ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : >> ChapTer 3
-3-
“เดี๋ยวเพื่อนฉันก็จะมาหาฉัน ฉันก็จะกลับบ้านไม่อยู่กับนายแล้ว”
ฉันพูดอย่างยะโสเพราะมั่นใจว่าเป๊กต้องมา
“5555+ เพื่อนเธอหน่ะฉันจัดการไว้แล้ว เขามาไม่ได้หรอก”
อะไรน่ะ ไม่น่ะ เป๊กโดนทำร้ายหรือโดนอุ้มฆ่า หรือว่าเขาโดนส่งออกนอกประเทศไปแล้ว ไม่นะ..
เกือบๆพอดีกับที่เขาพูดจบฉันก็วิ่งๆๆๆให้ห่างจากเขามากที่สุดฉันหาทางออกของสวนสนุกไม่เจอ ฉันเลยจำเป็นต้องตัดสินใจปีนรั้ว
ออกมาแต่พระเจ้าคงแกล้งฉัน ฉันดั๊นนนน…ดันเจอรั้วที่ตั้งใจจะปีนตรงใกล้ๆทางออก ฉันก็คิดได้แค่นี้แหละ เพราะนายนั่นกำลังวิ่งตามมา และมีที่ท่าว่าจะวิ่งแซงเต่าอย่างฉันไปซะแล้ว TIT พ่อกับแม่ทำไมต้องให้ขาสั้นๆหนูมาด้วยเนี่ย ฮือๆๆๆ
หลังจากคิดเสร็จฉันก็วิ่งๆๆๆๆ ไม่มองข้างหลัง ฉันไม่สนใจว่านายนั่นจะวิ่งเร็วแค่ไหน และไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เพราะถ้าหากฉันยังมัวแต่ดูข้างหลังก็ไม่ต้องวิ่งกันพอดี บางทีฉันกับเป๊กอาจจะเป็นสินค้าส่งออกจากประเทศไทยไปด้วยน้ำมือของแก๊งยากูซ่า ไม่น๊ะ…ฉันเพิ่งอายุ 16 ยังไม่ได้ควงแฟนใหม่ไปให้ไอ้หน้าเห่ยที่ทิ้งฉันดูเลย ฉันตายตาไม่หลับ ไหนจะพี่บีม D2B ฉันก็ยังไม่ได้จับมือเขา ชีวิตนี้ฉันต้องมีโอกาสสิน่าาาา ฉันยังตายไม่ได้ แฮ่กๆ…เหนื่อย
โอ๊ะ!!! นั่นไงตรงที่ข้างๆกำแพง มีคนๆนึงกำลังเหมือนจะก้มเก็บเศษตังอยู่ตรงนั้น ถ้าฉันแค่เหยียบบนหลังเขาแล้วปีนขึ้นไปบนกำแพง กว่าเขาจะรู้ตัว ฉันก็ข้ามกำแพงออกไปแล้ว ^_Q เหอะๆๆ ฉลาดจริงๆเลยเรา
แล้วฉันก็วิ่งไปที่คนๆๆนั้น เหยียบที่หลังเขาคนนั้น(ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย)แหะๆๆๆ แล้วก็พยายามพาดขาสั้นๆไปที่ขอบรั้ว
แต่มันพาดไม่ถึง แง้ๆๆๆ พี่ชายคนนั้นก็เลยลุกขึ้นมาโดยยังมีฉันยืนอยู่ที่บนหลังเขา ฉันก็ตกลงมา TIT
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา”
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยย”
ด้วยเวลาอันรวดเร็วแต่ราวกับเป็นภาพสโลวโมชั่น ฉันตกลงมาใส่กลางหลังเขา แล้วเขาคนนั้นก็หันหน้ามาทำให้ฉันแน่ใจที่สุดว่าพี่ชายคนนั้นก็คือนายพีท ..ไปพร้อมๆกับที่ฉันกำลังยื่นหน้าไปมองเขา(ฉันคิดว่าเขาคงจะไม่หันมา)
เขาหันมาพร้อมแสยะยิ้มอย่างมารร้าย ฉันพยายามหนีเขา แต่ก็กลับใกล้เขาเข้าไปทุกที อาจเป็นเพราะความเร่งในตัวของเขามีมากกว่าฉันก็เป็นไปได้
“อย่าคิดว่าจะหนีฉันพ้นนะ ฉันจะตามเธอไปทุกที่”
“ช่วยด้วยค่าาาาาาาา หนูโดนคนร้ายจับตัวเรียกค่าไถ่ค่าาาาาาา ช่วยด้วยยยยยยยย”
สิ้นสุดคำพูดฉันก็มีพลเมืองดีมารวบตัวนายนั่น และอีกคนก็วิ่งไปเรียกยามที่หน้าทางออก
“อย่ายุ่งสิ ปล่อยฉันนะนี่มันเรื่องในครอบครัว ฉันเป็นพี่ชายของเธอเอง
เขาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทำไมนายนั่นพูดอย่างนั้นนะ หรือว่าจะกลัว นายต้องแสดงความเก่งออกมา อย่างเช่น กระทืบคนที่มาจับนายจนล้มลงไป ทำให้เหมือนพระเอกหนังที่ฉันดูสิ
แต่นายนี่…
“ปล่อยฉันนะ นี่ยัยซอสบ้ามาช่วยพี่ชายเธอไปจากคนพวกนี้ทีสิ”
เขาพยายามตะโกนออกมาอีก เชอะ! ใครจะไปช่วยนาย
“จับเขาไปเลยค่ะ ส่งสถานีตำรวจไปเลยค่ะ”
ฉันยุคุณลุงยามทันทีที่มาถึง แต่เท่าที่ทำได้ คุณลุงยามกลับพาฉันกับตาบ้านั่นไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่ห้องพัก ~ ฉันไม่ได้บ้านะค่าาาาาาาา
ทันทีที่ถึงแผนกประชาสัมพันธ์ พี่สาวที่นั่งติดกระจกของแผนกก็ส่งสายตาหวานแหวว แล้วขยิบตาให้พีท มันหมายความว่าอะไร นายนี่สมควรแก่การคลั่งไคล้งั้นเหรอ
ลุงยามพาฉันมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆพีท ส่วนตัวเขาเองก็นั่งลงอีกด้านนึงของโต๊ะ การสอบถามก็เริ่มต้นขึ้นในทันที
“เขาทำร้ายหนูรึปล่าวจ๊ะ”
“เอ่อ…ค่ะ”
“ไม่ครับ เด็กคนนี้เป็นน้องสาวของผมที่สติไม่ดี ชอบคิดว่าผมเป็นคนอื่นอยู่เรื่อยๆเลยครับ”
“ยังไม่ได้ถามเธอ”
ลุงยามขัดจังหวะการเล่าของพีท ก่อนที่ฉันจะกลายเป็นคนบ้าออกมาจากโรงพยาบาลด้วยคำพูดของเขา หรือเป็นอะไรเท่าที่เขาจะนึกออกมาได้ แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้พีทเลิกพูดได้”
“พอผมพาไปกินสุกี้ที่ห้าง เธอก็ร้องเอาแต่ใจจะมาสวนสนุก พอมาถึงสวนสนุกก็มาหาว่าผมเป็นคนร้ายอีก ผมไม่น่าพาออกมาจากบ้านเลย”
“ฉันไม่ได้ถามคุณ”
“ก็บอกแล้วไงว่าน้องสาวผมสติไม่ดี เธอไม่สามารถตอบอะไรได้ เชื่อผมเถอะครับ คุณลุงยามผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ”
คุณลุงยามคนนั้นยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ แต่ก็เก็บอาการไว้ แล้วแกล้งกระแอมออกมาเพื่อเปลี่ยนสีหน้า
“อะแฮ่ม…งั้นเอาบัตรประชาชนเธอมาล่ะกัน ฉันจะได้จดเป็นบันทึก เผื่อมีเรื่องขึ้นมาอีกจะได้ส่งตำรวจ”
“ครับ … นี่ครับ”
ตาบ้านั่นตอบอย่างสุภาพที่สุด พร้อมกับยื่นบัตรประชาชนไปให้ ขอฉันดูรูปถ่ายในบัตรก่อนเถอะ
อ๊า..ทำไมรูปถ่ายในบัตรประชาชนของเขาถึงหล่ออย่างนี้นะ ตอนนั้นที่ทำบัตรคงเป็นตอนอายุ 16 หน้าเด็กชะมัดเลย ผมดำขลับที่ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเท่ห์ แต่เมื่อมองสภาพนายพีทตอนนี้ แหวะ ขอถุงมาอ้วกหน่อยเถอะ แม้เขาจะคงเค้าความหน้าตาดีเอาไว้ แต่ไอ้ทรงผมแดงๆส้มๆเหมือนเพิ่งขับรถผ่านถนนลูกรังแดง แล้วฝุ่นเกาะผมมานี่สิ บาดตาบาดใจ
เมื่อลุงยามที่แสนดีคนนั้นมองบัตรก็ขอโทษขอโพยพีทเป็นการใหญ่ แล้วรีบไปรินน้ำส้มเย็นๆพร้อมเอาขนมมาเสิร์ฟ ในตอนนี้นายพีททำหน้าสำคัญตัวมาก ทำไมคนเราถึงเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เนี่ย
“ขอโทษเป็นอย่างสูงด้วยครับที่ผมดูคุณชายผิดไป พ่อของคุณชายมีหุ้นในนี้ตั้ง 62.29% จริงๆคุณชายไม่ต้องซื้อบัตรก็เข้าได้ครับ”
“ไม่เป็นไร อย่างน้อยถึงซื้อ ก็ต้องมาเป็นเงินพ่อฉันอยู่ดี และฉันก็บอกแล้วไงว่านี่เป็นน้องสาวของฉัน แถมเธอก็บ้าด้วย”
“อ๋อ ครับ แล้วนี่คุณพ่อคุณแม่ไม่มาด้วยเหรอครับ”
“พ่อไปดูแลบริษัทแม่ข่ายอยู่ที่เกาหลี ส่วนแม่ก็ดูแลเครือข่ายที่ออสเตรเลีย”
อะไรกันเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว อยู่ๆก็ขอโทษขอโพยงั้นเหรอ แล้วไหนจะเรื่องพ่อแม่เขาอีกอะไรกัน??
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนล่ะกัน ดูเหมือนน้องสาวของผมจะอยากกลับบ้านเต็มแก่แล้ว”
“เชิญครับ ทางนี้ครับ”
คุณลุงยามรีบวิ่งไปเปิดประตูให้นายนั่นออก แต่ฉันรีบยกน้ำส้มทั้งสองแก้วซดจนหมดในอึกเดียวก่อนจะรวมขนมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแล้ววิ่งตามพีทไป
“เห็นไหม ผมบอกแล้วว่าน้องสาวผมสติไม่ดี และผมก็ไม่ใช่ผู้ร้ายอะไรด้วย”
เขาย้ำแล้วก็ลากฉันออกมาจากที่พัก พามาขึ้นรถทันที แต่คราวนี้ไม่ต้องฉุดกระชากลากมา เพราะรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่นักตุ้มตุ๋นอะไร แถมยัง
คงจะมีเงินมากพอที่จะไม่ต้องส่งฉันออกไปขายนอกประเทศด้วยซ้ำไป
“บ้านเธออยู่ไหน เดี๋ยวฉันจะได้ไปส่ง”
แล้วฉันก็บอกไป เขาขับรถอย่างเร็วสูงมาส่งที่บ้าน ก่อนที่จะชะลอรถเมื่อเข้าไปในซอยบ้านฉัน และรถก็แทบจะหยุดด้วยตัวเองได้เพราะเมื่อ
เข้าซอยมา ฉันสาบานได้เลยว่ารถคันนี้เคลื่อนที่ด้วยแรงลม
แต่ฉันก็เข้าบ้านมาด้วยสภาพหัวฟูเหมือนรังนก เสื้อผ้ายับยุ่งด้วยแรงลม เวลาเดียวกับพี่แม่และพ่อกำลังนั่งทานข้าวเย็นกันอยู่ ช้อนที่พ่อ
กำลังจะตักข้าวใส่ปาก หล่นบนโต๊ะในทันที ส่วนแม่ก็แค่บรรจงพับหนังสือพิมพ์ที่อ่านเมื่อกี้ลงบนตัก
. . . ทั้งบ้านพลันเงียบสงบ และเป็นอย่างนี้ไปอีก 10 นาที. ก่อนที่ตัวเล็กจะวิ่งลงมาจากชั้นบน . . .
“แม่ค๊าบ หิวข้าวแล้วค๊าบ (เหลือบมามองฉันกับพีทที่หน้าประตู) อ๊าก………………ก ไม่จริง”
ในทันใดนั้นน้องชายของฉันก็นั่งลงกัดผ้าเช็ดหน้าพร้อมกับพึมพำเบาๆ สงสัยจะบ้าไปแล้ว
“ไอซ์ นี่ฉันเอง ตกใจอะไร ”
ตัวเล็กก็วิ่งลงมาเร็วราวกับฟ้าแลบมาดมกลิ่นพีท ทำเหมือนว่ารู้จักกันมาแล้วเนิ่นนาน แล้วคุกเข่าลงทันที
“ถวายบังคม พ่ะย่ะค่ะ”
“ลุกขึ้นได้”
“ขอให้ฝ่าบาทเจริญหมื่นๆปี”
‘ฟิ้ว……………ว…………….ว………….ว’ (เสียงใบไม้ปลิวตัดผ่านหน้าคนทั้งสองไป)
“พี่พีทครับ พี่พีทมาที่นี่ทำไมเหรอ ถ้ามีเรื่องด่วนโทร.มาเดี๋ยวผมออกไปเองก็ได้”
สิ้นสุดการทักทายที่ไม่ได้พบเจอในชีวิตจริง ทั้งสองก็โผเข้ากอดกันอย่างลึกซึ้งก่อนที่ตัวเล็กจะพูดด้วยท่าทางรีบเร่ง จนทำให้ฉันที่ยืนฟังอยู่เฉยๆชักจะร้อนใจขึ้นมาแทน
“เรื่องที่ใช้ให้สืบไม่ต้องสืบแล้วนะ เพราะฉันเจอเธอคนนั้นแล้ว”
“อะไรครับ แล้วเธอเป็นใคร บ้านอยู่ไหน แล้วพี่พีทสืบได้เมื่อตอนไหนเหรอครับ”
แล้วพีทก็ชี้มาที่ฉัน อะไร สืบ ใคร เธอคนนั้น แล้วชี้มาที่ฉันทำไม แต่ที่แสดงอาการได้ชัดเจนที่สุดก็คือตัวเล็กที่แสดงสีหน้าไม่เชื่อ เกินกว่าที่จะทนรับได้
“ยัยซอสบ้าเนี่ยนะ พี่พีทจำคนผิดแล้วหล่ะ”
“แต่ฉันรู้เบอร์มือถือเธอคนนั้นนะ และตอนโทร.ไปก็ติดที่ซอสนี่แหละ คงไม่เข้าใจผิดหรอก”
คำพูดเหล่านั้นทำให้ตัวเล็กที่เป็นน้องบังเกิดเกล้าหันมาหาฉัน แล้วแบะปากพูดด้วยเสียงเบาๆแค่ให้ฉันได้ยินคนเดียว
“พี่ไปสอยคุณพีทมาได้ยังไงผมไม่สนใจหรอก แต่อย่าบ้าให้ผมเสียหน้าขึ้นมาล่ะ”
ด้วยน้ำเสียงที่ดูถูก ฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันไปสอยมาได้ยังไง
“ไม่รู้สิ เขาติดมาเองไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลยแล้วที่นายทั้งสองพูดมันหมายความว่าอะไร ทำไมจู่ๆถึงเกี่ยวกับฉันล่ะ”
“แปบนะพี่ ขอผมไปคุยกับพี่พีทแปบนึง”
ระหว่างที่เขาไปคุยกันอย่างลูกผู้ชาย ลูกผู้หญิงอย่างฉันก็ขอปลีกวิเวกไปนั่งที่โต๊ะทางข้าว พร้อมทั้งไม่ลืมจะกินขนม ที่เพิ่งจะขนมาจากสวนสนุก
“ลูกพาใครเข้าบ้านมาหน่ะ”
พ่อเริ่มปริปากถามฉัน ด้วยสีหน้าที่ด้านนึงเป็นกังวลและอีกด้านนึงของใบหน้าก็เรียบๆ ทำให้จับได้ว่าพ่อเก๊กหน้าเรียบทั้งๆที่จริงอยากรู้ใจจะขาดอยู่แล้ว
“ไม่รู้สิ มาหาไอซ์มั้ง”
“อย่าให้จับได้นะว่ามีแฟน ไม่งั้น โดนดีแน่”
“แล้วถ้าหนูเกิดมีขึ้นมาล่ะ “
“พ่อก็จะให้หนูเลิกคบแล้วตั้งใจเรียนเพื่ออนาคต”
“แล้วถ้าเขารวยมากๆ อนาคตดี หาเลี้ยงหนูได้ล่ะ”
พ่อทำหน้าครุ่นคิด แต่แม่ฉันยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะดึงหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าที่บรรจงพับเมื่อครู่มาแผ่อ่าน แต่ฉันค่อนข้างจะแน่ใจว่า หลังม้านหนังสือพิมพ์นั้น หูของแม่ก็ยังทำหน้าที่ฟังเรื่องของฉันต่อไป
“แต่ยังไงหนูก็ขอยืนยันว่าไม่มีแฟน เพราะไม่มีใครตาบอดมาชอบ”
ฉันปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าราวกับตาน้ำในบ่อ แล้วลุกขึ้นไปทำไข่เจียวกินเป็นมื้อเย็น ถ้าพ่อเพียงแค่รู้สักนิดว่าลูกสาวคนเดียวของบ้านคนนี้ไปสวนสนุกกับตาบ้านั่นเพื่อไถ่โทษ (แม้จะไม่ค่อยเต็มใจนักก็เถอะ) พ่อจะตีฉันไหมนะ
ฉันตอกไข่ 2 ฟองลงในจาน ในขณะที่มือกำลังหยิบน้ำปลานายบ้านั่นก็เข้ามาพร้อมกับตัวเล็ก แล้วเดินมาที่โต๊ะเสมือนกับเป็นหนึ่งในครอบครัวฉันทันที
เขาทำทำท่าอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วยกมือไหว้พ่อกับแม่ฉัน ก่อนจะพูดอะไรให้วุ่นวายมากไปกว่านี้
“สวัสดีครับคุณพ่อ สวัสดีครับคุณแม่”
>.,0 อย่าสิอย่าทักอย่างนั้น ถ้านายกลับไป ก้านมะยมหลังบ้านต้องโดนพ่อเด็ดมาจุ่มน้ำเกลือแล้วฟาดฉันแน่ๆเลย ไม่เอา ไม่นะ
“คุณเป็นเพื่อนของตัวเล็ก เอ๊ย เป็นเพื่อนไอซ์ใช่ไหม”
ด้วยความที่พ่อเป็นคนรอบคอบเลยต้องถามหยั่งเชิง ทั้งๆที่ในใจคิดไว้แล้วว่า ไอ้บ้านี้ต้องตาบอด หรือต้องมีบางส่วนพิการแน่ๆเลย ถึงจะมาชอบนังซอสคนนี้
“ครับ ผมเป็นรุ่นพี่ของน้องไอซ์ ผมขอแนะนำตัวเองนะครับ ผมชื่อว่าพีท นามสกุล สถิตย์สมบัติอารยสถาน เรียนที่มหาลัย SS ครับพ้ม”
ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้น ทำความเคารพพ่อฉันแบบทหาร
พ่อฉันก็ทำอย่างนั้นกลับไป ทำไมนายนี่ถึงรู้นะว่าพ่อฉันเป็นครูฝึกทหาร แถมยังรักชาติยิ่งชีพอีก ใครที่ทำอย่างนี้ตอนทักทายครั้งแรกกับพ่อ ท่านจะเป็นปลื้มมาก
“ซอส..ทอดไข่เผื่อพีทด้วย”
นั่นไง เป็นปลื้มจริงๆด้วย นี่ถึงขนาดให้ลูกสาวสุดรักทอดไข่ให้ทานเชียว ฉันทำเสียงฮึดฮัดแสดงอาการไม่พอใจ แต่ก็ตอบกลับไปว่า..
“ค่า…พ่อ”
“ว่าแต่..เธอนามสกุลอะไรนะ”
“สถิตย์สมบัติอารยสถาน ครับพ้ม!!!”
“ดีมาก.. ตอบเสียงดังกับผู้บังคับบัญชา เธอรู้จักคุณภูมิ สถิตย์สมบัติอารยสถาน ไหม”
“รู้จักครับเขาเป็นพ่อผมเอง”
แล้วพ่อฉันก็ทำหน้าประหลาดใจ ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะมาเพื่อกอดพีท
“ฉันกับพ่อของเธอเป็นทหารร่วมรบกันมาหลายครั้ง พ่อของเธอเคนช่วยชีวิตฉันจนขาของตัวเองโดนระเบิดแทน ตอนนั้นแผลเหวอะหวะมาก
ฉันเลยใช้เกลือใส่ให้ ตอนนั้นพ่อเธอเข้มแข็งมากไม่ร้องซักนิดเดียว แต่เขาก็โดนทางบ้านเรียกกลับไปบริหารธุรกิจซะก่อน เราสองคนได้
สัญญาไว้ด้วยว่าถ้ามีลูกชายกับลูกสาวเราจะให้แต่งงานกัน แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว และเธอก็คงจะไม่ถือนะ ฉันคิดว่าฉันจะให้พวกเธอแต่งงานกันถ้าถึงเวลา”
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยย ไม่เอา……………….”
ฉันพูดพร้อมฉีดน้ำปลาที่อยู่ในมือ ใส่พีท
“โอ๊ย ยัยบ้าเธอทำอะไรเนี่ย”
พีทตะโกนลั่นบ้าน แล้วแย่งขวดน้ำปลาไปจากฉัน
“ไม่เอา ~ ไม่แต่ง ~ ไม่เอาคนนี้ ม่ายยย”
หลังจากน้ำปลาไม่ได้อยู่ในมือฉัน แล้วฉันต้องหาอุปกรณ์อย่างอื่นมาแทน จึงยื่นมือไปควานหาสิ่งของที่ใกล้มือมากที่สุดคว้าน้ำตาลได้ ฉันก็สาดกระปุกน้ำตาลไปที่นายนั่นทันที
“ หยุด ! นี่คือคำสั่ง”
ทันใดนั้นชีวิตฉันก็เหมือนโดนกดปุ่ม Stop อย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ทั้งหลายที่เพิ่งผ่านไปก็หยุดลงตรงนั้น ตัวเล็กก็วิ่งมาหาพีท พาเขาไปส่งหน้าห้องน้ำ และวิ่งขึ้นไปเอาชุดมาให้พีท เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
ไม่นานพีทก็ออกมาจากห้องน้ำ แล้วบ่นในทันที
“โดนทั้งน้ำปลา ทั้งน้ำตาล ถ้ามีซีอิ๊วเธอคงจะฉีดฉันด้วยใช่ไหม”
ฉันคว้าขวดซีอิ๊วมาถือไว้ ~ ใครว่าไม่มีล่ะ
“พอๆ......พอได้แล้วทั้งสองคน พ่อแค่พูดถึงคำสัญญาในวันเก่า ที่พ่อยังจำได้ พ่อไม่อยากบังคับใคร”
“ดีค่ะพ่อ ~ หนูไม่อยากแต่งงานกับตาบ้านี่”
“แต่ผมคิดว่าจะคบกันไปก็ไม่เสียหายนะครับ ผมจะดูแลเธอในฐานะพี่ชายเอง”
“เอ้อ ~ ก็ดี จะได้มีคนมาช่วยดูสาวโก๊ะคนนี้อีกคน นอกจากเป๊ก”
ใช่แล้ว....เป๊ก ฉันลืมเป๊กซะสนิทเลย ฉันต้องโทรตามเขามาที่บ้านมาฟังเรื่องบ้าบอเหล่านี้ ฉันเชื่อว่าเป๊กคงไม่อยากจะเชื่อหรอก แต่ทำ
ไว้ได้ไงเนี่ย มันเป็นคำสัญญาของพ่อฉันนะ
ฉันปลีกตัวไปโทรตามเป๊ก นอกบ้านด้วยโทรศัพท์มือถือของพ่อที่ติดมือมาเมื่อกี้
“ เป๊ก ~ ฉันกลับมาที่บ้านแล้ว เอามือถือมาให้ด้วย ตามมานะ ....มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นด้วย ~ รีบมานะ”
เมื่อเข้ามาในบ้านก็พบว่า บ้านทั้งบ้านกลายไปเป็นของพีทแล้ว เขากำลังทอดไข่เจียวอย่างคล่องแคล่ว ~ ผูกผ้ากันเปื้อนด้วยล่ะ ~ น่ารักชะมัดเลย
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาชมเขานะ ฉันต้องทวงกรรมสิทธิ์ที่ฉันพึงมีในบ้านนี้คืนมาจากเขา
“ไป๊ .. ออกไปจากบ้านฉันนะ นายมาทำอะไรที่นี่หน่ะ”
“ก็มาในฐานะว่าที่ลูกเขยของบ้านนี้ไง.....ใช่ไหมครับคุณพ่อ ใช่ไหมครับคุณแม่สุดสวย”
“แค่พี่ชายก็พอมั้ง”
พ่อฉันพูดเพื่อขัดจังหวะ เหอๆ อย่างน้อยพ่อฉันก็ไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอก คนๆนั้นมีผมสีส้มๆแดงๆ และใส่ต่างหูเป็นราวลงมาอย่างนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น