ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Stage of love-- รักนี้เราจอง เวทีนี้เราจอง

    ลำดับตอนที่ #3 : อยากให้เธอบอก

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 54


      

     3.อยากให้เธอบอก

    เพลงอยากให้เธอบอก--หนุ่มเสก
    http://www.youtube.com/watch?v=5d64s2VWuCg
    เพลงอยากให้เธอบอก--เจี้ยบวรรธนา
    http://www.youtube.com/watch?v=OhNY4Jd_66A&feature=related



     

    3.  อยากให้เธอบอก

    1 เดือนก่อนหน้านั้น..

    ยงฮวาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้บนเครื่องบิน ผ่อนอิริยาบถให้สบาย เขาสวมแว่นกันแดดสีชาอันใหญ่ปิดบังใบหน้าเกือบครึ่ง สองแขนกอดอกมีหนังสือทาบอยู่ที่อก..

    เขาหลับตา แต่ไม่ได้หลับ หูยังได้ยินเสียงผู้จัดการส่วนตัวกับสไตลิสต์คุยกัน มีบางช่วงวกมานินทาเขาเสียอีก

    “ดู๊ พ่อหนอนหนังสือหลับไปแล้ว”

    “แหม เดี๋ยวนี้ยงฮวาอ่านหนังสือตลอดเลยนะคะ”

    “เหอะ  มันอ่านได้สองหน้าก็หลับ  หนังสือ The Secret   นี่ซอฮยอนให้มาตั้งปีแล้วยังอ่านไม่จบเลย”

    “โถ..แต่ก็ยังมีความพยายามนะน่ารักดีออก”

    “ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงได้ มั่ง จะดูสิว่าจะทำอะไรตามใจสาวได้สักกี่น้ำ”

    ยงฮวานึกขันผู้จัดการส่วนตัว

    ก็จริงอย่างที่เขาว่า  ตัวเขาเองไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ แต่ซอฮยอนชอบนักหนา เขาเลยลองพยายามเปิดอ่านดูยามว่าง แรกๆ อ่านไม่ถึงหน้าก็ง่วง อยากหลับหนักหนา พอหยิบมาเปิดดูบ่อยๆ เออ การอ่านนี้มันก็มีอะไรน่าสนใจอย่างที่ยัยตาใสนั่นบอกจริงๆ แต่เขาก็ยังอ่านไม่ทนอยู่ดี เอาน่า อย่างน้อยก็ดีกว่าเมื่อก่อน

    พอนึกถึงยัยตาใส ความคิดถึงดูเหมือนจะทวีความรุนแรง ป่านนี้ยัยนั่นจะทำอะไรอยู่นะ เสียดายที่บินมาพร้อมกันไม่ได้

    ไม่เป็นไร เสร็จงานแล้ว ยังมีเวลาอยู่เที่ยวอีกหลายวัน...

    ยงฮวายิ้มนิดๆที่มุมปาก

    “นอนเอาแรงดีกว่า อีกตั้งสี่ห้าชั่วโมงกว่าจะถึงประเทศไทย”

    เขาบอกตัวเอง ก่อนจะปล่อยให้สติลอยล่องไปในห้วงฝัน แน่นอน ห้วงฝันของคนมีรักย่อมมีสตรีที่พึงใจรอคอยอยู่ในนั้น

    ...............................................................

     

    ซอฮยอนกับพี่สาวแปดคนยังอยู่ในกองถ่ายโฆษณา เมื่อนาฬิกาบอกเวลา สี่ทุ่ม สาวๆทุกคนดูเหนื่อยอ่อน แต่ต้องทำหน้าตาสดชื่นสุดฤทธิ์เมื่ออยู่หน้ากล้อง ซอฮยอนนั่งพักเมื่อหมดคิว ข้างๆเธอเป็นฮโยยอนที่หาวหวอดๆ เพราะนอนดึกเพราะเพลินดูหนัง แล้วต้องมาตื่นเช้า ถัดมาเป็นซันนี่ที่นั่งหลับนิ่งๆเข้าฌาณ  ซอฮยอนหยิบลิปกรอสมาไล้ริมฝีปากเบา หน้าตาท่าทางที่ดูปรกติไม่เบื่อ ไม่เพลีย และไม่เหนื่อย ทำให้ฮโยยอนอดที่จะเอ่ยปากถามไม่ได้

    “นี่ยัยหนู เธอกินอะไรเข้าไป ทำไมดูเธอไม่เหนื่อยไม่เพลียกับเขาเลยน่ะ เมื่อเช้าก็ตื่นแต่ไก่โห่มาทำอะไรไม่รู้ ถามจริงๆ ทำไม อะเลิต(alert) ได้ขนาดนี้ มีอะไรดีๆบอกกันมั่ง”

    “กินมันหวานไงคะ แล้วก็ไม่กินอาหารขยะ นี่แหละอะไรดีๆที่หนูมี”

    “อ้าว ไม่ใช่มีความรักเหรอ?”

    ฮโยยอนแซวยิ้มๆ ซันนีลืมตาขึ้นมาทันที ผสมโรงด้วยความชอบใจ

    “ฮิ้วววววว คนมีความรัก”

    “บ้า พี่นี่”

    ซอฮยอนเขินทุบเบาๆไปที่พี่สาวจอมยั่วหนึ่งที

    “โอ๊ย”

    ฮโยยอนแกล้งร้อง แล้วหันมาพยักเพยิดกับซันนี่

    “เธอดูสิ เขินหน้าแดงหมดแล้ว น้องเรา”

    “ไม่ใช่สักหน่อย เขาปัดบรัชออนมา”

    น้องรักค้อนให้

    “พี่อย่าพูดอย่างนี้ เดี๋ยวใครมาได้ยินจะพาลโดนเอ็ดเอา

    “วุ้ยใครจะได้ยิน นั่งกันอยู่สามคน “

    ซันนี่ว่า

    “นั่นแหละค่ะ พี่ผู้จัดการบอกว่า ถ้าไม่ใช่อยู่ที่บ้านให้ระวังเรื่องพูดเล่นกันด้วย

    “เธอสิต้องระวัง เพราะเธอมีแฟนแล้ว ไม่ใช่พวกเรา ฮ่าฮ่าฮ่า”

    “ใช่ๆ”

    พี่สาวสองคนรุมแซวน้องเล็ก

    “ฮื่อ พี่นะว่าไม่ฟัง”

    ซอฮยอนทำเป็นแกล้งงอน

    “เออ ไม่ล้อก็ได้ แต่อิจฉาจริงๆ จะได้ไปเที่ยวกับแฟนที่เมืองไทยตั้งสี่ห้าวัน ท่านประธานไฟเขียวเสียด้วย”

    “ไหน ใครจะได้ไปเที่ยว”

    ยูริกับเจสสิก้าเดินมาร่วมวง ได้ยินเสียงประโยคสุดท้ายของฮโยยอน

    “อ้อออออออ น้องเล็กจะไปเดทรอบสองกับสามีไง”

    เจสสิก้าแซว

    “อิจฉาจริง”

    “ฮื้อ พี่ๆนะ”

    “ว่าแต่ฉันก็สงสัยน่ะ ซันนี่ ทำไมคุณลุงเธอยอมง่ายๆ ปรกติไปออกงานข้ามค่ายแบบนี้ ยอมเสียที่ไหน ยิ่งคู่ไหนมีข่าวกุ๊กกิ๊กรักๆใครๆยิ่งไม่อนุญาตใหญ่”

    ทุกคนเลยเบนความสนใจไปที่ซันนี่ โดยเฉพาะซอฮยอนเธอก็อยากรู้เช่นกัน ว่าทำไมการไปทำงานกับยงฮวาถึงเมืองไทยคราวนี้จึงได้รับอนุญาต ทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้เลยสักนิด

    “อ้อ..คุณลุงเกรงใจคุณน้าลีจินนะสิ”

    “ใครกัน น้าลีจิน”

    ทุกคนยิ่งสงสัย

    “คุณน้าลีจีน เป็นลูกสาวประธานลีจีโฮ อดีตประธานบริษัท A Train ไง ที่เมื่อก่อนยิ่งใหญ่มาก คุณตากับคุณลุงก็ได้รับการสนับสนุนจากท่านประธานที่นี่.. รวมทั้งประธานฮัน บ.FNC ที่ยงฮวาสังกัดอย่ก็เป็นลูกหม้อเก่าบริษัทนี่ไง   คุณน้าลีจีนขอร้องเป็นพิเศษมา คุณลุงประธานลีซูมานของเราต้องจัดให้สิ”

    “โอว์..อย่างนี้เอง”

    สาวๆพากันพยักหน้าหงึกหงัก

    “แล้วทำไมเจาะจงซอฮยอนกับยงฮวา เขาเป็นแฟนคู่รักมันหวานหรือ?”

    “ใช่แล้วล่ะ ลูกสาวเขา ชืออะไรฉันจำไม่ได้แล้ว ติดมาก เป็นแฟนน้องเล็กกับคุณสามีแบบติดหนึบ...เห็นคุณลุงเล่าว่า ตอนอวสาน เขาร้องไห้จะเป็นจะตาย อาลัยรัก สองคนนั้นที่จะไม่เห็นในรายการ WGM อีก”

    “โอ้โฮ้ ขนาดนั้นเชียว”

    “อูย โคตรแฟนพันธ์แท้เชียวนะยัยหนู”

    ฮโยยอนทำสีหน้าทึ่งๆที่ดูตลกจน เรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน

    “แหมๆๆ  พวกหล่อนทำเป็นค่อนขอดเขา”

    ยูริชี้หน้าเพื่อนเป็นรายตัว

    “ฉันจำได้น่ะ วันอวสานน่ะ ที่เราสุมหัวดูกัน ร้องไห้กันตั้งหลายคน “

    “ก็ฉันสงสารน้องเล็กนี่ ยัยหนูร้องไห้ด้วย”

    ซอฮยอนยิ้ม ในใจแอบกระซิบกับตัวเองว่า

    “ฉันก็สงสารตัวเองเหมือนกันในวันนั้น ฉันอยากร่วมรายการนั้นต่อไป อยากเป็นภรรยา อยากเจอพี่ยงฮวาอีก”

    แต่คำพูดเหล่านั้นก้องแค่ในใจ ขืนหลุดมามีหวังโดนล้อทุกวันไม่เป็นอันทำอะไร

    “ก็ถ้าเขาชอบแบบนั้น ทำไมไม่มาเกาหลี เส้นใหญ่ขนาดนี้ มีหวังพวกเราคงต้องไปเอนเตอร์เทนเขายกค่าย”

    “อืมม์”

    ซันนี่พยักหน้านิดๆ

    “เขาคงอยากมากน่ะ ถ้าทำได้ แต่เขาเดินไม่ได้นะสิ เป็นโปลิโอ  ต้องนั่งรถเข็นตลอด ยิ่งตอนนี้เขากำลังเศร้าซึม เพราะการผ่าตัดครั้งล่าสุดไม่ได้ผล  พ่อแม่สงสารลูกสาว เลยอยากเอาใจไง”

    “อย่างนี้นี่เอง”

    “น่าสงสารจัง”

    ซอฮยอนหลุดปากออกมา เธอก็เพิ่งรู้เหตุผลจริงก็ตอนนี้เอง เพราะตอนที่ถูกเรียกเข้าไปฟังข่าวนี้กับผู้จัดการ ท่านประธานไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่บอกว่า เธอต้องไปทำงานที่ประเทศไทยร่วมกับยงฮวาถึงห้าวัน เป็นงานส่วนตัว  ท่านประธานยังทิ้งท้ายว่า

    “เรื่องส่วนตัวลุงจะไม่เข้าไปยุ่งน่ะ  รู้ว่าซอฮยอนเป็นเด็กที่มีความคิดอ่านเป็น รู้หน้าที่ว่าควรทำอะไร อย่างไร  และตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ก็อย่าประมาท ระวังตัวไว้ด้วย เราเป็นศิลปิน ไอดอล อยู่หน้าสื่อ ผิดพลาดพลั้งไป แก้ไขได้ยาก”

    “ค่ะ ท่านประธาน”

    ซอฮยอนจำได้ว่ายังรับคำหนักแน่น

    “ซอฮยอนไปมอบความสุขความทรงจำที่ดีกับน้องเขานะ”

    “ค่ะพี่ๆหนูจะทำให้ดีที่สุดเลย”

    เสียงตะโกนเรียกสาวๆไปเข้าฉาก

    “ยูริ เจสิก้า ซันนี้ ถึงคิวพวกเธอแล้ว มาเร็วๆเข้า”

    สามสาวลุกไปอย่างรวดเร็ว

    ฮโยยอนหาวยาวๆอีกครั้ง

    “โอ๊ย เมื่อไหร่จะถึงคิวฉันกันนี่  ง่วงเต็มที่ แล้วเธอต้องไปขึ้นเครื่องกี่โมงกัน”

    “ตีหนึ่งกว่าๆค่ะพี่”

    “โอ๊ย.ยยย เพลียแทน”

    “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูไปนอนบนเครื่อง สามสี่ชั่วโมงก็หายเพลียแล้วล่ะ ว่าแต่พี่อยากได้ของฝากอะไรที่เมืองไทยมั้ยคะ”

    “ไม่รู้สิ แล้วแต่เธอแล้วกัน แต่มีอยากหนึ่งพี่อยากฝาก”

    ซอฮยอนรับคำเสียงกระตือรือร้น แต่ลืมมองหน้าตาเจ้าเล่ห์ของพี่สาว

    “ฝากว่า...อย่าตามใจยงฮวามากนักน้า”

    “บ้า พี่เอาอีกแล้ว”

    ซอฮยอนย่นจมูกทำปากยื่น  แต่ดวงตาสดใส

    “แน้ๆ ไม่ต้องเขินๆ ไม่ต้องเขิน เป็นแฟนกันแล้วจะมาเขินอะไรน้า”

    ซอฮยอนหน้ามุ่ยลง

    “เป็นแฟนกันหรือคะ  พี่เขาไม่เคยพูดอะไรสักหน่อย หนูกลัวว่าจะกลายเป็นแฟนทึกทักเอาฝ่ายเดียว ขืนทำท่าอะไรเวอร์ไปแล้วเขาบอกไม่คิดอะไร หนูก็แย่สิคะ”

    คำปรารภที่เหมือนความกังวลเล็กๆของสาวน้อย ทำให้ฮโยยอนยิ้มเอ็นดู ยื่นมือไปลูบผมยาวสลวยที่จัดแต่งเป็นลอนสวยงามเบา

    “เด็กโง่ เขาก็ทำตั้งเยอะนะยงฮวาน่ะ ใช่มั้ย”

    ซอฮยอนพยักหน้านิดๆ

    “แต่เขาอาจทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนก็ได้”

    คราวนี้ฮโยยอนหัวเราะเบาๆ

    “ไปตะโกน “ซารางฮันดา”ออกรายการทีวีเนี้ยนะ”

    ซอฮยอนหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงรายการวาไรตี้ชื่อดังที่ชายหนุ่มไปออก แล้วตะโกนบอกรักเธอออกทีวี ด้วยท่าทางสนุกสนานปนเก้อเขิน จำได้ว่า ตอนที่ดูอยู่กับพี่สาวแปดคนที่หอพัก ทุกคนกรื้ดกันเสียงดัง จนผู้จัดการส่วนตัว และแม่บ้านวิ่งออกมาหน้าตาตื่น

    “ม่ายมั่ง แถมไปออกรายการไหนๆ ก็เลือกแต่ซอฮยอนๆ กระทั่งรายการที่เขาไม่มีน้องฉันในลิสต์รายชื่อ ตาน้องเขยนั่นยังเลือกซอฮยอน ดูเขาทำ”

    ฮโยยอนเสียงบ่น แต่ใบหน้ายิ้มละไม  ซอฮยอนหน้าแดง ก้มหน้ายิ้มกับฝ่ามือที่วางบนตัก

    “แค่นี้ก็..น่าจะบอกความจริงใจของเขาได้ ไหนจะข้าวของฝากที่ประเคนมาฝากเธอทุกครั้งที่ไปต่างประเทศ ส่งข้อความหาเธอบ่อยเท่าที่ทำได้ วุ้ย..เขาก็รู้กันทั่วแล้วว่า มีซัมติงลองกัน(Sometings’s wrong)

    “แต่เขาไม่เคยพูดอะไรกับหนูเลยนะคะ ไม่เคยบอกว่าชอบสักหนเลย หนูไม่กล้าคิดไปเอง”

    สาวน้อยเปิดเผยความกังวลออกมา

    “ก็ไม่ค่อยได้เจอกัน หาโอกาสอยู่กันสองต่อสองยาก แต่ไปเมืองไทยหนนี้มีสิทธ์”

    ฮโยยอนทำสีหน้าสีตาล้อเลียน จนซอฮยอนเขิน

    “พี่น่ะ”

    “อ้าวจริง เขาคงอยากจะพูดกับเธอให้รู้เรื่องเต็มแก่แล้ว อีตาประธานฮันนั่นก็ไฟเขียวโล่เชียว รับผลประโยชน์เต็มๆ ถ้ายงฮวาเดทกับเธอ เป็นข่าวตลอด ไม่ต้องพึ่งงบโฆษณา”

    “แหม พี่”

    “นี่ท่านประธานลีของเราก็ดูเหมือนจะไม่ว่าไม่ห้ามเธอ คงเห็นว่าโตแล้ว..เธอก็มีแฟนเป็นตัวตนได้แล้ว  นิสัยอย่างเธอ มีแฟนก็คงไม่เสียงาน เพราะเธอคงเห็นงานมาก่อนแฟน”

    “พี่คะ”

    ซอฮยอนเอ่ยด้วยเสียงขลาดๆ

    “ถ้า ถ้าเขาเกิดพูดกับหนูที่เมืองไทยจริงๆ หนูควรทำยังไงดีคะ”

    “หมายถึงพูดจะขอคบเป็นเรื่องราวนะเหรอ?”

    ซอฮยอนพยักหน้า  อีกฝ่ายไม่ตอบแต่ย้อนถามกลับ

    “ชอบเขามั้ย?”

    น้องเล็กรู้สึกหน้าตาร้อนผ่าว สองแก้มแดงเรื่อ

    พี่สาวหัวเราะเบาๆ เห็นท่าทางก็พอจะเดาไม่ยากแล้ว แต่ไม่อยากจะพูดให้อายหนัก

    “ง่ายนิดเดียว ก็ถามใจเธอสิว่า เธออยากตอบอะไร yes no  หรือ โอเค  หัวใจเธอเท่านั้นแหละน้องเล็กจ๋าที่จะตอบได้  ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองนะจ๊ะ”

    ฮโยยอนยกมือลูบแก้มใสๆของน้องเล็กเบาๆอย่างเอ็นดู

    “ซอฮยอน ฮโยยอน ถึงคิวพวกเธอแล้ว”

    สองสาวยิ้มให้กัน ลุกขึ้นยืน จับมือวิ่งไปพร้อมกัน...

    The Show must go on. The life must go on,too.

    …………………………………………………………………………………………

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×