ตอนที่ 5 : Chapter 4
Chapter 4
กึก
Chevrolet C1500 สีดำ หยุดจอดที่หน้าคอนโดแห่งหนึ่ง ฟุรุยะ เรย์ ปลดสายคาดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ
“ขอบคุณที่มาส่ง เรื่องเสื้อผ้าของนายเดี๋ยวฉันซักแล้วส่งคืนให้ทีหลัง”
“อืม”
ปึก
มือเรียวปิดประตูหลังก้าวลงจากรถ ดวงตาสีฟ้ามองตามรถคันนั้นแล่นจากไปจนหายลับ ฟุรุยะ เรย์ให้อากาอิ ชูอิจิ มาส่งที่คอนโดของสก๊อตซ์ เพราะรถคันโปรดของเขาจอดอยู่ที่นี่ ชายหนุ่มควักโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดโทรหาคนเป็นเพื่อน พอก้มมองตัวเองดีๆ ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันที่ต้องมาใส่ชุดของคนที่เคยเกลียดแบบนี้
ต่อสายไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ
[เบอร์เบิ้น! เมื่อวานฉันบอกให้นายกินข้าวกินยาหลังจากตื่นขึ้นมาไม่ใช่เหรอ ทำไมกลับมาข้าวต้มในหม้อยังเหลือเท่าเดิม! ยาที่วางไว้ให้ก็ยังอยู่!]
คนที่เป็นฝ่ายโทรหายกโทรศัพท์มือถือออกจากหูแทบไม่ทัน เกือบลืมไปเลยว่าฮิโรมิสึเป็นพวกที่ชอบทำตัวเป็นพ่อเขา ตอนอยู่ห้องของอากาอิเขาเห็นสายที่ไม่ได้รับจากคนเป็นเพื่อนแล้วก็อดขนลุกไม่ได้ ไม่แปลกถ้าคนปลายสายตอนนี้จะหงุดหงิด
“ใจเย็นน่าสก๊อตซ์ ตอนนี้ฉันอยู่ข้างล่างคอนโดของนายแล้ว อย่าลืมมาเปิดประตูห้องให้ล่ะ”
[ได้! ฉันจะรอนายขึ้นมาจะได้สวดให้จบ!]
ชายหนุ่มวางสายแล้วส่ายหัวเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ การที่มีเพื่อนคอยถามไถ่ห่วงใยกัน…
“ไหนอธิบายมา”
ฟุรุยะ เรย์ ยกกาแฟร้อนขึ้นมาจิบแล้ววางลง พอเข้ามาในห้องของเพื่อนสนิทปุ๊บก็โดนลากมานั่งสอบปากคำตรงโต๊ะรับแขก
“อันดับแรกฉันเป็นห่วงนายเลยตามไป รีบมากเลยลืมกินข้าวกินยา ส่วนเมื่อคืนที่ไม่ได้รับสายเพราะนอนค้างที่ห้องของไรย์ เป็นไข้สลบไปตื่นอีกทีก็ตอนสายของอีกวัน เลยเพิ่งเห็นว่านายโทรหาหลายสิบสาย อีกทั้งข้อความถามไถ่อีกมากมาย”
“...”
“ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”
“เฮ้อออ~ นายไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ ฉันเองก็ต้องขอโทษที่วุ่นวายกับนายมากไปหน่อย”
คนตรงหน้ายิ้มให้บางๆ ฟุรุยะ เรย์ เลยยิ้มตาม
“ซีโร่…”
“…”
“ขอบคุณนะ ถ้านายไม่ตามฉันไปผลลัพธ์คงออกมาเลวร้าย ฉันมันไม่ระวังตัวลูกน้องหลายคนเลยต้องสังเวยชีวิตให้คนชั่วพวกนั้น”
ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ทองเอื้อมมือไปแตะไหล่เพื่อนสนิท หวังว่ามันจะช่วยผ่อนคลายความทุกข์ใจของอีกฝ่ายได้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วย่อมต้องปล่อยให้ผ่านไป ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงก้าวเดินต่อไปข้างหน้าเท่านั้น
พวกคนชั่วสักวันต้องได้รับการลงทัณฑ์
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์หลังเกิดเหตุการณ์ที่โกดังนั่น พวกเขายังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเครื่องส่งสัญญาณที่ถูกติดไว้กับตัวเนื่องจากไปทำให้ท่านผู้นั้นขององค์กรสงสัย จะเป็นใครถ้าไม่ใช่ยินที่คอยรายงานเรื่องราวต่างๆ ให้คนเป็นบอสทราบ
แผนที่ฟุรุยะ เรย์วางไว้เป็นไปได้ด้วยดี ยังคงพอหลอกล่อคนพวกนั้นได้ สิ่งที่พวกเขาทั้งสามคนควรทำตอนนี้คือต้องทำให้ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากองค์กรกลับคืนมา
[เป้าหมายใกล้จะมาถึงแล้ว]
“รับทราบสก๊อตซ์”
เจ้าของโค้ดเนมเบอร์เบิ้นตอบกลับเสียงวิทยุสื่อสารที่ดังขึ้นจากหูฟัง ภารกิจที่องค์กรมอบให้วันนี้คือการสังหารนักธุรกิจคนหนึ่ง วันนี้เขาต้องรับบทเป็นชายหนุ่มนิรนามที่บังเอิญเดินล้มตัดหน้ารถของเป้าหมาย เพื่อให้รถคันนั้นจอด และทำอย่างไรก็ได้ให้คนในรถออกมา จากนั้นไรย์ที่ทำการซุ่มยิงอยู่ก็จะใช้ไรเฟิลปิดชีพเป้าหมาย
ดวงตาสีฟ้าภายใต้แว่นกันแดดสีดำสะท้อนภาพรถยนต์ของเป้าหมายที่กำลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา มือเรียวกดหมวกแก๊ปให้บดบังใบหน้าของตัวเอง ซีกหน้าส่วนล่างนั้นสวมผ้าปิดปาก เขาจำเป็นต้องพลางตัวเพื่อไม่ให้คนที่ผ่านไปมาเห็นหน้าชัด ไม่เช่นนั้นปัญหาจะตามมาทีหลัง
เอี๊ยดดดดด
“เดินภาษาอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือเลยวะ!”
รถหรูยี่ห้อ BMW สีน้ำเงินเข้มหยุดจอดชะงัก เสียงเหยียบเบรกดังลั่นไปทั่วท้องถนน คนที่ขับอยู่โผล่หัวออกมาด่า เบอร์เบิ้นที่เกือบโดนชนทำทีเป็นตกใจล้มนั่งลงบนพื้นถนน
“เฮ้ย! ไม่ป็นไรใช่มั้ย!”
เมื่อคนที่นั่งขวางทางอยู่หน้ารถไม่ยอมพูดอะไรออกมา คนบนรถจึงทนไม่ไหวเลยต้องลงมาเคลียร์ปัญหา
[ล็อคเป้าหมายระยะ 400 หลา]
เพื่อที่จะตอกลิ่มเข้าไปในองค์กรให้ลึก พวกเขาจึงจำเป็นต้องทำแบบนี้ อย่าถือโทษโกรธกันเลยนะ
ฟิ้ว
“กรี๊ดดดดดดด”
ทันทีที่ร่างของเป้าหมายล้มลง เสียงกรีดร้องของผู้พบเห็นก็ดังขึ้น
บรืนนนน
เบอร์เบิ้นมองภาพนั้นก่อนจะกระโดดขึ้นบิ๊กไบค์คันใหญ่สีดำที่สก๊อตซ์ขับมารับ เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่มีใครตามทัน แม้แต่ร่องรอยของคนร้ายก็ไม่มีคนพบเห็น
“ทำงานได้ดี”
ที่จุดนัดรวมตัวบริเวณลานจอดรถใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ยินที่ยืนพิงรถ Porsche 356A สีดำ กล่าวชมเชยเพื่อนร่วมองค์กรสามคนที่ปฏิบัติภารกิจครั้งนี้
“…”
“แต่ใช่ว่าฉันจะหมดความสงสัยในตัวพวกนายนะ”
“นายนี่ขี้ระแวงจริง”
ไรย์ที่นั่งอยู่ในรถคันโปรดของตัวเองพูดขึ้น ร่างสูงแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะกดเลื่อนให้หน้าต่างรถปิด สก๊อตซ์เห็นท่าทางของไรย์แล้วหัวเราะเบาๆ
“ดูเหมือนนายกำลังทำให้หมอนั่นหงุดหงิดนะยิน”
“ฉันจำเป็นต้องแคร์?”
“เอาน่าๆ พวกเราจะพิสูจน์ให้นายเห็นเองว่านายมันระแวงไปเอง”
“หึ”
เบอร์เบิ้นที่นั่งซ้อนท้ายบิ๊กไบต์ของสก๊อตซ์เลือกที่จะเงียบไม่พูดอะไรออกมา
“อย่างไรก็แยกย้ายกันก่อน ไว้มีภารกิจจะติดต่อไป”
ร่างสูงผมยาวสีเงินเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถคันโปรดก่อนจะขับออกไป เหลือเพียงคนสามคนที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
“ดื่มเหล้ากันมั้ย?”
สก๊อตซ์ถามคนเป็นเพื่อนที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง เป้าหมายที่พวกเขาจัดการไปก็ไม่ใช่คนที่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้สมควรตายขนาดนั้น เขาอยากให้กฎหมายเอาผิดกับคนพวกนั้นมากกว่า
“เอาสิ”
ก๊อก ก๊อก
ร่างสูงเคลื่อนรถเข้าไปใกล้ Chevrolet C1500 สีดำแล้วลงมือเคาะกระจก คนในรถจึงเลื่อนกระจกลงให้เห็นหน้า
“นายล่ะไรย์ ดื่มเหล้าด้วยกันมั้ย?
สุดท้ายทั้งสามคนก็มาหยุดอยู่ที่คอนโดของสก๊อตซ์ นอกจากดื่มเหล้ากันแล้วพวกเขายังนัดพูดคุยวางแผนด้วยกัน เครื่องส่งสัญญาณดูไม่เป็นปัญหาอะไร สก๊อตซ์กับเบอร์เบิ้นตัวติดกันเสมอ ส่วนไรย์เพิ่งไปปฏิบัติภารกิจด้วยกันมา นัดดื่มเหล้าด้วยกันคงไม่แปลกอะไร ก่อนหน้านั้นเบอร์เบิ้นก็ส่งข้อความไปเชิญยินกับเบลม็อทให้มาสังสรรค์ด้วยกันแล้วแต่โดนอีกฝ่ายปฏิเสธมา แน่นอนเพราะพวกเขารู้อยู่แล้วว่าสองคนนั้นมีงาน
“นายจะรับอะไรดีไรย์”
เจ้าของห้องชูขวดเหล้าแต่ล่ะชนิดให้ผู้มาเยือนดู ดวงตาสีมรกตมองไปที่วิสกี้ขวดหนึ่ง
“ฉันชอบเบอร์เบิ้น”
เสียงพูดของไรย์ทำให้คนที่ถือถาดอาหารเดินมาสะดุดเล็กน้อย
“งั้นเอาขวดนี้ ชอบเหมือนกันเลย”
ฟุรุยะ เรย์ ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนเดินเอาถาดอาหารมาวางบนโต๊ะพับได้ขนาดเล็ก ใครใช้ให้ชื่อโค้ดเนมของเขาเหมือนเหล้าขวดนั้นกัน ฟังแล้วรู้สึกแปลกพึลึก
เหมือนถูกคนบอกชอบยังไงไม่รู้…
“นี่นายทำเองเหรอ?”
“แน่นอน”
“อาหารที่เบอร์เบิ้นทำอร่อยมากเลยนะไรย์ ฉันนี่ชอบทุกเมนู”
สก๊อตซ์ที่เดินมานั่งในวงพร้อมขวดหล้าพูดจาโอ้อวดเพื่อนตัวเอง คนโดนชมยิ้มบางๆ แล้วส่ายหัว ที่จริงสก๊อตซ์ก็ทำอาหารเก่งแต่ขี้เกียจทำ ยกเว้นตอนที่เพื่อนสนิทป่วย
“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันต่อ”
ไรย์เปิดประเด็นขึ้นมาก่อน เป็นเรื่องดีที่ทั้งสามคนคือพวกเดียวกันเลยหันมาร่วมมือกันได้ เบอร์เบิ้นเป็นคนเสนอแนวทางนี้ให้พวกเขา ซึ่งมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร แม้บางทีไรย์จะไม่เข้าใจสายตาของเบอร์เบิ้นที่มองมา มันคล้ายคนที่กำลังโกรธแค้นเคืองกันอยู่ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจตอนไหน
“คงต้องทำตามพวกนั้นไปก่อนแหละค่อยหาจังหวะล้วงข้อมูล”
สก๊อตซ์พูดขึ้นมาขณะชงวิสกี้ในแก้ว สองคนที่เหลือต่างก็เห็นด้วย พวกเขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามตอนนี้ไม่ได้ ยินยิ่งสงสัยอยู่
เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองเดินถือแก้วเหล้าออกมายืนรับลมตรงระเบียง ดวงตาสีฟ้าทอดมองไปที่แสงไฟยามค่ำคืนของกรุงโตเกียว
“ทำไมทำหน้าตาเคร่งเครียดแบบนั้นล่ะ”
คนเป็นเพื่อนที่เดินตามมาเอ่ยทัก ฟุรุยะ เรย์ไม่ตอบอะไร มือเรียวยกแก้วเหล้าขึ้นจรดปาก รสชาติขมปร่าไหลลงคอ เขายังต้องการตัวหมากในกระดานอีกเพื่อชัยชนะ
‘คุโด้ ชินอิจิ’
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สนุกมากๆเลยค้าา