ตอนที่ 7 : Chapter 6
Chapter 6
หากลองคิดดูดีๆ แล้วเรื่องในตอนนั้นหากสก๊อตซ์กำลังเจรจากับไรย์อยู่ คนที่ทำให้สก๊อตซ์ตัดสินใจเหนี่ยวไกปืนอาจจะเป็นเพราะเสียงวิ่งขึ้นบันไดของเบอร์เบิ้นก็เป็นได้ พอคิดแบบนี้ฟุรุยะ เรย์รู้สึกปวดใจ แต่อากาอิ ชูอิจิก็มีส่วนผิดเหมือนกัน ผิดที่ห้ามเพื่อนเขาไม่ได้…
กึก
“อามุโร่คุงไม่เป็นไรใช่มั้ย!
สติของชายหนุ่มผมบลอนด์กลับคืนเมื่อได้ยินเสียงร้องตกใจของหญิงสาวเจ้าของร้าน ฟุรุยะ เรย์ก้มมองมือตัวเองที่มีเลือดสีแดงไหลออกมา เมื่อกี้เขาคงเอาแต่เหม่อลอยขณะที่กำลังหั่นแครอทอยู่ ผลเลยจบที่ได้แผล
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณอาซึสะ แผลแค่นี้เอง”
“แต่ว่า…”
“งั้นผมขอไปทำแผลสักครู่นะครับ”
ชายหนุ่มพูดคุยกับหญิงสาวด้วยรอยยิ้มก่อนจะขอตัวไปทำแผล ไม่แปลกใจที่คุณอาซึสะจะตกใจขนาดนั้น ก็ตอนนี้มือของเขาชุ่มไปด้วยเลือด รู้สึกมีดจะบาดเข้าลึกซะด้วย ฟุรุยะ เรย์ถอนหายใจออกมาเบาๆ ให้กับความสะเพร่าของตัวเอง ขืนฮิโรมิสึรู้เข้ามีหวังโดนบ่นตาย
“เป็นอะไร”
เสียงเรียกที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้คนถูกมีดบาดหันไปมอง เป็นอากาอิ ชูอิจินั่นเอง
“นายเข้ามาหลังร้านได้ไง”
ฟุรุยะ เรย์ พูดกับอีกฝ่ายขณะยื่นมือไปทำความสะอาดบาดแผลตรงอ่างล้างมือ ดวงตาสีฟ้ามองเลือดของตัวเองที่ไหลปะปนกับสายน้ำด้วยความรู้สึกเฉยเมย แผลแค่นี้สำหรับเขาเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเทียบไม่ได้กับแผลที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่
“เห็นผู้หญิงคนนั้นร้องตกใจเลยเข้ามาดู เธอฝากกล่องปฐมพยาบาลมาให้ด้วย”
ร่างสูงชูกล่องที่ว่าขึ้นให้อีกฝ่ายดู
“นายมาทำอะไรที่นี่”
“แค่แวะมาดื่มกาแฟ ไม่คิดว่าจะได้เห็นใครบางคนทำตัวซุ่มซ่าม”
ฟุรุยะ เรย์คิ้วกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของอากาอิ ชูอิจิ มือเรียวคว้าผ้าสะอาดมาเช็ดมือเมื่อล้างเสร็จ ผ้าสีขาวที่เลือกมาใช้ปรากฏรอยเลือดสีแดงเด่นชัดเป็นวง
“งั้นก็ส่งมาฉันจะได้รีบทำแผล”
ชายหนุ่มยื่นมือข้างที่ไม่เจ็บไปข้างหน้าหมายรับกล่องปฐมพยาบาลจากอีกฝ่าย
“นายไปนั่งที่เก้าอี้ตรงนั้นเดี๋ยวฉันทำแผลให้”
“ฉันไม่รบกวนนายดีกว่า แผลแค่นี้ทำเองได้ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร”
“เฮ้อ~ นายนี่คิดมากนะ ไปนั่งเถอะฉันไม่ทวงบุญคุณครั้งนี้แน่นอน”
“…”
ไม่รู้จะเถียงอีกฝ่ายกลับอย่างไร ฟุรุยะ เรย์เลยยอมทำตามที่อากาอิ ชูอิจิบอก เขาเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้กลมที่มีไว้สำหรับนั่งพักหลังร้าน
“ยื่นมือมา”
เขาทำตามที่อีกคนบอกอย่างว่าง่าย อคติที่มีมาก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะเจือจางไปเล็กน้อย อากาอิที่นั่งคุกเข่าทำแผลให้ตรงหน้านี้ไม่ได้รู้เรื่องตอนนั้นเลยสักนิด และในตอนนี้สก๊อตซ์เองก็ยังไม่ตายเขาไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกผิดใดๆ เรื่องในวันนั้นเป็นความผิดของชายหนุ่มจริงๆ หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ชัด ในเมื่อคนเป็น FBI ไม่เคยพูดอะไรเรื่องนั้นกับเขาเลย นอกจากคำว่าเสียใจกับการจากไปของสก๊อตซ์แค่นั้น
“ดูไม่สมกับเป็นนายเลยนะ”
“ยังไง”
“ปกติเบอร์เบิ้นเป็นคนละเอียดรอบคอบและระมัดระวังตัวเสมอ”
ดวงตาสีฟ้ามองมือหนาบรรจงพันผ้าพันแผลรอบนิ้วที่ถูกมีดบาด รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันที่หมอนี่มานั่งทำแผลให้ ก่อนที่ฟุรุยะ เรย์จะถูกฆ่าตายไม่มีวันซะหรอกที่จะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
“แผลลึกน่าดู หวังว่าเลือดจะหยุดไหลไม่งั้นคงต้องเย็บ”
“เดี๋ยวมันก็หาย”
“…”
“ขอบใจ…”
อากาอิ ชูอิจิ กลับไปได้สักพักแล้ว ดูเหมือนหมอนั่นจะแวะมาดื่มกาแฟอย่างที่บอกไว้จริงๆ ดื่มเสร็จก็กลับเลย คงมีอะไรที่ต้องไปทำต่อแหละ
“ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ยจ๊ะ?”
“ครับคุณอาซึสะ”
“คุณอามุโร่เป็นอะไรเหรอครับ?”
“ถูกมีดบาดน่ะจ้ะ”
เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนมอปลายโรงเรียนมัธยมเทตันถามขึ้น ฟุรุยะ เรย์ส่งยิ้มให้อีกฝ่ายตามประสาคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากัน คุโด้ ชินอิจิมักจะนัดเจอกับเพื่อนสาวคนสนิทที่นี่อยู่บ่อยๆ
ก่อนที่เขาจะย้อนกลับมาในช่วงเวลานี้เด็กหนุ่มที่นั่งเท้าคางอยู่ริมหน้าต่างขณะนี้ยังเป็นเพียงเด็กชายเอโดงาวะ โคนันยอดนักสืบตัวเล็กอยู่เลย เพราะอีกฝ่ายโดนยาพิษขององค์กรเข้า ได้เห็นยอดนักสืบเป็นเด็กหนุ่มมอปลายก็รู้สึกแปลกตาดีเหมือนกัน
ชายหนุ่มผมบลอนด์เดินเข้าไปนั่งตรงข้ามกับเด็กหนุ่มมอปลาย อีกสักพักโมริ รันเพื่อนสาวของเด็กหนุ่มคนนี้ถึงจะมา อย่างไรก็ขอคุยด้วยสักหน่อย
“มีอะไรหรือครับคุณอามุโร่”
“ได้ข่าวว่าคุโด้คุงชอบเรื่องลึกลับ”
“มันก็แหงสิครับ ผมเป็นนักสืบนี่”
คุโด้ ชินอิจิพูดด้วยรอยยิ้มกว้างบ่งบอกว่าอีกฝ่ายภาคภูมิใจกับตัวเองแค่ไหน
“นั่นสินะ ว่าแต่นายเคยคิดมั้ยว่าตัวเองจะเข้าไปพัวพันคดีที่อันตรายมาก”
“ที่คุณอามุโร่พูดแบบนี้อยากจะบอกอะไรผมเหรอครับ”
ฟุรุยะ เรย์ยิ้มให้กับคนรู้ทันก่อนจะเผยจุดประสงค์ของตัวเอง สก๊อตซ์พูดถูกที่ไม่ควรลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องให้ไปพัวพัน แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าสำหรับเขาแล้วเกี่ยวข้องกับองค์กรนั่นอย่างมากเลยล่ะ หมายถึงก่อนที่เขาจะถูกยิงตายน่ะนะ
“ก็แค่อยากขอความช่วยเหลือหน่อยน่ะ”
“คุณอามุโร่นี่ไม่ใช่พวกคนไม่ดีใช่มั้ยครับ”
“จะว่ายังไงดีนะ นายเป็นนักสืบนี่ลองเดาดูสิ”
ชายหนุ่มกะพริบตาให้อีกฝ่ายอย่างหยอกล้อแล้วมองเด็กหนุ่มมอปลายที่นั่งอยู่ตรงข้ามทำท่าทางครุ่นคิด
“เอาเป็นว่าฉันไม่ใช่พวกคนไม่ดีหรอก แต่ก็ไม่ใช่พวกคนดีเหมือนกัน”
“อย่าพูดให้ผมงงสิครับ”
“เรื่องมันอันตรายน่ะ แต่ฉันจะถามความเต็มใจของนาย เรื่องนี้ต้องห้ามใครรู้เด็ดขาด
“น่าสนใจจังเลยนะครับ”
“คิดก่อนก็ได้นะ”
“ก็ผมชอบเรื่องที่มันลึกลับนี่ คุณอามุโร่พูดมาเถอะ”
คำตอบของคนตรงหน้าทำให้ฟุรุยะ เรย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเล่าเรื่องบางอย่างให้อีกฝ่ายรับรู้
‘นายถอยกลับไม่ได้แล้วนะ คุโด้ ชินอิจิ’
ซ่า
อยู่ๆ ฝนก็เทกระหน่ำลงมา อากาอิ ชูอิจิ ขับรถของตัวเองไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย มือหนากดต่อสายหาใครบางคน
[ว่าไง]
“คืนนี้ที่โกดังxxx เมืองไฮโด หวังว่านายจะไม่ลืม”
[ฉันรู้แล้ว]
“มาเร็วๆ นะยินฉันขี้เกียจรอ”
ติ๊ด
คืนนี้ชายหนุ่มมีนัดส่งของให้กับยิน และเป็นวันที่เขาจะจับหมอนั่น เจ้าหน้าที่ FBI หลายคนคงไปสแตนด์บายรอที่จุดนัดพบแล้ว ได้แต่หวังว่ามันจะผ่านพ้นไปด้วยดี
ใช้เวลาสักพักอากาอิ ชูอิจิก็เดินทางมาถึงที่หมาย มือหนายกกระป๋องกาแฟดำขึ้นดื่มจนมันหมดก่อนจะบีบให้กระป๋องบุบ เขาเดิมพันกับแผนนี้ไว้สูงมาก หากพลาดทุกอย่างคงจบในฐานะไรย์
ถึงแม้ว่าเขาจะมีสก๊อตซ์กับเบอร์เบิ้นเป็นพวกแต่สองคนนั้นก็ไม่ใช่คนในทีมเขา จะให้ทำตามใจ FBI อย่างเขาทุกเรื่องก็ไม่ได้ เรื่องในวันนี้สองคนนั้นก็ไม่รู้
ร่างสูงเดินเข้าไปในโกดังเก็บสินค้าอย่างใจเย็น ในหัวอดคิดถึงเหตุการณ์ที่อยู่ๆ ก็รู้ว่าสก๊อตซ์กับเบอร์เบิ้นเป็นสายลับแฝงตัวมาเหมือนกันไม่ได้
ผ่านไปพอสมควรยินก็ยังไม่โผล่มาให้พวกเขาเห็นมีเพียงชายแก่คนหนึ่งเดินเข้ามา อากาอิ ชูอิจิเดาได้ทันทีว่ากำลังถูกคนเจ้าเล่ห์นั่นตรวจสอบอยู่ ชายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจ แต่คาดไม่ถึงว่าลูกน้องของตัวเองจะโผล่ออกมาให้ชายแก่คนนั้นเห็น ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
ครืดดดดด
“ฮัลโหล”
[นายนี่เองที่เป็นหนู]
“หึ”
เป็นคนที่ดูถูกไม่ได้จริงๆ อากาอิ ชูอิจิสั่งให้ลูกน้องของตัวเองจับกุมตัวชายแก่คนนั้นไว้ แต่ไม่ทันการณ์เมื่ออีกฝ่ายกินยาพิษปลิดชีพตัวเอง เขาน่ะเกลียดคนที่เห็นชีวิตลูกน้องไม่มีค่าแบบนี้ที่สุด…
[คนที่เคยเอาเครื่องส่งสัญญาณไปติดที่รถฉันคือนายใช่มั้ย]
“…”
คำถามของคนปลายสายทำให้คนเป็นเจ้าหน้าที่ FBI ปะติดปะต่อเรื่องราวบางอย่างได้ คนที่ยินถามหาคงเป็นสก๊อตซ์
“ใช่ ฉันเอง”
[ให้ตามหาตั้งนาน]
“…”
[ระวังตัวไว้ให้ดีล่ะ ไรย์]
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พอฮิโระไม่ตายทุกอย่างก็ดูปลอดภัยขึ้นทันที ชอบโทนเรื่องแบบนี้จัง :)