่เป็นทรงนั่นก็ดูน่ารักไปอีกแบบ
“ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน”
คุณพ่อของจงออบขับรถพาพวกผมขึ้นมาบนเขา ส่วนคนที่ปลุกผมให้ตื่นอย่างจงออบก็เอาแต่นอนหลับตลอดทาง ใบหน้าใสที่กำลังหลับตาพริ้มทำให้ผมยิ้มออกมา
“จงออบน่ะเป็นเด็กดีนะ”
ผมเงยหน้าขึ้นมามองคุณพ่อของจงออบที่กำลังมองผมผ่านกระจกรถ ท่านยิ้มให้กับผมแล้วเล่าเรื่องราวของจงออบให้ผมฟังมากมาย ผมเพิ่งรู้ว่าท่านไม่ใช่พ่อแท้ๆของจงออบ คุณพ่อของจงออบเสียไปตั้งแต่จงออบยังเป็นเด็ก ท่านเป็นผู้ชายที่คุณแม่ของจงออบตัดสินใจแต่งงานด้วยอีกครั้งและพากันย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่น
“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่พ่อแท้ๆแต่เด็กคนนี้ก็ยิ้มให้ฉันอย่างจริงใจ”
“....”
“ฝากดูแลจงออบด้วยนะ เด็กคนนี้เป็นลูกที่ฉันรักมาก”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมไม่ลังเลเลยที่จะรับปากกับท่านว่าจะเป็นคนที่ดูแลจงออบ ทุกคำพูดของผมที่ตอบกลับท่านไปล้วนออกมาจากใจของผมทั้งสิ้น
“ครับ ผมจะดูแลจงออบ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ตอนไหน ผมจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ”
“จงออบนี่เลือกเพื่อนได้ดีจริงๆเลยนะ”
ดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนตัวขึ้นมาเพื่อส่องแสงแรกของปี ผมกับจงออบที่ยืนอยู่บนเนินเขากำลังอธิษฐานขอพรกับดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น ปีที่ผ่านมาผมดีใจที่ได้เจอกับมุนจงออบ และผมก็หวังว่าปีต่อๆไปเราสองคนก็จะยังอยู่ด้วยกันเหมือนอย่างในวันนี้
“ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดี!!!!”
“ปีนี้ต้องดีแน่นอน!!!!”
พวกเราตะโกนให้กับแสงแรกของปี ท้องฟ้าที่สว่างสดใสด้วยแสงของดวงอาทิตย์จะต้องเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดีอย่างแน่นอน ผมเชื่ออย่างนั้น
“สวัสดีปีใหม่เซโล่”
“สวัสดีปีใหม่เช่นกันจงออบ”
“สวัสดีปีใหม่จงออบ”
ผมบอกกับคนที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงนอนของโรงพยาบาล วันนี้ทิวทัศน์ข้างนอกหน้าต่างดูสดใสกว่าทุกวัน แสงแดดอ่อนๆสาดส่องลงมาท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น อีกไม่นานฤดูหนาวก็จะผ่านพ้นไป
“ปีนี้จะต้องเป็นปีที่ดีแน่ๆเลยนายว่ามั้ย?”
ความเงียบยังคงเป็นเสียงตอบกลับให้ผมเหมือนกับทุกวัน ผมยิ้มให้กับตัวเองบางๆ แม้ว่าจงออบจะนอนหลับอยู่แต่ผมก็เชื่อเสมอว่าเขาคงได้ยินทุกคำพูดที่ผมได้พูดให้เขาฟัง เขาจะต้องรับรู้ว่ามีผมคอยอยู่เคียงข้างเสมอ...
“อีกไม่นานดอกซากุระก็จะบาน... ไว้เราไปดูมันด้วยกันนะ...”
“รีบๆตื่นขึ้นมาล่ะ”
ผมอยู่พูดคุยกับจงออบจนถึงเวลาที่ต้องกลับ ใบหน้าเรียวยังคงนิ่งเหมือนเช่นทุกวันแต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่าจงออบจะต้องลืมตาตื่นขึ้นมา ผมเอาแต่จ้องมองใบหน้านั่นจนต้องยอมแพ้เมื่อไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
“แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาเยี่ยมใหม่นะ”
ผมบอกลาจงออบแล้วเดินหันหลังออกจากห้องไปโดยไม่ได้หันกลับมามอง ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหลังจากที่ผมเดินออกจากห้องไปแล้ว อยู่ๆนิ้วมือของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็มีความเคลื่อนไหว...
จบไปอีกหนึ่งตอนหลังจากที่หายไปนานเพราะชีวิตยุ่งๆค่ะ แหะๆ^^;
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้ บางคนคงเดาออกแล้วล่ะว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป
ฝาก #ซากุระโล่ออบ ด้วยนะคะ หรือแวะเวียนมาคุยกับเราได้ที่ @Bangxx2
คิดเห็นอย่างไรก็คอมเม้นได้นะ แล้วเจอกันตอนต่อไปจ้า~
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นมากเลยอ่ะ บรรยายได้เห็นภาพจนเราอยากไปญี่ปุ่นเลย ชอบตอนที่ไปขอพรกับตอนขับรถไปดูพระอาทิตย์
ตอนที่มีแฟนคลับมาเรียกอาจารย์จุนฮงนี่เท่จุง ชอบง่าาา อาจารย์จุนฮงขราาาาาาาา กิ๊สสสสสสสส
ในที่สุดจงออบก็กำลังจะตื่นแล้ว
อยากให้จงออบรู้จังว่าจุนฮงเป็นห่วงมาก
มาคอยดูแล อยู่เป็นเพื่อนเล่น คอยเฝ้า คอยคุยด้วยตลอด
โฮร่ววววววว T-T
เรื่องนี้ให้ความรู้สึกนุ่มนวล เศร้าแต่มีความสุขอ่ะ บรรยากาศของเรื่องดูสงบ ดูมีความญี่ปุ่นมากๆ ชอบมากเลยค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆค่ะ