ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ((Wink GirL)) เป็นนางร้ายมาทั้งปี>>ขอเป็นนางเอกซักทีจะได้ไหม

    ลำดับตอนที่ #1 : •• First Try •• นางมารร้ายของแท้ดั้งเดิม ^//^

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 48


    •• First Try •• นางมารร้ายของแท้ดั้งเดิม ^//^



    “ แล้วเธอจะทำไรฉันได้ เธอกล้าแข็งข้อกับฉันเหรอ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะ ^o^ “

    ฉันพูดพร้อมกับง้างมือตบยัยผู้หญิงแสนดีที่นั่งกองอยู่ตรงหน้าฉัน นังนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้พี่ภาคษ์(ดู๊ชื่อแฟนเก่าก็ยังเชย)เปลี่ยนใจไปจากฉัน



    “ อย่าทำฉันเลย พี่ภาคษ์เขามาชอบฉันเองนี่ T_T”



    “ อีนี่ยังจะเถียงชั้นอีก เดี๋ยวโดนๆ แต่วันนี้ฉันอยากกลับบ้านแล้วหล่ะ เหงื่อออกเยอะแล้ว เป็นโชคดีของแกน่ะเนี่ย แต่ก่อนไปฉันอยากเห็นแกกราบเท้าฉันก่อน”

    ฉันกำลังจะกลับ แต่เห็นหน้าซื่อๆใสๆของนังดัดจริตนี่ก็เลยอยากเห็นสภาพตอนมันกราบเท้าฉัน



    “อะไรน่ะค่ะ TToTT”

    ดูสิ ดัดจริตจริงป่าว ทำมาเป็นพูดค่ะ ขา ต่อหน้า เหม็นคำพูดเพราะๆว้อย



    “อีนี่ จะกราบไม่กราบ ถ้าไม่กราบเดี๋ยวโดน .\\ /.;”



    “กราบค่ะ กราบ TT__TT”

    แล้วนังนี่ก็กราบลงแทบเท้าฉันโดยมีพี่ภาคษ์ยืนมองอยู่ไกลๆ ขนาดพี่ภาคษ์ยังไม่กล้ามาวุ่นวายเลย วันนี้ฉันจะกลับไปบ้านแล้วอาบน้ำนอนเลยล่ะกันเพราะฉันมีความสุข ฮ่ะฮ่ะฮ่า



    วันนี้ก็เป็นวันเปิดเทอมวันใหม่ พร้อมๆกับที่ฉันรู้ว่าแฟนเก่าของฉันคบอยู่กับผู้หญิงคนนึง (ถ้าเป็นผู้ชายหล่ะน่ากัว) ฉันเลยต้องไปประกาศศักดาให้รู้แล้วรู้รอดกันไป มันคงจะคุ้มนะสำหรับการเปิดเทอมใหม่แล้วมีเรื่องตั้งแต่วันแรก อย่างน้อยพอพรุ่งนี้ฝ่ายปกครองเรียกฉันไปพบ น้องๆม.1 ก็คงจะรู้ว่าฉันเป็นใคร



    …………………//////////// ((Wink GirL)) เป็นนางร้ายมาทั้งปี>>ขอเป็นนางเอกซักทีจะได้ไหม /////////……………



    ตามกฏระเบียบวาระแห่งชาติ ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องต่อไปก็ต้องแนะนำตัวละครก่อนใช่ม่ะ ฉันชื่อน้ำอบ อายุก็ 16 ปีนี้แหละ แต่อยู่ม.5 ซะแล้ว เป็นคนตัวไม่สูง จะเรียกว่าเตี้ยก็ก็ได้นะ เพราะสูงแค่ 155 น้ำหนัก 46 ออกจะอ้วนเตี้ยไปด้วยซ้ำ (เขาเรียกว่าอวบระยะสุดท้าย) ผิวสีเหลืองๆออกไปทางแทนนิดๆ



    ฉันเดินออกมาจากห้องนอน เพราะเมื่อกี้ฉันเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แล้วสายตาฉันก็มาเจอกับละครน้ำเน่าที่ช่องหลายๆสีชอบเอามาฉาย ฉันก็ชอบดูด้วยสิ แต่คงจะไม่อยู่ฝ่ายนางเอกผู้แสนนุ่มนวลอ่อนหวาน หรือนางเอกที่ห้าวเกินพอดีหรอก เพราะคนอย่างฉันต้องอยู่ฝ่ายนางมารร้าย เพราะฉันถือคติที่ว่า น้ำตาจะให้คุณก็แค่ความเห็นอกเห็นใจ แต่เหงื่อจะทำให้คุณประสบความสำเร็จ แม้ฉันอาจจะเคยเสียใจแค่ไหน ฉันก็ไม่อาจจะเสียน้ำตาได้



    พี่ชายฉันนั่งดูละครอยู่ก่อนหน้าฉันแล้ว มันกำลังสงสารนางเอกอย่างสุดขั้วหัวใจอยู่ ละครกำลังถึงจุดไคล์แมก นางร้ายกำลังจิกหัวนางเอกตบ ในขณะที่นางเอกกำลังร้องไห้ปิ่มจะขาดใจตาย และนางมารร้าย(พวกเดียวกับฉัน) กำลังด่าๆๆ ทำไมไม่ตบเลยว่ะ



    ฉัน : “ตบมัน ตบมัน เอาให้ตายเลย! >.,<”



    เล้ง : “เฮ้ยอย่าดิ นั่นมันตัวโกงนะ ^o^ ”



    ฉัน : “ทำไม ตัวโกงก็ไม่ใช่คนรึไง อีนางเอกเอกนี่เล่นมาแย่งแฟนเขาก่อนอ่ะ -*-”



    เล้ง : “ก็พระเอกอยากใจง่ายเอกทำไมช่วยไม่ได้ >,.<;”



    ฉัน : “พูดงี้ได้ไง ถ้าอีนางเอกไม่มาป่านนี้เขาก็คงจะรักกันดีอยู่นะ,, แถมจะแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ ^_^”



    เล้ง : “มันต้องโทษคนเขียนบทเค้า มาโทษตัวละครก็ไม่ถูกหรอก .\\ /.;”



    ฉัน : “เอ๊ะ เล้งนี่ก็ แล้วเล่ยหายไปไหนอ่ะ -_-??”



    เล้ง : “ไม่รู้มันสิ ไปตายไหนแล้วมั้ง ^_^??”



    ฉัน : “แล้วพี่ไม่รู้สึกว่าส่วนหนึ่งของชีวิตพี่หายไปบ้างหรอ -_-??”



    เล้ง : “ฉันกับเล่นเป็นแค่แฝดกันนะ ไม่ใช่แฟน เวลามันหายไปถึงจะรู้สึกว่าส่วนของชีวิตหายไป-O-”



    ฉัน : “อยากเจอพี่พีทจังเลย ว่างๆพามาบ้านเราด้วยนะ ^//^ เขิน”



    เล้ง : “เออ จะพยายามล่ะกัน ^’’^”



    ฉัน : “พรุ่งนี้ไปที่โรงเรียนด้วยนะ พอดีวันนี้ไปตบเด็กรุ่นน้องอีกแล้วอ่ะ ^3^”



    เล้ง : “เออ เดี๋ยวจะไปให้ .\\ /.; แต่ไปต้มมาม่าให้พี่กินก่อน ใส่หมูสับนะ ไม่เอาเป็นชิ้นๆ”



    แล้วฉันก็เข้าไปต้มมาม่าให้เล้ง และตัวฉันเอง ขืนไปขัดขืนมันล่ะก็โดนอัดแน่ๆ  ที่บ้านเรามีกันอยู่ 3 คนแค่นี้ เพราะพ่อแม่จะอยู่อีกบ้านนึง เราก็เลยต้องบริหารเงินที่ได้มาให้พอในแต่ละเดือน มื้อเช้าและมื้อดึกเลยตกลงกันว่าจะกินมาม่า ส่วนมื้อเที่ยงให้ไปหากินกันเองข้างนอก



    “ที่ร้านเค้กเป็นไงบ้าง พี่เค้กเค้าใจดีป่าว ^_^;“

    ฉันพูดกับพี่ชายที่นอนรอกินมาม่าจากในครัว เกิดเป็นพี่นี่ดีจริงๆเลย ใช้น้องซะคุ้ม



    “งืมดีอ่ะ เวลาเขาทำเค้กไรใหม่ๆมาพี่กับเล่ยจะได้ชิมก่อน >.,<”

    เล้งตอบกลับมา ตอนนี้เขากำลังนอนกระดิกเท้าอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี และฉันก็กำลังใส่ผ้ากันเปื้อน



    “ง่า ใจร้ายอ่ะ น้ำอบไปทำด้วยได้ป่ะ ^_^??”



    “อย่าเลย เดี๋ยวแกก็ไปไล่ตบตีลูกค้าเค้าอีก ขี้เกียจสะสางเรื่องอีก รีบทำมาม่าหน่อย จะกินชาตินี้นะไม่ใช่ชาติหน้า .\\ /.; “



    แล้วฉันก็ก้มหน้าสับๆๆๆ หมูที่เอาออกมาจากในตู้เย็น ในตู้เย็นนอกจากน้ำ นม และของกินเล่นแล้ว ก็มีเนื้อหมูเนื้อไก่ แล้วก็ผักบุ้งแช่อยู่ เพราะนี่คือ 3 สิ่งที่เป็นเครื่องเคียงมาม่าของเรา 3 พี่น้องที่แสนจะอดอยาก



    ฉันต้มน้ำบนไฟแล้วใสหมูที่สับเมื่อกี้ลงไปแล้วก็นึกออกมายังไม่ได้ทาครีมกันขอบตาดำ เลยเดินขึ้นไปทาครีม,, ทาแป้ง และฉีดน้ำหอมของเล่ย แล้วลงมา



    “แกไปทำอะไรข้างบนว่ะ เดินลงมายิ่งกว่าตู้น้ำหอมอีก”



    “ก็ไปฉีดน้ำหอมให้หอมๆไง แล้วก็ทาครีมที่ขอบตาด้วย”



    ฉันเดินเข้าไปในครัวน้ำที่ต้มหมูอยู่ตอนนี้กำลังหอมได้ที่ ฉันก็ใส่เส้นมาม่า และเครื่องปรุงตามลงไป และปิดฝา แล้วก็ยกทั้งหม้อนั้น มาวางไว้ที่พื้นใกล้ๆทีวี



    “แกวางไว้อย่างนั้นให้ใครกินย่ะ .\\ /.;”



    “ก็ให้เล้งกินไง นี่ลงมากินเร้ว ^__^”



    “ทำไมตั้งไว้ต่ำจัง ฉันก็คิดว่าแกจะไหว้เจ้าที่ซะอีก .\\ /.;”



    “มันร้อนอ่ะ วางไว้ข้างบนก็กระจกแตก พลาสติกที่ปูละลายอ่ะดิ จะกินไม่กิน ^__^;”



    “กินจ้า แม่คุณทูนหัว น้องรักนักร้อง -_-;”



    แล้วเรา 2 พี่น้องก็บรรจงกันจกมาม่าที่แสนจะหอมกรุ่นกัน ตอนทุ่มครึ่ง อ้วนแน่ๆเลยเรา



    …………………//////////// ((Wink GirL)) เป็นนางร้ายมาทั้งปี>>ขอเป็นนางเอกซักทีจะได้ไหม /////////……………



        วันนี้ก็เหมือนทุกๆวันฉันต้องไปเรียนๆๆๆๆ น่าเบื่อที่สุด สิ่งที่ฉันรอมากที่สุดคือปิดเทอม แต่ปิดเทอมก็เพิ่งจะผ่านพ้นไปและฉันก็ยังไม่ได้ทำอะไรในวันปิดเทอม ฉันแค่ตื่นมาเดินไปตามท้องถนนทุกๆวัน ทุกๆวัน แค่นี้ แล้วก็เปิดเทอมแล้ว คิดแล้วหงุดหงิดๆ ฉันต้องทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตอย่างนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่นะ ทำไมเล้งกับเล่ยต้องไปส่งฉันที่โรงเรียนด้วย ไม่เข้าใจ



        “เดี๋ยว คุณน้องน้ำอบ ลืมทำอะไรพี่สองคนป่าว?”

        เล่ยพูดขึ้น จะให้ฉันทำอย่างนั้นตอนนี้เหรอ อี๋ ไม่เอาอ่ะ อายเด็กๆรุ่นน้อง เพราะตอนนี้พวกเด็กๆหันมาให้ความสนใจเราสามพี่น้องแล้ว



        “มองไร ไม่เคยเห็นคนเหรอย่ะ เดี๋ยวจะโดนๆ ไป๊”

        ฉันแก้เขินโดยการไล่พวกสาวๆที่รุมล้อมรถที่ฉันเพิ่งลงมาเมื่อกี้ และพวกนั้นพยายามสบตารุ่นพี่เล้ง เล่ยของพวกเขาให้ได้  



    ฉันลืมบอกไปว่าปีที่แล้วพี่ๆของฉันก็เรียนที่ AAA แห่งนี้ด้วย พวกเขาฮอตมากๆ และแม้แต่พี่รูอิกับพี่พีทที่แฝดนรกพามาเยี่ยมที่โรงเรียนก็ยังฮอตไม่แพ้กัน  พี่รูอิก็เคยคบกับฉันตอนที่ฉันอยู่ ม.2 เราสื่อสารกันผ่าน e-mail กัน และทุกๆเดือนพี่รูอิมักจะกลับมาจากญี่ปุ่นมาหาฉันเสมอ แต่เขาไม่ค่อยจะว่างซักเท่าไหร่ เพราะเขาเป็นนักร้องกับนายแบบอยู่ที่นั่น มันเลยทำให้ฉันปันใจไปคบกับภาคษ์ตอนม.4 >,,< ฉันจำได้ว่าพี่รูอิเสียใจมาก หลังจากนั้นฉันก็ไม่กล้าที่จะพบเขาอีกเลย



    และก็มีเสียงที่ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์ในทันที ^_^’’



    “จะทำหรือไม่ทำ”



    คราวนี้เป็นเล้งที่ภามฉัน ^//^ ฉันยกมือไหว้เขาทั้งสองคนแบบงามๆ แล้วก็ทำเป็นงงเดินเข้าไปในโรงเรียน



    “นังหนูน้ำอบ  กลับมาเลยนะ  ไม่งั้นแกไปหาที่ซุกหัวนอนใหม่เลย ไม่รู้จักบุญคุณคนซะแล้ว”



    ฉันจำได้ว่าเล้งเคยพูดคำๆนี้กับฉัน ตอนที่ฉันเลิกกับรูอิ แล้วพี่ๆชั่วร้ายก็ไม่ให้ฉันเข้าบ้าน พร้อมอายัติทั้งบัตรเครดิต ทั้งเอทีเอ็ม ทุกใบในมือฉัน ทำให้ฉันหิวข้าวจนแสบไส้แถมยังไปเปิดห้องพักที่โรงแรมไม่ได้เพราะไม่มีเงิน ส่วนเพื่อนๆของฉันก็ไม่ยอมให้ฉันไปอาศัยบ้านเขานอน แค่เพียงเพราะแฝดพวกนั้นสั่งมา แภมเขายังให้เพื่อนๆเขามาต้อนฉันไปนอนที่หน้าบ้าน เพื่อนเหตุผลที่ว่าพวกเขาจะได้ทองเห็นฉันนอนหนาว



    อึ๋ย…..ย  คิดภาพแล้วสยอง



    ฉันหันมองทางซ้าย -- >  -.,-  (สีหน้าเล้ง)



    แล้วหันมองทางขวา  < --  ^O^ (สีหน้าเล่ย)



    นักเรียนเดินกันขวักไขว่ช่วงนี้  ทำไมพวกนี้ถึงยกขบวนกันมาโรงเรียนกันทางนี้ เวลานี้ด้วยเนี่ย



    ฉันตัดสินใจเด็ดขาด แล้วเดินก้มหน้างุดๆไปหา ’ดับเบิลบราเทอร์’ ที่กำลังยืนกอดคอกัน



    แล้วหอมแก้มด้านซ้าย ด้านขวา ของเล่ย หันไปมองเล้งแล้ว หอมแก้มด้านขวาด้านซ้าย  สาวๆที่เหมือนฝูงไฮยีน่ากระหายเลือดพวกนั้นมองค้อนใส่ฉัน -‘’-   เธอๆทั้งหลายคงอยากทำอย่างฉันบ้างแน่ๆ อี๋ เหม็นสาบที่สุด อะไรๆที่เป็น 2 คนนี้ฉันไม่ชอบเลย ถ้าเป็นพี่พีทก็ว่าไปอย่างสิ



    เล้งชี้ไปที่หน้าผากแล้วจิ้มๆ ฉันเลยกลั้นหายใจเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจูบหน้าผากเขา แหวะ ขยะแขยง T_T



    แล้ว 2 คนนั้นก็กอดและผลัดกันหอมแก้มฉัน -*- แม้ว่าเราจะทำอย่างนี้กันทุกวัน แต่เราจะแสดงความรักกันให้เสร็จตั้งแต่ที่บ้าน ไม่ใช่ต่อหน้าคน ฉันไม่ชอบเลยตั้งแต่ที่เล้งไปจัดฟันเมื่อ 2 ปีก่อน แล้วหอมแก้มฉันพร้อมกับทิ้งคราบน้ำลายเน่าๆบนแก้มฉัน โดยที่ทั้งฉันและเขาก็ไม่รู้ตัว เรื่องนี้ฉันยังโดนเพื่อนๆที่สนิทๆกันล้อว่าเป็นยัยน้ำลายบูดมาจนถึงเดี่ยวนี้เลย T^T



    “เล้ง ตอนเที่ยงมาที่นี่ด้วยนะ อย่างที่บอกเมื่อคืนหน่ะ ไปที่ห้องปกครองนะ Q(‘_’ )o~”



    ฉันได้เดินเข้าไปในโรงเรียนซะที ฉันเดินไปตามถนนที่เดินมาทุกๆวัน เมื่อฉันเดินผ่านพวกเด็กๆก็มองมาที่ฉันแล้วซุบซิบกันเหมือนทุกที่ที่ฉันเดินผ่าน วันนี้ฉันอารมณ์ดีซะด้วยสิ  ฉันเลยเดินเข้าไปหาพวกนั้นที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ พวกนั้นกำลังลุกขึ้นจะเดินหนีฉัน



    “จะไปไหน กลับมานั่งกันก่อนสิ ^_^’’ ”



    พวกนั้นกลับมานั่งกันอย่างว่าง่าย น้ำตของสาวน้อยหนึ่งในนั้นเอ่อล้นดวงตา ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจสำหรับฉัน ที่จะทำให้ใครร้องไห้จริงๆ พวกกลุ่มนั้นน้ำตาเริ่มไหลทีละคนๆ  ตามสาวน้อย คนที่ดูแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มก็ลุกขึ้นยืน ชี้หน้าฉันแล้วพูด



    “พี่จะเอายังไงกับพวกหนู พวกหนูไปทำอะไรให้พี่”



    “ก็เมื่อกี้เดินผ่านมา แล้วดูเหมือนว่าพวกเธอจะพูดเรื่องของฉันนี่ ก้เลยมานั่งร่วมวงคุยด้วย”



    ฉันตอบกลับไปอย่างราบเรียบแค่นี้ก็เกินพอแล้วที่จะทำให้เธอคนนั้นทรุดตัวลงนั่งกับม้านั่ง ฉันเริ่มมองหน้าทีละคนๆ โดยเริ่มจากยัยคุณหนูที่เริ่มร้องไห้เป็นคนแรก ยัยคนนี้น่าหมั่นไส้ชะมัดยาด  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอใช้ล้วนแต่เป็นสีชมพูทั้งสิ้น ทั้งแต่กิ๊บติดผมยันรองเท้าผ้าใบดาวแดง แม้กระทั่งร่มที่เธอแขวนไว้ข้างตัว น่าชิงชังจริงๆ อีกคนที่ยืนชี้หน้าฉันคนนี้ท่าทางจะเป็นหัวโจกนำกลุ่ม ทั้งทรงผมที่ซอยอย่างหนุ่มเกาหลี ทั้งรองเท้า กระเป๋า ทำให้ฉันมั่นใจได้ 80% ว่าคงเป็นพวกเบี่ยงเบนทางเพศ (แต่ยังเบี่ยงเบนไม่หมดเท่านั้นเอง) ส่วนอีกสามคนก็ไม่น่าสนใจมาก คนนึงใส่แว่นผมเสมอติ่งหูท่าทางแก่เรียน อีกคนก็เฉิ่มซะ ทั้งหน้าตา ผมเผ้าดูสภาพแล้วคงเพิ่งออกมาจากอนุบาลแถวบ้านแน่ๆ ส่วนอีกคน คนสุดท้ายนี้น่าสนใจหน่อยตรงที่เธอหน้าตาใช้ได้ แต่ไม่แสดงความเด่นอกอมา ถ้าได้แปลงโฉมซักหน่อยเธอคนนี้คงฮอตมากแน่ๆ



    “ยัยน้ำอบ เธอทำอะไรเด็กๆพวกนี้อีกหล่ะ”

    เสียงอาจารย์ดังขึ้นมาแต่ไกล เป็นอาจารย์แถวหน้าในโรงเรียนคนแรกๆที่ฉันรู้สึกเคารพบูชาท่านมาเหลือเกิน ท่านเป็นอาจารย์สอนวิชาพระพุทธ เคยพูดให้ฉันซึ้งในชีวิตจนร้องไห้มาแล้ว.. อาจารย์ สร้อนสน นั่นเอง



    “ป่าวค่ะครู หนูแค่มา Say Hi น้องๆกลุ่มนี้ ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย”



    “แล้วทำไมน้องๆเขาร้องไห้หล่ะ”



    “คงจะซาบซึ้งในรสพระธรรมมั้งค่ะ ไม่เชื่อถามดู”



    “เด็กๆ เป็นไรป่าว ยัยน้ำอบน่ำไรพวกเธอป่าว”



    ฉันหันไปมองพวกเด็กๆ ตอนนี้พวกนั้นเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ส่ายหน้า เป็นเชิงบอกว่าไไม่ไปที่อาจารย์



    “เห็นป่ะ ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย”



    แล้วฉันก็เดินออกจากที่นั่น ปลายทางคือห้องเรียน





    ระหว่างทางที่ฉันเดินไป  หูที่แสนดี บังเอิญได้ยินเสียงพูดกันแว่วๆ  จับทางได้ว่ามาจากในโรงเก็บไม้กวาด ฉันไม่ค่อยอยากรู้เรื่องชาวบ้านหรอกนะ  แต่มีเรื่องคนอื่นที่ไหน  ที่นั่นต้องมีฉัน



    ฉันค่อยๆย่องเข้าไปในโรงเก็บไม้กวาดนั่น  แล้วทำตัวให้กลมกลืนกับผนังมากที่สุด



    แว๊บบบบบบบบบ (เสียงการแปลงร่างเป็นจิ้งจกของฉัน)



























    (โปรดติดตามตอนต่อไป)































    ปล. หลังจากที่ทิ้งร้างมาหลายเดือน  ก็ถึงเวลาที่จะลงแล้วนะค่ะ

    ติดตามด้วยค่ะ  ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×