ตอนที่ 18 : Chapter 16
Chapter 16
เวลารุ่งสางร่างสูงเปิดประตูเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ภายในห้องนั้นเงียบสนิท ดวงตาคมมองคนที่นั่งฟุบหลับอยู่ข้างเตียงนอนคนเจ็บ อากาอิ ชูอิจิเดินเข้าไปใกล้ฟุรุยะ เรย์ก่อนจะถอดเสื้อคลุมสีดำตัวโปรดมาห่มให้ มือหนาเอื้อมไปลูบเส้นผมสีบลอนด์ทองของอีกฝ่ายเบาๆ
“พักผ่อนบ้างนะ คาซามิเป็นห่วงนายจะแย่แล้ว”
ฟุรุยะ เรย์ยังคงนอนหลับไม่รู้สึกตัวคงเป็นเพราะช่วงนี้โหมทำงานหนัก ทั้งยังต้องมาเฝ้าเพื่อนของตัวเอง สภาพจิตใจตอนนี้คงย่ำแย่เกินทน ถ้าเป็นไปได้อากาอิ ชูอิจิก็อยากแบ่งเบาความเจ็บปวดนั่นมาไว้กับตัวเองบ้าง…
“โมโรฟุชินายเองก็รีบฟื้นขึ้นมาเร็วๆ ล่ะ”
“มีคนที่ห่วงใยนายถึงขนาดนี้…”
ตอนยังเด็กโมโรฟุชิ ฮิโรมิสึสูญเสียพ่อแม่ไปจากเหตุการณ์ฆาตกรรมโดยที่ไม่รู้ว่าใครคือคนร้าย เขาเหลือพี่ชาย ‘โมโรฟุชิ ทากาอากิ’ เพียงคนเดียวที่คอยดูแล
ครั้งแรกที่เขาได้เจอกับซีโร่คือช่วงปิดเทอมฤดูร้อน หมอนั่นยังเป็นเด็กประถมตัวเล็กเนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยบาดแผล เด็กชายผมสีบลอนด์ทองคนนั้นอุ้มลูกแมวที่เข้าไปช่วยจากการถูกเด็กคนอื่นรังแก แล้วเราก็ได้พบกันอีกครั้งเมื่อถึงวันเปิดเทอม…
ฟุรุยะ เรย์เป็นเด็กใหม่ที่ย้ายมาเรียนโรงเรียนเดียวกับเขา ไม่นานพวกเขาก็สนิทกันอย่างรวดเร็ว เพราะสีผมที่ไม่เหมือนคนอื่นซีโร่เลยมักจะถูกแกล้งบ่อยๆ แต่เจ้าตัวก็สู้กลับทุกครั้ง พวกเขาเรียนด้วยกัน วิ่งเล่นด้วยกัน เติบโตมาด้วยกัน และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกเริ่มเปลี่ยนไป
พวกเขาเข้าโรงเรียนตำรวจเพราะมีความฝันเหมือนกัน โมโรฟุชิ ฮิโรมิสึมีพี่ชายอย่างโมโรฟุชิ ทากาอากิเป็นไอดอล ตอนนี้พี่ชายของเขาทำงานเป็นตำรวจ ซีโร่เองก็ชื่นชมพี่ชายของเขามากๆ เช่นกัน ระหว่างฝึกพวกเขาได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกสามคนคือ มัตสึดะ จิมเปย์ ฮางิวาระ เคนจิ และดาเตะ วาตารุ ทุกคนเข้ากันได้ดีเว้นแต่มัตสึดะกับซีโร่ที่ชอบทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้เกลียดกัน คงเป็นพวกที่ชอบทำอะไรสวนทางกับความรู้สึกของตัวเองล่ะมั้ง
“นายน่ะชอบฟุรุยะเหรอ”
วันหนึ่งมัตสึดะถามคำถามนี้กับเขา ทั้งที่คิดว่าไม่น่าจะมีใครจับความรู้สึกนี้ของเขาได้แล้วแท้ๆ
“บางครั้งนายก็หน้าแดงตอนที่ฟุรุยะกอดคอ คิดอะไรลามกกับเพื่อนตัวเองอยู่ล่ะสิ”
“ไม่ใช่สักหน่อย! ฉันแค่เขินต่างหาก!”
“ฮ่าๆๆ นายนี่ตลกดีชะมัด จะให้ช่วยอะไรก็บอก พวกนายสองคนสนิทกันมากไม่อยากลองเสี่ยงดูหน่อยเหรอ”
“…”
“ฟุรุยะไม่โกรธนายหรอกน่า ถึงไม่รับรักก็เป็นเพื่อนกันอยู่ดี หมอนั่นทิ้งนายไม่ลงหรอก”
โมโรฟุชิ ฮิโรมิสึเก็บคำแนะนำของเพื่อนไปคิดแต่ก็ถอดใจ เขาไม่มีความกล้าพอขนาดนั้น และที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีมากแล้ว…
เขากับฟุรุยะ เรย์สอบติดได้ทำงานที่เดียวกันช่างเป็นอะไรที่โชคดีสุดๆ ไม่นานพวกเขาสองคนก็ถูกส่งไปเป็นสายลับแทรกซึมอยู่ในองค์กรสีดำ และได้รู้จักกับไรย์
เขาคือสก๊อตซ์ส่วนซีโร่คือเบอร์เบิ้น การทำงานในองค์กรช่างหนักหน่วงและเต็มไปด้วยความโหดร้ายแต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ผ่านมันไปได้ จนกระทั่ง…
โมโรฟุชิ ฮิโรมิสึทำพลาดจนทางองค์กรจับได้ว่าเขาเป็นสายลับ ที่บริเวณดาดฟ้าตึกแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มแย่งปืนจากไรย์มาถือไว้ เขารู้สึกว่าอย่างไรตัวเองคงไม่รอดแน่ เช่นนั้นหลักฐานที่จะสาวไปถึงคนสำคัญจะต้องทำลายทิ้งซะ ยังไม่ทันที่เขาจะเหนี่ยวไกปืนใส่ตัวเองมือหนาของไรย์ก็มาหยุดไว้
ไรย์บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ FBI ที่แทรกซึมเข้ามาในองค์กรเหมือนกันและสามารถช่วยให้เขาหนีไปจากที่นี่ได้ โมโรฟุชิ ฮิโรมิสึรู้สึกเหมือนเห็นแสงสว่าง ตัวเขายังสามารถที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้เห็นฟุรุยะ เรย์ต่อไป ยังอยากที่จะอยู่ด้วยกัน…
ตึก ตึก ตึก
แต่เหมือนความหวังของเขาจะถูกดับซะแล้ว เสียงฝีเท้าของพวกมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ โมโรฟุชิ ฮิโรมิสึเองก็ไม่อยากทำให้ไรย์เดือดร้อนไปด้วย ในจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวเขาตัดสินใจที่จะเหนี่ยวไกปืนเข้าหาตัวเอง
‘ลาก่อนซีโร่’
‘สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่เคยได้บอกรักนาย’
‘เจ้ามัตสึดะคงหัวเราะเยาะเมื่อฉันไปหาแน่ๆ’
คนที่นอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมา โมโรฟุชิ ฮิโรมิสึฝันเห็นเรื่องราวในอดีตของตัวเองเพียงแต่ว่าเหตุการณ์สุดท้ายนั้นมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ลองคิดดูดีๆ แล้วหากวันนั้นที่เขาทำพลาดถ้าเพื่อนของเขาไปช่วยไม่ทันจุดจบอาจจะเป็นแบบนั้น…
มือหนายกขึ้นมาจับหน้าอกของตัวเองบริเวณที่โดนยิง ในความฝันมันช่างเหมือนจริงยิ่งนัก ร่างสูงขยับตัวเล็กน้อยแล้วพบว่ามีใครบางคนนอนฟุบอยู่ข้างๆ เตียงนอนของเขา ตั้งแต่ตื่นมาเขาก็รู้สึกว่าที่นี่คือโรงพยาบาล เพราะเสาน้ำเกลือคือสิ่งแรกที่เขาตื่นมาเห็น
“ซีโร่”
โมโรฟุชิ ฮิโรมิสึเรียกคนที่นอนหลับอยู่ บนร่างของชายหนุ่มผมสีบลอนด์ทองมีเสื้อคลุมสีดำที่ดูคุ้นเคยห่มไว้
คนโดนเรียกเริ่มรู้สึกตัว ฟุรุยะ เรย์ขยับร่างกายตัวเองให้นั่งดีๆ เสื้อคลุมที่อยู่บนร่างเลยหล่นลงพื้น มือเรียวเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมา ทันทีที่เห็นเสื้อที่คลุมตัวไว้ก่อนหน้านี้ก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าของเสื้อตัวนี้เป็นของใคร
“ดูเหมือนอากาอิจะมาเยี่ยมฉันสินะ”
“ฮิโรมิสึ!”
คนบนเตียงมองดูเพื่อนของตัวเองที่ทำหน้าตื่น จะว่าไปความทรงจำครั้งสุดท้ายที่โมโรฟุชิ ฮิโรมิสึจำได้รู้สึกจะเป็นตอนที่ตัวเองกระโดดหลบระเบิดแล้ววิ่งหลบเศษสิ่งก่อสร้างที่ตกลงมา เกือบจะหลบพ้นหมดแล้วแท้ๆ ดันมีอะไรก็ไม่รู้กระเด็นมากระแทกหัวอย่างแรงจนหมดสติไป
“นายตื่นแล้ว”
ฟุรุยะ เรย์กดกริ่งเรียกคุณหมอให้เข้ามาตรวจดูอาการคนในห้อง โมโรฟุชิ ฮิโรมิสึยังรู้สึกปวดหัวนิดหน่อยแต่ไม่เป็นอะไรมากแล้ว พอได้ยินดังนั้นคนเป็นเพื่อนก็พลอยโล่งใจไปด้วย
เมื่อคุณหมอกลับไปก็เกิดความเงียบขึ้นมาในห้อง ร่างสูงมองเพื่อนสนิทเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้วมาให้ดื่ม ชายหนุ่มคิดทบทวนไปมา ในฝันโมโรฟุชิ ฮิโรมิสึเสียใจที่ต้องจบชีวิตตัวเองโดยไม่ทันได้บอกรัก ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่มันจะดีกว่าหรือเปล่าถ้าเลือกที่จะพูดคำๆ นั้นออกไป…
“ซีโร่คือว่าฉันมีเรื่องจะบอก”
“อะไรเหรอ?”
ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ทองยื่นแก้วน้ำมาจ่อที่ปากให้ดื่ม เสร็จแล้วก็วางมันไว้บนโต๊ะใกล้ๆ คนที่่อยู่บนเตียงจ้องมองสบตากับอีกฝ่ายก่อนจะตัดสินใจพูดสิ่งที่คิดในใจ
‘มัตสึดะอาจจะพูดถูกก็ได้ว่ามันน่าลองเสี่ยงดู’
“คือว่าฉันชอ-”
แกร็ก
ยังไม่ทันที่โมโรฟุชิ ฮิโรมิสึจะพูดจบประโยคประตูห้องก็ถูกใครบางคนเปิดเข้ามา ฟุรุยะ เรย์หันไปสนใจคนที่มาใหม่ ‘อากาอิ ชูอิจิ’
“ฟื้นแล้วเหรอ?”
คนเป็นเจ้าหน้าที่FBIเอ่ยถามคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ก่อนหน้านี้อากาอิ ชูอิจิเข้ามาดูอีกฝ่ายก่อนจะออกไปซื้อกาแฟดำกระป๋องมาดื่ม
“นี่เสื้อนายใช่มั้ย?”
ฟุรุยะ เรย์ส่งเสื้อคืนให้คนมาใหม่ มือหนารับไว้แล้วนำมันมาพาดที่บ่า พอนึกได้ว่าเมื่อครู่นี้เหมือนคนเป็นเพื่อนจะพูดอะไรด้วยชายหนุ่มผมสีบลอนด์ทองเลยหันไปถาม
“เมื่อกี้นี้นายจะพูดอะไรกับฉันนะฮิโรมิสึ”
“เปล่าไม่มีอะไร ฉันลืมไปแล้วล่ะ”
“นึกได้เมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน”
“อืม”
กว่าจะรวบรวมความกล้าได้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คนที่อยู่บนเตียงหันไปถอนหายใจเบาๆ จังหวะช่างไม่ดีเอาซะเลย...
อากาอิ ชูอิจิยืนสูบบุหรี่อยู่บริเวณจุดให้สูบ เขาโล่งใจที่โมโรฟุชิ ฮิโรมิสึฟื้นขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้าที่ชายหนุ่มจะเข้าไปในห้องนั้น เขายืนรออยู่หน้าประตูสักพักแล้ว อยากให้คนทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามประสาเพื่อนสนิท
ระหว่างที่ร่างสูงยืนรออยู่หน้าประตูห้องฟังเสียงทั้งคู่คุยกัน ความสนิทสนมของสองคนนั้นชวนให้หงุดหงิดแปลกๆ ราวกับไม่มีใครสามารถเข้าไปแทรกได้ แล้วอยู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็เด่นชัดขึ้นมา
มือหนายกกระป๋องกาแฟดำขึ้นดื่มจนหมดก่อนตัดสินใจเปิดประตูห้องเข้าไปขัดจังหวะคนทั้งสอง ไม่รู้หรอกนะว่าคนบนเตียงตั้งใจจะพูดอะไรกับฟุรุยะ เรย์ แต่อากาอิ ชูอิจิแค่รู้สึกว่าไม่อยากให้ใครบางคนได้ยินมันไปมากกว่านี้…
........................................
ฮิโรมิสึไม่ร้องนะคะ._.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สงสารฮิโรมิ555
แต่เราอยากให้ได้สารภาพนะ อยากน้อยให้ได้บอกไปสักครั้ง