ตอนที่ 13 : Chapter 11
Chapter 11
ร่างสูงเปิดประตูห้องออกมาก่อนจะยืนหยุดนิ่งอยู่กับที่ อากาอิ ชูอิจิเคยสอบถามเรื่องคอนโดดีๆ ราคาไม่สูงนักจากพวกสันติบาล แล้วคนที่ชื่อคาซามิก็แนะนำที่นี่มา ไม่คิดว่าฟุรุยะ เรย์จะพักอยู่ที่นี่ด้วย แถมยังอยู่ห้องตรงข้ามกัน
“อากาอิ”
ฟุรุยะ เรย์เรียกชื่ออีกฝ่ายขึ้นมาเมื่ออยู่ๆ ก็เห็นคนเป็นเจ้าหน้าที่ FBI เปิดประตูออกมาจากห้องตรงข้ามในขณะที่เขากำลังหาคีย์การ์ดอยู่ สองมือของชายหนุ่มผมสีบลอนด์ทองเต็มไปด้วยถุงจากซุปเปอร์มาเก็ต
อากาอิ ชูอิจิเห็นอีกฝ่ายถือของพะรุงพะรังจึงเดินเข้าไปช่วย มือหนาคว้าถุงจากมือข้างหนึ่งของฟุรุยะ เรย์มาถือไว้
“ขอบใจ ว่าแต่นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง”
มือเรียวแตะคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูห้องและไม่ลืมที่จะถามอีกฝ่าย
“กำลังหาที่อยู่ใหม่น่ะ พอดีคนที่ชื่อคาซามิแนะนำที่นี่ให้”
พอเห็นอีกฝ่ายเปิดประตูห้องได้ร่างสูงจึงส่งถุงคืนให้ ดูเหมือนข้างในถุงนั้นจะเป็นเนื้อสัตว์กับผักชนิดต่างๆ ฟุรุยะ เรย์คงจะเป็นพวกชอบทำอาหารทานเอง จะว่าไปตอนอยู่ที่ห้องของสก๊อตซ์เขาก็เคยได้ชิมฝีมือของคนคนนี้ รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว
“ใกล้จะเที่ยงแล้วนายคงกำลังจะออกไปทานข้าวข้างนอกสินะ”
“…”
“สนใจทานอาหารฝีมือฉันมั้ยล่ะ”
เสียงมีดกระทบกับเขียงดังไปทั่วห้องครัว ร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารเอามือเท้าคางมองคนที่กำลังรับบทเป็นพ่อครัว ฟุรุยะ เรย์เป็นผู้ชายที่ทำได้หลายอย่างจริงๆ ไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายเคยปลอมตัวเป็นพนักงานร้านปัวโรต์ได้อย่างกลมกลืน
วันนี้เป็นวันหยุดเดิมทีอากาอิ ชูอิจิตั้งใจจะออกไปทานข้าวข้างนอกแล้วซื้อกลับมาห้องเผื่อมื้อเย็น ไม่คิดว่าอยู่ๆ จะมีคนชวนทานอาหารด้วย เขาไม่ปฏิเสธที่อีกฝ่ายชวนเพราะก็ขี้เกียจออกไปเจอรถติดข้างนอกเหมือนกัน
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”
เอ่ยถามคนที่เทจานผักที่หั่นไว้ลงในกระทะ
“ไม่เป็นไรจะเสร็จแล้ว แค่ข้าวผัดธรรมดา”
“…”
ดวงตาสีเขียวจ้องมองท่าทางการผัดข้าวที่คล่องแคล่วของคนตรงหน้าอย่างสนใจ อาจเป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้ทำอาหารทานเองเท่าไหร่ ชักจะสนใจขึ้นมาซะแล้วสิ มันน่าจะช่วยประหยัดเงินและเป็นอะไรที่ทำแก้เบื่อเวลาว่างๆ ได้
ไม่นานข้าวผัดจานร้อนๆ สีสวยก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าอากาอิ ชูอิจิ คนทำอาหารวางจานลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงตรงข้ามร่างสูง เรื่องการทำอาหารเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ฟุรุยะ เรย์คิดว่าตัวเองทำได้ดีไม่แพ้ใคร
“กินข้าวเสร็จฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
อากาอิ ชูอิจิไม่ได้ตอบกลับทำเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ ให้อีกฝ่ายรับรู้ มือหนาตักข้าวผัดสีสวยเข้าปาก รสชาติของมันไม่ต่างจากที่ขายอยู่ในร้านอาหารแพงๆ เลย อาจจะอร่อยกว่าด้วยซ้ำ
หลังจากทานอาหารมื้อเที่ยงเสร็จคนเป็นเจ้าหน้าที่ FBI ก็อาสาล้างจานให้ ซึ่งเจ้าของห้องก็ไม่ขัดข้อง พอร่างสูงล้างจานเสร็จก็เดินมานั่งตรงโซฟาหน้าทีวีข้างๆ ฟุรุยะ เรย์
“สก๊อตซ์ส่งข้อมูลมาให้เมื่อคืน”
ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ทองยื่นโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอปรากฎข้อความที่สก๊อตซ์ส่งมาให้อีกฝ่ายดู ที่เขาชวนอากาอิ ชูอิจิมาทานข้าวด้วยที่ห้องก็เพราะอยากจะขอความเห็นเรื่องข้อความนี่ มีคนช่วยคิดย่อมดีกว่า
“5 มกราคม 19.00 น.ท่าเรือxxxเมืองโทโตะงั้นเหรอ”
“ข้อความมีแค่นี้แหละ นายคิดว่าไง”
“เป็นไปได้ว่าพวกคนใหญ่คนโตขององค์กรจะปรากฎตัวที่นั่น”
“…”
“ไม่ก็คงเป็นการแลกเปลี่ยนอะไรที่สำคัญมากๆ”
“ฉันเองก็คิดคล้ายๆ กับนาย แต่อะไรก็ไม่แน่นอน”
“พวกเราควรเตรียมตัวให้พร้อม”
“จะบุกสินะ แต่ถ้าพลาดพวกเราคงจบเห่”
“FBI กับ สันติบาลก็รวมตัวกันเพื่อการนี้ไม่ใช่เหรอ”
มือหนาส่งโทรศัพท์มือถือคืนฟุรุยะ เรย์ รอยยิ้มมุมปากของร่างสูงยกขึ้นเล็กน้อย เหมือนคนกำลังเจอเรื่องสนุก คนเป็นเจ้าของห้องมองดูท่าทางของอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้นมา
“อย่าปล่อยให้ความโกรธแค้นครอบงำล่ะ ระวังจะพลาดเหมือนตอนอยู่ในป่า คราวนี้ฉันไม่ช่วยแล้วนะ”
ฟุรุยะ เรย์เอ่ยเตือนอีกฝ่าย เขาเข้าใจความโกรธแค้นดี เพราะเขาเองก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมา ตอนนั้นเขาแทบจะมองไม่เห็นความเป็นจริงบางอย่างด้วยซ้ำ มันอึดอัดเจ็บปวดจนอยากหาที่ระบาย ถ้าไม่ได้จัดการอีกฝ่ายความอึดอัดมันก็ไม่จางหายไป
“ฉันเข้าใจแล้ว”
“…”
“หากตอนนั้นฉันเกิดสติขาดเมื่อไหร่ก็ช่วยต่อยแรงๆ ที”
สันติบาลและเจ้าหน้าที่ FBI ทำการประชุมวางแผนกันอย่างหนักหน่วงจนแทบไม่มีเวลาพักหายใจ ในการประชุมครั้งนี้นักสืบมอปลายอย่างคุโด้ ชินอิจิได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมด้วย สร้างความแปลกใจให้กับใครหลายคน แต่พอได้เห็นข้อเสนอแนะต่างๆ จากเด็กหนุ่มแล้วทุกคนก็เข้าใจและยอมรับในสมองอันชาญฉลาดนั้น
“พักก่อนมั้ยครับคุณฟุรุยะ”
คาซามิถามคนเป็นหัวหน้าด้วยความเป็นห่วง ก็คุณฟุรุยะเอาแต่อ่านเอกสารข้อมูลไม่ยอมไปพักทานข้าวเลยด้วยซ้ำ เข้าใจว่าเวลาที่จะลงมือปฏิบัติการเหลือน้อยลงทุกวัน แต่หากไม่พักบ้างทางนี้ก็แย่เหมือนกัน
“นายไปพักก่อนเถอะคาซามิ ฉันอยากตรวจดูอะไรอีกนิดหน่อย”
ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ทองก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารไม่สนใจคนที่กำลังเป็นห่วงแทบบ้า คาซามิเกาหัวอย่างหมดหนทางที่จะลากคุณฟุรุยะออกจากเก้าอี้ ทันใดนั้นประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดโดยฝีมือของใครบางคน
“คุณอากาอิ! มาช่วยผมพูดกับคุณฟุรุยะหน่อยสิครับ!”
“คาซามิคุณออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ผมดูเอง”
เมื่อคนมาใหม่พูดแบบนั้นคาซามิจึงยอมออกจากห้องไปและไม่ลืมที่จะหันมามองคุณฟุรุยะที่อ่านเอกสารหน้าตาเคร่งเครียด
“คนอื่นไปพักกันหมดแล้วนายควรไปพักบ้างนะ”
“ช่างฉันเถอะ”
“หากสันติบาลขาดนายไปจะแย่เอานะ ทางFBI ก็เหมือนกัน นายคือคนที่สำคัญ”
“งานนี้จะผิดพลาดไม่ได้นายก็รู้”
ร่างสูงส่ายหัวเบาๆ ให้กับความดื้อรั้นของอีกฝ่ายก่อนจะวางกล่องข้าวที่ไปซื้อมาลงบนโต๊ะ
“ให้ฉัน?”
“ให้นายนั่นแหละ ฉันทานข้าวมาเรียบร้อยแล้ว ในห้องนี้ก็มีนายนั่งอยู่คนเดียว”
“…”
“ไม่ต้องเครียดนักหรอกเมื่อถึงตอนนั้นฉันจะระวังหลังให้นายเอง”
วันที่ 5 มกราคม เวลา 7.00 น.
ป้ายหลุมศพถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว มือหนาวางดอกกุหลาบสีแดงที่นำมาลงตรงหน้าหลุมศพ เธอเคยบอกเขาว่าชอบดอกไม้ชนิดนี้มากที่สุด
“ขอโทษที่ไม่ได้มาเยี่ยมนานนะอาเคมิ”
ร่างสูงที่สะพายกระเป๋าใส่ปืนไรเฟิลยืนมองหลุมศพของอดีตคนรักด้วยแววตาอบอุ่น รอยยิ้มบางๆ ถูกจุดขึ้นที่ริมฝีปาก วันนี้คือวันที่เขาต้องปฏิบัติภารกิจสำคัญในฐานะเจ้าหน้าที่ FBI ไม่รู้เหมือนกันว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร แต่เขาจะปกป้องชีวิตที่ผู้หญิงคนนี้เอาตัวเองเข้าแลกเพื่อต่อลมหายใจให้
“ขอบคุณนะอาเคมิ แล้วก็ขอโทษด้วย”
“เรื่องน้องสาวของเธอฉันจะไปช่วยให้เร็วที่สุด”
“จะมีชีวิตอยู่ต่อให้สมกับที่เธอยอมเอาชีวิตมาปกป้อง”
“เธอจำเบอร์เบิ้นได้มั้ย หมอนั่นเป็นสันติบาลแหละ นิสัยดื้อรั้นเป็นที่หนึ่งแต่ก็รักความยุติธรรมไม่แพ้ใคร แถมยังทำอาหารอร่อย”
“คงสงสัยสินะว่าทำไมฉันถึงพูดถึงหมอนั่นให้เธอฟัง ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันคงเป็นเพราะช่วงนี้สนิทกันด้วยล่ะมั้ง… ฉันรู้สึกดีเวลาที่มีหมอนั่นอยู่ใกล้ๆ”
“วันนี้ฉันจะลากคนที่ทำร้ายเธอกับน้องสาวมารับโทษให้ได้ รอก่อนนะ”
หิมะสีขาวตกลงมาจากท้องฟ้า ลมหนาวพัดผ่านทำให้ร่างกายรู้สึกเย็นวูบ ราวกับคนจากไปรับรู้ถึงคำพูดของคนที่มีชีวิตอยู่
................................................
เป็นความสัมพันธ์ที่ค่อยๆกระเตื้องขึ้นมาทีละนิด อย่าเพิ่งเบื่อกันน้าาาา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอน้าาาา
ลุ้นมากว่าจะจัดการพวกองกรณ์ชุดดำได้ไหม